Skip to main content
 

เมาท์เทนวิว เป็นโรงแรมขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งในซาปาที่มีคนไทยนิยมไปพักมากที่สุด
อย่างน้อย รีเซฟชั่นโรงแรมอย่างมิงก็เม้าท์ให้ฟังเอาไว้อย่างนั้น

เราพบเมาท์เทนวิวในเว็บไซต์แนะนำที่พักจากนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่เขียนบันทึกเรื่องราวของเขาในเวียดนามเอาไว้อย่างน่าสนใจ "เมาท์เทนวิว สวยและสะอาด ข้างหลังเป็นทิวเขาที่สลับซับซ้อนและตรงกับจุดที่พระอาทิตย์ตกพอดี ด้านซ้ายจะเห็นกลุ่มบ้านเรือนกลางใจเมืองซาปา ขวาจะเป็นถนนสีเทายาวเหยียดและกลุ่มนาขั้นบันได ทุกเช้า (หากคุณตื่นเช้า) จะมองเห็นละอองหมอกระเรี่ย"

เท่านั้นแหละครับ เมื่อผมกะยาดาไปถึงซาปา เราดิ่งไปเมาท์เทนวิวโดยไม่รอรีเควสซ้ำสอง

เมาท์เทนวิว มีบริการนำเที่ยวหลายรูปแบบ เราเลือกใช้บริการไกด์ทัวร์หมู่บ้านแบบฮาร์ด โร้ด เดินทะลุมันทีเดียว 4 หมู่บ้าน ในเวลา 1 วัน แล้วนั่งรถกลับ จากหมู่บ้านแคท แคท - เลาไช - ยาแหล่งโฮ - และขึ้นรถกลับที่หมู่บ้านถ่าวาน มีอาหารกลางวันเป็นแซนวิช 1 มื้อ สนนราคานี้อยู่ที่ 15 เหรียญ/คน โดยมีไม ไกด์ชาวม้งดำเป็นคนนำทาง

ไม เป็นม้งดำที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เธออายุเพียง 19 ปี จากหมู่บ้านเลาไชและไม่ได้เรียนหนังสือ เธอฝึกพูดภาษาอังกฤษจากการอาชีพไกด์ อาศัยว่ากล้าพูด เท่านี้ก็เป็นไกด์ได้แล้ว

ไม มารอเราแต่เช้า หลังจากทักทายกันเป็นที่เรียบร้อย เธอเดินนำเราลงเนินข้างเมาท์เทนวิว ครอบครัวของเธอมีด้วยกัน 11 คน เธอมีความฝันว่า เธออยากไปอยู่ออสเตรเลีย ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า สวยเรียบง่ายและน่าอยู่กว่าประเทศของเธอมาก

ซาปาเป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน เราทั้ง 3 คนเดินผ่านนาขั้นบันไดริมทางเดินมาหลายผืน ชาวนาเวียดหลายคนเริ่มต้นการทำนาด้วยการขุดดินเป็นขั้น ล้นเนิน ส่วนใหญ่ยังใช้แรงควายไถนา ภาพเด็กชายขี่ควายบนเนินน่าประทับใจมาก ผ่านไปสักระยะ จะมีชาวนาเวียดกระเตงลูกทำนา เป็นภาพที่หาดูได้ยาก

"คนที่นี่ไม่ค่อยชอบถูกถ่ายรูป" ไม พยายามอธิบายให้เราระมัดระวังเรื่องการถ่ายรูป
"ทำไม" ยาดาสนใจขณะที่โฟกัสหญิงชาวซาปาคนหนึ่ง
"เค้าเชื่อว่า เค้าจะไม่สบาย" ไมว่า
"แล้วถ่ายภาพไมได้หรือเปล่า" ผมถาม หันมามองใบหน้าไมอย่างจริงจัง
"ได้สิ ฉันไม่เป็นไร" เธอยิ้มหลังคำตอบ
...

สภาพบ้านเรือนในเขตภูเขาของซาปาส่วนใหญ่เป็นบ้านดิน หลังคาทำด้วยแผ่นไม้ครอบลงมาถึงตัวบ้านเพื่อป้องกันความหนาว ขุดลึกลงไปอยู่ในพื้นบนเนินดินเตี้ยๆ บางแห่งจะเป็นหินก้อนใหญ่นำมาก่อเป็นตัวบ้าน รอบบ้านจะทำแปลงเกษตรผักสวนครัว ที่เห็นมากที่สุดเห็นจะเป็นผักกวางตุ้งและกะหล่ำปลีหัว เลี้ยงเป็ดไก่ ปล่อยให้อิสระเต็มที่เอาไว้ในนาปริ่มน้ำ

ช่วงเดินเมษายนจะเป็นช่วงเดือนของการเตรียมดินสำหรับปลูกข้าว เตรียมหว่านดำเพาะเป็นกล้าข้าวเพื่อเตรียมไปปลูกในแปลงใหญ่อีกที ลาดเนินเขาแต่ละแห่งสูงต่ำ บางแห่งสูงมากแต่ก็ถูกแปรสภาพเป็นพื้นนาเกลี้ยง ลึกเข้าไปในภูเขา หลายจุดมีบริษัทรับเหมาทั้งจากเกาหลีและญี่ปุ่นมาขุดหน้าดินป้อนโรงงานอุตสาหกรรม

มนุษย์นี่เจ๋งที่สุดในการทำลายล้าง เปล่า ผมแค่ประชดกับตัวเอง
"ดีนะ ไมได้อยู่กับธรรมชาติที่มีคนหลายคนต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้ชมความงาม" ยาดาเอ่ยระหว่างทางพักริมลำธารที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน
"..." ไมนิ่งคิดเพื่อหาคำตอบ
"ไม่เชิง ชาวบ้านไม่ได้อะไรหรอก" เธอให้คำตอบ
ชาวบ้านไม่ได้อะไรหรอก นอกจากเป็นเพียงลูกจ้าง คนที่ได้ คือใคร
เจ้าของโรงแรม นักลงทุนด้านการท่องเที่ยว ฯลฯ
ผมขี้เกียจหาคำตอบ
...

เที่ยงวัน ณ ร้านแห่งหนึ่งที่ถูกจำลองเป็นเสมือนโรงเตี๊ยมในหมู่บ้านเลาไช อย่างที่เห็นในหนังจีน ไมพาเราเดินเข้าไปเพื่อกินแซนวิชไข่และแฮม ที่เตรียมมา เราพบเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกหลายกลุ่มที่ใช้เส้นทางเดียวกันกับเรามาอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนั้นอีกหลายคน

คนขายไอติมชนเผ่าขับมอเตอร์ไบก์มาจอดหน้าร้าน รอลูกค้า ยั่วน้ำลายด้วยไอติมสีขาว ส่งไอเย็นสดใส เด็กชาวม้งดำ 2 คน เลียไอติมในมือด้วยความแช่มชื่น

อากาศร้อนอ้าวแต่ก็เย็นเยียบอย่างบอกไม่ถูก ตามความเห็นของผม ซาปา มีสภาพอากาศที่ค่อนข้างพิลึกพิลั่นไม่ใช่น้อย เดี๋ยวก็มีแดดจ้า เดี๋ยวก็มีหมอกลงหนา สลับกันไป คาดเดาว่าคงเป็นลักษณะของเมืองที่อยู่ในหุบเขาที่มีความแปรปรวนตามแรงกดในสภาพอากาศ

เด็กชาวม้งดำคนหนึ่งแอบมองเราทางหน้าต่าง เธอรอจังหวะเวลา ทันทีที่นักท่องเที่ยวลุกจากโต๊ะ เธอจะเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำพลาสติก หากมีน้ำเหลืออยู่ในขวดเธอจะดื่มให้หมดก่อนที่จะเก็บขวดเปล่าเอาไว้ในถุง

เราต้องเดินทางต่อไปแล้ว
...

เส้นทางที่เหลืออีกระยะครึ่งทางเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างไร่ของชาวเวียดในซาปา จากยาแหล่งโฮถึงถ่าวาน รถจะรอรับเราอยู่ที่นั่น ไมทำหน้าที่ของเธออย่างเต็มที่

ช่วงหนึ่งเธอเอ่ยถามเราด้วยความเขินอายว่า
"เมืองไทยมีผู้ชายตุ้งติ้งหรือเปล่า" เธอพยายามใช้ศัพท์ว่าเลดี้บอย
"มีสิ เมืองไทย เรียกว่า กะเทย" ยาดาพยายามคิดคำอธิบายที่ไม่ได้ออกไปในลักษณะดูหมิ่นและให้เข้าใจว่า เมืองไทยค่อนข้างจะยอมรับกับการมีอยู่ของคนเหล่านี้
"เลดี้ บอย ที่เมืองไทยผ่าตัดแปลงเพศได้ ประกวดมิส อคาซา โลก ได้รับรางวัลชนะเลิศ เอ่อ บางคนสวยกว่าผู้หญิงจริงๆ เสียอีก" ยาดาเสริมท้าย
"โอ จริงเหรอ" ไมทำตาโต รอยยิ้มของเธอเจืออารมณ์เขินเล็กๆ
"... เวียดนามมีเลดี้ บอย หรือเปล่า"
"มี แต่เค้าไม่กล้าเปิดเผยตัวเองหรอก" ในกังวานนั้น ไม หมายความว่า จะถูกทางการจับ
...

หมู่บ้านเล็กหมู่บ้านน้อยที่เราเดินทางผ่าน สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะเจอเป็นสิ่งแรก คือ ร้านสินค้าที่ระลึก มีตั้งแต่เข็มกลัด ผ้าปักลาย หมวก(สามเหลี่ยม) กระเป๋า

และการเข้ามากลุ้มรุมขายสินค้าของชาวบ้าน
"ทู บาย ฟอม มี๊" เด็กๆ จะออกเสียงยาวๆ และเดินตามกันเป็นพรวน ยื่นกระเป๋าและเส้นไหมถักให้เราดู หญิงชาวอเมริกันต่อรองราคาด้วยเสียงห้าว ถัดไปเป็นชายหนุ่มชาวญี่ปุ่น ที่เดินผละออกมาจากกลุ่มโบกมือ "โน แต๊งๆๆๆ" ก่อนจะเดินหนีและมีเด็กๆ เดินตามเป็นพรวน

ส่วนผมกะยาดา เราใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว
เอ่อ แต่บางทีก็ใช้สภาพโทรมของนักท่องเที่ยวอย่างสยบก็ได้ผลชะงัด
ถ่าวาน เป็นหมู่บ้านใหญ่ พี่สาวของไมเปิดร้านขายสินค้าที่ระลึกอยู่ที่นี่ เราแวะเข้าไปดูตามคำเชิญ แต่ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจหรือแปลกไปมากกว่าไนท์ บาซา ที่เชียงใหม่ เราจึงไม่ซื้อ ไม ไม่ว่าอะไร ไม่เหมือนกับแม่ค้าคนอื่นๆ ที่เมื่อลูกค้าซื้อจะคะยั้นคะยอหรือเข้าโหมดบึ้งตึงขึ้นมาทันที

ระหว่างรอรถตู้มารับกลับโรงแรม ...
ยาดายื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ไม ถือเป็นเงินพิเศษ ระหว่างความผูกพันที่ก่อตัวขึ้น
อย่างไม่รู้ว่าควรจะตอบแทนเธอ อย่างไรดี

ไม โบกมือเป็นคำตอบ
"ทุกอย่างมันโอเค สำหรับฉัน"
ผมไม่รู้จะแปลคำตอบของเธอออกมาเป็นภาษาไทยอย่างไรดี สิ่งที่มากกว่านั้น คือ ภาษาที่ออกมาจากหัวใจของเธอ ไม ไกด์แห่งซาปา คนนี้ เด็กผู้หญิงที่มีความฝันอยากเห็นโลกกว้าง เธอยอมรับว่า เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ เธอไม่อยากแต่งงานเร็วเหมือนกับเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านของเธอ

เธออยากเดินทาง!!
แต่วันนี้ ไม ยังไม่เคยออกจากหมู่บ้านของตัวเอง แม้แต่ฮานอย!!

17_7_01
ไมกับยาดา

17_7_02
ใบหน้าเปรอะขนาดนี้มีให้เห็นตามรายทางในหมู่บ้าน

17_7_03

17_7_04

17_7_05

17_7_06

17_7_07
นาขั้นบันไดและคนทำนา

17_7_08
หลุมศพ ชาวเวียดนามนิยมฝังศพเหมือนคนจีน ฝังกันในพื้นที่นานั่นแหละครับ

17_7_09
ปักผ้าลวดลายผ้ากันสดๆ

17_7_10
ไม ไกด์นำเที่ยวชาวม้งดำ

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในสายตาของนักเสี่ยงโชค ,เกาะกง หมายถึง แหล่งทำเงินขนาดใหญ่..., หากเทพีแห่งโชคเข้าข้าง, เขาหรือเธอ เหล่านั้น...เชื่อว่า หลายคนคงรู้จักเกาะกงในฐานะแหล่งการพนันแหล่งใหญ่ของประเทศกัมพูชา ณ จุดชายแดนไทย จังหวัดตราด ที่ปล่อยให้มีการเปิดบ่อนเสรี จนรัฐบาลไทยหลายๆ รัฐบาลคิดทำตามอย่าง ..แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีรัฐบาลชุดไหนสามารถแหวกม่านความคิดของสังคมไทยออกไปรอดพ้น...ผมไม่ได้ไปเกาะกงในฐานะนักเล่น (เพราะไม่มีฐานะมากพอ 555) แต่ได้ติดสอยห้อยตามเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งไปสังเกตการณ์ทำข้อมูลเรื่องหญิงชาวกัมพูชาในสถานบริการที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี, ที่อำเภอคลองสนและอำเภอหาดเล็ก จังหวัดตราด .....เกาะกง จังหวัดเล็กๆ…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เปล่า! แม่น้ำสงครามไม่ได้เป็นชื่อที่พ้องกับการสงครามของใคร ..หากโลกใบนี้ได้เพียรสร้างสรรค์ผลงานที่น่าอัศจรรย์...น้ำสงครามมีต้นกำเนิดบนสันภูผาเหล็ก อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ไหลขึ้นไปทางเหนือ ผ่านอำเภอหนองหาน อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ก่อนจะย้อนลงมาที่ อำเภอบ้านม่วง อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร จึงมุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย วกลงอำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร ทะลักล้นเข้าอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม แล้วไปบรรจบกับแม่น้ำโขงที่ไชยบุรี อำเภอท่าอุเทนนับระยะทาง 420 กิโลเมตรและลำน้ำสาขานับร้อยสาย คือ ทุ่งน้ำขนาดกว้างใหญ่ถึง 6 แสนไร่ ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ นครพนม…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ตอนที่ 3 พระธาตุสีขาว หากมานครพนมแล้วไม่ได้ถ่ายภาพพระธาตุพนมคงดูจะกระไรๆ  ..พระธาตุพนมอยู่ภายในวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร บนภูที่เรียกว่า ภูกำพร้า ริมถนนชยางกูร หมู่บ้านธาตุพนม ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ที่น่าสนใจ คือ ภายในพระธาตุได้บรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาตั้งแต่ พ.ศ.8...รอบบริเวณจะมีตลาดขายสินค้าที่ระลึก อย่างเช่น โปสการ์ด รวมถึงร้านอาหารตามสั่งและสินค้าบุญ อย่างเช่น นก ปลาและเต่า ให้เอาไปปล่อยในสระโบราณกลางพระธาตุผู้ศรัทธาแห่แหนกันมาจากทั่วทุกสารทิศ ก่อนออกพรรษาจะมีการมาทำบุญเพื่อทะนุบำรุงวัดและพระธาตุ…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ตอนที่ 2 ท่าอุเทนนครพนม ดินแดนแห่งสายน้ำโขง จังหวัดชายแดนไทยลาวอีกหนึ่งจังหวัดที่สงบเงียบ (สงบเงียบอย่างจริงๆจังๆ) เรียบเรื่อยไปตามริมฝั่งโขงติดกับแขวงคำม่วนที่เพิ่งประกาศนโยบายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกับประเทศไทยเพียงไม่นานลาว ประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล พยายามปรับตัวเองให้เป็นประเทศเมืองท่าค้าขายและขนส่งสินค้าในระดับภูมิภาค พร้อมตั้งเป้าขยายการเติบโตทางพลังงาน, นครพนม-แขวงคำม่วน จึงกลายเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์การค้า และแผนพัฒนาเศรษฐกิจโดยมีรูปธรรมนำ คือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว สายที่ 3 นครพนม-ท่าแขก (สายที่ 1 หนองคาย-เวียงจันทน์, สายที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต)...…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ตอนที่ 1 อุ่น อุ่น ที่บ้านแม่สถิตแดดผีตากผ้าอ้อมพาดเฉียงๆ ทำมุมเอียงๆ กับแกนโลกและหลังคาบ้าน ขับเน้นรวงข้าวสุกปลั่ง สมดั่งคำที่ว่า ทุ่งเอ๋ย ทุ่งรวงทอง, นั่นแหละครับ สิ่งที่ผมคิดภาพเอาไว้, เมื่อรุ่นน้องคนหนึ่งชวนผมพร้อมกับยื่นกำหนดการทัวร์บ้านอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรให้ดู“เออ น่าสนว่ะ”“ไปนะพี่ บอกแม่เอาไว้แล้ว” ในความหมายนี้ หมายถึง ความโอบเอื้อแบบอารมณ์คนชนบท...บ้านข่า ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม หนึ่งในเส้นทางของลำน้ำสงคราม ที่ วีระศักดิ์ จันทร์ส่องแสง นักเขียนแห่งค่ายนิตยสารสารคดี ให้ความหมายว่า “ป่าชายเลนน้ำจืดของแผ่นดินอิสาน”เราเดินทางไปด้วยกัน 6 ชีวิต จากกรุงเทพฯมหานครผ่านโคราช (…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
กัลกัตตาเป็นเมืองหลวงสมัยที่อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ (มันยิ้มเห็นลิ้น “คิดว่านะ”)อาคารร้านตลาดหรือ Shopping Center ยังคงรูปแบบทางสถาปัตยกรรมยุโรป ประเมินได้ว่า นับตั้งแต่คานธีปลดปล่อยอินเดีย “มันก็ยังอยู่อย่างนั้น ทรุดโทรมไปตามเวลาอย่างขาดการดูแล”ยามเช้า “ชั้นตั้งนาฬิกาปลุกออกไปเดินถนนตั้งแต่ 7 โมงเช้า” บนถนนย่านตลาดสด เวลาเหมือนหยุดนิ่ง เงียบสงบ ยามเช้าที่ไหนก็สวยใสอย่างนี้เสมอ ถนนลาดหินเหมือนจัตุรัสกลางในหนังสือวรรณกรรมอังกฤษ“ถนนลาดหินเหมือนฉากหนังหยองขวัญเรื่อง Jack the Ripper มากกว่าว่ะ”อืม .. หน้าโรงแรม ริมถนนตรงข้ามข้างคันโยกน้ำสาธารณะ เด็กน้อยคนนึงกำลังอาบน้ำ สีฟัน “ชั้นพยายามโฟกัส…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เรื่องของเรื่อง คือว่า เพื่อนผมไปอินเดีย ดินแดนแห่งโลกอารยธรรมตะวันออก ..มันว่าของมันว่า ภาพสวยมากนะแก ..ผมตาโต ..เท่าไข่นกกระจอกเทศผมเลยถือโอกาสให้มันเล่าเรื่องที่อินเดียให้ฟัง ..“แก ชั้นไปอินเดียมา” มันว่า แถมต่อท้ายอย่างน่าฟัง “นั่นหน่ะ เป็นประเทศที่ชั้นอยากไปเป็นอันดับหนึ่งเชียวนะ”เมืองระดับอารยธรรมเก่าแก่ของโลก เต็มไปด้วยนักพรตในกลิ่นอายของศาสนาฮินดูอย่างในหนังสารคดี โยคีริมฝั่งแม่น้ำคงคา วัดฮินดู อย่างภาพของเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกหรือทัชมาฮาล อย่างในภาพทัวร์ท่องเที่ยว (อันหลังนี่ผมนึกภาพเอาเอง อิอิ)หลังจากที่เครื่องลงจอดเมืองกัลกัตตา สนามบินแห่งนั้นดูทรุดโทรม ที่น่าสังเกต “…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ท้องฟ้าและท้องน้ำดูจะละลายตัวเข้าหากัน หากไม่มีอ่าวริมน้ำแห่งนั้นขวางกั้นเอาไว้ ...ปลายสุดของสะพานฝั่งมอญ หมู่บ้านคนมอญสงบงัน ไร้เสียง เหมือนชีวิตของพวกเค้า ...\พี่เย็นเกิดที่เมืองไทย พ่อแม่มาจากฝั่งโน้น(ฝั่งพม่า) ถือบัตรสีชมพู (ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า) ก่อนจะแปลงสัญชาติเพิ่งได้สัญชาติไทยมาหนึ่งปี ส่วนสามีไม่มีบัตรอะไรทางอำเภอได้เข้ามาสำรวจแล้วแต่ยังไม่ได้ถ่ายบัตร ตอนนี้ถือหางบัตรพี่เย็นมีลูก 2 คน ชายหนึ่งคน หญิงหนึ่งคน เรียนที่โรงเรียนบ้านเด็กป่าลูกชายมีสูจิบัตรและได้รับสัญชาติไทยพร้อมแม่ ส่วนลูกสาวแจ้งเกินกำหนดไป 2…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ง่ายๆ เราเจอกันที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ ..อาสาสมัครสอนหนังสือเด็กในชุมชน กลางเมืองหลวง..กับครูปู่ กลุ่มซ.โซ่อาสา (รู้จักครูปู่และกลุ่มซ.โซ่อาสา www.volunteerspirit.org)ผมนัดกับนุ้งนิ้งเพื่อขอเข้าไปถ่ายรูป อาสาสมัครและเด็กๆ กลางเมืองหลวงในชุมชนตึกแดง ..ถามคนแถวนั้นว่าทำไมต้องตึกแดง ง่ายๆ อีกเหมือนกันครับว่า เมื่อก่อนตึกแถวนี้ทาสีแดง คนเลยเรียกติดปากว่าย่านตึกแดง ...แล้วทำไมต้องทาสีแดง อันนี้ไม่ได้ถามครับ ?จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ เรา อาสาสมัครต้องนั่งรถสามล้อเครื่องเข้าไปถึงหน้าชุมชนแล้วเดินต่อเข้าไปอีกหน่อย ..ทางเดินแคบๆ นำเราไปยังลานโพธิ์มีเด็กๆ มากกว่า 50 คน รอให้เราเข้าไปสอน...…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หลายเสียงเล่าว่า สถานการณ์ในพม่ากำลังเข้าสู่ภาวะปกติ(เพราะกลัวตาย)ขณะแนวร่วมทั่วโลกกำลังหยุดส่งเสียง ปล่อยเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลและการเมืองระดับภูมิภาคหรือระดับโลกเจรจากดดันกันไปดูรายการชีพจรโลกของคุณสุทธิชัย หยุ่น นั่งคุยกับอุปทูตอเมริกา จีนและอังกฤษ ที่ต่างสงวนท่าทีต่อการแทรกแซงกิจการภายในหรือใช้มาตรการเด็ดขาดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพม่า โดยเฉพาะท่าทีของอุปทูตจีนที่ระล่ำระลักพูดออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจนประมาณว่า ทางการจีนคงจะไม่ทำอะไรอีกต่อไปเพราะเราเชื่อมั่นในพลังประชาชน และไม่คิดว่าการแทรกแซงจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้รักประชาธิปไตย…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้า,เย็น,ค่ำ หน้าสถานทูตพม่า ,สองวันนั้น วิญญาณแห่งเสรีภาพร่ำไห้ออกมาเป็นเสียงfree free free ,free Burma..ด้วยความหวังว่า เสียงแห่งเสรีภาพจะดังก้องไปทั่วโลก ผ่านเวทย์มนต์ของเทคโนโลยีการสื่อสารผิวถนนระอุด้วยไอแดด เหงื่อไคลของเด็กชายไหลลงมาตามผิวหน้า ในตาลุกวาวทุกครั้งที่มีการตะโกนปลุกเร้าว่า “free free free ,free burma” …ชูกำปั้นขึ้นฟ้าให้สุดแขนแล้วตะโกนออกมาดังๆ... free free free, free Burma … free free free, free Burma … free free free, free Burma … free free free, free Burma … free free free, free Burma … free free free, free Burma … free free free, free Burma …ผ้าสีแดงโพกศีรษะ…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ผมคงไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการศาสนา พอที่จะกล่าวหาว่า สังคมไทยเป็นสังคมพุทธแบบไหนนักเดินทางหลายคนที่เคยไปเมืองสังขละบุรี ดินแดน 3 น้ำ ริมชายแดนไทย-พม่าด้านตะวันตก คงจะรู้ว่า หากเราข้ามสะพานไปอีกฝั่งน้ำ ชุมชนคนมอญเคลื่อนไหวในโอบอ้อมของขุนเขา ผืนป่าและผืนน้ำ ตรงจุดที่เรียกว่า สามประสบ แหล่งทำกินของชาวน้ำและแหล่งทำเงินของนักลงทุนเรือแพดารดาษราวเกาะแก่งน้อยใหญ่ เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองสัมผัสกับบรรยากาศแปลกใหม่ คนมอญผู้หาปลาเป็นอาชีพ ไม่ได้ลิ้มรสเนื้อปลาที่ตัวเองหามาได้แต่ถูกแลกเปลี่ยนเป็นเงินบนเรือแพหรือรีสอร์ทหรูริมน้ำแห่งนั้น เลยจากจุดที่ตั้งชุมชนออกไประยะชั่วหม้อข้าวเดือด คือ…