Skip to main content

เรากลับถึงฮานอยอีกครั้งและเป็นช่วงสุดท้ายของทริปส์แบ็กแพ็กครั้งนี้โดยมีเวลา 2 คืน ก่อนจะเดินทางกลับ หมายความว่า เรามีเวลา 1 วันเต็ม สำหรับการตะลุยฮานอย

การเช่ามอเตอร์ไซค์หรือมอเตอร์ไบค์ในฮานอยจัดว่าเป็นความท้าทายของนักขับและได้รับการกล่าวขวัญเอาไว้ในโลนลี่ แพลนเนต ว่า หากคุณไม่มั่นใจ อย่า' ให้พึ่งพาเท้าทั้งสองข้าง

เพราะการจราจรที่นี่คับคั่งเกินกว่า
เพราะตำรวจจราจรที่นี่เอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยว

ยามเช้า เมื่อคนเริ่มพลุกพล่าน ร้านรวงบนจักรยานของแม่ค้าเปิดทำการแต่เช้าตรู่ เรากินอาหารเช้าที่แบมบู โฮเต็ล ก่อนจะตัดสินใจ เช่ามอเตอร์ไบค์ที่โรงแรมนั่นแหละ ด้วยราคา 6 เหรียญ พร้อมกับเขียนชื่อและหมายเลขพาสปอร์ต การกระทำทุกอย่างของนักท่องเที่ยวในเวียดนามจะต้องถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร หนึ่ง เพื่อการจัดเก็บภาษีจากรัฐ สอง เป็นไปตามธรรมเนียมของประเทศสังคมนิยม (อย่างหลังนี่ผมคิดเอาเอง Ha Ha)

เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ผมคิดในใจ เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว ผมก็นักซิ่งมอเตอร์ไบค์คนหนึ่งเหมือนกัน หุหุ
ผมขับ ยาดาเป็นคนบอกเส้นทางตามแผนที่
สถานที่แรกที่เราไป คือ พิพิธภัณฑ์โฮจิมินท์

....

โชคดีเป็นอย่างมากที่วันนั้นเป็นวันสุดท้ายก่อนจะปิดพิพิธภัณฑ์ มีประชาชนจากเมืองต่างๆ มากันหลายคันรถบัสเพื่อเข้าเยี่ยมชม เราซิ่งมอเตอร์ไบค์มาตามเส้นทางถนนสายหลัก วกเข้าวงเวียนโฮจิมินท์ ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์อยู่ในสวนสาธารณะโฮจิมินท์ ที่ประกอบไปด้วยบ้านพัก ประวัติและอนุสรณ์สถานของบุรุษเรืองนามผู้นี้

บุคคลที่จะเข้าเยี่ยมคาราวะศพของท่านจะต้องฝากอุปกรณ์การสื่อสาร กระเป๋า โดยเฉพาะกล้องถ่ายรูปเอาไว้ที่เจ้าหน้าที่ มีการตรวจตราอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยว มีเจ้าหน้าที่ประจำหลายจุด ไม่ควรจะต่ำกว่า 100 คน ทั้งชายและหญิง ตำรวจ พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่แนะนำการท่องเที่ยวในชุดเอ๋าได๋ที่ถูกคัดสรรทั้งรูปร่าง หน้าตาและการฝึกฝน สำหรับการเข้าเยี่ยมชมบุรุษที่มีความสำคัญและปลดปล่อยเวียดนาม

หากใครเคยไปเวียดนามจะสังเกตได้ว่ารูปของลุงโฮจะแขวนประดับไว้ที่ฝาผนังแทบทุกบ้าน เป็นรูปที่มีกันทุกบ้านผ่านความเคารพและศรัทธา

ทุกคนที่จะเข้าเยี่ยมลุงโฮ จะเข้าแถวเพื่อทำการตรวจเช็คและตรวจสอบอย่างถ้วนถี่ แถวยาวค่อยๆ เคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ และมีเจ้าหน้าที่คอยเดินตรวจตราตลอดเวลา เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาหาผม พร้อมกับขออนุญาตเก็บกล้องและกระเป๋าพร้อมกับให้บัตรเพื่อเอาไปแลก ณ. จุดที่เดินออกมาหลังเข้าไปเยี่ยมลุงโฮ

ชายหญิงชาวเวียดนามที่มาจากเมืองต่างๆ เข้าแถวยาวเหยียด ค่อยทยอยเคลื่อนตัวไปพร้อมกัน มีกองทหารยามในชุดสีขาวและหนุ่มๆ ชาวเวียดนามที่ได้รับการฝึกและคัดสรรมาอย่างดีทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบคอยเปลี่ยนผลัดเวรกันอย่างเข้มแข็ง

กล่าวกันว่า กองทหารรักษาพิพิธภัณฑ์ ที่คอยมาเปลี่ยนเวรยามสลับกันนั้นเข้มแข็งและสวยงามไม่แพ้กองทหารที่รักษาพระราชวังบั๊กกิ้ง แฮม ในอังกฤษ ทีเดียว

ผมแอบลอบมองใบหน้าทหารเฝ้าพิพิธภัณฑ์ ที่สง่างามและน่าเกรงขาม จนไม่รู้ว่าจะเขียนบรรยายอย่างไร !!!

...

ลุงโฮ สงบนิ่งอยู่ในกล่องครอบที่เป็นแก้ว การรักษาศพจะต้องส่งไปที่สหภาพโซเวียตทุก 3 ปี อากาศภายในเย็นด้วยเครื่องปรับอากาศรอบๆ กล่องครอบมีดอกไม้ประดับวางเรียงอ่อนช้อย และทหารยามเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 4 มุมของกล่องแก้ว

ใบหน้าของลุงสงบนิ่งเหมือนคนนอนหลับ ในชุดคอจีนสีเทา มีเพียงเนื้อตัวเท่านั้นที่ซีดขาว ทุกคนจะเดินทยอยรอบกล่องแก้วไปตามทางเดิน ห้ามหยุด ห้ามพูดคุย มีเพียงสายตาเท่านั้นที่จับจ้อง บรรยากาศเต็มไปด้วยพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ของคุณป้าท่านหนึ่งข้างหน้าผมที่ทำให้ห้องรู้สึกเหมือนมีคนอยู่

ลุงโฮ ยังมีชีวิตอยู่ในหัวใจคนเวียดนามและชาวโลก

...

เมื่อเรากลับมาถึงแบมบู
"วันนี้ ไปพิพิธภัณฑ์ ... มีคนร้องไห้" ผมเอ่ยกับพนักงานต้อนรับของโรงแรม
"....." เธอฟังผม
"ทำไม"
"ใช่ คนเวียดนามรักลุงโฮมาก โดยเฉพาะรุ่นที่เคยผ่านสงคราม" เธอยิ้มก่อนตอบ
"หากคุณเคยผ่านสงคราม คุณจะรู้"
!!!

21_8_01
เป็นภาพที่มีอยู่ทุกบ้าน ภาพนี้ เท่าตัวจริง ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ฮานอย

21_8_02
โฉมหน้า บรรดาราชองครักษ์ที่ได้รบการคัดสรรมาอย่างดี

21_8_03
จุดนี้ น่าสนใจ เรียกว่า สวนแห่งความสงบ ในอาณาบริเวณพิพิธภัณฑ์

21_8_04
เด็กนักเรียนในฮานอยมาทัศนศึกษา ปลูกฝังความรักในตัวลุงโฮ

21_8_05
ภายในจะมีอาจารย์คอยบรรยาย เสียงเพลงและภาพยนต์ เชิงประวัติศาสตร์สงคราม

21_8_06
ศิลปะแนวกรรมาชีพ

21_8_07
อนุสรณ์สงคราม

21_8_08
อนาคตของชาติ

21_8_09

21_8_10
สุสานโฮจิมินท์ ที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สะพานมอญเป็นอีกที่เที่ยวยอดนิยมอีกที่ ,ที่คนส่วนใหญ่จะไป ข้อแรก ไปง่าย ข้อสอง สวยดี นอกเหนือจากนี้ ยังมีเรื่องราวของคนหลากหลายกลุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในวันที่บ้านชื่นใจเต็มไปด้วยสายหมอก ไอชื้นหนาก่อตัวเป็นหยดน้ำ เกาะตามร่องใบสีเขียวอ่อนของยอดหญ้า ... บนทางดิน ดอกปีบสีขาวร่วงเกลื่อนดินนุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนกลัวลิงจากหลายเหตุผล ?? จากหน้าตา ท่าทางที่เอาเรื่อง จากความซุกซน อยู่ไม่นิ่งและอารมณ์ปรวนแปร "อย่าเข้าไปใกล้มันนะ" คุณแม่ยื้อยุดมือลูกสาวที่ยื่นขนมสีหวานไปให้ ... ขณะกดชัตเตอร์ จ๋อบางตัวกระโดดเกาะหลัง ผมคิดว่า มันคงอยากรู้อยากเห็น  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ลิง เรียนรู้การมีชีวิตจากคน ,เราเป็นบรรพบุรุษของลิงผ่านสายใยของวิวัฒนาการ ดวงตาใสแหน๋ว มองตรงมายังกล้วยและถั่วลิสงต้ม ,ไอติมปั่นสีแดงในมือเด็กน้อยถูกฉกไปดูดเลียคลายความร้อนจากอากาศยามเที่ยง ,ทั่วบริเวณพระปรางค์สามยอดแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานโต๊ะจีนลิงที่จัดเป็นประจำทุกๆ ปี
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้า รวมพลก่อนออกเดินทางไกล จะเห็นได้ว่าทุกคนยังสดใส ภาพนี้ถ่ายระหว่างรอรถไปส่งปากทางเข้าดงนาทาม รอยยิ้มใสใสกับผิวพรรณใสใสจะกลายเป็นสีแทนในอีกไม่ช้า  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยาวไกล สายน้ำสีขาวหายเข้าไปในขุนเขา โขดหินและทิวป่า .. เหล่าผู้นิยมไพร ยังคงเดินทางไกล ,ยาวนาน จนเสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงพึมพำ “เพ่ ทามมายมันร้อนอย่างงี้” นายคนหนึ่งเอ่ย “ป่าอิสานไม่เหมือนป่าภาคเหนือ” พี่ลม นายกท้องถิ่นเอ่ยอย่างนิ่มนวล ก่อนออกตัวอย่างเป็นทางการถึงความนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักจะนิยมป่าแถบเหนือมากกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักคิดถึงการเดินทางขึ้นเหนือ ....
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สายลมต้นฤดูหนาวกระหวัดวนบนยอดหญ้า เห็นเป็นริ้วๆ เหนือผลาญหินแห่งดงนาทาม ทุ่งดอกแดงอุบลสลับเหลืองพิมร บานสะพรั่ง ถึงแม้จะดูแห้งแล้งแต่ในโลกของธรรมชาติกลับมอบชีวิตและความสมดุล
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดร้อนเปรี้ยง ผ่าลงกลางหัว , เบื้องหน้า คือ ทางเดินหินที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ,แต่ทุกคนต่างมีความหวังจะเดินไปให้ถึงจุดหมาย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ปลาหมึกสีชมพู ใต้ท้องทะเลสีฟ้า ,มันเอาหนวดยาวๆ เกี่ยวกระหวัด เรือสีน้ำตาลที่มีใบสีเขียว ในสายตาของใครหลายคน ,สีน้ำบนกระดาษดูเลอะเทอ ,แต่ไม่เป็นไร สำหรับน้องกายส์ ซ์ซ์ซ์ , "นี่มันเรื่อง โจรสลัดแห่งทะเลแคริบเบี้ยน ใช่ไม๊" "ไม่ใช่" น้องกายทำหน้า งง อะไรเหรอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
นิ้วเล็กๆ บรรจงแต้มสีและกาว ด้วยความตั้งใจ ,เด็กๆ มักจะไม่กังวลกับความเลอะเทอะ ,ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เชื่อกันว่า ,ศิลปะ กว้างและลึก จรรโลงและสร้างสรรค์ ,เด็กๆ มองเห็นภาพในความว่างเปล่าของอากาศ จนกระทั่ง พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ,และความจำเป็นในชีวิตโบยตี ,เหตุผลของมันทำให้ดวงตาแบบนั้นหายไป  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สำหรับคนที่รักการเดินทาง ยาดาเป็นหนึ่งในนั้น, สำหรับเธอ โลกนี้ไร้กาลเวลา,และเขตแดน หลากเชื้อชาติ ,มีชีวิตและเรื่องราวเสมอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หลังวันเลือกตั้งเป็นเดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม ,ยาดาและทีมสังเกตุการณ์การเลือกตั้งกลับมายังกรุงคาบูล์ เมืองทั้งเมืองสงบนิ่งด้วยบรรยากาศแห่งความศรัทธาและเป็นครั้งแรกที่อัลเฟรลอนุญาตให้ทีมงานออกไปเดินเล่นได้โดยไม่ต้องมีล่ามและทีมการ์ด   บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่เคร่งขรึม ไม่ดื่ม ไม่กิน จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ไร้ข่าวของความรุนแรง ถึงแม้ว่า กลุ่มตาลีบันจะพยายามล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่วันนี้ ถือเป็นวันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั่วโลก ทุกคนกลายเป็นหนึ่ง ไม่ว่า พ่อค้า ข้าราชการหรือกรรมกร ชิกเก้น สตรีท เป็นถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว…