Skip to main content

  

และแล้วรางวัลซีไรต์ปี 2552 รอบของนวนิยายก็ประกาศผลแล้ว ปรากฏเป็นผลงานนวนิยายเรื่อง ลับแลแก่งคอย ของอุทิศ เหมะมูล โดยแพรวสำนักพิมพ์เป็นผู้จัดพิมพ์ (ประกาศผลเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา)ใครเชียร์เล่มนี้ก็ได้ไชโยกัน ฉันเองก็มีเล่มนี้เป็นหนึ่งในหลายเล่มด้วย รู้สึกสะใจลึก ๆ ที่อุทิศได้ซีไรต์ เนื่องจากเคยเชื่อว่า งานดี ๆ อย่างที่ใจเราคิดมักพลาดซีไรต์เป็นเนืองนิตย์ ผิดกับคราวนี้ที่งานดี ๆ ของนักเขียน "อย่างอุทิศ" ได้รางวัล

ที่ว่านักเขียน "อย่างอุทิศ" นั้นก็เพราะ เขามีลักษณะพิเศษบางอย่าง โดยเฉพาะความจริงใจในคำพูด เขาไม่อ้อมค้อมหรือติดนิสัยพูดเอาดีเข้าตัวอย่างนักเขียนบางคน ตอนที่อ่านหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ที่รายงานข่าวซีไรต์ อุทิศ

ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจ และปลอดโปร่งที่รู้ว่าตัวเองได้รับรางวัลนี้ เพราะตั้งแต่เข้ารอบก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน สิ่งแรกที่อยากทำคือโทรศัพท์ไปหาแม่ เพื่อจะบอกข่าวดี นั่นแสดงให้เห็นถึง ความนับถือตัวเองของอุทิศ ขณะที่เขาก็ให้เกียรติรางวัลซีไรต์ (ดูจากคำว่า "ลุ้น" ) ขณะที่เคยมีนักเขียนหลายคนที่ "ลุ้น" เหมือนกัน แต่กลับให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้ลุ้นอะไร หรือมองข้ามช็อตซีไรต์ไปแล้ว หรือไม่ก็พูดว่าซีไรต์ก็เป็นเรื่องของซีไรต์ เราเป็นเพียงนักเขียนตัวเล็ก ๆ ถ้อยคำเหล่านี้จากหลายนักเขียน จากหลายครั้งปีที่เคยได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง ทำให้รู้สึกว่า ไอ้คำพูดดูดี ฟังเท่เหล่านี้ ไม่รู้ทำไมมันจึงได้ระคายหูเหลือเกินนะ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าจะหาความจริงใจจากนักเขียน จงอย่าฟังที่เขาพูด แต่ให้ "อ่าน" ผลงานของเขา

 

นี่เป็นเพียงฉากหนึ่งในหลากหลายพฤติกรรมนักเขียนบ้านเรา ที่ผู้อ่านอย่างเรา ๆ จะเรียกร้องหาความจริงใจจากนักเขียนแทบไม่ได้เลย ฉันจึงลงความเห็นว่า เราควรอ่านวรรณกรรม โดยละเลยที่จะไม่กล่าวถึงตัวนักเขียน ต้องให้ความสำคัญกับ "ตัวบทวรรณกรรม" เป็นสำคัญ เพราะนักเขียนก็หาใช่เทวดาชั้นฟ้าที่ไหน เขาเป็นคนประเภทที่มีความสามารถด้านภาษา มีจินตนาการสร้างสรรค์ แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะวิเศษกว่ามนุษย์ปุถุชนอย่างเราไปเสียหมด ไม่ใช่หรือ

 

เช่นเดียวกับรางวัลซีไรต์ ที่อายุอานามก็ปาเข้าไปสามสิบกว่า ๆ ถ้านับเป็นคนก็ยังหนุ่นแน่น สาวเซียะ แต่รางวัลซีไรต์ไม่ใช่คนนะจ๊ะ เขาดำรงตนเยี่ยงสถาบัน หรืออย่างน้อยก็ดำรงสถานภาพของตนของเป็นสถาบัน มันจึงไม่หนุ่ม หรือไม่มีวันหนุ่ม ตรงกันข้ามคือ แก่ตั้งแต่เกิด หรือเกิดมาก็เป็นอัมพาตไปเสีย ไม่ต่างจากยักษ์ปักหลั่น ที่ดีแต่ทำตัวใหญ่โข

ดูคล้ายมีอำนาจอิทธิพล หรือขนานหนักก็ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง

 

ลองมาดูองค์ประกอบรางวัลซีไรต์แบบผิวเผินกันสักหน่อย

1.ผู้ก่อตั้ง ผู้สนับสนุน (สปอนเซอร์)

2.คณะกรรมการดำเนินงาน รวมถึงสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย

3.นักเขียน ผู้ส่งผลงานร่วมประกวด

4.นักอ่าน

5.สำนักพิมพ์

6.สถาบันการศึกษา

 

เราจะเห็นได้ว่า ผู้ก่อตั้งและคณะกรรมการดำเนินงานได้พยายามยกระดับซีไรต์ให้เป็นสถาบันเพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งอันทรงพลัง จะแตะต้องได้หรือแตะต้องไม่ได้ไม่ทราบ แต่มีตราสัญลักษณ์ของอำนาจอันสูงสุดเป็นผู้ส่งมองรางวัล เพราะพิธีมอบรางวัลจะต้องมีบุคคลในราชวงศ์ระดับสูงเป็นผู้ส่งมอบ ถือเป็นพิธีกรรมที่ส่งไม้ต่อความศักดิ์สิทธิ์ไปในตัว

 

อีกอย่างหนึ่งคือ คณะกรรมการดำเนินงาน ซึ่งส่วนใหญ่มีตรานักวิชาการนำหน้า อันแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งทางปัญญา ทำให้เกิดทัศนะคติประเภท ใครอ่านหนังสือซีไรต์จะดูเป็นคนฉลาด มีภูมิกว่าอ่านหนังสือแฉดารา หนังสือนิยายเกาหลี นี่เป็นเพียงภาพลักษณ์ของซีไรต์ แต่อย่าลืมว่าภาพลักษณ์เหล่านี้ดำรงอยู่เพียงฉาบฉวยเท่านั้น เพราะนับวันยอดขายหนังสือรางวัลซีไรต์ก็ดิ่งลงต่ำเรื่อย ๆ คล้ายกับภาพลักษณ์ฉาบฉวยเหล่านี้กำลังจุดระเบิดตัวเองทีละจุด

 

จากยอดขายที่ไม่กระเตื้องขึ้นเลย ทำให้พอจะสรุปได้ว่า รางวัลซีไรต์ไม่ใช่แรงจูงใจสำคัญสำหรับนักอ่านอีกต่อไปแล้ว ความมีปัญญา ความทรงภูมิ ไม่ได้เกิดจากการอ่านหนังสือซีไรต์อย่างเดียว นอกจากกรณีของครูที่บังคับให้นักเรียน นักศึกษาที่สอบตกวิชาภาษาไทย ไปซื้อหนังสือรางวัลซีไรต์ เล่มใดก็ได้มาส่งครู หรือในกรณีที่นักเรียน นักศึกษาซื้อมาอ่านเพื่อการศึกษา ทำรายงาน แต่ตรงนี้วงเล็บไว้ว่า สื่อความรู้ไม่ได้อยู่ในหนังสืออย่างเดียวเท่านั้น เรามีอินเตอร์เน็ตให้ใช้อย่างกว้างขวางในวงการศึกษา ดังนั้นการอ่านหนังสือจึงไม่ต้องพึ่ง "หนังสือเล่ม" แต่อย่างเดียว เพราะบทความที่กล่าวถึงหนังสือต่างโพสต์กันในเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้เลือกเสาะหาตามสะดวก นี่มันคลื่นลูกที่สามนะจ๊ะ ไม่ใช่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

 

ฉะนั้น หากซีไรต์ยังคงทนุถนอมความศักดิ์สิทธิ์แบบเดิม ๆ โดยไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ไปพร้อมกับกระบวนการเคลื่อนไหวในภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคมแล้ว ซีไรต์จะยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นหน้าทู่มองตาปริบ ๆ ขณะที่ภาคส่วนอื่นเคลื่อนที่กันขนานใหญ่ ตอนนั้นซีไรต์อาจได้รับฉายาเป็นจระเข้ขวางคลองไปอีกชื่อหนึ่ง

 

ยิ่งหากอ่านผลงานที่ได้รางวัลซีไรต์ เราจะเห็นเลยว่า ผลงานไม่ว่าจะเรื่องสั้น นวนิยาย หรือกวีนิพนธ์ เป็นอันต้องมีเค้าโครงหรือมีกลิ่นอายของงานสกุลเพื่อสังคม หรือเพื่อชีวิต หรือประเภทเหมือนจริง อยู่นั่นเอง เราจะไม่มีโอกาสได้เห็นวรรณกรรมสกุลอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซ็กซ์ เรื่องความวิปริตทางเพศ เรื่องสุนทรีย์ เรื่องผีสาง เรื่องวิทยาศาสตร์ หรือสกุลอื่น ๆ เลย เพราะอะไรหรือ หรือเพราะซีไรต์ซึ่งยึดถือตัวเองเป็นสถาบันอันสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องรักนวลสงวนตัว หรือเพราะต้องดำรงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ของสถาบันสูงสุด

 

ที่ผ่านมา ซีไรต์เคยลืมหูลืมตาสนทนากับความเปลี่ยนแปลงที่สังคมทุกภาคส่วนกำลังเคลื่อนไหวอยู่หรือเปล่า ไม่ต้องพูดถึงภาคเอกชนหรือธุรกิจเลย ไม่มีวันตามเขาทัน หรือถึงจะตามทันก็ทำเป็นสงวนตัว ไม่อยากข้องแวะกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อันนี้ไม่ทราบว่าทำไมบรรดานักเขียนเขาจึงกลัวคำว่า "เงิน" กันมากแท้ พอมีการได้รับรางวัลที่เป็นตัวเงินเมื่อไหร่ ไม่กล้ายอมรับความจริงกัน แล้วทำไมนักเขียนจึงไม่อาจยอมรับได้ว่า ผลงานของตัวเองนั้นก็ถือเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง ตัวนักเขียนก็เป็นผู้ผลิตคนหนึ่งในตลาดบริโภค

 

แต่เราก็ไม่ลืมว่า การบริโภคหนังสือนั้นไม่ใช่ยุติอยู่ที่ขั้นตอนของการซื้อขายจ่ายเงิน แต่หนังสือซื้อมาแล้วต้องใช้เวลาอ่านด้วย ดังกิจกรรมการบริโภคหนังสือจึงไม่ได้หยุดอยู่กับที่ มันก่อให้เกิดกระบวนการเคลื่อนไหวในทางความคิดได้

และเราต้องรู้ด้วยว่า พฤติกรรมผู้บริโภคหนังสือได้เปลี่ยนไปพร้อมกับภาคสังคมอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นซีไรต์จะรอให้ครบรอบตัดสินในแต่ละปี โดยที่ไม่ริเริ่มทำกิจกรรมใดเลย ก็เท่ากับว่าซีไรต์ได้วางระเบิดตัวเองอย่างที่บอก

 

หากรางวัลนี้มีเจตนาในการสร้างสรรค์จริง ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะสร้างสรรค์เสียบ้าง จะยืนสวมชฎารอความตายหรือไงไม่ทราบ ถ้าซีไรต์ตาย กลุ่มที่หวังเกาะกระแสซีไรต์คงสิ้นหวังไปตามกัน หรือหากฉันจะเขียนผิดพลาด ก็คงผิดเพราะเข้าใจผิดว่าซีไรต์ยังไม่ตาย เพราะแท้จริงแล้ว ซีไรต์ได้ตายไปตั้งนานแล้ว

 

หรือเพราะแท้จริงแล้ว ซีไรต์ไม่เคยเป็นที่ให้ยึดเกาะอันมั่นคงของทั้งสำนักพิมพ์ และนักเขียนอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะซีไรต์เป็นแต่เพียงหน้ากากสวมชฎาของสำนักพิมพ์ที่พิมพ์วรรณกรรมเพื่อเอาหน้า เพราะเขามีรายได้จากยอดพิมพ์ยอดขายหนังสือแนวอื่นเป็นพื้นฐานอันมั่นคงอยู่แล้ว หรือจะเป็นเพียงหน้ากากสวมชฎาให้นักเขียนเปี่ยมความหวังบางคนแปะไว้ข้างคอมพ์ ไว้เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง หวังว่าสักวันตัวเองจะมีโอกาสขึ้นเวทีซีไรต์

ซีไรต์เป็นได้แค่นี้จริง ๆ หรือ

 

ทั้งนี้ในฐานะรางวัลซีไรต์สามารถดำรงตัวอย่างสง่างาม สมภาคภูมิมาได้จนอายุปูนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว

มันย่อมมีข้อดีอยู่บ้าง

 

โลกเคลื่อนที่อยู่ทุกขณะ ความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมก็เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา วิทยาศาสตร์ได้สร้างปรากฎการณ์แห่งความเคลือบแคลงใจอันเต็มไปด้วยข้อกังขา ขณะที่ข้อเท็จจริงมีอายุสั้นลงเรื่อย ๆ แต่ซีไรต์ยังมัวนุ่งผ้าโจงกระเบน เคี้ยวหมากหยับ ๆ ทำตัวเป็นสถาบันส่งเสบียงให้กองทัพผู้โหยหาอดีต เห็นทีจะต้องเอาตัวใครตัวมันแล้วล่ะ

 

ถึงตอนนั้น คำว่า "คุณค่าวรรณกรรม" ที่คงมีอรรถประโยชน์อยู่บ้าง อาจเป็นเพียงป้ายโฆษณาชวนเชื่อที่ไร้น้ำยาในวงการตลาด หมดโอกาสจะสานต่อคุณค่าอันแท้จริง ซึ่งทุกวันนี้ก็ได้เลือนเลอะไปแล้ว.

หมายเหตุ แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…