Skip to main content

นายยืนยง





ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess)

ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett)

ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา

ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545

จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน


ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต


ใครเคยอ่านบ้าง?

คนที่ไม่ชอบหนังสือแนวแนะนำวิธีการ หรือที่เรียกติดปากว่า ฮาวทู อาจขยับความชิงชังออกห่างไปนิด

แต่ก็ไม่มากหรอก เพราะอย่างไรมันก็คือ ฮาวทู วันยังค่ำ ต่อให้ผู้แปลเป็นดั่งดาวกระจ่างฟ้า เนื้อนัยก็ไม่อาจเทียบรัศมี


ส่วนใคร ๆ ที่อ่านวรรณกรรมจะตอบได้ทันทีว่า เดอะซีเคร็ต เป็นหนังสือสุดเชย และไม่ใช่ของเก่า ประเภทหมักบ่มมาสองชั่วอายุคน แล้วเพิ่งถูกค้นพบจนฮือฮากันไม่เลิก ก็เพราะในวรรณกรรมเยาวชน เรื่อง

เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ของ ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ที่เนื่องน้อย ศรัทธา แปลเอาไว้ มีเรื่องราวเดียวกับ หรือคล้ายคลึงกับ เดอะซีเคร็ตเป็นแก่นเรื่อง หนำซ้ำ

เจ้าหญิงน้อยเรื่องนี้ยังอ่านได้อรรถรส น่ารื่นรมย์กว่ากันเยอะ ใครที่เคยอ่านเดอะซีเคร็ตจะรู้สึกเหมือนถูกครอบงำอยู่ตลอดทั้งแต่อักษรตัวแรก


ส่วนใครที่มีวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง เจ้าชายน้อย อยู่ในลิ้นชักความทรงจำล่ะก็ ขอฝากให้วาง

เจ้าหญิงน้อย เข้าไปเคียงคู่กันอีกเล่ม เนื่องจาก หนูน้อยซาร่า ครูว์ ก็น่าเอ็นดูไม่แพ้กัน ถึงจะไม่ค่อยมีใครนิยมชื่นชมในแง่ของปรัชญา แต่อ่านแล้วอิ่มเอม ตื้นตัน และอาจทำให้หวนคิดถึงสัจธรรมแบบที่เราหลงลืมไปแล้ว


เจ้าหญิงน้อยของเรา ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงโดยชาติกำเนิด เพียงแต่เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของนายทหารผู้มีอันจะกิน มีบริวารรับใช้ พรั่งพร้อมบริบูรณ์เท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีได้ เว้นก็แต่ เธอไม่มีแม่


ซาร่าอายุสิบสอง เป็นเด็กเฉลียวฉลาดเกินวัย แต่ที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ เธอมีจินตนาการบรรเจิด และจินตนาการนี้เองที่ทำให้ชีวิตของเธอห่อหุ่มไว้ด้วยความสุข เป็นจินตนาการที่นึกคิดอย่างเป็นจริงเป็นจัง ต่อเนื่องตลอดเวลา ไม่เท่านั้น เธอยังเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังถึงเรื่องราวเหล่านั้นอีกด้วย ซึ่งทุกคนที่ได้ฟังล้วนติดอกติดใจนิทานแสนสนุกของเธอทั้งนั้น


เรื่องเปิดขึ้นมาเมื่อซาร่าเดินทางจากอินเดียเพื่อเข้าโรงเรียนประจำในอังกฤษ การเดินทางครั้งนี้เท่ากับได้เปิดประตูให้เธอก้าวไปเผชิญโลกโดยปราศจากผู้เป็นพ่อ ญาติทางสายโลหิตคนเดียวในโลก ที่โรงเรียนเธอมีชีวิตประดุจเจ้าหญิง มีห้องส่วนตัว มีคนคอยดูแลรับใช้ มีเสื้อผ้าหรูหรา ตกแต่งห้องส่วนตัวอย่างสุดวิเศษ ที่โรงเรียนนี้เองที่เป็นเสมือนโรงอุปรากรที่มีซาร่ารับบทเป็นเจ้าหญิง


กล่าวถึงการเป็นเจ้าหญิงของซาร่าสักนิด เธอมีจริยวัตรเพียบพร้อมจนไม่น่าเชื่อว่า เจ้าหญิงจริง ๆ จะเป็นได้เท่านี้ด้วยซ้ำ มองในแง่ของอุดมคติ ซาร่าเป็นตัวแทนของความดีงามสูงส่ง เธอเสียสละ มีเมตตา โอบอ้อมอารี ขณะเดียวกันก็กล้าหาญแข็งแกร่ง และเฉลียวฉลาด แต่แล้วเมื่อพ่อของเธอที่อินเดียได้ทำลงทุนไปกับธุรกิจเหมืองเพชรร่วมกับเพื่อนรัก เขาก็ทำให้ทุกอย่างพลิกผัน ซาร่าต้องหมดสิ้นทุกอย่างที่ชีวิตอย่างเจ้าหญิงเคยมี เมื่อเหมืองล้มละลายและสูญเสียพ่อ


ซาร่ามีชีวิตอยู่ได้อย่างไรโดยที่เธอยังเป็นเจ้าหญิงอยู่เหมือนเดิม โดยที่ไม่มีห้องส่วนตัว ไร้เสื้อผ้าหรูหรา และไม่ได้อยู่ในฐานะนักเรียนอีกต่อไป เธอต้องทำงานหนักแลกกับอาหารน้อยนิดและห้องอับ ๆ ที่ใต้หลังคา เธอบอกกับเบ็คกี้ เด็กหญิงรับใช้ว่า

เบ็คกี้ จำได้ไหมที่ฉันเคยบอกเธอว่า เราเป็นเพียงแค่เด็กหญิงเล็ก ๆ –เหมือนกัน—เป็นแค่เด็กหญิงเล็ก ๆ สองคน—เธอเห็นแล้วใช่ไหม ตอนนี้เราไม่มีอะไรแตกต่างกันแล้ว ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงน้อยอีกต่อไปแล้ว”


เบ็คกี้บอกว่า “ไม่จริงค่ะคุณหนู” เบ็คกี้ร้องไห้ “คุณหนูยังเป็นเจ้าหญิงน้อยเสมอ—ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น—ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น –คุณหนูจะเป็นเจ้าหญิงตลอดไป—ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้”


ตลอดเวลาที่ชะตากรรมพลิกผันทำให้เจ้าหญิงน้อยซาร่ากลายเป็นเด็กหญิงรับใช้ประจำโรงเรียน บรรดาผองเพื่อนที่เคยชื่นชมก็แปรเปลี่ยน ยกเว้นเบ็คกี้ เด็กหญิงรับใช้คนเดิม เพื่อนรักของเธอ เออร์เมนการ์ด

และเด็กหญิงล็อตตี้


เมื่อเออร์เมนการ์ดพบว่าซาร่าเพื่อนรักตกอยู่ในสภาพเช่นไรในห้องใต้หลังคาอันอุดอู้ ไม่มีแม้กระทั่งถ่านหินจะจุดไฟให้สว่างอบอุ่น เธอถามซาร่าว่า (หน้า 121)


ฉันไม่เห็นว่ามันจะดีตรงไหน”

ฉันก็เหมือนกัน—ถ้าจะพูดกันตรง ๆ ” ซาร่ายอมรับ “แต่ฉันคิดว่าน่าจะมีความดีในสิ่งต่าง ๆ แม้ว่าเราจะมองไม่เห็นก็ตาม ... ”

เออร์เมนการ์ดมองดูไปรอบ ๆ ห้องใต้หลังคาด้วยความสงสัยใคร่รู้และหวั่นกลัว

ซาร่า เธอคิดว่าเธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปได้หรือ” เออร์เมนการ์ดถาม

ถ้าฉันสมมุติได้ ฉันก็อยู่ได้” แกตอบ “ฉันอาจจะสมมุติว่าที่นี่เป็นสถานที่ในนิทานสักเรื่องก็ได้”

เด็กหญิงพูดช้า ๆ จินตนาการของแกเริ่มทำงาน มันไม่ได้ทำงานอีกเลยนับตั้งแต่เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น


ตลอดเวลาแห่งความทุกข์ระทมที่ดำมืดนั้น ซาร่าจินตนาการถึงความสวยงาม ความสุขตามแบบของเธอ ไม่ว่าในยามหลับยามตื่น จินตนาการนี้เองที่ทำให้ชีวิตไม่อับจนหนทาง ทำให้มีพลังอบอุ่น ทำให้หัวใจของเด็กน้อยไม่อ้างว้างจนเกิดไป เพราะเรื่องที่สมมุติขึ้นนั้นได้เฝ้าปลอบโยนเธอ หล่อเลี้ยงด้วยความหวังที่จะได้พบเจอกับแสงสว่าง


ตรงนี้เองที่วรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้บอกกับเราอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ต้องคิดให้ได้ว่า... เพื่อเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างกล้าหาญ ซึ่งไปพ้องกับหนังสือเดอะซีเคร็ตได้บอกเราชัดเจนถึงเรื่องของ การคิด และความคิดอย่างเป็นระบบ แต่หนังสือฮาวทูเล่มนี้มุ่งเน้นไปที่การตั้งความหวังเพื่อตัวเอง เพื่อความสุข ความสำเร็จส่วนตัว หาใช่เพื่อจะได้เป็นเจ้าหญิงอย่างซาร่า เจ้าหญิงที่แท้จริง ยอมทนทุกข์ทรมานเพื่อคนอื่น มองเห็น และรู้สึกรู้สาไปกับทุกข์ของคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง


เมื่อครูใหญ่ถอดซาร่าออกจากการเป็นนักเรียนผู้ทรงเกียรติ เธอต้องรับบทหนักด้วยการงานที่เกินกำลังเด็ก ได้รับแต่คำดุด่าว่ากล่าวอย่างเจ็บแสบนั้น เธอพยายามอดทนอย่างหนัก และเสริมกำลังใจให้ตัวเองด้วยความคิดว่า

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็เปลี่ยนสิ่งหนึ่งไม่ได้” แกพูด “ถ้าฉันจะเป็นเจ้าหญิงนุ่งผ้าขี้ริ้วขาด ๆ ฉันก็ยังคงเป็นเจ้าหญิง การเป็นเจ้าหญิงเพราะมีเสื้อผ้าสวยงามสวมใส่เป็นเรื่องง่าย แต่การเป็นเจ้าหญิงอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีใครรู้เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่า...” (หน้า 162) ประดุจเป็นการตั้งปณิธานต่ออุดมคติที่จะได้เป็นเจ้าหญิงที่แท้จริง


และแล้วผู้ที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ห้องติดกันซึ่งเป็นสุภาพบุรุษชาวอินเดียนั่นเอง ที่เข้ามาสร้างปาฏิหาริย์ให้บังเกิดขึ้นแก่เจ้าหญิงตกอับ ชีวิตของซาร่าจะพลิกผันอีกครั้งอย่างไร อุดมคติจะยืนหยัดอยู่ได้ตลอดรอดฝั่งแค่ไหน ต้องลองหามาอ่าน แต่ที่แน่ ๆ ความงดงามปลาบปลื้มจะช่วยชุบชูพลังชีวิตของเราไปพร้อมกับซาร่าด้วย


แม้วรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้จะมีเค้าโครงเรื่องที่แสนธรรมดา คือ มีจุดพลิกผันและจบลงตามขนบของเรื่องแต่ง แต่พลังลึกลับบางอย่างที่แฝงอยู่ภายในกลับเป็นเรื่องไม่ธรรมดา


บ่อยครั้งจะพบว่า เราเรียกร้องให้วรรณกรรมตอบสนองความต้องการอย่างไม่หยุดหย่อน เช่น ต้องรับใช้สังคม รับใช้อุดมคติ หรือดูแลอารมณ์ของสังคม อะไรทำนองที่ดูดี ดูเคร่งขรึม ขณะเดียวกันวรรณกรรมบางเรื่องที่ไม่ได้รับใช้อะไรเลย นอกจากตอบสนองความต้องการของนักเขียน โดยไม่รีรอจะบีบคั้น เร่งรัด บรรดาผู้ที่อ่านมา ราวกับเราเป็นนักโทษ อีกทั้งยังต้องแบกคำถามที่เคี่ยวเค้นเราจนตลอดเรื่อง

อย่างไรก็แล้วแต่ วรรณกรรมย่อมมีจุดคลี่คลายในตัวเอง ต่างแต่ว่าเรื่องใดจะทำหน้าที่นี้ได้มากน้อยกว่ากัน

ผู้อ่านจะเป็นฝ่ายก้าวเข้ามาพิจารณาด้วยตนเอง


ต่างแต่ว่าใครจะพิจารณาแล้วนำไปใช้ประโยชน์เพื่อตัวเองมากจนเบียดบังจนมองไม่เห็นคนรอบข้าง

ที่สาหัสกว่านั้น คือ การตีความจากสิ่งเดียวกันแล้วนำไปแสวงหาผลความดีงามสูงส่งเพื่อปรนเปรอตัวเองกระทั่งหลงงมงายอยู่ในมายาภาพนั้นจนไม่รู้ตัว.


บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 
สวนหนังสือ
นายยืนยง   พัฒนาการของกวีภายใต้คำอธิบายที่มีอำนาจหรือวาทกรรมยุคเพื่อชีวิต ซึ่งมีท่าทีต่อต้านระบบศักดินา รวมทั้งต่อต้านกวีราชสำนักที่เป็นตัวแทนของความเป็นชาตินิยม ต่อต้านระบอบราชาธิปไตย ต่อต้านไปถึงฉันทลักษณ์ในบางกลุ่ม ต่อต้านทุนนิยมและจักรวรรดิอเมริกา ขณะที่ได้ส่งเสริมให้เกิดอุดมการณ์ประชาธิปไตยในยุคก่อนโน้น มาถึงพ.ศ.นี้ ได้เกิดเป็นปรากฏการณ์ทวนกระแสเพื่อชีวิต ด้วยวิธีการปลุกความเป็นชาตินิยม ปลูกกระแสให้เรากลับมาสู่รากเหง้าของเราเอง
สวนหนังสือ
นายยืนยง บทความนี้เกิดจากการรวบรวมกระแสคิดที่มีต่อกวีนิพนธ์ไทยในรุ่นหลัง เริ่มนับจากกวีนิพนธ์แนวเพื่อชีวิตมาถึงปัจจุบัน  และให้น้ำหนักเรื่อง “กวีกับอุดมคติทางกวีนิพนธ์”
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ : ร่างกายที่เหนืออายุขัย จิตใจที่ไร้กาลเวลา                  Ageless Body, Timeless Mind เขียน : โชปรา ดีปัก แปล : เรืองชัย รักศรีอักษร พิมพ์ : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม 2551   แสนกว่าปีมาแล้วที่มนุษย์พัฒนากายภาพมาถึงขีดสุด ต่อนี้ไปการพัฒนาทางจิตจะต้องก้าวล้ำ มีหนังสือมากมายที่กล่าวถึงวิธีการพัฒนาทักษะทางจิต เพื่อให้อำนาจของจิตนั้นบันดาลถึงความมหัศจรรย์แห่งชีวิต หนึ่งในนั้นมีหนังสือที่กล่าวอย่างจริงจังถึงอายุขัยของมนุษย์ ว่าด้วยกระบวนการรังสรรค์ชีวิตให้ยืนยาว…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชีวประวัติของนักเขียนหนุ่ม กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ในความจดจำของฉัน เป็นเพียงภาพร่างของนักเขียนในอุดมคติ ผู้ซึ่งอุทิศวันเวลาของชีวิตให้กับงานเขียนอย่างเคร่งครัด ไม่มีสีสันอื่นใดให้ฉันจดจำได้อีกมากนัก แม้กระทั่งวันที่เขาหมดลมหายใจลงอย่างปัจจุบันทันด่วน ฉันจำได้เพียงว่าเป็นเดือนกุมภาพันธ์...
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ชื่อหนังสือ : แสงแรกของจักรวาล ผู้เขียน : นิวัต พุทธประสาท ประเภท : รวมเรื่องสั้น จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เม่นวรรณกรรม พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2551   ชื่อของนิวัต พุทธประสาท ปรากฎขึ้นในความประทับใจของฉันเมื่อหลายปีก่อน ในฐานะนักเขียนที่มีผลงานเรื่องสั้นสมัยใหม่ เหตุที่เรียกว่า เรื่องสั้นสมัยใหม่ เพราะเรื่องสั้นที่สร้างความประทับใจดังกล่าวมีเสียงชัดเจนบ่งบอกไว้ว่า นี่ไม่ใช่วรรณกรรมเพื่อชีวิต... เป็นเหตุผลที่มักง่ายที่สุดเลยว่าไหม
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ชื่อหนังสือ : คนรักผู้โชคร้าย ผู้แต่ง : อัลแบร์โต โมราเวีย ผู้แปล : ธนพัฒน์ ประเภท : เรื่องสั้นแปล จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เคล็ดไทย พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2535  
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ : คุณนายดัลโลเวย์ (Mrs. Dalloway) ผู้แต่ง : เวอร์จิเนีย วูล์ฟ ผู้แปล : ดลสิทธิ์ บางคมบาง ประเภท : นวนิยายแปล จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ชมนาด พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2550
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : จำปาขาว ลาวหอม (ลาวใต้,ลาวเหนือ) ผู้แต่ง : รวงทอง จันดา ประเภท : สารคดี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทางช้างเผือก พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2552 ยินดีต้อนรับสู่พุทธศักราช 2553 ถึงวันนี้อารมณ์ชื่นมื่นแบบงานฉลองปีใหม่ยังทอดอาลัยอยู่ อีกไม่ช้าคงค่อยจางหายไปเมื่อต้องกลับสู่ภาวะของการทำงาน
สวนหนังสือ
“อารมณ์เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง” อาจารย์ชา สุภัทโท ฝากข้อความสั้น กินใจ ไว้ในหนังสือธรรมะ ซึ่งข้อความว่าด้วยอารมณ์นี้ เป็นหนึ่งในหลายหัวข้อในหนังสือ “พระโพธิญาณเถร” ท่านอธิบายข้อความดังกล่าวในทำนองว่า “ถ้าเราวิ่งกับอารมณ์เสีย... ปัญญาเกิดขึ้นไม่ได้ จิต – ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว คือ ความมีจิตต์แน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว ได้แก่ สมาธิ ”
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ขบวนรถไฟสายตาสั้น ขึ้นชื่อว่า “วรรณกรรม” อาจเติมวงเล็บคล้องท้ายว่า “แนวสร้างสรรค์” เรามักได้ยินเสียงบ่นฮึมฮัม ๆ ในทำนอง วรรณกรรมขายไม่ออก ขายยาก ขาดทุน เป็นเสียงจากนักเขียนบ้าง บรรณาธิการบ้าง สำนักพิมพ์บ้าง ผสมงึมงำกัน เป็นเหมือนคลื่นคำบ่นอันเข้มข้นที่กังวานอยู่ในก้นบึ้งของตลาดหนังสือ แต่ก็ช่างเป็นคลื่นอันไร้พลังเสียจนราบเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สวนหนังสือ
  นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 50 บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน จัดพิมพ์โดย : สำนักช่างวรรณกรรม