Skip to main content

นายยืนยง 

  
นิตยสารรายเดือน             :           ควน ป่า นา เล  4 เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์

ตั้งแต่ปลายมีนาคมจนถึงวันนี้ 9 เมษายน ฉันอาศัยทีวีและหนังสือพิมพ์ อันเป็นสื่อกระแสหลักที่นำเสนอข่าวสารที่เป็นกระแสหลัก คือ ข่าวการเมือง เหมือนกับทุกครั้งที่อุณหภูมิการเมืองเดือดขึ้น ฉันดูข่าวเกินพิกัด อ่านหนังสือพิมพ์จนแว่นมัวหมอง ตื่นระทึกไปกับทุกจังหวะก้าวย่างของมวลชนเสื้อแดง

มีอารมณ์ร่วมกับภาคการเมืองส่วนกลางในฐานะผู้เสพข่าวสารเท่านั้นเองจริง ๆ เท่านั้นเองไม่มากกว่านั้น  ในชีวิตหนึ่งกับเป้าหมายของพัฒนาการทางสังคมประชาธิปไตย ฉันมีส่วนร่วมซึ่งเรียกว่าแทบไม่ได้ไปร่วมแรงร่วมใจอะไรเลย เป็นได้เท่านั้น

ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ ฉันอาจหันหลังให้ภาคการเมือง ทำหมันการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของตัวเอง ดำรงตนเหมือนคนที่ในอดีตฉันเคยดูแคลนว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว ไม่สนใจสังคมการเมือง มองเห็นแต่เล็บตีนของตัวเอง เพราะฉันเริ่มเชื่อแล้วละว่า การเมืองต้องแก้ไขด้วยกระบวนการทางการเมือง การลุกขึ้นมาเดินขบวนเรียกร้องความไม่เป็นธรรมนั้น เป็นเพียงตัวกระตุ้นหนึ่งที่อาจมีค่าความสำคัญขึ้นมาก็ต่อเมื่อสำนักข่าวให้ความสนใจจะทำข่าว และฉันเชื่อแล้วว่า การเมืองไม่อาจเยียวยาโรคเรื้อรังที่ลุกลามเป็นปัญหาสังคมได้ ไม่เท่านั้น การเมืองยังทำลายภูมิคุ้มกันของคนในสังคมไปพร้อมกันด้วย

ที่สุดแล้วฉันเลิกเชื่อในสิ่งที่เป็นภาพแบบมหภาค เช่น พวกตัวเลขจีดีพี อัตราการว่างงาน เปอร์เซ็นต์การเติบโตทางธุรกิจ แม้นักวิชาการจะปรารภว่าปัญหาของประเทศเราเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างก็ตาม

ฉันกำลังให้ความสนใจในเรื่องที่เป็นจุลภาค สิ่งเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้มือเรา ไม่ต้องกระเสือกกระสนสร้างภาพให้ดูดีเมื่อมองผ่านกล้องโทรทัศน์ในมุมไกล แต่เราจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า ด้วยตาของเราเอง

เช่นเดียวกับนิตยสาร ควน ป่า นา เล ที่ออกเป็นรายเดือนจากฝีมือกลุ่มศิลปะวรรณกรรมควน ป่า นา เล จังหวัดสงขลา ที่ให้ภาพพจน์สำคัญแก่วิถีชุมชน ภายใต้แนวคิด "โลกทัศน์ชาวบ้าน จิตวิญญาณชุมชน"  ที่ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการพัฒนาแบบจุลภาค ให้ความสำคัญกับสิ่งใกล้ตัว ที่เราผูกพันอยู่ทุกวี่วัน

ควน ป่า นา เล ฉบับที่ 4 นี้ ให้ชื่อว่า "เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์" โดยในบทบรรณาธิการ คุณวัฒนชัย มะโนมะยา

ได้เขียนให้เห็นภาพพจน์ของคำว่า วิถีของเมล็ดพันธุ์ ที่นอกจากมีการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์แล้ว ยังมีอุปสรรคของการหยั่งรากลงดิน ทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องอยู่กับ วิถีชีวิตตามหลักธรรมชาตินิยม

เขาเขียนไว้ว่า
ผมอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างเติบโตตามธรรมชาติ ออกดอกออกผลตามฤดูกาล และแผ่ขยายพันธุ์ออกไปอย่างอุดมสมบูรณ์ โดยมีเงื้อมมือมนุษย์เข้าไปข้องเกี่ยวกับชีวิตมันให้น้อยที่สุด

ขณะเดียวกัน บทความที่เผยแพร่อยู่ในควน ป่า นา เล เล่มนี้ ส่วนใหญ่ยังแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เติบโต แตกหน่อ ผลิใบ หรือแม้แต่กำลังร่วงโรยอยู่ในผืนดินแห่งศตวรรษที่ 21 โดยพยายามให้ความสำคัญของรากเหง้าที่เคยแข็งแกร่งในอดีต และกำลังกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งในปัจจุบัน เห็นได้จากบทสัมภาษณ์ของ อิหม่ามรอหีม สะอุ บุรุษผู้ฟังเสียงปลา หรือ ตังเกหูเรดาร์ ผู้เปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ที่หยั่งรากลึกในผืนดิน เติบโตให้ร่มเงา ดอกผลแก่ผืนดินนั้น

อิหม่ามรอหีม สะอุ เรียนรู้การฟังเสียงปลาในทะเล อันเป็นวิถีชีวิตของชาวประมงมาแต่ครั้งบรรพชน กระทั่งทุกวันนี้ อุปกรณ์หาเลี้ยงชีพของชาวประมงได้พัฒนามาถึงขั้นกวาดล้างทรัพยากรธรรมชาติให้เหี้ยนเตียนไปหมดในคราวเดียวได้ ก็ถึงคราวที่คนในชุมชนจะได้ตระหนักว่า วิถีชีวิตแบบไหนที่ยั่งยืน อย่างไหนเป็นเพียงกระแส โดยอิหม่ามรอหีมได้ยกเอาพระราชดำรัสในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นที่ตั้ง

วิถีพอเพียงนั้นแท้จริงแล้วได้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษที่อยู่อาศัยแบบเกื้อกูลธรรมชาติ เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในกระแสพัฒนาเศรษฐกิจ วิถีชีวิตดั้งเดิมก็ถูกทำลายลง ทั้งคนและธรรมชาติแวดล้อม

การที่จะหวนคืนกลับมาใช้ชีวิตในวิถีดั้งเดิมได้อีกครั้งนั้น จะเริ่มต้นจากจุดไหน หากพึ่งโครงสร้างทางสังคม ซึ่งมีภาคการเมืองแบบองค์รวม ต้องใช้เวลากี่สิบปี ดังนั้นการเริ่มต้นจากจุดเล็กสุดก็ต้องเริ่มด้วยมือเราเอง กล่าวได้ว่า วิธีการแก้ปัญหาที่จะเป็นมรรคผลทั้งต่อตัวเองและสังคมนั้น ต้องเริ่มจากตัวเราเสียก่อน

ยกตัวอย่าง อิหม่านรอหีมที่ปลุกผักปลอดสารพิษไว้กินเอง และขายให้กับโรงพยาบาลหาดใหญ่

สร้างเครือข่ายร่วมกับคนในชุมชน ให้หวนกลับมาดำรงชีวิตด้วยวิถีดั้งเดิม เกื้อกูลธรรมชาติ ถือเป็นกระบวนการเยียวยารักษาโรคเทคโนโลยีเป็นพิษด้วยต้วเอง ไม่ต้องพึ่งนโยบายของรัฐบาล ชุมชนก็สามารถยืนหยัดขึ้นได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ ในควน ป่า นา เล ยังมีบทความน่าสนใจที่เป็นประโยชน์ ให้แง่คิด เกร็ดความรู้ ทั้งในแง่กฎหมายที่ควรรู้ มีภาษาท้องถิ่นแนะนำ รวมทั้งให้น้ำหนักกับงานวรรณกรรม เรื่องสั้น บทกวีอยู่พอสมควร หากแต่ละชุมชนจะมีนิตยสารหรือมีสื่อเป็นของตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นพัฒนาการที่ดีงามของสังคมไม่น้อยไปกว่ามีเงินกองทุนหมู่บ้าน หรือโครงการประชานิยมทั้งหลายแหล่

แม้มีการกล่าวถึงหรือนำเสนอวิถีชีวิตเช่นเดียวกันนี้ในหลายสื่อ มีความพยายามสร้างภาพให้เป็นกระแสหลักอยู่พอสมควร แต่ภาพที่ผ่านกระบวนการตัดต่อโดยองค์กรสื่อจะถือเป็นภาพที่ซื่อสัตย์ได้กี่มากน้อย อย่างมากฉันเห็นเป็นแค่การนำเที่ยวชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงเท่านั้นเอง นี่เป็นข้อแตกต่างระหว่างสื่อกระแสหลักกับสื่อของชุมชนเอง อย่างนิตยสารควน ป่า นา เล ที่เป็นนิตยสารระดับตำบล สร้างสรรค์โดยคนในพื้นที่ที่รู้เห็น เกี่ยวเนื่องผูกพันอยู่จริง ตามที่เขาโปรยหัวนิตยสารไว้ว่า นิตยสารระดับตำบล สำหรับคนทั่วประเทศ

หากถามว่า ตำแหน่งแห่งที่ของชุมชนหรือจุลภาคนั้น เป็นส่วนหนึ่งของประเทศของมหภาคไม่ใช่หรือ ก็แน่นอนว่าใช่ แต่การร่วมมือลงแรงของคนในพื้นที่ด้วยแรงบันดาลใจส่วนตัวย่อมมีพลังอยู่ในตัวเอง

ฉันเห็นว่าสื่อประเภทนี้มีความมั่นคงยั่งยืนในระยะยาว อันนี้ไม่ได้หมายความว่า นิตยสารจะขายดิบดีหรือมีผลกำไรให้สานต่อเป็นรูปเล่มหนังสือ หากแต่ยั่งยืนในแง่ของการพัฒนาสังคม และสร้างสรรค์ให้เกิดคุณภาพชีวิตที่แผ่ขยายออกไปสู่คนรุ่นต่อไปได้ ด้วยแนวคิดหรือด้วยการประสานงานระหว่างคนในชุมชนเอง โดยไม่ต้องรอคอย ฝากความหวังไว้ที่รัฐบาล หรือหน่วยงานราชการแต่อย่างใด

ฉันเชื่อว่าถ้าชุมชนเข้มแข็ง ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง สักวันหนึ่ง คำโฆษณาชวนเชื่อของนักการเมืองจะกลายเป็นแค่ขี้ปากของคนใส่สูทกระจอก ๆ ที่ชวนอ้วก สักวัน เราจะไม่ต้องยืนทำท่าสงบเสงี่ยมเจียมตัว มือกุมเป้ากางเกง อ้อนวอนนักการเมืองขอถนน ขอเงินกองทุนหมู่บ้าน ฉันว่าตอนนั้น คำว่า ประชาธิปไตยคงไม่มีใครพูดถึงให้เปลืองน้ำลาย

ดังนั้นจึงน่าสนับสนุน หากความเข้มแข็งจะดำรงอยู่ในป้จเจกชนคนธรรมดา ในเครือข่ายที่ก่อกำเนิดขึ้นด้วยลำแข้งของตัวเอง

นิตยสาร ควน ป่า นา เล ของชุมชน จึงเป็นพื้นที่เผยแพร่ความเข้มแข็งที่ยั่งยืนให้แก่คนในชุมชนได้มากกว่าที่จะให้เรื่องราวเหล่านี้ไปปรากฏเป็นตัวประกอบให้กับสถานีข่าวกระแสหลัก เพราะแม้แต่สถานีทีวีไทยที่ดำรงนโยบายงี่เง่าแห่งชาติอย่างเหนียวแน่น ก็ทำข่าวชุมชนด้วยอาการดัดจริต ไม่ทราบจะมัวกระดืบคืบคลานเกาะชายกระโปรงรัฐบาลอภิสิทธิ์ไปเพื่ออะไร ไม่เชื่อถามใครที่ดู ทีวีไทย ก็ได้

พอจะมีพิธีทำหน้าที่ได้น่าชื่นใจสักคนหนึ่งก็มันอันต้องดับไปอีก เพราะหล่อนสวมเสื้อตัวในสีแดงทำหน้าที่พิธีกร ไม่ทราบตอนนี้หล่อนระเห็จหายไปจากหน้าที่พิธีกรไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ปล่อยให้เพื่อนร่วมงานพูดผิด ๆ ถูก ๆ ทุก 5 นาที ออกมาเริงร่าแทน เวลาสัมภาษณ์ก็สวมวิญญาณนักศึกษาจดแล็คเชอร์ พยักหน้าค่ะ ๆ อยู่นั่นเอง

แน่นอน เรายังมีสื่อทางเลือกให้สรรหามาเสพตามอัตภาพ แต่สังคมไทย ยังขาดสื่อหลักของชุมชนอันจะเป็นปากเป็นเสียงของคนในชุมชนเอง เพราะขนาดไฟไหม้อยู่หน้าปากซอย เรายังเห็นภาพควันไฟโขมงโฉงเฉงอยู่หน้าจอทีวีก่อนเปิดหน้าต่างมองภาพด้วยตาของตัวเองด้วยซ้ำ นี่ยังไม่เกี่ยวกับ "ความน่าเชื่อถือ" ของสื่ออีกต่างหาก

ดูไปแล้ว กระแสความรับรู้ที่มีต่อสื่อนั้น เราได้ฝากความหวังไว้ที่ "คนอื่น" ซึ่งอยู่ห่างไกลจากเรา และเรามักยอมรับสื่อที่ถูก "ปรุงแต่ง" มาให้พร้อมสรรพ พร้อมบริโภคเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากกว่าเงยหน้าขึ้นมองด้วยตาของตัวเอง ยิ่งถูกสื่อต่าง ๆ ป้อนมาให้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผู้บริโภคอย่างเราแม้อิ่มตื้อแค่ไหนก็ต้องกล้ำกลืนกินเข้าไป เพื่อให้ได้ปริมาณและมีความรอบคอบ หลากหลาย โดยเฉพาะเพื่อแสวงหา "ความเป็นกลาง" หรือ "ความเที่ยงธรรม"

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่มีสื่อใด ๆ จะเป็นกลางสมบูรณ์แบบ ที่เมื่อบริโภคแล้วทำให้รู้รอบ รู้ลึก ดังนั้น เพื่อบรรลุถึงอุดมการณ์ของผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร เราต้องเสพข่าวอย่างหลากหลาย คัดสรรกลั่นกรอง ให้ได้มาซึ่ง "เนื้อหา" ที่เที่ยงธรรมที่สุด แต่ขอโทษที ฉันเหนื่อยปางตาย แทบสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะเมื่อต้องอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน วันละสี่ฉบับ ต้องอ่านนิตยสารรายสัปดาห์ รายเดือน ต้องติดตามดูข่าวต้นชั่วโมง ต้องจ้องหน้าจอเว็บไซต์ ดูคลิปนักการเมืองให้สัมภาษณ์ อ่านข่าวที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในสื่อกระแส วันละสองชั่วโมง

และวันนี้ฉันขอหยุดตัวเองไว้แค่นี้ ปิดหน้าจอ ขี่มอเตอร์ไซด์ พาลูกชายนั่งหน้า ไปตระเวนดูตามศาลากลางจังหวัดที่เมื่อเช้าเห็นแว้บ ๆ มีทหารรักษาความปลอดภัยตั้งซุ้มมือปืน เอ้ย ไม่ใช่ ซุ้มรักษาความปลอดภัยเต็มพรืด ไปนั่งสูบมวนนิโคตินรับลมดูมวลชนเสื้อแดงแถวนั้น ให้เสียงจากลำโพงแหบ ๆ วิ่งผ่าโสตประสาท ถือเป็นการล้างหูไปในตัว เผลอ ๆ อาจต้องวิ่งไปหากระดาษแผ่นใหญ่ เขียนตัวอักษรร่วมสดุดีให้ได้อารมณ์

อำมาตยาธิปไตยจงเจริญ ทุนนิยมสามานย์จงเจริญ สาธุ!.

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : ผู้คนใกล้สูญพันธุ์ ผู้เขียน : องอาจ เดชา ประเภท : สารคดี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา พ.ศ.2548 ได้อ่านงานเขียนสารคดีที่เป็นบทบันทึกช่วงชีวิตของอ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น ที่กลั่นร้อยจากความมุ่งมั่นขององอาจ เดชา นักเขียนสารคดีหนุ่มมือเอกแล้ว มีหลายความรู้สึกที่อยากเล่าสู่กันฟัง อีกทั้งทำให้อยากลุกมาเขียนจดหมายถึงคนต้นเรื่องคนนั้นด้วย กล่าวถึงงานเขียนสารคดีสักครู่หนึ่งเถอะ... สารคดีเป็นงานเขียนที่ดำรงอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ข้อมูลทุกรายละเอียดล้วนเคารพต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันงานเขียนสารคดีเล่ม ผู้คนใกล้สูญพันธุ์ นี้ เป็นลักษณะกึ่งอัตชีวประวัติ…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ม่านดอกไม้ ผู้เขียน : ร. จันทพิมพะ ประเภท : รวมเรื่องสั้น จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ดอกหญ้า พ.ศ.2541 ไม่นานมานี้มีโอกาสไปเยี่ยมชมวังเก่าที่เมืองโคราช เจ้าของบ้านเป็นครูสาวเกษียณราชการแล้ว คนวัยนี้แล้วยังจะเรียก “สาว” ได้อีกหรือ.. ได้แน่นอนเพราะเธอยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทั้งน้ำเสียงกังวานและแววตาที่มีความฝันเปี่ยมอยู่ในนั้น วังเก่าหลังนั้นอยู่ใกล้หลักเมือง วางตัวสงบเย็นอยู่ใจกลางแถวของอาคารร้านค้า ลมลอดช่องตึกทำให้อากาศโล่ง เย็นชื่น พวกไม้ดอกประดับแย้มใบเขียวสดรับละอองฝน…
สวนหนังสือ
นายยืนยง      ชื่อหนังสือ     : ชีวิตและงานกวีเอกของไทย ผู้เขียน          : สมพงษ์ เกรียงไกรเพชร จัดพิมพ์โดย   : สำนักพิมพ์ผ่านฟ้าพิทยา พิมพ์ครั้งแรก  : 27 มีนาคม พ.ศ.2508 ตั้งแต่เครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ เริ่มชุมนุมเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เสียงจากสถานีเอเอสทีวีก็กังวานไปทั่วบริเวณบ้านที่เช่าเขาอยู่ มันเป็นบ้านที่มีบ้านบริเวณกว้างขวาง และมีบ้านหลายหลังปลูกใกล้ ๆ กัน ใครเปิดทีวีช่องอะไรเป็นได้ยินกันทั่ว คนที่ไม่ได้เปิดก็เลยฟังไม่ได้สรรพ…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : มาตุภูมิเดียวกัน ผู้เขียน : วิน วนาดร ประเภท : รวมเรื่องสั้น จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรกเมื่อกันยายน 2550   ปี 2551 นี้รางวัลซีไรต์เป็นรอบของเรื่องสั้น สำรวจดูจากรายชื่อหนังสือที่ส่งเข้าประกวด ดูจากชื่อนักเขียนก็พอจะมองเห็นความหลากหลายชัดเจน ทั้งนักเขียนที่ส่งมากันครบทุกรุ่นวัย แนวทางของเรื่องยิ่งชวนให้เกิดบรรยากาศคึกคัก มีสีสันหากว่ามีการวิจารณ์หนังสือกันที่ส่งเข้าประกวดอย่างเป็นธรรม ไม่เลือกค่าย ไม่เลือกว่าเป็นพรรคพวกของตัว อย่างที่เขาว่ากันว่า เด็กใครก็ปั้นก็เชียร์กันตามกำลัง นั่นไม่เป็นผลดีต่อผู้อ่านนักหรอก…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : นกชีวิต ประเภท : กวีนิพนธ์ จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อมีนาคม 2550 ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ เคยสังเกตไหมว่าบางครั้งบทกวีก็สนทนากันเอง ระหว่างบทกวีกับบทกวี ราวกับกวีสนทนากับกวีด้วยกัน ซึ่งนั่นหาได้สำคัญไม่ เพราะความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้หมายถึงการแบ่งแยกระหว่างผู้สร้างสรรค์ (กวี) กับผู้เสพอย่างเรา ๆ แต่หมายถึงบรรยากาศแห่งการดื่มด่ำกวีนิพนธ์ เป็นการสื่อสารจากใจสู่ใจ กระนั้นก็ตาม ยังมีบางทัศนคติที่พยายามจะแบ่งแยกกวีนิพนธ์ออกเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เป็นกวีฉันทลักษณ์ เป็นกวีไร้ฉันทลักษณ์…
สวนหนังสือ
นายยืนยงประเภท          :    วรรณกรรมแปลจัดพิมพ์โดย      :    สำนักพิมพ์ดอกหญ้า (พิมพ์ครั้งที่ 2 เมษายน 2530)ผู้ประพันธ์     :    Bhabani Bhattacharyaผู้แปล         :    จิตร ภูมิศักดิ์
สวนหนังสือ
นายยืนยง"ความรู้รสในกวีนิพนธ์เป็นเรื่องเฉพาะตัว ตัวใครก็ตัวใคร จะมาเกณฑ์ให้มีความรู้สึกเรื่องรสของศิลปะเหมือนกันทีเดียวไม่ได้  ถ้าทุกคนรู้รสของศิลปะแห่งสิ่งใดเหมือนกันไปหมด สิ่งนั้นก็เป็นสามัญไม่ใช่มีค่าแห่งศิลปะที่สูง” ท่านเสฐียรโกเศศเขียนไว้ในหนังสือ รสวรรณคดี (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๕๐๓) ครั้นแล้วความซาบซึ้งในรสของกวีนิพนธ์อันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคุณผู้อ่านเล่าเป็นอย่างไรหนอ ในสถานการณ์ที่กระแสข่าวเน้นนำเสนอทางด้านเศรษฐกิจการเมือง ความเป็นอยู่ของกวีนิพนธ์จึงดูเหมือนจะซบเซาเหงาเงียบไป ทั้งที่เราต่างก็เติบโตมาท่ามกลางเบ้าหลอมแห่งศิลปะของกวีนิพนธ์ด้วยกัน ทั้งจากเพลงกล่อมเด็ก…
สวนหนังสือ
นายยืนยง(หมายเหตุ ภาพนี้เป็นภาพปก ฉบับที่ ๔ ปีที่ ๓๒ เดือน มีนาคม - เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑)ภาพจาก : http://burabhawayu.multiply.com/reviews/item/16 ชื่อนิตยสาร : ปาจารยสาร ฉบับที่ ๓ ปีที่ ๒๘ เดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๕จัดพิมพ์โดย : บริษัท ส่องศยาม
สวนหนังสือ
นายยืนยงบทวิจารณ์นวนิยาย:    สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ THE NAME OF THE ROSEผู้ประพันธ์    :    อุมแบร์โต เอโก  UMBERTO ECOผู้แปล         :    ภัควดี  วีระภาสพงษ์   จากฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของ วิลเลียม วีเวอร์ บรรณาธิการ      :    วิกิจ  สุขสำราญสำนักพิมพ์      :     โครงการจัดพิมพ์คบไฟ  พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม พ.ศ. 2541
สวนหนังสือ
นายยืนยง  บทวิจารณ์นวนิยาย:    สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ THE NAME OF THE ROSEผู้ประพันธ์            :    อุมแบร์โต เอโก  UMBERTO ECOผู้แปล                 :    ภัควดี  วีระภาสพงษ์   จากฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของ วิลเลียม วีเวอร์ บรรณาธิการ         :    วิกิจ  สุขสำราญสำนักพิมพ์        …
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ         :      พี่น้องคารามาซอฟ (The Karamazov Brother)ผู้เขียน              :      ฟีโอโดร์  ดอสโตเยสกีประเภท             :      นวนิยายรัสเซียผู้แปล               :      สดใสจัดพิมพ์โดย       :      สำนักพิมพ์ทับหนังสือ พิมพ์ครั้งที่สาม  ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๓
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ         :      พี่น้องคารามาซอฟ (The Karamazov Brother)ผู้เขียน              :      ฟีโอโดร์  ดอสโตเยสกีประเภท             :      นวนิยายรัสเซียผู้แปล               :      สดใสจัดพิมพ์โดย       :      สำนักพิมพ์ทับหนังสือ พิมพ์ครั้งที่สาม  ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓