Skip to main content

นายยืนยง

 

19_06_1

 


ชื่อหนังสือ : นกชีวิต

ประเภท : กวีนิพนธ์

จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อมีนาคม 2550

ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์



เคยสังเกตไหมว่าบางครั้งบทกวีก็สนทนากันเอง ระหว่างบทกวีกับบทกวี ราวกับกวีสนทนากับกวีด้วยกัน ซึ่งนั่นหาได้สำคัญไม่ เพราะความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้หมายถึงการแบ่งแยกระหว่างผู้สร้างสรรค์ (กวี) กับผู้เสพอย่างเรา ๆ แต่หมายถึงบรรยากาศแห่งการดื่มด่ำกวีนิพนธ์ เป็นการสื่อสารจากใจสู่ใจ


กระนั้นก็ตาม ยังมีบางทัศนคติที่พยายามจะแบ่งแยกกวีนิพนธ์ออกเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เป็นกวีฉันทลักษณ์ เป็นกวีไร้ฉันทลักษณ์ อย่างไรก็ตามจะเป็นที่น่าชื่นชมยินดียิ่ง หากการนั้นเป็นไปเพื่อศึกษาอย่างถ่องแท้ หาใช่เพื่อเป็นการกีดกัน กั้นแบ่ง

คราวที่แล้วได้กล่าวถึงกวีนิพนธ์ในดวงใจไปแล้ว แม้เป็นงานกวีนิพนธ์ที่มีอายุยาวนานแต่ปฏิเสธความสดใหม่ไม่ได้ ยังคงร่วมสมัยอยู่ และเปี่ยมด้วยอรรถรสวรรณศิลป์ คราวนี้จึงอยากกล่าวถึงกวีนิพนธ์ที่ใหม่กว่า คือหนังสือวางแผงได้ไม่นานนัก เป็นผลงานของกวีซีไรต์ เจ้าของผลงาน แม่น้ำรำลึก เขาคือ

เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ กับผลงานกวีไร้ฉันทลักษณ์ชื่อเล่มว่า นกชีวิต


นกชีวิต นั้น ประกอบด้วย ชีวิต ต้องกล่าวโดยบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ใช่ถ้อยคำยียวนแต่อย่างใด เพราะถ้อยคำของเรวัตร์นั้น สืบสายมาจากน้ำเนื้อแห่งชีวิตอันที่จะอ่านอย่างทนุถนอมอารมณ์ตัวเอง หากแต่ชีวิตนั้น เป็นชีวิตในแบบอย่างดังมนุษย์ผู้ปรารถนาจะดำรงอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมดังที่ คนสวน ดำรงอยู่ อยู่ในสวนฤดูกาล อยู่กับเพื่อนชีวิตหลายประเภท ไม่ว่าจะ เจ้านกกระจิบ แมวหนุ่ม ไส้เดือน แม่ไทรสาว หรือ แสงแดดสายลม สายฝน และหยาดน้ำค้าง ซึ่งต่างร่วมดำรงอยู่อย่างกลมกลืน เป็นดุลยภาพอันแสนรื่นรมย์ในสวนแห่งนั้น


ผู้อ่านสามารถจะเลือกสรรได้จากงานกวีของเขา โดยที่ขณะเดียวกัน อารมณ์ของเราจะค่อย ๆ หลอมรวมเป็นความสงบ อ่อนโยนด้วยภาษาอันสะอาดหมดจด เรียบง่าย ตรึงประทับในใจ เป็นเนื้อเดียวกับน้ำเสียงของการเล่า เป็นภาพสะท้อนของทัศนะคติอันสุขุม สงบเย็น ไม่มุ่งจะประทุษร้ายอารมณ์ผู้คน สังคมอย่างดุดัน เป็นบรรยากาศอย่างกลิ่น - สัมผัสน้ำค้างบนปลายหญ้า ระหว่างสายลมของวันคืนที่ผัดผ่านอย่างละมุนอ่อนหวาน รวมเป็นน้ำเนื้อแห่งกวีนิพนธ์นั่นทีเดียว


เหตุใดเราจึงยกย่องกวีนิพนธ์ หรืองานวรรณกรรมบางเรื่องว่ามีความดีเลิศ

เหตุผลคือ ความประณีตละเอียดอ่อนของอารมณ์ เนื้อหา ประณีตพิถีพิถันในการเลือกใช้คำเพื่อสื่อสารแสดงออกถึงอารมณ์ที่ผู้แต่งต้องการบอกเล่าถึงผู้อ่าน เพื่อดำเนินไปสู่พลังขับเคลื่อนบางอย่าง นั่นคือความสะเทือนใจ


เหตุผลข้างต้นนั้นได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า นกชีวิต เป็นกวีนิพนธ์ที่ประณีตยิ่ง โดยเฉพาะกับอารมณ์ด้านลึกของมนุษย์ ขอยกตัวอย่างบทแรกในหน้า 19 ดังนี้


เมื่อเราลงมือปลูกต้นไม้

เราได้ปลูกดวงใจไปพร้อมกัน

ก่อนค่อย ๆ กลบฝังความลับบางประการเอาไว้

ฝากดวงใจฤดูกาลให้ช่วยคุ้มครองดูแล

เปลวแดดคือพ่อ สายฝนคือแม่

และฤดูหนาวนั้นคือศาสนา

ความลับจะเติบโตพร้อมให้ดอกผลอันหอมหวาน

เฉกเช่นวันวัยของผู้ปลูกฝัง

ดอกผลกลายเป็นผึ้ง เป็นผีเสื้อ เป็นสกุณา

เป็นด้านสวยงามในหัวใจอัปลักษณ์ของมนุษย์

ยิ่งผ่านเดือนปีก็ยิ่งเข้าใจชีวิตและโลกมากขึ้น

เป็นร่มเงาอ่อนโยนสมถะ

แต่ทว่าหัวใจของความลับยังคงดำรงอยู่

จนกว่ามนุษย์

จะสามารถเข้าใจภาษาของสกุณานั่นกระมัง

แต่บางครั้ง, การได้โอบกอดไม้ต้นนั้น

แล้วแนบใบหูลงไปยังดวงใจของเธอ

ความลับก็อาจไม่เป็นความลับอีกต่อไป

แล้วพลันตระหนักได้ว่า

ชีวิตคือการปลูกไม้เพียงต้นเดียว

เพื่อหยั่งรากลงเสาะค้น

ความลับบางประการของชีวิต


เพียงบทแรกเราจะได้เห็นถึงกลวิธีการใช้โวหารอย่างที่เคยคุ้นในชื่อที่เรียกว่า บุคลาธิษฐาน

คือสมมุติให้สิ่งใดมีชีวิตเช่นเดียวกับมนุษย์ มีอารมณ์ ความคิด บทนี้เรวัตร์สร้างให้ต้นไม้มีชีวิตขึ้นมา เป็นชีวิตที่มีมิติ มีปริศนา เป็นสัมพันธภาพระหว่างผู้ปลูกกับต้นไม้ของเขา บทนี้มีนัยยะที่ทำให้คิดไปได้ว่า ต้นไม้นี้ของเรวัตร์ อาจจะหมายถึงบทกวีที่เขาเขียน เป็นบทกวีที่กวีเขียนถึงบทกวีของตัวเอง และเขียนถึงสายใยระหว่างบทกวีกับตัวกวีเองด้วย แม้ใช้เพียงถ้อยคำเรียบง่าย แต่บทนี้กลับให้ความรู้สึก มาก ไม่แน่ใจนักว่าใครจะรู้สึกเช่นเดียวกัน หรือเราจะเพ้อไปเองก็ไม่รู้


นกชีวิต เล่มนี้ นอกจากเขียนถึงสิ่งมีชีวิตรอบตัวที่ต่างดำรงอยู่ภายในสวนแล้ว กวีอย่างเรวัตร์ก็ได้เขียนถึงกวีเอาไว้ด้วย เห็นไหมล่ะว่า กวีเองก็อยากสนทนากับกวีเช่นเดียวกัน ต่างแต่ว่าใครจะพูดมาก พูดน้อย

ยกตัวอย่างในบทที่ 25 หน้า 67


เด็กหนุ่มพูดถึงความมั่นคงของชีวิตและการงาน

ในขณะหัวใจโหยหาวิถีทางของกวีนิพนธ์

สับสนอยู่บนทางแพร่งแห่งการเลือก

ระหว่างผิวเปลือกกับแก่นแกน

คนสวนเหมือนพูดกับตนเอง-

¡® หากบทกวีแตกผลิอยู่ข้างในตัวเรา

แล้วมีเหตุผลสามานย์อันใดกันเล่า

ที่เราจะไม่ถนอมรักและหล่อเลี้ยงมันไว้

เพื่อที่วันหนึ่ง

มันจะเติบงาม หยั่งราก หยัดต้น แตกกิ่งก้าน

แล้วให้ดอกผลหวานหอมแก่ชีวิต

ชีวิตอันเปราะบาง


เนื้อหาที่แสดงออกถึงอุดมคติของกวีในบทนี้ ใช้ถ้อยคำไม่มาก แต่ให้ภาพอย่างมีชีวิตชีวา

หากบทกวีแตกผลิอยู่ข้างในตัวเรา มันก็จะค่อย ๆ เติบงาม และแน่นอนหากเราดูแลรักษา ถนอมรักไว้

ดอกผลอันหอมหวานจะเป็นความงามแก่ชีวิต เรวัตร์สื่อถึงภาพสามัญที่หนักแน่นของกวีคนหนึ่งได้อย่างมีพลัง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ อหังการ์ แต่อย่างใด เพียงแต่เลือกใช้มุมมองที่มีคุณค่าในตัวเองมากพอ นี่ถือเป็นลักษณะพิเศษจำเพาะอย่างหนึ่งของเรวัตร์ ที่ทำให้กวีนิพนธ์ของเขามีทำนองเนิบช้าแต่คงน้ำหนักและงดงามลึกซึ้ง


นกชีวิต บอกเล่าเรื่องราวเป็นบทกวี ผ่านชีวิตประจำวันของคนสวน เป็นวิธีการเล่าเรื่องราวผ่านกระแสสำนึกของคนสวนเอง ซึ่งสำคัญว่า กลวิธีนี้เองที่ถูกนำมาใช้เพื่อพรรณนาถึงชีวิตตลอดเรื่อง โดยทุกบทตอน จะใช้อารมณ์สัมผัส เพื่อเชื่อมโยงผู้อ่านเข้ากับผู้เขียน และนำพาไปสู่โลกของคนสวน


จุดนี้ คือเสน่ห์ของ นกชีวิต ที่ผูกสัมพันธ์ให้ผู้ส่งสาร และผู้รับสาร เสพสัมผัสอรรถรสไปพร้อมกัน เพื่อให้มองเห็นดุลยภาพแห่งชีวิตดุจเดียวกัน โดยเริ่มจากภาพภายนอกที่คนสวนสัมผัสรู้สึก ซึ่งสะท้อนไปถึงเรื่องราวในอดีต ถึงเรื่องในวัยเยาว์ ไปถึงบุคคลต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในสวน และไปถึงโลกที่ดำเนินอยู่ภายนอกสวนแห่งนี้ สัมผัสรู้สึกที่ถูกนำมาใช้กระตุ้นจิตสำนึกเหล่านั้น ได้แก่อายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ


เชื่อว่าใครที่เคยเหน็ดเหนื่อยกับการอ่านกวีนิพนธ์ ใครที่ว่าอ่านยาก หรือเข้าไม่ถึง หากได้พบกับนกชีวิตเล่มนี้ กวีนิพนธ์ในดวงใจของคุณจะงดงามขึ้น ดังที่เรวัตร์ว่า กวีนิพนธ์อาจกำลังแตกผลิอยู่ข้างในคุณก็ได้.




บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ถอดรหัสอ่านเร็ว HI-SPEED READING ผู้แต่ง : ลุงไอน์สไตน์ พิมพ์ครั้งที่ 1 : สำนักพิมพ์บิสคิต ตุลาคม 2551
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ           :           824ผู้เขียน               :           งามพรรณ เวชชาชีวะประเภท              :           นวนิยาย  พิมพ์ครั้งที่ 2 มีนาคม 2552จัดพิมพ์โดย        :      …
สวนหนังสือ
ป่านนี้แล้ว (พ.ศ. 2552) ใครไม่เคยได้ยินเสียงขู่ หรือคำร้องขอเชิงคุกคามให้ร่วมชุบชูจิตวิญญาณสีเขียว ให้ร่วมรณรงค์ลดภาวะโลกร้อน ให้ตระหนักในปัญหาวิกฤตอาหารถาวร โดยเฉพาะปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย ฉันว่าคุณคงมัวปลีกวิเวกนานเกินไปแล้ว
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ชื่อหนังสือ : ลิงหลอกเจ้า ลอกคราบวัตถุนิยมทางศาสนา ผู้เขียน : เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช ผู้แปล : วีระ สมบูรณ์ และ พจนา จันทรสันติ จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง พิมพ์ครั้งแรก : ตุลาคม พ.ศ.2528   เวลานี้เราต้องยอมรับเสียแล้วละว่า หนังสือธรรมะ เป็นหนังสือแนวสาระที่ติดอันดับขายดิบขายดี และมีทีท่าว่าจะคงกระแสความแรงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย   เดี๋ยวนี้ ฉันเจอใครเข้า เขามักสนทนาประสาสะแบบปนธรรมะนิด ๆ มีบางคนเข้าขั้นหน่อย ก็เทศน์ได้ทุกสถานการณ์ อย่างนี้ก็มี ไม่แน่ว่าถ้าคนนิยมอ่านหนังสือธรรมะกันหนาตาเข้า สังคมไทยอาจแปรสภาพเป็นสังคมแห่งนักบวชนอกเครื่องแบบก็เป็นได้…
สวนหนังสือ
  เรียน คุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ ช่อการะเกด ที่นับถือฉันผู้ใช้นามแฝงว่า นายยืนยง คนเขียนคอลัมน์ สวนหนังสือ ในเว็บไซต์ประชาไท ที่มีบทความชื่อ ช่อการะเกด 45 เวลาช่วยให้อะไร ๆ ดีขึ้นจริงหรือ? อยู่ในรายการของบทความทั้งหมด ได้อ่าน กถาบรรณาธิการ ใน ช่อการะเกด 47 ฉบับวางแผงปัจจุบันแล้ว ทราบว่าคุณสุชาติ บรรณาธิการนิตยสารเรื่องสั้นช่อการะเกดได้ให้ความสนใจต่อบทความนี้ ฉันในนามของนายยืนยงจึงเขียนจดหมายแล้วจัดพิมพ์ส่งตู้ ป.ณ. 1143 เพื่อเล่าถึงความเป็นมาคร่าว ๆ…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ :       เดอะซีเคร็ต ผู้เขียน :            รอนดา เบิร์นผู้แปล :             จิระนันท์ พิตรปรีชาพิมพ์ครั้งที่ 54 :  มีนาคม 2551จัดพิมพ์โดย :    สำนักพิมพ์อมรินทร์
สวนหนังสือ
ใกล้เปิดภาคเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2552 แล้ว ภายใต้นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ของรัฐบาลนี้ ถ้าใครได้ดูทีวีคงได้เห็นข่าวประชาสัมพันธ์ หรือได้เห็นสำนักข่าวไปสัมภาษณ์ผู้ปกครองที่ได้รับเงินอุดหนุนค่าเครื่องแบบนักเรียนแล้วไปเลือกซื้อชุดนักเรียนให้ลูก ๆ เป็นที่น่าชื่นอกชื่นใจสำหรับคนเป็นพ่อแม่ที่มีโอกาสเป็นครั้งแรกในการได้รับ "ของฟรี" จากรัฐบาล แม้จะไม่สามารถซื้อได้ครบทั้งชุดก็ตาม เช่น นักเรียนประถม 5 ได้รับเงินเพื่อการนี้คนละ 360 บาทต่อปี คือ 2 ภาคเรียน ๆ ละ 180 บาท บางคนอาจจะได้กางเกงนักเรียน 1 ตัว และ ถุงเท้า 1 คู่ ก็ยังดีฟะ.. กำขี้ดีกว่ากำตดไม่ใช่เรอะ
สวนหนังสือ
นายยืนยง   นิตยสารรายเดือน             :           ควน ป่า นา เล  4 เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ตั้งแต่ปลายมีนาคมจนถึงวันนี้ 9 เมษายน ฉันอาศัยทีวีและหนังสือพิมพ์ อันเป็นสื่อกระแสหลักที่นำเสนอข่าวสารที่เป็นกระแสหลัก คือ ข่าวการเมือง เหมือนกับทุกครั้งที่อุณหภูมิการเมืองเดือดขึ้น ฉันดูข่าวเกินพิกัด อ่านหนังสือพิมพ์จนแว่นมัวหมอง ตื่นระทึกไปกับทุกจังหวะก้าวย่างของมวลชนเสื้อแดง มีอารมณ์ร่วมกับภาคการเมืองส่วนกลางในฐานะผู้เสพข่าวสารเท่านั้นเองจริง ๆ เท่านั้นเองไม่มากกว่านั้น …
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เราติดอยู่ในแนวรบเสียแล้ว แม่มัน! วรรณกรรมการเมืองรางวัลพานแว่นฟ้า ครั้งที่ 6 จัดพิมพ์โดย : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พิมพ์ครั้งแรก : กันยายน 2551 ก่อนอื่นขอแจ้งข่าว เรื่องวรรณกรรมการเมือง รางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2552 นี้ สักเล็กน้อย งานนี้เป็นการจัดประกวดครั้งที่ 8 เปิดรับผลงานวรรณกรรมการเมือง 2 ประเภท คือ เรื่องสั้น และ บทกวี ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2552
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ชื่อหนังสือ : เด็กเก็บว่าว The Kite Runner ผู้เขียน : ฮาเหล็ด โฮเซนี่ ผู้แปล : วิษณุฉัตร วิเศษสุวรรณภูมิ ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม พ.ศ.2548 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ The One Publishing เด็กเก็บว่าว นวนิยายสัญชาติอเมริกัน-อัฟกัน ขนาดสี่ร้อยกว่าหน้า ที่โปรยปก มหัศจรรย์แห่งนวนิยายที่สร้างปรากฏการณ์ปากต่อปากจนติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ เล่มนี้ กล่าวถึงเรื่องราวของอะไรหรือ ทำไมผู้คนจึงให้ความสนใจกับมันมากมายนัก ฉันถามตัวเองก่อนจะหยิบมันมาอ่าน
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : อ่าน (ไม่) เอาเรื่อง ผู้เขียน : ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ ประเภท : วรรณกรรมวิจารณ์ พิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : โครงการจัดพิมพ์คบไฟ การตีความนัยยะศัพท์แสงทางวรรณกรรมจะว่าเป็นศิลปะแห่งการเข้าข้างตัวเอง ก็ถูกส่วนหนึ่ง ความนี้น่าจะเชื่อมโยงกับเรื่อง “รสนิยมส่วนตัว” หรือ อัตวิสัย หากมองในแง่ดี เราจะถือเป็นบ่อเกิดของกระบวนการสร้างสรรค์ได้ด้วย มิใช่หรือ
สวนหนังสือ
นายยืนยงเมื่อการอ่านประวัติศาสตร์ อันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น ฉันว่าควรมีการเขียนหนังสือแนะนำ (How to) เป็นขั้นเป็นตอนเลยจะดีกว่าไหม เพราะมันนอกจากจะปวดเศียรเวียนเกล้ากับผู้แต่งแต่ละท่านแล้ว (ผู้แต่งบางท่านก็ชี้ชัดลงไปเลย เจตนาจะเข้าข้างฝ่ายไหน แต่บางท่านเน้นวิเคราะห์วิจารณ์ โดยที่หากผู้อ่านมีความรู้เชิงประวัติศาสตร์น้อยกว่าหางอึ่งอย่างฉัน ต้องกลับไปลงทะเบียนเรียนวิชานี้อีกหลายเล่ม) ยังทำให้ใช้เวลาอย่างมหาศาลไปกับหนังสือที่เกี่ยวเนื่องกันอีกหลายเล่ม ไม่เป็นไร ๆ เราไม่ได้อ่านเพื่อพิพากษาใครเป็นถูกเป็นผิดมิใช่หรือ อ่านเพื่อได้อ่าน แบบกำปั้นทุบดินก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา…