Skip to main content

นายยืนยง

 

 

 4_07_01

 

 

ชื่อหนังสือ     : ชีวิตและงานกวีเอกของไทย

ผู้เขียน          : สมพงษ์ เกรียงไกรเพชร

จัดพิมพ์โดย   : สำนักพิมพ์ผ่านฟ้าพิทยา

พิมพ์ครั้งแรก  : 27 มีนาคม พ..2508


ตั้งแต่เครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ เริ่มชุมนุมเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เสียงจากสถานีเอเอสทีวีก็กังวานไปทั่วบริเวณบ้านที่เช่าเขาอยู่ มันเป็นบ้านที่มีบ้านบริเวณกว้างขวาง และมีบ้านหลายหลังปลูกใกล้ ๆ กัน ใครเปิดทีวีช่องอะไรเป็นได้ยินกันทั่ว คนที่ไม่ได้เปิดก็เลยฟังไม่ได้สรรพ ต้องเดินเข้าบ้านเปิดทีวีของตัวเองดูจะได้มีเสียงส่วนตัว เพราะทุกบ้านเล่นยุทธวิธีเร่งวอลุ่มกันขนาดหนักจนฟังเอะอะไปหมด ที่สำคัญบ้านที่มีเอเอสทีวียังคอยกวักมือเรียกให้ไปดูด้วยกันอยู่นั่น ไอ้เราก็อยากอยู่นะ ไม่ใช่ไม่อยากดู แต่อย่างว่านั่นแหละ เราอยากมีเสียงส่วนตัวบ้าง อีกอย่างหนึ่งก็เพราะชอบอ่านหนังสือพิมพ์มากกว่าก็มัน “มัน” ดีนั่นเอง อยากพักตาตอนไหนก็พับเก็บไว้ก่อน ไม่ต้องขืนตัวเองนั่งจ้องหน้าจอ


ตั้งแต่พันธมิตรฯ เริ่มเคลื่อนไหว ยิ่งจำนวนผู้ชุมนุมหนาตามากเท่าไร คนที่อยู่นอกเหตุการณ์ต่างพากันวิตกจนหน้าหมองไปหมด บ้างก็ว่า กลียุคแท้ ๆ คนไทยจะฆ่ากันเอง บ้างก็ว่าต้องมี “ใคร” ออกมาทำอะไรสักอย่างให้การชุมนุมยุติลงเสียที ไอ้อะไรที่มันร้าย ๆ เหมือนถูกขุดออกมาจากความทรงจำ ภาพเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หรือ 16 ตุลาคม 2519 และพฤษภาทมิฬเหมือนฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนไปทุกยุคทุกสมัย ทั้งที่การชุมนุมประท้วงเป็นปกติของระบอบประชาธิปไตย แต่ทำไมทุกครั้งที่มีการชุมนุม อาการหวั่นวิตกว่าจะเกิดเหตุนองเลือดมันจะกำเริบทุกทีด้วยก็ไม่ทราบ เรารักและหวงแหนความสงบสุขกันมากถึงเพียงนี้หรือ? หรือ “กระเหี้ยนกระหือรือ” อยากให้เรื่องมันจบลงซักที (ไม่ว่าจะจบอย่างไร) เหมือนอย่างใน เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา จากหนังสือเก่าเล่มที่นำมากล่าวถึงก็เข้าทำนองเดียวกัน แต่ในเพลงยาวฯ คล้ายจะมีความรู้สึกหวงแหน อาลัยอาวรณ์เคล้าอยู่ด้วย ลองอ่านดูดีไหมว่า บรรพบุรุษกวีสมัยพ..2199 ..2231 เขารู้สึกนึกคิดอย่างไรกับบ้านเมือง จะเป็นเหมือนกวีรุ่นลูกหลานเหลนสมัยนี้ไหม? ขออนุญาตยกมาให้อ่าน ณ ที่นี้ จากหนังสือ ชีวิตและงานกวีเอกของไทย ที่พิมพ์เมื่อพ..2507 เก่าขนาดพร้อมพลีกายอำลาโลกเลยทีเดียว

ช่างเปราะบางเสียนี่กระไรหนังสือหนอ...


เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา


จะกล่าวถึงกรุงศรีอยุธยา

เป็นกรุงรัตนราชพระศาสนา       มหาดิเรกอันเลิศล้น

เป็นที่ปรากฏรจนา                   สรรเสริญอยุธยาทุกแห่งหน

ทุกบุรีสีมามณฑล                   จบสกลลูกค้าวานิช

ทุกประเทศสิบสองภาษา          ย่อมมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาเป็นอัคคนิษฐ์

ประชาราษฎร์ปราศจากภัยพิศม์ ทั้งความพิกลจริตแลความทุกข์

ฝ่ายองค์พระบรมราชา             ครองขันธสีมาเป็นสุข

ด้วยพระกฤษฎีกาทำนุก           จึงอยู่เย็นเป็นสุขสวัสดี

เป็นที่อาศัยแก่มนุษย์ในใต้หล้า เป็นที่อาศัยแก่เทวาทุกราศี

ทุกนิกรนรชนมนตรี                คหบดีพราหมณพฤฒา

ประดุจดั่งศาลาอาศัย              ดั่งหนึ่งร่มพระไทรอันสาขา

ประดุจหนึ่งแม่น้ำพระคงคา       เป็นที่สิเนหาเมื่อกันดาร

ด้วยพระเดชเดชาอานุภาพ       อาจปราบไพรีทุกทิศาน

ทุกประเทศเขตขันธบันดาล      แต่งเครื่องบรรณาการมานอบนบ

กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์         เพิ่มพูนด้วยพระเกียรติยศขจรจบ

อุดมบรมสุขทั้งแผ่นภพ           จนคำรบศักราชได้สองพัน

คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย         จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น

ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศพิธราชธรรม์ จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์สิบหกประการ


คือเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพท     อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน

มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาล      เกิดนิมิตพิสดารทุกบ้านเมือง

พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง

ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมือง             ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร

พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี         พระกาลกุลีจะเข้ามาเป็นไส้

พระธรณีจะตีอกไห้                 อกพระกาลจะไหม้อยู่เกรียมกรม

ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อวินิศพิศดูก็เห็นสม

มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม      มิใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ

ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด      เกิดวิบัตินานาทั่วสากล

เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา        จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล

สัปรุษจะแพ้แก่ทรชน              มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก

ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว              คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์

ลูกศิษย์จะสู้ครูนัก                  จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย

ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ             นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย

กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย            น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม

ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า                เพราะจัณฑาลมันเข้ามาเสพสม

ผู้มีศิลนั้นจะเสียซึ่งอารมณ์        เพราะสมัครสมาคมด้วยมารยา

พระมหากษัตริย์จะเสื่อมสิงหนาท ประเทศราชจะเสื่อมซึ่งยศถา

อาสัจจะเลื่องลือชา                 พระธรรมาจะตกลึกลับ

ผู้กล้าจะเสื่อมใจหาญ              จะสาบสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ

ผู้มีสินจะถอยจากทรัพย์           สัปรุษจะอับซึ่งน้ำใจ

ทั้งอยุศฆ์จะถอยเคลื่อนจากเดือนปี ประเวณีจะแปรปรวนตามวิสัย

ทั้งพืชแผ่นดินจะผ่อนไป           ผลหมากรากไม้จะถอยรส

ทั้งแพทย์พรรณว่านยาก็อาเพด   เคยเป็นคุณวิเศษก็เสื่อมหมด

จวงจันทร์พรรณไม้อันหอมรส     จะถอยถดไปตามประเพณี

ทั้งเข้าก็จะยากหมากจะแพง       สารพันจะแห้งแล้งเป็นถ้วนถี่

จะบังเกิดทรพิษมิคสัญญี           ฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน

กรุงประเทศราชธานี                 จะเกิดการกุลีทุกแห่งหน

จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พล         จะสาละวนทั่วโลกหญิงชาย

จะร้อนอกสมณาประชาราษฎร์    จะเกิดเข็ญเป็นอุบาทว์นั้นมากหลาย

จะรบราฆ่าฟันกันวุ่นวาย            ฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ

ทางน้ำก็จะแห้งเป็นทางบก         เวียงวังจะรกเป็นป่าเสือ

แต่สิงห์สาระสัตว์เนื้อเบื้อ           นั้นจะหลงเหลือในแผ่นดิน

ทั้งผู้คนสารพัดสัตว์ทั้งหลาย       จะสาบสูญล้มตายเสียหมดสิ้น

ด้วยพระกาลจะมาผลาญแผ่นดิน จะสูญสิ้นการณรงค์สงคราม

กรุงศรีอยุธยาจะสูญแล้ว           จะลับรัศมีแก้วเจ้าทั้งสาม

ไปจบคำรบปีเดือนคืนยาม         จะสิ้นนามศักราชห้าพัน

กรุงศรีอยุธยาเขษมสุข             แสนสนุกยิ่งล้ำเมืองสวรรค์

จะเป็นเมืองแพศยาอาธรรม์        นับวันจะเสื่อมสูญ เอย


เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา เป็นวรรณคดีสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (..๒๑๙๙-๒๒๓๑) พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เชี่ยวชาญในวรรณคดีมาก ยุคนี้วรรณคดีจึงฟูเฟื่องมากที่สุด ถือเป็นยุคทองของวรรณคดีไทย มีนักปราชญ์ราชบัณฑิตเกิดเป็นคู่ใต้พระบุญบารมีหลายท่าน เช่น พระมหาราชครู พระโหราธิบดี พระศรีมโหสถ ขุนเทพกวี ศรีปราชญ์ จนกล่าวกันทั่วไปว่าในสมัยของพระองค์ ข้าราชสำนักและไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินส่วนมากหายใจกันเป็นโคลงกลอนไปหมดทีเดียว นอกจากนั้นยังมีการดัดแปลงแต่งวรรณคดีประเภทใหม่ ๆ ขึ้นอีกหลายประเภทเช่น กาพย์ห่อโคลง และกาพย์ขับไม้


สำหรับเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยานี้ ไม่ปรากฏแน่ชัดว่ากวีผู้ใดประพันธ์ แต่มีการกล่าวถึงในยุคหลังจากนั้น ขอยกบทวิจารณ์ที่น่าสนใจมาให้อ่านควบคู่กันไปด้วย


นั่นคือ “วิจารณ์เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยูธยา” ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงวิจารณ์ไว้อย่างมีเหตุผลดียิ่งดังนี้คือ


พิจารณาเนื้อความที่กล่าวในเพลงยาวบทนี้ มีคำพยากรณ์มาแต่ก่อน ว่ากรุงศรีอยุธยาจะสมบูรณ์พูลสุขเป็นอย่างเลิศล้นจนศักราชได้ ๒,๐๐๐ ปี พ้นนั้นไปจะ “เกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์ ๑๖ ประการ” “เหตุด้วยพระมหากษัตริย์ไม่ทรงทศพิธราชธรรม” บ้านเมืองก็จะมีเภทภัยต่าง ๆ ที่สุดถึงฆ่าฟันกันตาย จนกรุงศรีอยุธยาสูญไปตลอดอายุพระพุทธศานา ๕,๐๐๐ ปี ว่ามีคำพยากรณ์อยู่แล้วดังกล่าวมานี้ มาในสมัยหนึ่งเมื่อกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานีอยู่นั้น ผู้แต่งเพลงยาวบทนี้สังเกตเห็นวิปริตต่าง ๆ ตาม
ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อวินิศพิศดูก็เห็นสม” เกรงว่าจะเข้ายุคเข็ญตามคำพยากรณ์ จึงแต่งเพลงยาวบทนี้ด้วยความอาลัยกรุงศรีอยุธยาลงท้ายว่า

กรุงศรีอยุธยาเขษมสุข แสนสนุกยิ่งล้ำเมืองสวรรค์ จะเป็นเมืองแพศยาอาธรรม์นับวันแต่จะเสื่อมสูญเอย”


ตามความในเพลงยาวพึงเห็นได้ ว่าผู้แต่งเพลงยาวบทนี้ เป็นแต่อ้างตามคำพยากรณ์ที่มีอยู่แล้ว หาได้เป็นผู้พยากรณ์ไม่ จึงเกิดปัญหาเป็นข้อต้น ว่าใครเป็นผู้พยากรณ์.... แต่ในคำพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาอ้างว่าจะเกิดยุคเข็ญ เมื่อศักราชได้ ๒,๐๐๐ ปี จึงเป็นปัญหาเกิดขึ้นอีกข้อ ๑ ว่า ศักราชอันใด ถ้าหมายว่า พุทธศักราช กรุงศรีอยุธยาสร้างเมื่อ พ.. ๑๘๙๓ ครบ ๒,๐๐๐ ปีในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ กรุงศรีอยุธยาก็จะสมบูรณ์พูลสุขอยู่เพียง ๑๐๗ ปี แล้วก็เข้ายุคเข็ญมาก่อนแต่งเพลงยาวบทนี้ตั้ง ๑๐๐ ปีแล้ว ที่ผู้แต่งเพลงยาวเพิ่งหวั่นหวาดว่าจะถึงยุคเข็ญ ก็ส่อให้เห็นว่ามิใช่พุทธศักราชหรือจะหมายว่ามหาศักราช ซึ่งตั้งภายหลังพุทธศักราช ๖๒๑ ปี ถ้าเช่นนั้นเมื่อคำนวณดูในพ..๒๔๗๙ (ปีที่เขียนคำวิจารณ์) นี้มหาศักราชได้ ๑,๘๕๘ ปี ยังอีก ๑๔๒ ปี จึงจะครบ ๒,๐๐๐ เข้าเขตยุคเข็ญที่พยากรณ์ ถ้าหมายความว่าจุลศักราชยังยิ่งช้าออกไปอีกมาก เพราะจุลศักราชตั้งภายหลังพุทธศักราชถึง ๑,๑๘๑ ปี ต่ออีก ๗๐๒ ปี (..๓๑๘๑) จุลศักราชจึงจะครบ ๒,๐๐๐ ศักราช ๒,๐๐๐ ที่บอกไว้ดูไม่เข้ากับเรื่องที่กล่าวในเพลงยาวทีเดียว ชวนให้สงสัยต่อไปถึงข้อที่อ้างว่ามีคำพยากรณ์อยู่แต่ก่อน ที่จริงน่าจะเป็นด้วยคนชอบเอาพุทธพยากรณ์ในมหาสุบินชาดกมาเปรียบในเวลาเมื่อเห็นอะไรวิปริตผิดนิยม เกิดเป็นภาษิตก่อนแล้วจึงเลยเลือนไปเข้าใจกันว่าเป็นคำพยากรณ์ สำหรับพระนครศรีอยุธยาผู้แต่งเพลงยาวนี้ จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็ตามหรือมิใช่พระเจ้าแผ่นดินก็ตามน่าจะปรารภความวิปริตอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยนั้น จึงแต่งเพลงยาวบทนี้ด้วยความกลุ้มใจ บางทีจะเอาศักราช ๒,๐๐๐ อันตั้งใจว่าจุลศักราชเขียนลงเพื่อจะมิให้คนทั้งหลายตกใจว่าถึงยุคเข็ญแล้ว เมื่อเวลาแต่งเพลงยาวนั้น เห็นจะมิใคร่มีใครถือว่าสลักสำคัญมาจนเมื่อเสียพระนครศรีอยุธยา จึงเกิดเห็นสมดังพยากรณ์เพลงยาวบทนี้ก็เลยศักดิ์สิทธิ์ขึ้น...


เมื่อได้อ่านเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาแล้ว มีใครนึกสนุกจะถอดรหัสลับ หรือถอดสัญลักษณ์ว่าอะไรเป็นอะไร เทียบเคียงได้กับใครในยุคข่าวสารสมัยนี้ บางทีเรื่องสนุกแก้เซ็งธรรมดา อาจเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้ แต่ที่แน่ ๆ คือ คนไทยเราล้วนมีอาการวิตกกังวล ห่วงใยชาติบ้านเมืองกันอย่างแน่นแฟ้นทีเดียว บางทีอาจเป็นเพราะนิสัยที่สืบมาแต่บรรพบุรุษก็เป็นได้ ใครจะไปรู้.


 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
  นายยืนยงชื่อหนังสือ           :           พ.๒๗ สายลับพระปกเกล้าฯ ผู้เขียน               :           อ.ก. ร่งแสง (โพยม โรจนวิภาต)ประเภท              :           สารคดีประวัติศาสตร์          พิมพ์ครั้งที่ 2  พ.ศ.…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ฝรั่งคลั่งผี ผู้เขียน : ไมเคิล ไรท จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก : กรกฎาคม 2550 อ่าน ฝรั่งคลั่งผี ของ ไมเคิล ไรท จบ ฉันลิงโลดเป็นพิเศษ รีบนำมา “เล่าสู่กันฟัง” ทันที จะว่าร้อนวิชาเกินไปหรือก็ไม่ทราบ โปรดให้อภัยฉันเถิด ในเมื่อเขาเขียนดี จะตัดใจได้ลงคอเชียวหรือ
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เด็กบินได้ ผู้เขียน : ศรีดาวเรือง ประเภท : นวนิยายขนาดสั้น พิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2532 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์กำแพง มาอีกแล้ว วรรณกรรมเพื่อชีวิต เขียนถึงบ่อยเหลือเกิน ชื่นชม ตำหนิติเตียนกันไม่เว้นวาย นี่ฉันจะจมอยู่กับปลักเพื่อชีวิตไปอีกกี่ทศวรรษ อันที่จริง เพื่อชีวิต ไม่ใช่ “ปลัก” ในความหมายที่เราชอบกล่าวถึงในแง่ของการย่ำวนอยู่ที่เดิมแบบไร้วัฒนาการไม่ใช่หรือ เพื่อชีวิตเองก็เติบโตมาพร้อมพัฒนาการทางสังคม ปลิดขั้วมาจากวรรณกรรมศักดินาชน เรื่องรักฉันท์หนุ่มสาว เรื่องบันเทิงเริงรมย์…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : คนซื้อฝัน ผู้เขียน : ศุภร บุนนาค ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 2 กรกฎาคม 2537 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เคล็ดไทย ตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะอ่านหนังสือของนักเขียนไทยให้มากกว่าเดิม ฉันดำเนินการแล้วล่ะ อ่านแล้ว อิ่มเอมกับอรรถรสแบบที่หาจากวรรณกรรมแปลไม่ได้ หาจากภาษาของนักเขียนไทยรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยจะได้ จนรู้สึกไปว่า คุณค่าของภาษาได้แกว่งไกวไปกับกาละด้วย
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เพลงกล่อมผี ผู้เขียน : นากิบ มาห์ฟูซ ผู้แปล : แคน สังคีต จาก Wedding Song ภาษาอังกฤษโดย โอลีฟ อี เคนนี ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งแรก มิถุนายน 2534 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์รวมทรรศน์ หนาวลมเหมันต์แห่งพุทธศักราช 2552 เยียบเย็นยิ่งกว่า ผ้าผวยดูไร้ตัวตนไปเลยเมื่อเจอะเข้ากับลมหนาวขณะมกราคมสั่นเทิ้มด้วยคน ฉันขดตัวอยู่ในห้องหลบลมลอดช่องตึกอันทารุณ อ่านหนังสือเก่า ๆ ที่อุดม ไรฝุ่นยั่วอาการภูมิแพ้ โรคประจำศตวรรษที่ใครก็มีประสบการณ์ร่วม อ่านเพลงกล่อมผีของนากิบ มาห์ฟูซ ที่แคน สังคีต ฝากสำนวนแปลไว้อย่างเฟื่องฟุ้งเลยทีเดียว…
สวนหนังสือ
นายยืนยง สวัสดีปี 2552 ขอสรรพสิ่งแห่งสุนทรียะจงจรรโลงหัวใจท่านผู้อ่านประดุจลมเช้าอันอ่อนหวานที่เชยผ่านเข้ามา คำพรคงไม่ล่าเกินไปใช่ไหม ตลอดเวลาที่เขียนบทความใน สวนหนังสือ แห่ง ประชาไท นี้ ความตื่นรู้ ตื่นต่อผัสสะทางวรรณกรรม ปลุกเร้าให้ฉันออกเสาะหาหนังสือที่มีแรงดึงดูดมาอ่าน และเขียนถึง ขณะเดียวกันหนังสืออันท้าทายเหล่านั้นได้สร้างแรงบันดาลใจให้วาวโรจน์ขึ้นกับหัวใจอันมักจะห่อเหี่ยวของฉัน
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ : เงาสีขาวผู้เขียน : แดนอรัญ แสงทองประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2550จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์สามัญชน น้ำเน่าในคลองต่อให้เน่าเหม็นปานใดย่อมระเหยกลายเป็นไออยู่นั่นเอง แต่การระเหิด ไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนกับการระเหย  ระเหย คือ การกลายเป็นไอ จากสถานภาพของของเหลวเปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นก๊าซระเหิด คือ การเปลี่ยนสถานภาพเป็นก๊าซโดยตรงจากของแข็งเป็นก๊าซ โดยไม่ต้องพักเปลี่ยนเป็นสถานภาพของเหลวก่อน ต่างจากการระเหย แต่เหมือนตรงที่ทั้งสองกระบวนการมีปลายทางอยู่ที่สถานภาพของก๊าซสอดคล้องกับความน่าเกลียดที่ระเหิดกลายเป็นไอแห่งความงามได้
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : เงาสีขาว ผู้เขียน : แดนอรัญ แสงทอง ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์สามัญชน ปกติฉันไม่นอนดึกหากไม่จำเป็น และหากจำเป็นก็เนื่องมาจากหนังสือบางเล่มที่อ่านค้างอยู่ มันเป็นเวรกรรมอย่างหนึ่งที่ดุนหลังฉันให้หยิบ เงาสีขาว ขึ้นมาอ่าน เวรกรรมแท้ ๆ เชียว เราไม่น่าพบกันอีกเลย คุณแดนอรัญ แสงทอง ฉันควรรู้จักเขาจาก เรื่องสั้นขนาดยาวนาม อสรพิษ และ นวนิยายสุดโรแมนติกในนามของ เจ้าการะเกด เท่านั้น แต่กับเงาสีขาว มันทำให้ซาบซึ้งว่า กระบือย่อมเป็นกระบืออยู่วันยังค่ำ (เขาชอบประโยคนี้นะ เพราะมันปรากฏอยู่ในหนังสือของเขาตั้งหลายครั้ง)…
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ : นิทานประเทศ ผู้เขียน : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์นาคร
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : นิทานประเทศ ผู้เขียน : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์นาคร   ผลงานของนักเขียนไทยในแนวของเมจิกคัลเรียลลิสม์ หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ หรือสัจนิยมมายา ที่ได้กล่าวถึงเมื่อตอนที่แล้ว ซึ่งจะนำมาเขียนถึงต่อไป เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นถึงข้อเปรียบเทียบระหว่างงานที่แท้กับงานเสแสร้ง เผื่อว่าจะถึงคราวจำเป็นจะต้องเลือกที่รักมักที่ชัง แม้นรู้ดีว่าข้อเขียนนี้เป็นเพียงรสนิยมส่วนบุคคล แต่ฉันคิดว่าบางทีรสนิยมก็น่าจะได้รับคำอธิบายด้วยหลักการได้เช่นเดียวกัน…
สวนหนังสือ
เมจิกคัลเรียลลิสม์ หรือที่แปลเป็นไทยว่า สัจนิยมมายา หรือสัจนิยมมหัศจรรย์ เป็นแนวการเขียนที่นักเขียนไทยนำมาใช้ในงานเรื่องสั้น นวนิยายกันมากขึ้น ไม่เว้นในกวีนิพนธ์ โดยส่วนใหญ่จะได้แรงบันดาลใจมาจาก ผลงานของกาเบรียล การ์เซีย มาเกซ ซึ่งมาเกซเองก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก ฮวน รุลโฟ (ฆวน รุลโฟ) จากผลงานนวนิยายเรื่อง เปโดร ปาราโม อีกทอดหนึ่ง เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์วรรณกรรมแนวนี้ถูกตัดตอน ขอกล่าวถึงต้นธารของงานสกุลนี้สักเล็กน้อย กล่าวถึงฮวน รุลโฟ ซึ่งจริงๆ แล้วควรเขียนเป็นภาษาไทยว่า ฆวน รุลโฟ ทำให้หวนระลึกถึงผลงานแปลฉบับของ ราอูล ที่ฉันตกระกำลำบากในการอ่านอย่างแสนสาหัส…
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครนA SHORT HISTORY OF TRACTORS IN UKRAINIAN ผู้เขียน : MARINA LEWYCKA ผู้แปล : พรพิสุทธิ์ โอสถานนท์ ประเภท : นวนิยายแปล พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน และแล้วฉันก็ได้อ่านมัน ไอ้เจ้าแทรกเตอร์ฉบับยูเครน เมียงมองอยู่นานสองนานแล้วได้สมใจซะที ซึ่งก็สมใจจริงแท้แน่นอนเพราะได้อ่านรวดเดียวจบ (แบบต่อเนื่องยาวนาน) จบแบบสังขารบอบช้ำเมื่อต่อมขำทำงานหนัก ลามไปถึงปอดที่ถูกเขย่าครั้งแล้วครั้งเล่า ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครน เป็นนวนิยายสมัยใหม่ที่ใช้ภาษาง่าย ๆ แต่ดึงดูดแบบยุคทุนนิยมเสรี…