Skip to main content


 


สามวันที่ผ่านมา ผมกับเพื่อนชาวต่างชาติอีกคนหนึ่งได้มีโอกาสลงพูดคุยกับคนในพื้นที่ภาคอีกสานหลายกลุ่ม ที่น่าสนใจจริงๆกลับเป็นกลุ่มคนสูงวัย

0000

คนกลุ่มแรกที่ผมมีโอกาสไปเจอเป็นนักพัฒนาอาวุโสในอีสาน ท่าทีของพวกเขายังดูสุขุมนุ่มเย็นทรงภูมิความรู้ เพื่อนต่างชาติพูดคุยซักถามเรื่องการทำประชามติและสถานการณ์แวดล้อมมากมาย ผมเดินเล่นเข้าออกวงประชุมบ้างเนื่องจากมีข่าวอื่นที่รุนแรงมากกว่าทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังมีเหตุผลเนื่องจากว่ามีบางคนในวงสนทนาบอกว่ายังจัดกิจกรรมได้ตามปกติ ไม่ได้มีทหารมาคุกคามในการทำกิจกรรมแต่อย่างใด ที่มาก็แค่มาสังเกตการณ์ 

หลังสุดเมื่อผมกลับเข้ามาร่วมฟังอยู่ในวงพูดคุยอีกครั้ง เพื่อนชาวต่างชาติตั้งคำถามในวงว่าจะไปโหวตไหมและโหวตอะไร นักพัฒนาอาวุโสตอบว่าเขาคิดว่าจะไม่ไปโหวตเพราะคิดว่าการโหวตรับหรือไม่รับน่าจะไม่มีผลต่างกันอย่างไร

หลังจากลาจากเดินออกมา เพื่อนชาวต่างชาติหันมาถามผมเบาๆว่าเขาเป็นเสื้อเหลืองใช่ไหม? ผมย้อนถามกลับไปว่าเขารู้ได้อย่างไร เขาตอบว่าสังเกตจากคำพูดเขาเรียกนักการเมืองว่า "นักเลือกตั้ง"

ผมหัวเราะ แต่ไม่พูดอะไร

0000

ชายสูงวัย รายที่สอง วัย 67 ปีที่ผมไปพบเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เป็นหัวคะแนนประชาธิปัตย์ในอีสาน ดีกรีระดับดอกเตอร์  เขาพูดด้วยท่าที่โผงผางเสียงดังบอกว่าเป็นคนบ้านเดียวกับ ชวน หลีกภัย ก่อนเข้ามาลงหลักในอีสาน ชายสูงวัยเอ่ยอ้างประวัติการต่อสู้ยาวนาน ตั้งแต่ขับไล่ฐานทัพอเมริกัน ในช่วงสงครามเวียตนาม เขาวิพากษ์สถานการณ์ทั้งทางสังคมและการเมืองปัจจุบันรวมถึงรัฐธรรมนูญอย่างเกรี้ยวกราด

นั่งฟังอยู่นาน ผมขัดจังหวะถามเขาว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีข้อดี บ้างหรือไม่? เขานั่งคิดอยู่นานแล้วบอกว่ามีดีอยู่ข้อเดียวก็คือในเรื่องการคุ้มครองสถาบันกษัตริย์

ถามต่อว่าจะไปโหวตไหม ถ้าไป จะโหวตเยสหรือโน แกตอบว่าจะไปโหวตโน  นักการเมืองสูงวัยพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าอยากให้ระบบการเมืองปกติกลับคืนมา ผมแหย่ถามกลับไปว่า ไม่กลัวแพ้เหรอเดี๋ยวนักซื้อเสียงกลับมาอีก แกบอกว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีใครขายเสียงแล้ว คุณมีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อชาวบ้านไม่ได้ แพ้ก็ไม่เป็นไร แค่ขอให้บ้านเมืองกลับมาอยู่ในระบบปกติ แต่ขอให้มีการพูดคุยและรับฟังความเห็นกันบ้างเท่านั้น 

โดยจากตอนแรกที่ดูเหมือนว่าแกจะแสดงอาการกร่าง เกรี้ยวกราด แต่สุดท้ายผมรู้สึกว่าเป็นการแสดงความหมดหวังต่ออนาคตมากกว่า

0000

สำหรับชายชาวบ้าน ผมขาว คนที่สามที่ผมได้พบ ผมไม่ได้พูดคุยกับแกมากนัก ทราบแต่ว่าแกเป็นเหยื่อที่ถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐจากกรณีเปิดศูนย์ปราบโกง แต่ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีโอกาสคุยรายละเอียดกับแก แต่แกก็ให้คำตอบกับผมบางอย่างถึงพฤติกรรมการเสพสื่อของคนอีสานที่เปลี่ยนไป

ที่มาภาพ: facebook.com/sarayut.tangprasert/videos

 

บล็อกของ gadfly

gadfly
รอยยิ้มที่เปิดเผยของมันเหมือนกับแสงสว่างยามอรุณ แสดงถึงความจริงใจ ความมุ่งหวังและพลังของไฟที่สุมขอนไม่ยอมดับแม้โดนประพรมด้วยหยาดฝน แม้ต้องเผชิญกับสิ่งที่แสนจะร้ายกาจแต่มันไม่ยอมจำนน โปรดมั่นใจเถิดว่าไม่มีแสงดาวดวงไหน ไม่มีแสงตะวันยามรุ่ง ณ ที่แห่งใด ที่จะนำพาความท้อแท้สิ้นหวังมาให้เรา
gadfly
วันนี้มีโอกาสได้พบกับหนุ่มใหญ่ผู้ดูแลเว็บที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งในเมืองไทย เขานั่งรอฟังคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวจากศาล ในกรณีเอกสารที่เขาได้เผยแพร่ในเว็บที่เขาดูแลเป็นเอกสารปลอม
gadfly
คิดถึงภาพความทรงจำที่ผ่านมากว่ายี่สิบปีแล้ว ยังไม่มีวันลืม เหตุการณ์ไฟไหม้ชุมชนแออัด(สลัม)คลองเตย (ชุมชนร่มเกล้า) เหตุเกิดในช่วงหัวค่ำ ผมกับเพื่อนๆเดินฝ่าฝูงคนที่หอบหิ้วข้าวของหลบหนีออกมาเราฝ่าเข้าไป ...พวกเราพยายามทุกวิถีทางในการดับไฟที่โหมไหม้