Skip to main content

  

และแล้วรางวัลซีไรต์ปี 2552 รอบของนวนิยายก็ประกาศผลแล้ว ปรากฏเป็นผลงานนวนิยายเรื่อง ลับแลแก่งคอย ของอุทิศ เหมะมูล โดยแพรวสำนักพิมพ์เป็นผู้จัดพิมพ์ (ประกาศผลเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา)ใครเชียร์เล่มนี้ก็ได้ไชโยกัน ฉันเองก็มีเล่มนี้เป็นหนึ่งในหลายเล่มด้วย รู้สึกสะใจลึก ๆ ที่อุทิศได้ซีไรต์ เนื่องจากเคยเชื่อว่า งานดี ๆ อย่างที่ใจเราคิดมักพลาดซีไรต์เป็นเนืองนิตย์ ผิดกับคราวนี้ที่งานดี ๆ ของนักเขียน "อย่างอุทิศ" ได้รางวัล

ที่ว่านักเขียน "อย่างอุทิศ" นั้นก็เพราะ เขามีลักษณะพิเศษบางอย่าง โดยเฉพาะความจริงใจในคำพูด เขาไม่อ้อมค้อมหรือติดนิสัยพูดเอาดีเข้าตัวอย่างนักเขียนบางคน ตอนที่อ่านหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ที่รายงานข่าวซีไรต์ อุทิศ

ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจ และปลอดโปร่งที่รู้ว่าตัวเองได้รับรางวัลนี้ เพราะตั้งแต่เข้ารอบก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน สิ่งแรกที่อยากทำคือโทรศัพท์ไปหาแม่ เพื่อจะบอกข่าวดี นั่นแสดงให้เห็นถึง ความนับถือตัวเองของอุทิศ ขณะที่เขาก็ให้เกียรติรางวัลซีไรต์ (ดูจากคำว่า "ลุ้น" ) ขณะที่เคยมีนักเขียนหลายคนที่ "ลุ้น" เหมือนกัน แต่กลับให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้ลุ้นอะไร หรือมองข้ามช็อตซีไรต์ไปแล้ว หรือไม่ก็พูดว่าซีไรต์ก็เป็นเรื่องของซีไรต์ เราเป็นเพียงนักเขียนตัวเล็ก ๆ ถ้อยคำเหล่านี้จากหลายนักเขียน จากหลายครั้งปีที่เคยได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง ทำให้รู้สึกว่า ไอ้คำพูดดูดี ฟังเท่เหล่านี้ ไม่รู้ทำไมมันจึงได้ระคายหูเหลือเกินนะ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าจะหาความจริงใจจากนักเขียน จงอย่าฟังที่เขาพูด แต่ให้ "อ่าน" ผลงานของเขา

 

นี่เป็นเพียงฉากหนึ่งในหลากหลายพฤติกรรมนักเขียนบ้านเรา ที่ผู้อ่านอย่างเรา ๆ จะเรียกร้องหาความจริงใจจากนักเขียนแทบไม่ได้เลย ฉันจึงลงความเห็นว่า เราควรอ่านวรรณกรรม โดยละเลยที่จะไม่กล่าวถึงตัวนักเขียน ต้องให้ความสำคัญกับ "ตัวบทวรรณกรรม" เป็นสำคัญ เพราะนักเขียนก็หาใช่เทวดาชั้นฟ้าที่ไหน เขาเป็นคนประเภทที่มีความสามารถด้านภาษา มีจินตนาการสร้างสรรค์ แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะวิเศษกว่ามนุษย์ปุถุชนอย่างเราไปเสียหมด ไม่ใช่หรือ

 

เช่นเดียวกับรางวัลซีไรต์ ที่อายุอานามก็ปาเข้าไปสามสิบกว่า ๆ ถ้านับเป็นคนก็ยังหนุ่นแน่น สาวเซียะ แต่รางวัลซีไรต์ไม่ใช่คนนะจ๊ะ เขาดำรงตนเยี่ยงสถาบัน หรืออย่างน้อยก็ดำรงสถานภาพของตนของเป็นสถาบัน มันจึงไม่หนุ่ม หรือไม่มีวันหนุ่ม ตรงกันข้ามคือ แก่ตั้งแต่เกิด หรือเกิดมาก็เป็นอัมพาตไปเสีย ไม่ต่างจากยักษ์ปักหลั่น ที่ดีแต่ทำตัวใหญ่โข

ดูคล้ายมีอำนาจอิทธิพล หรือขนานหนักก็ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง

 

ลองมาดูองค์ประกอบรางวัลซีไรต์แบบผิวเผินกันสักหน่อย

1.ผู้ก่อตั้ง ผู้สนับสนุน (สปอนเซอร์)

2.คณะกรรมการดำเนินงาน รวมถึงสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย

3.นักเขียน ผู้ส่งผลงานร่วมประกวด

4.นักอ่าน

5.สำนักพิมพ์

6.สถาบันการศึกษา

 

เราจะเห็นได้ว่า ผู้ก่อตั้งและคณะกรรมการดำเนินงานได้พยายามยกระดับซีไรต์ให้เป็นสถาบันเพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งอันทรงพลัง จะแตะต้องได้หรือแตะต้องไม่ได้ไม่ทราบ แต่มีตราสัญลักษณ์ของอำนาจอันสูงสุดเป็นผู้ส่งมองรางวัล เพราะพิธีมอบรางวัลจะต้องมีบุคคลในราชวงศ์ระดับสูงเป็นผู้ส่งมอบ ถือเป็นพิธีกรรมที่ส่งไม้ต่อความศักดิ์สิทธิ์ไปในตัว

 

อีกอย่างหนึ่งคือ คณะกรรมการดำเนินงาน ซึ่งส่วนใหญ่มีตรานักวิชาการนำหน้า อันแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งทางปัญญา ทำให้เกิดทัศนะคติประเภท ใครอ่านหนังสือซีไรต์จะดูเป็นคนฉลาด มีภูมิกว่าอ่านหนังสือแฉดารา หนังสือนิยายเกาหลี นี่เป็นเพียงภาพลักษณ์ของซีไรต์ แต่อย่าลืมว่าภาพลักษณ์เหล่านี้ดำรงอยู่เพียงฉาบฉวยเท่านั้น เพราะนับวันยอดขายหนังสือรางวัลซีไรต์ก็ดิ่งลงต่ำเรื่อย ๆ คล้ายกับภาพลักษณ์ฉาบฉวยเหล่านี้กำลังจุดระเบิดตัวเองทีละจุด

 

จากยอดขายที่ไม่กระเตื้องขึ้นเลย ทำให้พอจะสรุปได้ว่า รางวัลซีไรต์ไม่ใช่แรงจูงใจสำคัญสำหรับนักอ่านอีกต่อไปแล้ว ความมีปัญญา ความทรงภูมิ ไม่ได้เกิดจากการอ่านหนังสือซีไรต์อย่างเดียว นอกจากกรณีของครูที่บังคับให้นักเรียน นักศึกษาที่สอบตกวิชาภาษาไทย ไปซื้อหนังสือรางวัลซีไรต์ เล่มใดก็ได้มาส่งครู หรือในกรณีที่นักเรียน นักศึกษาซื้อมาอ่านเพื่อการศึกษา ทำรายงาน แต่ตรงนี้วงเล็บไว้ว่า สื่อความรู้ไม่ได้อยู่ในหนังสืออย่างเดียวเท่านั้น เรามีอินเตอร์เน็ตให้ใช้อย่างกว้างขวางในวงการศึกษา ดังนั้นการอ่านหนังสือจึงไม่ต้องพึ่ง "หนังสือเล่ม" แต่อย่างเดียว เพราะบทความที่กล่าวถึงหนังสือต่างโพสต์กันในเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้เลือกเสาะหาตามสะดวก นี่มันคลื่นลูกที่สามนะจ๊ะ ไม่ใช่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

 

ฉะนั้น หากซีไรต์ยังคงทนุถนอมความศักดิ์สิทธิ์แบบเดิม ๆ โดยไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ไปพร้อมกับกระบวนการเคลื่อนไหวในภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคมแล้ว ซีไรต์จะยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นหน้าทู่มองตาปริบ ๆ ขณะที่ภาคส่วนอื่นเคลื่อนที่กันขนานใหญ่ ตอนนั้นซีไรต์อาจได้รับฉายาเป็นจระเข้ขวางคลองไปอีกชื่อหนึ่ง

 

ยิ่งหากอ่านผลงานที่ได้รางวัลซีไรต์ เราจะเห็นเลยว่า ผลงานไม่ว่าจะเรื่องสั้น นวนิยาย หรือกวีนิพนธ์ เป็นอันต้องมีเค้าโครงหรือมีกลิ่นอายของงานสกุลเพื่อสังคม หรือเพื่อชีวิต หรือประเภทเหมือนจริง อยู่นั่นเอง เราจะไม่มีโอกาสได้เห็นวรรณกรรมสกุลอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซ็กซ์ เรื่องความวิปริตทางเพศ เรื่องสุนทรีย์ เรื่องผีสาง เรื่องวิทยาศาสตร์ หรือสกุลอื่น ๆ เลย เพราะอะไรหรือ หรือเพราะซีไรต์ซึ่งยึดถือตัวเองเป็นสถาบันอันสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องรักนวลสงวนตัว หรือเพราะต้องดำรงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ของสถาบันสูงสุด

 

ที่ผ่านมา ซีไรต์เคยลืมหูลืมตาสนทนากับความเปลี่ยนแปลงที่สังคมทุกภาคส่วนกำลังเคลื่อนไหวอยู่หรือเปล่า ไม่ต้องพูดถึงภาคเอกชนหรือธุรกิจเลย ไม่มีวันตามเขาทัน หรือถึงจะตามทันก็ทำเป็นสงวนตัว ไม่อยากข้องแวะกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อันนี้ไม่ทราบว่าทำไมบรรดานักเขียนเขาจึงกลัวคำว่า "เงิน" กันมากแท้ พอมีการได้รับรางวัลที่เป็นตัวเงินเมื่อไหร่ ไม่กล้ายอมรับความจริงกัน แล้วทำไมนักเขียนจึงไม่อาจยอมรับได้ว่า ผลงานของตัวเองนั้นก็ถือเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง ตัวนักเขียนก็เป็นผู้ผลิตคนหนึ่งในตลาดบริโภค

 

แต่เราก็ไม่ลืมว่า การบริโภคหนังสือนั้นไม่ใช่ยุติอยู่ที่ขั้นตอนของการซื้อขายจ่ายเงิน แต่หนังสือซื้อมาแล้วต้องใช้เวลาอ่านด้วย ดังกิจกรรมการบริโภคหนังสือจึงไม่ได้หยุดอยู่กับที่ มันก่อให้เกิดกระบวนการเคลื่อนไหวในทางความคิดได้

และเราต้องรู้ด้วยว่า พฤติกรรมผู้บริโภคหนังสือได้เปลี่ยนไปพร้อมกับภาคสังคมอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นซีไรต์จะรอให้ครบรอบตัดสินในแต่ละปี โดยที่ไม่ริเริ่มทำกิจกรรมใดเลย ก็เท่ากับว่าซีไรต์ได้วางระเบิดตัวเองอย่างที่บอก

 

หากรางวัลนี้มีเจตนาในการสร้างสรรค์จริง ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะสร้างสรรค์เสียบ้าง จะยืนสวมชฎารอความตายหรือไงไม่ทราบ ถ้าซีไรต์ตาย กลุ่มที่หวังเกาะกระแสซีไรต์คงสิ้นหวังไปตามกัน หรือหากฉันจะเขียนผิดพลาด ก็คงผิดเพราะเข้าใจผิดว่าซีไรต์ยังไม่ตาย เพราะแท้จริงแล้ว ซีไรต์ได้ตายไปตั้งนานแล้ว

 

หรือเพราะแท้จริงแล้ว ซีไรต์ไม่เคยเป็นที่ให้ยึดเกาะอันมั่นคงของทั้งสำนักพิมพ์ และนักเขียนอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะซีไรต์เป็นแต่เพียงหน้ากากสวมชฎาของสำนักพิมพ์ที่พิมพ์วรรณกรรมเพื่อเอาหน้า เพราะเขามีรายได้จากยอดพิมพ์ยอดขายหนังสือแนวอื่นเป็นพื้นฐานอันมั่นคงอยู่แล้ว หรือจะเป็นเพียงหน้ากากสวมชฎาให้นักเขียนเปี่ยมความหวังบางคนแปะไว้ข้างคอมพ์ ไว้เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง หวังว่าสักวันตัวเองจะมีโอกาสขึ้นเวทีซีไรต์

ซีไรต์เป็นได้แค่นี้จริง ๆ หรือ

 

ทั้งนี้ในฐานะรางวัลซีไรต์สามารถดำรงตัวอย่างสง่างาม สมภาคภูมิมาได้จนอายุปูนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว

มันย่อมมีข้อดีอยู่บ้าง

 

โลกเคลื่อนที่อยู่ทุกขณะ ความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมก็เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา วิทยาศาสตร์ได้สร้างปรากฎการณ์แห่งความเคลือบแคลงใจอันเต็มไปด้วยข้อกังขา ขณะที่ข้อเท็จจริงมีอายุสั้นลงเรื่อย ๆ แต่ซีไรต์ยังมัวนุ่งผ้าโจงกระเบน เคี้ยวหมากหยับ ๆ ทำตัวเป็นสถาบันส่งเสบียงให้กองทัพผู้โหยหาอดีต เห็นทีจะต้องเอาตัวใครตัวมันแล้วล่ะ

 

ถึงตอนนั้น คำว่า "คุณค่าวรรณกรรม" ที่คงมีอรรถประโยชน์อยู่บ้าง อาจเป็นเพียงป้ายโฆษณาชวนเชื่อที่ไร้น้ำยาในวงการตลาด หมดโอกาสจะสานต่อคุณค่าอันแท้จริง ซึ่งทุกวันนี้ก็ได้เลือนเลอะไปแล้ว.

หมายเหตุ แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : ผู้คนใกล้สูญพันธุ์ ผู้เขียน : องอาจ เดชา ประเภท : สารคดี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา พ.ศ.2548 ได้อ่านงานเขียนสารคดีที่เป็นบทบันทึกช่วงชีวิตของอ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น ที่กลั่นร้อยจากความมุ่งมั่นขององอาจ เดชา นักเขียนสารคดีหนุ่มมือเอกแล้ว มีหลายความรู้สึกที่อยากเล่าสู่กันฟัง อีกทั้งทำให้อยากลุกมาเขียนจดหมายถึงคนต้นเรื่องคนนั้นด้วย กล่าวถึงงานเขียนสารคดีสักครู่หนึ่งเถอะ... สารคดีเป็นงานเขียนที่ดำรงอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ข้อมูลทุกรายละเอียดล้วนเคารพต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันงานเขียนสารคดีเล่ม ผู้คนใกล้สูญพันธุ์ นี้ เป็นลักษณะกึ่งอัตชีวประวัติ…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ม่านดอกไม้ ผู้เขียน : ร. จันทพิมพะ ประเภท : รวมเรื่องสั้น จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ดอกหญ้า พ.ศ.2541 ไม่นานมานี้มีโอกาสไปเยี่ยมชมวังเก่าที่เมืองโคราช เจ้าของบ้านเป็นครูสาวเกษียณราชการแล้ว คนวัยนี้แล้วยังจะเรียก “สาว” ได้อีกหรือ.. ได้แน่นอนเพราะเธอยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทั้งน้ำเสียงกังวานและแววตาที่มีความฝันเปี่ยมอยู่ในนั้น วังเก่าหลังนั้นอยู่ใกล้หลักเมือง วางตัวสงบเย็นอยู่ใจกลางแถวของอาคารร้านค้า ลมลอดช่องตึกทำให้อากาศโล่ง เย็นชื่น พวกไม้ดอกประดับแย้มใบเขียวสดรับละอองฝน…
สวนหนังสือ
นายยืนยง      ชื่อหนังสือ     : ชีวิตและงานกวีเอกของไทย ผู้เขียน          : สมพงษ์ เกรียงไกรเพชร จัดพิมพ์โดย   : สำนักพิมพ์ผ่านฟ้าพิทยา พิมพ์ครั้งแรก  : 27 มีนาคม พ.ศ.2508 ตั้งแต่เครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ เริ่มชุมนุมเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เสียงจากสถานีเอเอสทีวีก็กังวานไปทั่วบริเวณบ้านที่เช่าเขาอยู่ มันเป็นบ้านที่มีบ้านบริเวณกว้างขวาง และมีบ้านหลายหลังปลูกใกล้ ๆ กัน ใครเปิดทีวีช่องอะไรเป็นได้ยินกันทั่ว คนที่ไม่ได้เปิดก็เลยฟังไม่ได้สรรพ…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : มาตุภูมิเดียวกัน ผู้เขียน : วิน วนาดร ประเภท : รวมเรื่องสั้น จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรกเมื่อกันยายน 2550   ปี 2551 นี้รางวัลซีไรต์เป็นรอบของเรื่องสั้น สำรวจดูจากรายชื่อหนังสือที่ส่งเข้าประกวด ดูจากชื่อนักเขียนก็พอจะมองเห็นความหลากหลายชัดเจน ทั้งนักเขียนที่ส่งมากันครบทุกรุ่นวัย แนวทางของเรื่องยิ่งชวนให้เกิดบรรยากาศคึกคัก มีสีสันหากว่ามีการวิจารณ์หนังสือกันที่ส่งเข้าประกวดอย่างเป็นธรรม ไม่เลือกค่าย ไม่เลือกว่าเป็นพรรคพวกของตัว อย่างที่เขาว่ากันว่า เด็กใครก็ปั้นก็เชียร์กันตามกำลัง นั่นไม่เป็นผลดีต่อผู้อ่านนักหรอก…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : นกชีวิต ประเภท : กวีนิพนธ์ จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อมีนาคม 2550 ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ เคยสังเกตไหมว่าบางครั้งบทกวีก็สนทนากันเอง ระหว่างบทกวีกับบทกวี ราวกับกวีสนทนากับกวีด้วยกัน ซึ่งนั่นหาได้สำคัญไม่ เพราะความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้หมายถึงการแบ่งแยกระหว่างผู้สร้างสรรค์ (กวี) กับผู้เสพอย่างเรา ๆ แต่หมายถึงบรรยากาศแห่งการดื่มด่ำกวีนิพนธ์ เป็นการสื่อสารจากใจสู่ใจ กระนั้นก็ตาม ยังมีบางทัศนคติที่พยายามจะแบ่งแยกกวีนิพนธ์ออกเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เป็นกวีฉันทลักษณ์ เป็นกวีไร้ฉันทลักษณ์…
สวนหนังสือ
นายยืนยงประเภท          :    วรรณกรรมแปลจัดพิมพ์โดย      :    สำนักพิมพ์ดอกหญ้า (พิมพ์ครั้งที่ 2 เมษายน 2530)ผู้ประพันธ์     :    Bhabani Bhattacharyaผู้แปล         :    จิตร ภูมิศักดิ์
สวนหนังสือ
นายยืนยง"ความรู้รสในกวีนิพนธ์เป็นเรื่องเฉพาะตัว ตัวใครก็ตัวใคร จะมาเกณฑ์ให้มีความรู้สึกเรื่องรสของศิลปะเหมือนกันทีเดียวไม่ได้  ถ้าทุกคนรู้รสของศิลปะแห่งสิ่งใดเหมือนกันไปหมด สิ่งนั้นก็เป็นสามัญไม่ใช่มีค่าแห่งศิลปะที่สูง” ท่านเสฐียรโกเศศเขียนไว้ในหนังสือ รสวรรณคดี (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๕๐๓) ครั้นแล้วความซาบซึ้งในรสของกวีนิพนธ์อันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคุณผู้อ่านเล่าเป็นอย่างไรหนอ ในสถานการณ์ที่กระแสข่าวเน้นนำเสนอทางด้านเศรษฐกิจการเมือง ความเป็นอยู่ของกวีนิพนธ์จึงดูเหมือนจะซบเซาเหงาเงียบไป ทั้งที่เราต่างก็เติบโตมาท่ามกลางเบ้าหลอมแห่งศิลปะของกวีนิพนธ์ด้วยกัน ทั้งจากเพลงกล่อมเด็ก…
สวนหนังสือ
นายยืนยง(หมายเหตุ ภาพนี้เป็นภาพปก ฉบับที่ ๔ ปีที่ ๓๒ เดือน มีนาคม - เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑)ภาพจาก : http://burabhawayu.multiply.com/reviews/item/16 ชื่อนิตยสาร : ปาจารยสาร ฉบับที่ ๓ ปีที่ ๒๘ เดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๕จัดพิมพ์โดย : บริษัท ส่องศยาม
สวนหนังสือ
นายยืนยงบทวิจารณ์นวนิยาย:    สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ THE NAME OF THE ROSEผู้ประพันธ์    :    อุมแบร์โต เอโก  UMBERTO ECOผู้แปล         :    ภัควดี  วีระภาสพงษ์   จากฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของ วิลเลียม วีเวอร์ บรรณาธิการ      :    วิกิจ  สุขสำราญสำนักพิมพ์      :     โครงการจัดพิมพ์คบไฟ  พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม พ.ศ. 2541
สวนหนังสือ
นายยืนยง  บทวิจารณ์นวนิยาย:    สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ THE NAME OF THE ROSEผู้ประพันธ์            :    อุมแบร์โต เอโก  UMBERTO ECOผู้แปล                 :    ภัควดี  วีระภาสพงษ์   จากฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของ วิลเลียม วีเวอร์ บรรณาธิการ         :    วิกิจ  สุขสำราญสำนักพิมพ์        …
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ         :      พี่น้องคารามาซอฟ (The Karamazov Brother)ผู้เขียน              :      ฟีโอโดร์  ดอสโตเยสกีประเภท             :      นวนิยายรัสเซียผู้แปล               :      สดใสจัดพิมพ์โดย       :      สำนักพิมพ์ทับหนังสือ พิมพ์ครั้งที่สาม  ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๓
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ         :      พี่น้องคารามาซอฟ (The Karamazov Brother)ผู้เขียน              :      ฟีโอโดร์  ดอสโตเยสกีประเภท             :      นวนิยายรัสเซียผู้แปล               :      สดใสจัดพิมพ์โดย       :      สำนักพิมพ์ทับหนังสือ พิมพ์ครั้งที่สาม  ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓