Skip to main content

  

และแล้วรางวัลซีไรต์ปี 2552 รอบของนวนิยายก็ประกาศผลแล้ว ปรากฏเป็นผลงานนวนิยายเรื่อง ลับแลแก่งคอย ของอุทิศ เหมะมูล โดยแพรวสำนักพิมพ์เป็นผู้จัดพิมพ์ (ประกาศผลเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา)ใครเชียร์เล่มนี้ก็ได้ไชโยกัน ฉันเองก็มีเล่มนี้เป็นหนึ่งในหลายเล่มด้วย รู้สึกสะใจลึก ๆ ที่อุทิศได้ซีไรต์ เนื่องจากเคยเชื่อว่า งานดี ๆ อย่างที่ใจเราคิดมักพลาดซีไรต์เป็นเนืองนิตย์ ผิดกับคราวนี้ที่งานดี ๆ ของนักเขียน "อย่างอุทิศ" ได้รางวัล

ที่ว่านักเขียน "อย่างอุทิศ" นั้นก็เพราะ เขามีลักษณะพิเศษบางอย่าง โดยเฉพาะความจริงใจในคำพูด เขาไม่อ้อมค้อมหรือติดนิสัยพูดเอาดีเข้าตัวอย่างนักเขียนบางคน ตอนที่อ่านหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ที่รายงานข่าวซีไรต์ อุทิศ

ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจ และปลอดโปร่งที่รู้ว่าตัวเองได้รับรางวัลนี้ เพราะตั้งแต่เข้ารอบก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน สิ่งแรกที่อยากทำคือโทรศัพท์ไปหาแม่ เพื่อจะบอกข่าวดี นั่นแสดงให้เห็นถึง ความนับถือตัวเองของอุทิศ ขณะที่เขาก็ให้เกียรติรางวัลซีไรต์ (ดูจากคำว่า "ลุ้น" ) ขณะที่เคยมีนักเขียนหลายคนที่ "ลุ้น" เหมือนกัน แต่กลับให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้ลุ้นอะไร หรือมองข้ามช็อตซีไรต์ไปแล้ว หรือไม่ก็พูดว่าซีไรต์ก็เป็นเรื่องของซีไรต์ เราเป็นเพียงนักเขียนตัวเล็ก ๆ ถ้อยคำเหล่านี้จากหลายนักเขียน จากหลายครั้งปีที่เคยได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง ทำให้รู้สึกว่า ไอ้คำพูดดูดี ฟังเท่เหล่านี้ ไม่รู้ทำไมมันจึงได้ระคายหูเหลือเกินนะ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าจะหาความจริงใจจากนักเขียน จงอย่าฟังที่เขาพูด แต่ให้ "อ่าน" ผลงานของเขา

 

นี่เป็นเพียงฉากหนึ่งในหลากหลายพฤติกรรมนักเขียนบ้านเรา ที่ผู้อ่านอย่างเรา ๆ จะเรียกร้องหาความจริงใจจากนักเขียนแทบไม่ได้เลย ฉันจึงลงความเห็นว่า เราควรอ่านวรรณกรรม โดยละเลยที่จะไม่กล่าวถึงตัวนักเขียน ต้องให้ความสำคัญกับ "ตัวบทวรรณกรรม" เป็นสำคัญ เพราะนักเขียนก็หาใช่เทวดาชั้นฟ้าที่ไหน เขาเป็นคนประเภทที่มีความสามารถด้านภาษา มีจินตนาการสร้างสรรค์ แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะวิเศษกว่ามนุษย์ปุถุชนอย่างเราไปเสียหมด ไม่ใช่หรือ

 

เช่นเดียวกับรางวัลซีไรต์ ที่อายุอานามก็ปาเข้าไปสามสิบกว่า ๆ ถ้านับเป็นคนก็ยังหนุ่นแน่น สาวเซียะ แต่รางวัลซีไรต์ไม่ใช่คนนะจ๊ะ เขาดำรงตนเยี่ยงสถาบัน หรืออย่างน้อยก็ดำรงสถานภาพของตนของเป็นสถาบัน มันจึงไม่หนุ่ม หรือไม่มีวันหนุ่ม ตรงกันข้ามคือ แก่ตั้งแต่เกิด หรือเกิดมาก็เป็นอัมพาตไปเสีย ไม่ต่างจากยักษ์ปักหลั่น ที่ดีแต่ทำตัวใหญ่โข

ดูคล้ายมีอำนาจอิทธิพล หรือขนานหนักก็ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง

 

ลองมาดูองค์ประกอบรางวัลซีไรต์แบบผิวเผินกันสักหน่อย

1.ผู้ก่อตั้ง ผู้สนับสนุน (สปอนเซอร์)

2.คณะกรรมการดำเนินงาน รวมถึงสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย

3.นักเขียน ผู้ส่งผลงานร่วมประกวด

4.นักอ่าน

5.สำนักพิมพ์

6.สถาบันการศึกษา

 

เราจะเห็นได้ว่า ผู้ก่อตั้งและคณะกรรมการดำเนินงานได้พยายามยกระดับซีไรต์ให้เป็นสถาบันเพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งอันทรงพลัง จะแตะต้องได้หรือแตะต้องไม่ได้ไม่ทราบ แต่มีตราสัญลักษณ์ของอำนาจอันสูงสุดเป็นผู้ส่งมองรางวัล เพราะพิธีมอบรางวัลจะต้องมีบุคคลในราชวงศ์ระดับสูงเป็นผู้ส่งมอบ ถือเป็นพิธีกรรมที่ส่งไม้ต่อความศักดิ์สิทธิ์ไปในตัว

 

อีกอย่างหนึ่งคือ คณะกรรมการดำเนินงาน ซึ่งส่วนใหญ่มีตรานักวิชาการนำหน้า อันแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งทางปัญญา ทำให้เกิดทัศนะคติประเภท ใครอ่านหนังสือซีไรต์จะดูเป็นคนฉลาด มีภูมิกว่าอ่านหนังสือแฉดารา หนังสือนิยายเกาหลี นี่เป็นเพียงภาพลักษณ์ของซีไรต์ แต่อย่าลืมว่าภาพลักษณ์เหล่านี้ดำรงอยู่เพียงฉาบฉวยเท่านั้น เพราะนับวันยอดขายหนังสือรางวัลซีไรต์ก็ดิ่งลงต่ำเรื่อย ๆ คล้ายกับภาพลักษณ์ฉาบฉวยเหล่านี้กำลังจุดระเบิดตัวเองทีละจุด

 

จากยอดขายที่ไม่กระเตื้องขึ้นเลย ทำให้พอจะสรุปได้ว่า รางวัลซีไรต์ไม่ใช่แรงจูงใจสำคัญสำหรับนักอ่านอีกต่อไปแล้ว ความมีปัญญา ความทรงภูมิ ไม่ได้เกิดจากการอ่านหนังสือซีไรต์อย่างเดียว นอกจากกรณีของครูที่บังคับให้นักเรียน นักศึกษาที่สอบตกวิชาภาษาไทย ไปซื้อหนังสือรางวัลซีไรต์ เล่มใดก็ได้มาส่งครู หรือในกรณีที่นักเรียน นักศึกษาซื้อมาอ่านเพื่อการศึกษา ทำรายงาน แต่ตรงนี้วงเล็บไว้ว่า สื่อความรู้ไม่ได้อยู่ในหนังสืออย่างเดียวเท่านั้น เรามีอินเตอร์เน็ตให้ใช้อย่างกว้างขวางในวงการศึกษา ดังนั้นการอ่านหนังสือจึงไม่ต้องพึ่ง "หนังสือเล่ม" แต่อย่างเดียว เพราะบทความที่กล่าวถึงหนังสือต่างโพสต์กันในเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้เลือกเสาะหาตามสะดวก นี่มันคลื่นลูกที่สามนะจ๊ะ ไม่ใช่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

 

ฉะนั้น หากซีไรต์ยังคงทนุถนอมความศักดิ์สิทธิ์แบบเดิม ๆ โดยไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ไปพร้อมกับกระบวนการเคลื่อนไหวในภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคมแล้ว ซีไรต์จะยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นหน้าทู่มองตาปริบ ๆ ขณะที่ภาคส่วนอื่นเคลื่อนที่กันขนานใหญ่ ตอนนั้นซีไรต์อาจได้รับฉายาเป็นจระเข้ขวางคลองไปอีกชื่อหนึ่ง

 

ยิ่งหากอ่านผลงานที่ได้รางวัลซีไรต์ เราจะเห็นเลยว่า ผลงานไม่ว่าจะเรื่องสั้น นวนิยาย หรือกวีนิพนธ์ เป็นอันต้องมีเค้าโครงหรือมีกลิ่นอายของงานสกุลเพื่อสังคม หรือเพื่อชีวิต หรือประเภทเหมือนจริง อยู่นั่นเอง เราจะไม่มีโอกาสได้เห็นวรรณกรรมสกุลอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซ็กซ์ เรื่องความวิปริตทางเพศ เรื่องสุนทรีย์ เรื่องผีสาง เรื่องวิทยาศาสตร์ หรือสกุลอื่น ๆ เลย เพราะอะไรหรือ หรือเพราะซีไรต์ซึ่งยึดถือตัวเองเป็นสถาบันอันสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องรักนวลสงวนตัว หรือเพราะต้องดำรงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ของสถาบันสูงสุด

 

ที่ผ่านมา ซีไรต์เคยลืมหูลืมตาสนทนากับความเปลี่ยนแปลงที่สังคมทุกภาคส่วนกำลังเคลื่อนไหวอยู่หรือเปล่า ไม่ต้องพูดถึงภาคเอกชนหรือธุรกิจเลย ไม่มีวันตามเขาทัน หรือถึงจะตามทันก็ทำเป็นสงวนตัว ไม่อยากข้องแวะกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อันนี้ไม่ทราบว่าทำไมบรรดานักเขียนเขาจึงกลัวคำว่า "เงิน" กันมากแท้ พอมีการได้รับรางวัลที่เป็นตัวเงินเมื่อไหร่ ไม่กล้ายอมรับความจริงกัน แล้วทำไมนักเขียนจึงไม่อาจยอมรับได้ว่า ผลงานของตัวเองนั้นก็ถือเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง ตัวนักเขียนก็เป็นผู้ผลิตคนหนึ่งในตลาดบริโภค

 

แต่เราก็ไม่ลืมว่า การบริโภคหนังสือนั้นไม่ใช่ยุติอยู่ที่ขั้นตอนของการซื้อขายจ่ายเงิน แต่หนังสือซื้อมาแล้วต้องใช้เวลาอ่านด้วย ดังกิจกรรมการบริโภคหนังสือจึงไม่ได้หยุดอยู่กับที่ มันก่อให้เกิดกระบวนการเคลื่อนไหวในทางความคิดได้

และเราต้องรู้ด้วยว่า พฤติกรรมผู้บริโภคหนังสือได้เปลี่ยนไปพร้อมกับภาคสังคมอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นซีไรต์จะรอให้ครบรอบตัดสินในแต่ละปี โดยที่ไม่ริเริ่มทำกิจกรรมใดเลย ก็เท่ากับว่าซีไรต์ได้วางระเบิดตัวเองอย่างที่บอก

 

หากรางวัลนี้มีเจตนาในการสร้างสรรค์จริง ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะสร้างสรรค์เสียบ้าง จะยืนสวมชฎารอความตายหรือไงไม่ทราบ ถ้าซีไรต์ตาย กลุ่มที่หวังเกาะกระแสซีไรต์คงสิ้นหวังไปตามกัน หรือหากฉันจะเขียนผิดพลาด ก็คงผิดเพราะเข้าใจผิดว่าซีไรต์ยังไม่ตาย เพราะแท้จริงแล้ว ซีไรต์ได้ตายไปตั้งนานแล้ว

 

หรือเพราะแท้จริงแล้ว ซีไรต์ไม่เคยเป็นที่ให้ยึดเกาะอันมั่นคงของทั้งสำนักพิมพ์ และนักเขียนอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะซีไรต์เป็นแต่เพียงหน้ากากสวมชฎาของสำนักพิมพ์ที่พิมพ์วรรณกรรมเพื่อเอาหน้า เพราะเขามีรายได้จากยอดพิมพ์ยอดขายหนังสือแนวอื่นเป็นพื้นฐานอันมั่นคงอยู่แล้ว หรือจะเป็นเพียงหน้ากากสวมชฎาให้นักเขียนเปี่ยมความหวังบางคนแปะไว้ข้างคอมพ์ ไว้เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง หวังว่าสักวันตัวเองจะมีโอกาสขึ้นเวทีซีไรต์

ซีไรต์เป็นได้แค่นี้จริง ๆ หรือ

 

ทั้งนี้ในฐานะรางวัลซีไรต์สามารถดำรงตัวอย่างสง่างาม สมภาคภูมิมาได้จนอายุปูนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว

มันย่อมมีข้อดีอยู่บ้าง

 

โลกเคลื่อนที่อยู่ทุกขณะ ความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมก็เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา วิทยาศาสตร์ได้สร้างปรากฎการณ์แห่งความเคลือบแคลงใจอันเต็มไปด้วยข้อกังขา ขณะที่ข้อเท็จจริงมีอายุสั้นลงเรื่อย ๆ แต่ซีไรต์ยังมัวนุ่งผ้าโจงกระเบน เคี้ยวหมากหยับ ๆ ทำตัวเป็นสถาบันส่งเสบียงให้กองทัพผู้โหยหาอดีต เห็นทีจะต้องเอาตัวใครตัวมันแล้วล่ะ

 

ถึงตอนนั้น คำว่า "คุณค่าวรรณกรรม" ที่คงมีอรรถประโยชน์อยู่บ้าง อาจเป็นเพียงป้ายโฆษณาชวนเชื่อที่ไร้น้ำยาในวงการตลาด หมดโอกาสจะสานต่อคุณค่าอันแท้จริง ซึ่งทุกวันนี้ก็ได้เลือนเลอะไปแล้ว.

หมายเหตุ แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
  นายยืนยงชื่อหนังสือ           :           พ.๒๗ สายลับพระปกเกล้าฯ ผู้เขียน               :           อ.ก. ร่งแสง (โพยม โรจนวิภาต)ประเภท              :           สารคดีประวัติศาสตร์          พิมพ์ครั้งที่ 2  พ.ศ.…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ฝรั่งคลั่งผี ผู้เขียน : ไมเคิล ไรท จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก : กรกฎาคม 2550 อ่าน ฝรั่งคลั่งผี ของ ไมเคิล ไรท จบ ฉันลิงโลดเป็นพิเศษ รีบนำมา “เล่าสู่กันฟัง” ทันที จะว่าร้อนวิชาเกินไปหรือก็ไม่ทราบ โปรดให้อภัยฉันเถิด ในเมื่อเขาเขียนดี จะตัดใจได้ลงคอเชียวหรือ
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เด็กบินได้ ผู้เขียน : ศรีดาวเรือง ประเภท : นวนิยายขนาดสั้น พิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2532 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์กำแพง มาอีกแล้ว วรรณกรรมเพื่อชีวิต เขียนถึงบ่อยเหลือเกิน ชื่นชม ตำหนิติเตียนกันไม่เว้นวาย นี่ฉันจะจมอยู่กับปลักเพื่อชีวิตไปอีกกี่ทศวรรษ อันที่จริง เพื่อชีวิต ไม่ใช่ “ปลัก” ในความหมายที่เราชอบกล่าวถึงในแง่ของการย่ำวนอยู่ที่เดิมแบบไร้วัฒนาการไม่ใช่หรือ เพื่อชีวิตเองก็เติบโตมาพร้อมพัฒนาการทางสังคม ปลิดขั้วมาจากวรรณกรรมศักดินาชน เรื่องรักฉันท์หนุ่มสาว เรื่องบันเทิงเริงรมย์…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : คนซื้อฝัน ผู้เขียน : ศุภร บุนนาค ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 2 กรกฎาคม 2537 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เคล็ดไทย ตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะอ่านหนังสือของนักเขียนไทยให้มากกว่าเดิม ฉันดำเนินการแล้วล่ะ อ่านแล้ว อิ่มเอมกับอรรถรสแบบที่หาจากวรรณกรรมแปลไม่ได้ หาจากภาษาของนักเขียนไทยรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยจะได้ จนรู้สึกไปว่า คุณค่าของภาษาได้แกว่งไกวไปกับกาละด้วย
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เพลงกล่อมผี ผู้เขียน : นากิบ มาห์ฟูซ ผู้แปล : แคน สังคีต จาก Wedding Song ภาษาอังกฤษโดย โอลีฟ อี เคนนี ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งแรก มิถุนายน 2534 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์รวมทรรศน์ หนาวลมเหมันต์แห่งพุทธศักราช 2552 เยียบเย็นยิ่งกว่า ผ้าผวยดูไร้ตัวตนไปเลยเมื่อเจอะเข้ากับลมหนาวขณะมกราคมสั่นเทิ้มด้วยคน ฉันขดตัวอยู่ในห้องหลบลมลอดช่องตึกอันทารุณ อ่านหนังสือเก่า ๆ ที่อุดม ไรฝุ่นยั่วอาการภูมิแพ้ โรคประจำศตวรรษที่ใครก็มีประสบการณ์ร่วม อ่านเพลงกล่อมผีของนากิบ มาห์ฟูซ ที่แคน สังคีต ฝากสำนวนแปลไว้อย่างเฟื่องฟุ้งเลยทีเดียว…
สวนหนังสือ
นายยืนยง สวัสดีปี 2552 ขอสรรพสิ่งแห่งสุนทรียะจงจรรโลงหัวใจท่านผู้อ่านประดุจลมเช้าอันอ่อนหวานที่เชยผ่านเข้ามา คำพรคงไม่ล่าเกินไปใช่ไหม ตลอดเวลาที่เขียนบทความใน สวนหนังสือ แห่ง ประชาไท นี้ ความตื่นรู้ ตื่นต่อผัสสะทางวรรณกรรม ปลุกเร้าให้ฉันออกเสาะหาหนังสือที่มีแรงดึงดูดมาอ่าน และเขียนถึง ขณะเดียวกันหนังสืออันท้าทายเหล่านั้นได้สร้างแรงบันดาลใจให้วาวโรจน์ขึ้นกับหัวใจอันมักจะห่อเหี่ยวของฉัน
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ : เงาสีขาวผู้เขียน : แดนอรัญ แสงทองประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2550จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์สามัญชน น้ำเน่าในคลองต่อให้เน่าเหม็นปานใดย่อมระเหยกลายเป็นไออยู่นั่นเอง แต่การระเหิด ไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนกับการระเหย  ระเหย คือ การกลายเป็นไอ จากสถานภาพของของเหลวเปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นก๊าซระเหิด คือ การเปลี่ยนสถานภาพเป็นก๊าซโดยตรงจากของแข็งเป็นก๊าซ โดยไม่ต้องพักเปลี่ยนเป็นสถานภาพของเหลวก่อน ต่างจากการระเหย แต่เหมือนตรงที่ทั้งสองกระบวนการมีปลายทางอยู่ที่สถานภาพของก๊าซสอดคล้องกับความน่าเกลียดที่ระเหิดกลายเป็นไอแห่งความงามได้
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : เงาสีขาว ผู้เขียน : แดนอรัญ แสงทอง ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์สามัญชน ปกติฉันไม่นอนดึกหากไม่จำเป็น และหากจำเป็นก็เนื่องมาจากหนังสือบางเล่มที่อ่านค้างอยู่ มันเป็นเวรกรรมอย่างหนึ่งที่ดุนหลังฉันให้หยิบ เงาสีขาว ขึ้นมาอ่าน เวรกรรมแท้ ๆ เชียว เราไม่น่าพบกันอีกเลย คุณแดนอรัญ แสงทอง ฉันควรรู้จักเขาจาก เรื่องสั้นขนาดยาวนาม อสรพิษ และ นวนิยายสุดโรแมนติกในนามของ เจ้าการะเกด เท่านั้น แต่กับเงาสีขาว มันทำให้ซาบซึ้งว่า กระบือย่อมเป็นกระบืออยู่วันยังค่ำ (เขาชอบประโยคนี้นะ เพราะมันปรากฏอยู่ในหนังสือของเขาตั้งหลายครั้ง)…
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ : นิทานประเทศ ผู้เขียน : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์นาคร
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : นิทานประเทศ ผู้เขียน : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์นาคร   ผลงานของนักเขียนไทยในแนวของเมจิกคัลเรียลลิสม์ หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ หรือสัจนิยมมายา ที่ได้กล่าวถึงเมื่อตอนที่แล้ว ซึ่งจะนำมาเขียนถึงต่อไป เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นถึงข้อเปรียบเทียบระหว่างงานที่แท้กับงานเสแสร้ง เผื่อว่าจะถึงคราวจำเป็นจะต้องเลือกที่รักมักที่ชัง แม้นรู้ดีว่าข้อเขียนนี้เป็นเพียงรสนิยมส่วนบุคคล แต่ฉันคิดว่าบางทีรสนิยมก็น่าจะได้รับคำอธิบายด้วยหลักการได้เช่นเดียวกัน…
สวนหนังสือ
เมจิกคัลเรียลลิสม์ หรือที่แปลเป็นไทยว่า สัจนิยมมายา หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ เป็นแนวการเขียนที่นักเขียนไทยนำมาใช้ในงานเรื่องสั้น นวนิยายกันมากขึ้น ไม่เว้นในกวีนิพนธ์ โดยส่วนใหญ่จะได้แรงบันดาลใจมาจาก ผลงานของกาเบรียล การ์เซีย มาเกซ ซึ่งมาเกซเองก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก ฮวน รุลโฟ (ฆวน รุลโฟ) จากผลงานนวนิยายเรื่อง เปโดร ปาราโม อีกทอดหนึ่ง เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์วรรณกรรมแนวนี้ถูกตัดตอน ขอกล่าวถึงต้นธารของงานสกุลนี้สักเล็กน้อย กล่าวถึงฮวน รุลโฟ ซึ่งจริงๆ แล้วควรเขียนเป็นภาษาไทยว่า ฆวน รุลโฟ ทำให้หวนระลึกถึงผลงานแปลฉบับของ ราอูล ที่ฉันตกระกำลำบากในการอ่านอย่างแสนสาหัส…
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครนA SHORT HISTORY OF TRACTORS IN UKRAINIAN ผู้เขียน : MARINA LEWYCKA ผู้แปล : พรพิสุทธิ์ โอสถานนท์ ประเภท : นวนิยายแปล พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน และแล้วฉันก็ได้อ่านมัน ไอ้เจ้าแทรกเตอร์ฉบับยูเครน เมียงมองอยู่นานสองนานแล้วได้สมใจซะที ซึ่งก็สมใจจริงแท้แน่นอนเพราะได้อ่านรวดเดียวจบ (แบบต่อเนื่องยาวนาน) จบแบบสังขารบอบช้ำเมื่อต่อมขำทำงานหนัก ลามไปถึงปอดที่ถูกเขย่าครั้งแล้วครั้งเล่า ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครน เป็นนวนิยายสมัยใหม่ที่ใช้ภาษาง่าย ๆ แต่ดึงดูดแบบยุคทุนนิยมเสรี…