Skip to main content
...บ้านข่าร้อนมากกกก...ถึงมากที่สุด!!


สายลมฤดูร้อนทำกิ่งไทรกลางลานสั่นไหว แดดจ้าเหนือหัวแต่หนุ่มสาวบ้านข่าไม่หวั่นเกรง พวกเขามารวมตัวกันที่ลานหน้าตลาดใจกลางหมู่บ้าน


วันนี้ มีงานบุญ ...

บุญเดือน4 ,บุญเผวส ,หรืองานบุญพระเวส บุญใหญ่หนึ่งใน ฮีตสิบสอง-คองสิบสี่ ของชาวอิสานและอิทธิพลจากวัฒนธรรมล้านช้าง ศรัทธาและเคารพบรรพบุรุษผีปู่ตา ผีแถน ผีฟ้า ผีตาแฮก(ผีนาผีไร่) ทำให้สมาชิกในหมู่บ้านมีโอกาสร่วมบุญ


ฮีตสิบสองหรือจารีตประเพณีประจำสิบสองเดือน การผสมคำของ "ฮีต" หรือ "จารีต" คือ กฏระเบียบของสังคม ใครฝ่าฝืนมีความผิด เรียกว่า ผิดฮีต ต้องชดใช้


คองสิบสี่หรือครองธรรม 14 อย่าง บนเส้นทางของผู้ปกครองกับผู้ใต้ปกครองและระหว่างพระสงฆ์กับบุคคลทั่วไป ,เพื่อความสงบสุข


คนบ้านข่านับร้อยร่วมชุมนุม ตามแบบจริยาวัตรของบรรพบุรุษ ลูกหลานที่ออกไปทำงานนอกหมู่บ้านจะกลับมาร่วมงานบุญ


,บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เป็นชุมชนของคนย้อ ไทย้อหรือญ้อ


พวกเขาถูกบันทึกถึงต้นกำเนิดว่าอยู่ที่เมืองหงสาทางตอนเหนือของประเทศลาวติดต่อพรมแดนจีน ก่อนจะหนีสงครามมาบริเวณแขวงไชยบุรี (ฝั่งตรงข้ามจุดผ่อนปรนท่าอุเทน จ.นครพนมในปัจจุบัน) ชาวย้อ ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดสกลนครและนครพนม พูดด้วยน้ำเสียงสูง อ่อนหวาน (ชวนหวั่นไหว) ,ไม่ห้วนสั้นเหมือนไทยลาว ผิวเนียนขาวเช่นเดียวกับชาวผู้ไทย


นางรำอายุระหว่าง 10-15 ปี จากโรงเรียนบ้านข่าวิทยาคม เริ่มตั้งขบวนตามเสียงประกาศของโฆษกเพื่อเดินแห่ไปรอบๆ หมู่บ้าน แถวหน้า หนุ่มๆ มีดีกรีเริ่มตั้งขบวนของพวกเขาเหมือนกันถัดไปเป็นขบวนช้างม้า ชูชกชูไม้เท้า กระตุกเชือก(ในที่นี้เป็นเชือกฟาง)ที่มัดข้อมือของพี่น้องกัณหา-ชาลีให้เดินตามก่อนจะส่งเสียงดังเอะอะตามตำนานพระเวสสันดรชาดก


,เสียงหมอลำจากลำโพงทำเอาหนุ่มดีกรีหนาหัวใจระทึก

...


"เมื่อก่อน ลูกหลานมาร่วมบุญเยอะกว่านี้ ได้บุญแรง" แม่สถิตย์วัย 65 แกร่วมบุญเดือน4 ตั้งแต่ยังสาวๆ เล่ายิ้มๆ


ทุกวันนี้ คนน้อย ลูกหลานลางานกลับบ้านไม่ได้ ,เค้ารอช่วงสงกรานต์ นั่นคือ เหตุผล

"โฮ๊ย เดี๋ยวนี่ สิเปี่ยนไปหลาย บ่อม่วน" แม่สถิตย์ ส่งน้ำเสียงสูงและยิ้มอย่างเคย

ไกลออกไป เพลงหมอลำดังมาจากวัด ชวนให้หนุ่มๆ สาวๆ ใจระทึก

 

 

ขบวนบุญตั้งต้นที่ตลาดบ้าข่า แห่รอบๆ หมู่บ้าน ไปยังวัด โดยมีนางรำน้อยๆ นำหน้าขบวน



ลีลาอ่อนช้อยงดงามของนางรำทำเอาหนุ่มบ้านข่าใจแป้ว



รอยยิ้มอ่อนหวานทำให้ความร้อนบรรเทาเบาบาง



ผมก็มาครับ..เพ่



ดูลีลาผมซะก่อน อิอิ



ชายคนนี้แกแต่งเป็นชูชกทุกๆ ปี มือข้างหนึ่งถือไม้เท้า อีกข้างกระตุกเชือกที่มัดข้อมือกัณหา-ชาลี พี่น้องตามท้องเรื่องพระเวสสันดรชาดก



นางรำน้อย รีบหลบด้วยความเขินอายเมื่อผมยกกล้องขึ้นจ่อ



งามสิครับ



หญิงสาวขึ้นไปกราบพระบนศาลาเพื่อขอพรก่อนจะลากลับไปทำงานในเมือง



ผู้เฒ่านอบน้อมศรัทธาในบุญเดือน 4 ตามฮีตสิบสองคองสิบสี่ ที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่

 

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สะพานมอญเป็นอีกที่เที่ยวยอดนิยมอีกที่ ,ที่คนส่วนใหญ่จะไป ข้อแรก ไปง่าย ข้อสอง สวยดี นอกเหนือจากนี้ ยังมีเรื่องราวของคนหลากหลายกลุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในวันที่บ้านชื่นใจเต็มไปด้วยสายหมอก ไอชื้นหนาก่อตัวเป็นหยดน้ำ เกาะตามร่องใบสีเขียวอ่อนของยอดหญ้า ... บนทางดิน ดอกปีบสีขาวร่วงเกลื่อนดินนุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนกลัวลิงจากหลายเหตุผล ?? จากหน้าตา ท่าทางที่เอาเรื่อง จากความซุกซน อยู่ไม่นิ่งและอารมณ์ปรวนแปร "อย่าเข้าไปใกล้มันนะ" คุณแม่ยื้อยุดมือลูกสาวที่ยื่นขนมสีหวานไปให้ ... ขณะกดชัตเตอร์ จ๋อบางตัวกระโดดเกาะหลัง ผมคิดว่า มันคงอยากรู้อยากเห็น  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ลิง เรียนรู้การมีชีวิตจากคน ,เราเป็นบรรพบุรุษของลิงผ่านสายใยของวิวัฒนาการ ดวงตาใสแหน๋ว มองตรงมายังกล้วยและถั่วลิสงต้ม ,ไอติมปั่นสีแดงในมือเด็กน้อยถูกฉกไปดูดเลียคลายความร้อนจากอากาศยามเที่ยง ,ทั่วบริเวณพระปรางค์สามยอดแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานโต๊ะจีนลิงที่จัดเป็นประจำทุกๆ ปี
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้า รวมพลก่อนออกเดินทางไกล จะเห็นได้ว่าทุกคนยังสดใส ภาพนี้ถ่ายระหว่างรอรถไปส่งปากทางเข้าดงนาทาม รอยยิ้มใสใสกับผิวพรรณใสใสจะกลายเป็นสีแทนในอีกไม่ช้า  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยาวไกล สายน้ำสีขาวหายเข้าไปในขุนเขา โขดหินและทิวป่า .. เหล่าผู้นิยมไพร ยังคงเดินทางไกล ,ยาวนาน จนเสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงพึมพำ “เพ่ ทามมายมันร้อนอย่างงี้” นายคนหนึ่งเอ่ย “ป่าอิสานไม่เหมือนป่าภาคเหนือ” พี่ลม นายกท้องถิ่นเอ่ยอย่างนิ่มนวล ก่อนออกตัวอย่างเป็นทางการถึงความนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักจะนิยมป่าแถบเหนือมากกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักคิดถึงการเดินทางขึ้นเหนือ ....
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สายลมต้นฤดูหนาวกระหวัดวนบนยอดหญ้า เห็นเป็นริ้วๆ เหนือผลาญหินแห่งดงนาทาม ทุ่งดอกแดงอุบลสลับเหลืองพิมร บานสะพรั่ง ถึงแม้จะดูแห้งแล้งแต่ในโลกของธรรมชาติกลับมอบชีวิตและความสมดุล
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดร้อนเปรี้ยง ผ่าลงกลางหัว , เบื้องหน้า คือ ทางเดินหินที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ,แต่ทุกคนต่างมีความหวังจะเดินไปให้ถึงจุดหมาย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ปลาหมึกสีชมพู ใต้ท้องทะเลสีฟ้า ,มันเอาหนวดยาวๆ เกี่ยวกระหวัด เรือสีน้ำตาลที่มีใบสีเขียว ในสายตาของใครหลายคน ,สีน้ำบนกระดาษดูเลอะเทอ ,แต่ไม่เป็นไร สำหรับน้องกายส์ ซ์ซ์ซ์ , "นี่มันเรื่อง โจรสลัดแห่งทะเลแคริบเบี้ยน ใช่ไม๊" "ไม่ใช่" น้องกายทำหน้า งง อะไรเหรอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
นิ้วเล็กๆ บรรจงแต้มสีและกาว ด้วยความตั้งใจ ,เด็กๆ มักจะไม่กังวลกับความเลอะเทอะ ,ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เชื่อกันว่า ,ศิลปะ กว้างและลึก จรรโลงและสร้างสรรค์ ,เด็กๆ มองเห็นภาพในความว่างเปล่าของอากาศ จนกระทั่ง พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ,และความจำเป็นในชีวิตโบยตี ,เหตุผลของมันทำให้ดวงตาแบบนั้นหายไป  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สำหรับคนที่รักการเดินทาง ยาดาเป็นหนึ่งในนั้น, สำหรับเธอ โลกนี้ไร้กาลเวลา,และเขตแดน หลากเชื้อชาติ ,มีชีวิตและเรื่องราวเสมอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หลังวันเลือกตั้งเป็นเดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม ,ยาดาและทีมสังเกตุการณ์การเลือกตั้งกลับมายังกรุงคาบูล์ เมืองทั้งเมืองสงบนิ่งด้วยบรรยากาศแห่งความศรัทธาและเป็นครั้งแรกที่อัลเฟรลอนุญาตให้ทีมงานออกไปเดินเล่นได้โดยไม่ต้องมีล่ามและทีมการ์ด   บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่เคร่งขรึม ไม่ดื่ม ไม่กิน จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ไร้ข่าวของความรุนแรง ถึงแม้ว่า กลุ่มตาลีบันจะพยายามล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่วันนี้ ถือเป็นวันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั่วโลก ทุกคนกลายเป็นหนึ่ง ไม่ว่า พ่อค้า ข้าราชการหรือกรรมกร ชิกเก้น สตรีท เป็นถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว…