Skip to main content

รถไฟจะออกจากฮานอยไปซาปา สองทุ่มตรง ลงสถานีเลาไคและต่อรถตู้ อีกครึ่งวัน


เรายังย่ำต็อกอยู่ในฮานอย รอเวลา จึงหอบผ้าหอบผ่อนไปจองแบมบู เกสเฮ้าส์ เอาไว้สำหรับวันที่จะกลับมา ตามแผน เราจะอยู่ที่ซาปา 2 คืน 3 วัน แล้วกลับมาฮานอย จองทัวร์ไปอ่าวฮาลอง อีก 2 คืน 3 วัน ถึงจะกลับมาพักที่ฮานอย 2 คืน ก่อนจะกลับบ้าน


จองห้องที่แบมบู เกสเฮ้าส์ เอาไว้กันเหนียว


ฮานอย 18.00 . ก็เหมือนกับกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาเร่งด่วน รถติดและคนกลับบ้าน เราอยากมั่นใจว่าจะไม่ตกรถไฟ จึงติดต่อให้ทางแบมบูจัดหารถแท็กซี่ไปส่ง ที่การันตีว่า ไม่มีชาร์ต จากคำบอกเล่าของเราที่เจอกับรถแท็กซี่ ออน ทัวร์ วนรอบเมืองในเช้าวันเดียวกัน


รับประกันค่ะ” รีเซฟชั่นชาวเวียด บอกเราเอาไว้เช่นนั้น


...


แท็กซี่มาถึงหนึ่งทุ่มนิดหน่อย ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดเสื้อสีฟ้า กางเกงสแล็ก บอกยี่ห้อว่าเป็นแท็กซี่ ไดร์ฟเวอร์ ขนานแท้เปิดประตูรถช่วยเราหอบกระเป๋าขึ้นรถ ก่อนจะเปิดประตูท้ายและโค้งให้อย่างสุภาพ เขากดมิเตอร์และเคลื่อนรถฝ่าการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน


แน่นอน ด้วยการบีบแตรขอทางลั่นถนน


แท็กซี่คันขาวฝ่าการจราจรมาถึงก่าบี อันเป็นสถานีย่อยสำหรับคนที่ต้องการโดยสารไปซาปา ทางด้านหน้าสถานีรถไฟเต็มไปด้วยผู้คนทั้งนักเดินทาง คนขายของ พนักงานตรวจตั๋ว ค่อนข้างสลัวและพลุกพล่านด้วยบรรยากาศขรึมในแบบสถานีรถไฟทั่วไป


รถหยุดสนิท เราควักเงินดองจ่ายไป 25.000 ตามราคาบนมิเตอร์ ชายหนุ่มแท็กซี่ไดร์ฟเวอร์ หยุดชะงัก เค้าหันมาและกางนิ้วทั้ง 5 เหยียดตรง


ฟิฟตี้ ดอง” เขากล่าว ใบหน้าเริ่มเครียดเหมือนกับเรา

เราเริ่มอึ้งก่อนจะชี้ไปมิเตอร์บอกราคา

โน มิเตอร์ ฟิฟตี้ดอง” เขายื่นคำขาดเป็นภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น

เอาแล้วไง โนมิเตอร์ ภายใต้บรรยากาศมาคุ


ยาดาวางเงินไว้ตรงคอนโทรลข้าง ยืนยันราคาตามมิเตอร์แล้วบอกให้เขาเปิดท้ายรถเพื่อที่จะได้ไปเอาของลง อากาศในรถดูเหมือนเริ่มจะน้อยลงทุกที เขาเริ่มขึงขังและไม่ยอมเปิดท้ายรถเพื่อให้เราเอาของลง ทั้งสองฝ่ายต่างเริ่มส่งเสียงดัง จับใจความได้ว่า

โนๆๆๆ” “25.000 ดอง” “50.000 ดอง”


ยาดาให้ผมลงจากรถเพื่อไปเอาของ ผมลังเลเกรงว่า หากหนุ่มแท็กซี่ไดร์ฟเวอร์จะออกรถไปขณะที่มียาดาอยู่ด้วย แล้วตรูจะทำไงหว่า ผมเปิดประตูอีกด้าน ยังเห็นว่ามันคลายล็อกไม่ได้จึงต้องถัดมาลงประตูด้านของยาดา ร้องว่าจะเรียกโปลิด


ได้ผลแฮะ หนุ่มแท็กซี่ไดร์ฟเวอร์ เดินลงมาเปิดท้ายรถให้ ด้วยความฉุนเฉียว ชี้ไปที่โปลิด

นั่นไง โปลิด” ประมาณว่า เรียกมาเลย ฉันไม่กลัวเว้ย!

เราหยิบกระเป๋าเดินเข้าก่าบี ได้ยินเสียงหนุ่มนายนั้นปิดท้ายรถดังปึง

เอากะเขาสิ


...


สถานีรถไฟเลาไค 06.00 . อยู่ภายในเกร็ดสีขาวของละอองหมอก ชื้นแต่สดชื่น นักท่องเที่ยวที่จะไปซาปาสามารถซื้อตั๋วต่อรถตู้ได้ภายในสถานีเลาไค ในราคา 15.000 ดอง ขับกันครึ่งวัน เลียบไปตามช่องเขาเพราะเป็นพรมแดนทางเหนือที่อยู่ติดประเทศจีน ซาปา เดือนเมษายนยังอยู่ในช่วงหน้าร้อนที่มีแดดอ่อนและเต็มไปด้วยละอองหมอก


เมื่อรถตู้ออกจากเมืองเลาไค หากใครเป็นคนที่เมารถสักหน่อยจะเริ่มมีอาการวิงเวียนเฉพาะเมื่อรถไต่ระดับไปบนเทือกเขาที่ทอดยาว ผ่านนาขั้นบันได กลางสายแดดอ่อนที่แหย่งสายลงมาจากกลุ่มเมฆก้อนใหญ่ ภูเขาทั้งเทือกถูกแปรเป็นนาขั้นบันไดสมคำร่ำลือที่ว่าส่งออกข้าวมากเป็นอันดับสอง รองลงมาเป็นพืชเศรษฐกิจจำพวกอื่นๆ อย่างเช่น ผลไม้หลากชนิด พลับ ท้อ ที่ขึ้นดีในพื้นที่ที่มีอากาศหนาว ไร่ข้าวโพด มันสำปะหลังและเลี้ยงสัตว์เล็กน้อย


จนเห็น ชาวม้งเดินจูงควายอยู่ริมถนนท่ามกลางสายฝนที่หลั่งเม็ดลงมาเล็กๆ

นั่นแหละ ซาปา


...


ซาปาเป็นเมืองในหุบเขา หมอกลงจัดอยู่ตลอดเวลา รถตู้จะวิ่งลงมาตามทางลาดลงเขา ใจกลางเมืองจะมีสระน้ำขนาดใหญ่ ติดกับส่วนงานราชการ ซีกโรงแรมจะอยู่ฟากตรงข้ามของสระสาธารณะ ติดกับจัตุรัสกลางเมืองสำหรับหนุ่มสาวไปพรอดรักและเด็กๆ ไปวิ่งเล่น


ตลาดซาปาเป็นแหล่งรวมของแม่ค้าพ่อค้าของชนพื้นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน ชนส่วนใหญ่จะเป็นม้งดำที่มาขายผ้าลายปักที่ริมถนนและกลุ่มเรด เซา (ชื่อชาวม้งเผ่าหหนึ่ง) ที่มานั่งถักกันเห็นๆ ขายกันแบบดีลิเวอรี่ คือ เดินปรี่เข้ามาหา เสนอสินค้าและเปิดฉากตื้อ(เท่านั้นที่ครองโลก)


สิ่งเดียวที่นักท่องเที่ยวอย่างเราทำได้ คือ ยิ้มก่อนเดินหนี

HAHAHA



 10_7_01

ตัวเมืองซาปา ในม่านหมอก


10_7_02
นาขั้นบันได มองเห็นได้ทั่วไปในซาปา


10_7_03
เอ่อ นักท่องเที่ยวจะเจอแบบนี้


10_7_04
ยื่นข้อเสนอด้วยน้ำเสียงออดอ้อน หากใจอ่อนละก้อ ...


10_7_05
ผมตามถ่ายพี่น้องคู่จนได้อย่างที่เห็น


10_7_06
พักเที่ยงจ้ะ


10_7_07
ปักลวดลายกันเห็นๆ


10_7_08a
กลุ่มเรด เซา


10_7_09

10_7_10
ซาปายามค่ำ แปรสภาพเป็นตลาดให้หนุ่มๆ สาวๆ ได้มาเจอกัน


บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สะพานมอญเป็นอีกที่เที่ยวยอดนิยมอีกที่ ,ที่คนส่วนใหญ่จะไป ข้อแรก ไปง่าย ข้อสอง สวยดี นอกเหนือจากนี้ ยังมีเรื่องราวของคนหลากหลายกลุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในวันที่บ้านชื่นใจเต็มไปด้วยสายหมอก ไอชื้นหนาก่อตัวเป็นหยดน้ำ เกาะตามร่องใบสีเขียวอ่อนของยอดหญ้า ... บนทางดิน ดอกปีบสีขาวร่วงเกลื่อนดินนุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนกลัวลิงจากหลายเหตุผล ?? จากหน้าตา ท่าทางที่เอาเรื่อง จากความซุกซน อยู่ไม่นิ่งและอารมณ์ปรวนแปร "อย่าเข้าไปใกล้มันนะ" คุณแม่ยื้อยุดมือลูกสาวที่ยื่นขนมสีหวานไปให้ ... ขณะกดชัตเตอร์ จ๋อบางตัวกระโดดเกาะหลัง ผมคิดว่า มันคงอยากรู้อยากเห็น  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ลิง เรียนรู้การมีชีวิตจากคน ,เราเป็นบรรพบุรุษของลิงผ่านสายใยของวิวัฒนาการ ดวงตาใสแหน๋ว มองตรงมายังกล้วยและถั่วลิสงต้ม ,ไอติมปั่นสีแดงในมือเด็กน้อยถูกฉกไปดูดเลียคลายความร้อนจากอากาศยามเที่ยง ,ทั่วบริเวณพระปรางค์สามยอดแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานโต๊ะจีนลิงที่จัดเป็นประจำทุกๆ ปี
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้า รวมพลก่อนออกเดินทางไกล จะเห็นได้ว่าทุกคนยังสดใส ภาพนี้ถ่ายระหว่างรอรถไปส่งปากทางเข้าดงนาทาม รอยยิ้มใสใสกับผิวพรรณใสใสจะกลายเป็นสีแทนในอีกไม่ช้า  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยาวไกล สายน้ำสีขาวหายเข้าไปในขุนเขา โขดหินและทิวป่า .. เหล่าผู้นิยมไพร ยังคงเดินทางไกล ,ยาวนาน จนเสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงพึมพำ “เพ่ ทามมายมันร้อนอย่างงี้” นายคนหนึ่งเอ่ย “ป่าอิสานไม่เหมือนป่าภาคเหนือ” พี่ลม นายกท้องถิ่นเอ่ยอย่างนิ่มนวล ก่อนออกตัวอย่างเป็นทางการถึงความนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักจะนิยมป่าแถบเหนือมากกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักคิดถึงการเดินทางขึ้นเหนือ ....
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สายลมต้นฤดูหนาวกระหวัดวนบนยอดหญ้า เห็นเป็นริ้วๆ เหนือผลาญหินแห่งดงนาทาม ทุ่งดอกแดงอุบลสลับเหลืองพิมร บานสะพรั่ง ถึงแม้จะดูแห้งแล้งแต่ในโลกของธรรมชาติกลับมอบชีวิตและความสมดุล
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดร้อนเปรี้ยง ผ่าลงกลางหัว , เบื้องหน้า คือ ทางเดินหินที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ,แต่ทุกคนต่างมีความหวังจะเดินไปให้ถึงจุดหมาย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ปลาหมึกสีชมพู ใต้ท้องทะเลสีฟ้า ,มันเอาหนวดยาวๆ เกี่ยวกระหวัด เรือสีน้ำตาลที่มีใบสีเขียว ในสายตาของใครหลายคน ,สีน้ำบนกระดาษดูเลอะเทอ ,แต่ไม่เป็นไร สำหรับน้องกายส์ ซ์ซ์ซ์ , "นี่มันเรื่อง โจรสลัดแห่งทะเลแคริบเบี้ยน ใช่ไม๊" "ไม่ใช่" น้องกายทำหน้า งง อะไรเหรอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
นิ้วเล็กๆ บรรจงแต้มสีและกาว ด้วยความตั้งใจ ,เด็กๆ มักจะไม่กังวลกับความเลอะเทอะ ,ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เชื่อกันว่า ,ศิลปะ กว้างและลึก จรรโลงและสร้างสรรค์ ,เด็กๆ มองเห็นภาพในความว่างเปล่าของอากาศ จนกระทั่ง พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ,และความจำเป็นในชีวิตโบยตี ,เหตุผลของมันทำให้ดวงตาแบบนั้นหายไป  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สำหรับคนที่รักการเดินทาง ยาดาเป็นหนึ่งในนั้น, สำหรับเธอ โลกนี้ไร้กาลเวลา,และเขตแดน หลากเชื้อชาติ ,มีชีวิตและเรื่องราวเสมอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หลังวันเลือกตั้งเป็นเดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม ,ยาดาและทีมสังเกตุการณ์การเลือกตั้งกลับมายังกรุงคาบูล์ เมืองทั้งเมืองสงบนิ่งด้วยบรรยากาศแห่งความศรัทธาและเป็นครั้งแรกที่อัลเฟรลอนุญาตให้ทีมงานออกไปเดินเล่นได้โดยไม่ต้องมีล่ามและทีมการ์ด   บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่เคร่งขรึม ไม่ดื่ม ไม่กิน จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ไร้ข่าวของความรุนแรง ถึงแม้ว่า กลุ่มตาลีบันจะพยายามล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่วันนี้ ถือเป็นวันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั่วโลก ทุกคนกลายเป็นหนึ่ง ไม่ว่า พ่อค้า ข้าราชการหรือกรรมกร ชิกเก้น สตรีท เป็นถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว…