Skip to main content

‘นายยืนยง’

20080220 ภาพปกโศกนาฎกรรมอิมเพรสชั่นนิสม์

ชื่อหนังสือ      :    เถ้าถ่านแห่งวารวัน    The Remains of the Day
ประเภท            :    วรรณกรรมแปล
จัดพิมพ์โดย    :    แพรวสำนักพิมพ์
พิมพ์ครั้งที่ ๑    :    กุมภาพันธ์   ๒๕๔๙
ผู้เขียน            :    คาสึโอะ  อิชิงุโระ
ผู้แปล            :    นาลันทา  คุปต์

เราต่างเดินเท้าผ่านเวลาของวันคืน วนรอบอยู่ในสังคม ในโลก และในเรา  
ชีวิตอาจเป็นเรื่องน่าเศร้า อาจเป็นมากกว่าโศกนาฏกรรมในนวนิยาย หรือชีวิตจะไม่ใช่...

เคยถามตัวเองว่า ทำไมการเผชิญหน้ากับปัญหาที่ล้อมรุมเข้ามาจึงเป็นความยากหนึ่งที่หลายครั้งถึงกับต้องยอมจำนน แต่ทำไมเมื่อเราเลือกหยิบหนังสือบางเล่มเพื่อผ่อนเกลียวของความเศร้า หนังสือนั้นกลับตรึงเราไว้กับเรื่องราวเหล่านั้นทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราสักนิด ขณะเดียวกันเรายังมองเห็นตัวตนของเราในนั้นได้ โดยเฉพาะกับนวนิยาย

นอกเหนือจากการได้สนทนากับตัวละครในเรื่องแล้ว ระหว่างการอ่านอันดื่มด่ำ เราก็ค้นพบว่าปัญหาอันทุกข์เศร้าที่มีอยู่กลับไม่เผยตัวตนให้เจ็บปวด หรือที่ผ่านมาชีวิตเราช่างไร้สุนทรียะ เราจึงได้เสพมันราวกับกระหายเต็มประดา

นวนิยายแต่ละเรื่องต่างมีรสสัมผัสผิดแผกกันไป ความพริ้งเพริศของภาษา บรรยากาศเร้าชวนหลงใหล ตัวละครที่มีบุคลิกโดดเด่นสะดุดตา ซึ่งประกอบกันเป็นนวนิยายนั้น ล้วนผ่านกลวิธีการเขียนของนักเขียน โดยแต่ละคนก็ย่อมคิดค้นหาศิลปะการเล่าที่เหมาะสม แตกต่าง และสร้างสรรค์ใหม่

ทฤษฎีว่าด้วยศิลปะการเขียนมีให้ศึกษาไม่รู้จบ แม้นเรื่องราวเหล่านั้นจะถูกถ่ายทอดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รสสัมผัสที่ได้กลับไม่เคยเหมือนเดิม ดังเช่นที่เราเคยเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของระบบศักดินาแบบอังกฤษ รู้จักธรรมเนียม มารยาท แบบแผนต่าง ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของคนอังกฤษมาบ้างแล้ว แต่กับนวนิยายเล่มนี้เราจะต้องตื่นตะลึงกับการถ่ายทอดอย่างร่วมสมัยแต่คงไว้ซึ่งความคลาสสิคยิ่ง

เถ้าถ่านแห่งวารวัน บทประพันธ์ของคาสึโอะ อิชิงุโระ เป็นนวนิยายที่เขียนออกมาได้อย่างหมดจดงดงามและประณีตที่สุด และเหมาะสมยิ่งที่ได้รับรางวัลเกียรติยศ BOOKER PRIZE ปี 1989   

คาสึโอะ อิชิงุโระ เกิดที่เมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1954 และย้ายไปพำนักที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี 1960  สำเร็จการศึกษาด้านภาษาอังกฤษและปรัชญาจากมหาวิทยาลัยเคนต์ที่แคนเทอร์เบอรี ผลงานของเขาล้วนโดดเด่นและได้รับรางวัลแทบทั้งสิ้น

นอกจากนั้น ต้องยกย่อง นาลันทา คุปต์ผู้ถ่ายทอดจากภาษาอังกฤษสู่ภาษาไทยให้เราได้อ่าน ต้องชื่นชมในการเลือกใช้คำ การวางประโยคอันสละสลวยและมีนัยยะต่อความรู้สึกนึกคิดอีกด้วย

นวนิยายที่ประณีตและโดดเด่นยิ่งเรื่องนี้ เปี่ยมด้วยความสดใหม่ ลึกซึ้งและอ่อนโยน  แต่ข้อสำคัญน่าศึกษาสำหรับนักอ่านหรือนักเขียนก็คือศิลปะแห่งการเล่าเรื่องนั่นเอง         

การจะพิจารณาถึงข้อดังกล่าวนั้นเราไม่อาจแยกในส่วนที่เป็นรูปแบบของการเล่าออกจากแนวคิดทางด้านศีลธรรมของเรื่องได้ชัดเจน แม้จะบอกได้อย่างชัดเจนว่าศีลธรรมของเรื่องมุ่งเน้นในการอธิบายถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ในสถานภาพที่ต่างกัน รวมทั้งเหตุผลของการนับถือตนเองด้วย
        
เถ้าถ่านแห่งวารวัน เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าผ่านมุมมองของตัวละครเอกที่เป็นพ่อบ้านในคฤหาสน์ดาร์ลิงตันฮอลล์ ในยุคที่ความสับสนระหว่างกลุ่มชนที่ยึดถือขนบแบบแผนอันมีมาเนิ่นนานกับความคิดที่จะก้าวให้ทันโลกสมัยใหม่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

นวนิยายเรื่องนี้ได้สนทนากับผู้อ่านด้วยอารมณ์ของโศกนาฏกรรมตลอดทั้งเรื่อง แต่เราจะไม่เห็นหยาดน้ำตาหรือร่องรอยของความเศร้าโศกนั้นเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะรุนแรงร้ายกาจเพียงใดในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง แต่สำหรับพ่อบ้านอย่างสตีเวนส์ ผู้สูญเสียพ่อและคนรัก รวมทั้งตระหนักในความพ่ายแพ้ต่อยุคสมัยของเจ้านายผู้ที่เขามอบความจงรักภักดีไว้แทบเท้า

จากที่ได้เกริ่นไว้ว่ารูปแบบของศิลปะการเล่าเรื่องนั้นน่าสนใจศึกษาเพียงไร อาจสรุปได้อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า เถ้าถ่านแห่งวารวันเป็นโศกนาฏกรรมอิมเพรสชั่นนิสม์ที่ประณีตงามยิ่ง โดยเน้นย้ำว่าผู้เขียนได้ใช้วิธีการที่ละเลยต่อรูปแบบดั้งเดิม ทั้งยังมีทีท่าไม่สนใจต่อเอกภาพของเรื่อง แต่องค์ประกอบทุกส่วนล้วนเป็นบูรณภาพอย่างร้ายกาจเหลือเชื่อ เป็นความประสานลงตัวที่ชวนให้ตื่นตะลึงทีเดียว

ว่าด้วยการละเลยรูปแบบ หาใช่มีความหมายไปในทางที่เรียกกันไปอย่างไร้ความรับผิดเลย หากหมายถึงการละเลยรูปแบบซึ่งจงใจร้อยรัดไว้อย่างประณีตเหมือนอย่างจิตรกรรมในแนวทางของอิมเพรสชั่นนิสม์ โดยผู้เขียนอาศัยหลักจิตวิทยาและมานุษยวิทยาเป็นแนวทางในการตรึงผู้อ่านไว้กับเรื่องโดยตลอด เป็นวิธีที่เรียกว่าเร้าความสนใจไปเรื่อย ๆ แทนที่จะทำให้ผู้อ่านใฝ่หาถึงแต่ตอนจบอันสมบูรณ์อย่างเดียวเท่านั้น และถือเป็นวิธีการที่ยากยิ่ง เนื่องจากการเน้นความเป็นไปของเรื่องราวในระหว่างการดำเนินเรื่อง ต้องอาศัยความสอดคล้องมากกว่าบูรณภาพของเรื่อง แต่ยิ่งอ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะพบว่าช่างเต็มไปด้วยบูรณภาพยิ่ง แม้กระทั่งการเปรียบเปรยในช่วงแรก ยกตัวอย่างหน้า 37
    
เมื่อผมยืนอยู่บนชะง่อนผาสูงยามเช้าและมองเห็นผืนดินเบื้องหน้านั้น ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่หาได้ยากยิ่ง แต่ไม่มีทางจะเป็นอื่นไปได้นั้นได้อย่างชัดเจน  นั่นคือความรู้สึกว่ากำลังอยู่เบื้องหน้าความยิ่งใหญ่ เราเรียกแผ่นดินของเรานี้ว่า บริเตนใหญ่ และก็อาจจะมีบางคนที่เชื่อว่านั่นออกจะเป็นการทะนงตัวไปเสียหน่อย แต่ผมก็กล้าพูดว่า เพียงแค่ภูมิทัศน์ของประเทศเราก็พอให้ใช้คำคุณศัพท์ที่เลิศลอยนั้นได้อย่างไม่ละอายแล้ว  ...ฯลฯ ...  

ผมก็จะบอกว่าเป็นเพราะไม่มีความน่าตื่นตาหรือน่าทึ่งอย่างโจ่งแจ้งนั่นแหละที่ทำให้ความงามของประเทศเราพิเศษกว่าใคร สิ่งสำคัญคือความเยือกเย็นของความงามนั้น ความรู้สึกสงบใจของมัน เหมือนกับแผ่นดินรู้ตัวว่างดงาม รู้ตัวว่ายิ่งใหญ่และไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องประกาศก้อง เมื่อเทียบกันแล้ว ทิวทัศน์ประเภทที่มีให้เห็นในที่อย่างแอฟริกาหรืออเมริกานั้น ถึงแม้จะน่าตื่นเต้นเพียงไร แต่ผมก็แน่ใจว่าผู้ที่มองอย่างเป็นกลางจะเห็นว่าด้อยกว่าเพราะการป่าวร้องอย่างไม่สมควรนั่นเป็นแน่...

จากย่อหน้าดังกล่าว จะเห็นว่ากระแสความคิดของสตีเวนส์เมื่อได้เห็นทัศนียภาพของประเทศ แม้เป็นจะเป็นเพียงส่วนเสี้ยวเล็กน้อยของนวนิยายทั้งเล่ม แต่เราจะได้พบกับเรื่องราวย่อย ๆ ที่เป็นความสมดุลเชื่อมโยง สอดคล้องกันไปทั้งหมดกับเรื่องราวย่อยอื่นของเรื่องและประสานกันได้อย่างแนบเนียนกับบูรณภาพและศีลธรรมของเรื่อง

นอกเหนือจากข้อสำคัญดังกล่าวแล้ว ยังมีการประสานขององค์ประกอบอื่นอีกมากมาย เช่นตัวละครที่มีทั้งจากการแต่งขึ้นใหม่และตัวละครที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เช่น จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ นักเขียนบทละคร, ศาสตราจารย์เมย์นาร์ด เคนส์ นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษผู้ได้รับสมญานามว่าบิดาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ หนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญของเขาคือ การวิพากษ์สนธิสัญญาแวร์ซายส์ว่าจะทำให้เศรษฐกิจของยุโรปทั้งหมดต้องพินาศ (หน้า 84 ) ฯลฯ   ภายใต้มุมมองและกระแสคิดของสตีเวนส์ พ่อบ้านประจำคฤหาสน์ฯ ที่ถูกกระตุ้นด้วยสภาพแวดล้อม ผู้คน สังคมภายนอกคฤหาสน์ เรื่องราวในอดีตอันยิบย่อยก็ค่อย ๆ ผลิเผยออกมาเป็นเรื่องราวจากความทรงจำ

ศิลปะการเล่าเรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็นดุมล้อแห่งสุนทรียภาพที่เฝ้าปลอบประโลมมนุษยชาติได้เลยทีเดียว  แม้บางคนอาจเคยรู้สึกว่า ทำไมต้องเสียเวลากับเรื่องโศกนาฏกรรมด้วยเล่า ในเมื่อชีวิตจริงน่าเศร้าเสียยิ่งกว่านิยาย

แต่กับโศกนาฏกรรมอิมเพรสชั่นนิสม์เล่มนี้
ทำให้เราคงอยู่กับความเศร้าโศกได้อย่างเข้าอกเข้าใจ ทั้งสุขุมเยือกเย็นและสง่างาม.


            

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
  นายยืนยงชื่อหนังสือ           :           พ.๒๗ สายลับพระปกเกล้าฯ ผู้เขียน               :           อ.ก. ร่งแสง (โพยม โรจนวิภาต)ประเภท              :           สารคดีประวัติศาสตร์          พิมพ์ครั้งที่ 2  พ.ศ.…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ฝรั่งคลั่งผี ผู้เขียน : ไมเคิล ไรท จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก : กรกฎาคม 2550 อ่าน ฝรั่งคลั่งผี ของ ไมเคิล ไรท จบ ฉันลิงโลดเป็นพิเศษ รีบนำมา “เล่าสู่กันฟัง” ทันที จะว่าร้อนวิชาเกินไปหรือก็ไม่ทราบ โปรดให้อภัยฉันเถิด ในเมื่อเขาเขียนดี จะตัดใจได้ลงคอเชียวหรือ
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เด็กบินได้ ผู้เขียน : ศรีดาวเรือง ประเภท : นวนิยายขนาดสั้น พิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2532 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์กำแพง มาอีกแล้ว วรรณกรรมเพื่อชีวิต เขียนถึงบ่อยเหลือเกิน ชื่นชม ตำหนิติเตียนกันไม่เว้นวาย นี่ฉันจะจมอยู่กับปลักเพื่อชีวิตไปอีกกี่ทศวรรษ อันที่จริง เพื่อชีวิต ไม่ใช่ “ปลัก” ในความหมายที่เราชอบกล่าวถึงในแง่ของการย่ำวนอยู่ที่เดิมแบบไร้วัฒนาการไม่ใช่หรือ เพื่อชีวิตเองก็เติบโตมาพร้อมพัฒนาการทางสังคม ปลิดขั้วมาจากวรรณกรรมศักดินาชน เรื่องรักฉันท์หนุ่มสาว เรื่องบันเทิงเริงรมย์…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : คนซื้อฝัน ผู้เขียน : ศุภร บุนนาค ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 2 กรกฎาคม 2537 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เคล็ดไทย ตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะอ่านหนังสือของนักเขียนไทยให้มากกว่าเดิม ฉันดำเนินการแล้วล่ะ อ่านแล้ว อิ่มเอมกับอรรถรสแบบที่หาจากวรรณกรรมแปลไม่ได้ หาจากภาษาของนักเขียนไทยรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยจะได้ จนรู้สึกไปว่า คุณค่าของภาษาได้แกว่งไกวไปกับกาละด้วย
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เพลงกล่อมผี ผู้เขียน : นากิบ มาห์ฟูซ ผู้แปล : แคน สังคีต จาก Wedding Song ภาษาอังกฤษโดย โอลีฟ อี เคนนี ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งแรก มิถุนายน 2534 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์รวมทรรศน์ หนาวลมเหมันต์แห่งพุทธศักราช 2552 เยียบเย็นยิ่งกว่า ผ้าผวยดูไร้ตัวตนไปเลยเมื่อเจอะเข้ากับลมหนาวขณะมกราคมสั่นเทิ้มด้วยคน ฉันขดตัวอยู่ในห้องหลบลมลอดช่องตึกอันทารุณ อ่านหนังสือเก่า ๆ ที่อุดม ไรฝุ่นยั่วอาการภูมิแพ้ โรคประจำศตวรรษที่ใครก็มีประสบการณ์ร่วม อ่านเพลงกล่อมผีของนากิบ มาห์ฟูซ ที่แคน สังคีต ฝากสำนวนแปลไว้อย่างเฟื่องฟุ้งเลยทีเดียว…
สวนหนังสือ
นายยืนยง สวัสดีปี 2552 ขอสรรพสิ่งแห่งสุนทรียะจงจรรโลงหัวใจท่านผู้อ่านประดุจลมเช้าอันอ่อนหวานที่เชยผ่านเข้ามา คำพรคงไม่ล่าเกินไปใช่ไหม ตลอดเวลาที่เขียนบทความใน สวนหนังสือ แห่ง ประชาไท นี้ ความตื่นรู้ ตื่นต่อผัสสะทางวรรณกรรม ปลุกเร้าให้ฉันออกเสาะหาหนังสือที่มีแรงดึงดูดมาอ่าน และเขียนถึง ขณะเดียวกันหนังสืออันท้าทายเหล่านั้นได้สร้างแรงบันดาลใจให้วาวโรจน์ขึ้นกับหัวใจอันมักจะห่อเหี่ยวของฉัน
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ : เงาสีขาวผู้เขียน : แดนอรัญ แสงทองประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2550จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์สามัญชน น้ำเน่าในคลองต่อให้เน่าเหม็นปานใดย่อมระเหยกลายเป็นไออยู่นั่นเอง แต่การระเหิด ไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนกับการระเหย  ระเหย คือ การกลายเป็นไอ จากสถานภาพของของเหลวเปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นก๊าซระเหิด คือ การเปลี่ยนสถานภาพเป็นก๊าซโดยตรงจากของแข็งเป็นก๊าซ โดยไม่ต้องพักเปลี่ยนเป็นสถานภาพของเหลวก่อน ต่างจากการระเหย แต่เหมือนตรงที่ทั้งสองกระบวนการมีปลายทางอยู่ที่สถานภาพของก๊าซสอดคล้องกับความน่าเกลียดที่ระเหิดกลายเป็นไอแห่งความงามได้
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : เงาสีขาว ผู้เขียน : แดนอรัญ แสงทอง ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์สามัญชน ปกติฉันไม่นอนดึกหากไม่จำเป็น และหากจำเป็นก็เนื่องมาจากหนังสือบางเล่มที่อ่านค้างอยู่ มันเป็นเวรกรรมอย่างหนึ่งที่ดุนหลังฉันให้หยิบ เงาสีขาว ขึ้นมาอ่าน เวรกรรมแท้ ๆ เชียว เราไม่น่าพบกันอีกเลย คุณแดนอรัญ แสงทอง ฉันควรรู้จักเขาจาก เรื่องสั้นขนาดยาวนาม อสรพิษ และ นวนิยายสุดโรแมนติกในนามของ เจ้าการะเกด เท่านั้น แต่กับเงาสีขาว มันทำให้ซาบซึ้งว่า กระบือย่อมเป็นกระบืออยู่วันยังค่ำ (เขาชอบประโยคนี้นะ เพราะมันปรากฏอยู่ในหนังสือของเขาตั้งหลายครั้ง)…
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ : นิทานประเทศ ผู้เขียน : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์นาคร
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : นิทานประเทศ ผู้เขียน : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์นาคร   ผลงานของนักเขียนไทยในแนวของเมจิกคัลเรียลลิสม์ หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ หรือสัจนิยมมายา ที่ได้กล่าวถึงเมื่อตอนที่แล้ว ซึ่งจะนำมาเขียนถึงต่อไป เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นถึงข้อเปรียบเทียบระหว่างงานที่แท้กับงานเสแสร้ง เผื่อว่าจะถึงคราวจำเป็นจะต้องเลือกที่รักมักที่ชัง แม้นรู้ดีว่าข้อเขียนนี้เป็นเพียงรสนิยมส่วนบุคคล แต่ฉันคิดว่าบางทีรสนิยมก็น่าจะได้รับคำอธิบายด้วยหลักการได้เช่นเดียวกัน…
สวนหนังสือ
เมจิกคัลเรียลลิสม์ หรือที่แปลเป็นไทยว่า สัจนิยมมายา หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ เป็นแนวการเขียนที่นักเขียนไทยนำมาใช้ในงานเรื่องสั้น นวนิยายกันมากขึ้น ไม่เว้นในกวีนิพนธ์ โดยส่วนใหญ่จะได้แรงบันดาลใจมาจาก ผลงานของกาเบรียล การ์เซีย มาเกซ ซึ่งมาเกซเองก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก ฮวน รุลโฟ (ฆวน รุลโฟ) จากผลงานนวนิยายเรื่อง เปโดร ปาราโม อีกทอดหนึ่ง เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์วรรณกรรมแนวนี้ถูกตัดตอน ขอกล่าวถึงต้นธารของงานสกุลนี้สักเล็กน้อย กล่าวถึงฮวน รุลโฟ ซึ่งจริงๆ แล้วควรเขียนเป็นภาษาไทยว่า ฆวน รุลโฟ ทำให้หวนระลึกถึงผลงานแปลฉบับของ ราอูล ที่ฉันตกระกำลำบากในการอ่านอย่างแสนสาหัส…
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครนA SHORT HISTORY OF TRACTORS IN UKRAINIAN ผู้เขียน : MARINA LEWYCKA ผู้แปล : พรพิสุทธิ์ โอสถานนท์ ประเภท : นวนิยายแปล พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน และแล้วฉันก็ได้อ่านมัน ไอ้เจ้าแทรกเตอร์ฉบับยูเครน เมียงมองอยู่นานสองนานแล้วได้สมใจซะที ซึ่งก็สมใจจริงแท้แน่นอนเพราะได้อ่านรวดเดียวจบ (แบบต่อเนื่องยาวนาน) จบแบบสังขารบอบช้ำเมื่อต่อมขำทำงานหนัก ลามไปถึงปอดที่ถูกเขย่าครั้งแล้วครั้งเล่า ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครน เป็นนวนิยายสมัยใหม่ที่ใช้ภาษาง่าย ๆ แต่ดึงดูดแบบยุคทุนนิยมเสรี…