Skip to main content
บริเวณสนามฟุตบอล โรงเรียนบ้านเปียงหลวงเต็มไปด้วนสีสัน

สีสันงานบุญ

ซุ้มส่างลองทั้ง 107 ซุ้มกระจายอยู่โดยรอบสนามฟุตบอล เวทีดนตรีใหญ่หันหน้าประชันกับเวทีลิเกไทใหญ่หรือ "จ๊าดไต" เวทีใหญ่เล่นดนตรีทันสมัย โครงสร้างเวทีทำด้วยแกนเหล็กประกบเสาสูงราวเมตรครึ่ง ,ส่วนเวทีจ๊าดไตทำจากโครงไม้ไผ่ทั้งหลัง ปูพื้นด้วยแผ่นไม้กระดาน ฝาด้านหลังทำด้วยใบตองตึงสีน้ำตาลแห้งเก่าทะลุมองเห็นด้านใน ,วงดนตรีเครื่องสายดีดสีตีเป่าครบ ,นางรำแต่งหน้าทาปาก พันคอด้วยผ้าแถบมันเลื่อม ด้านตรงข้ามแดนเซอร์ชาวดอยวิ่งกระจายออกมาหน้าเวทีใหญ่


ความบันเทิง 2 ยุค กำลังประชันกันอย่างสมศักดิ์ศรี

เสียงดนตรีกระหึ่มไปทั่วบริเวณ

ยามกลางคืนแสงไฟจากหลอดกลมวับแวมอยู่ตามซุ้มต่างๆ ส่างลองกับพ่อส้านบางคู่ยังคงขี่คอเต้นและรำกันไม่ยอมเลิกรา บางคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง ท่อนบนเป็นเสื้อกล้าม ส่วนท่อนล่างยังคงฉูดฉาด

 

พ่อส้านแม่ส้าน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของงาน เป็นดั่งพี่เลี้ยงที่ต้องคอยดูแลส่างลองจนจบกระบวนการ ตั้งแต่พิธีอบรม รับศีลและบวชลูกแก้ว แห่ลูกแก้ว (5 วัน) ข่ามแขก (เลี้ยงแขกระหว่างพิธี) อุปสมบทเป็นสามเณร จนกระทั่งลาสิกขาบท

ตั้งแต่วันแรก จนวันสุดท้าย

ตั้งแต่เช้าจรดเย็น


แม่ส้านและทีมงาน มีหน้าที่แต่งหน้าแต่งตาส่างลอง ทาปาก ทาแก้มและประดับตกแต่งเจ้าชายน้อยให้เรียบร้อยและงดงามอยู่เสมอ รวมถึงสีสันของชุดและชฏาครอบ ผ้าแถบโพกศีรษะและผ้าแถบคล้องคอ ส่วนทีมงานจะคอยทำหน้าที่เสริมและข่ามแขก ดูแลเรื่องข้าวปลาอาหารแก่แขกที่มาเยี่ยม


พ่อส้านและทีมงานจะทำหน้าที่หนักกว่าสักหน่อย นอกจากต้องคอยดูและส่างลองอย่างใกล้ชิดแล้วยังต้องให้ส่างลองขี่คอไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ ร้านเกมส์ปาเป้า ร้านของเล่น จำพวกหุ่นยนต์ ปืนหรือร้านไส้กรอก ฯลฯ สารพัดร้านที่มาตั้งบูธขายในงาน

ล่อใจส่างลอง

เจ้าชายน้อยที่น้อยที่ยังวิ่งเล่นและซนตามวัยของพวกเขา


ร้านรวงมีทั้งที่เป็นรูปแบบเกมส์ชนิดต่างๆ เช่น โยนห่วงเข้าหลัก โยนกาละมังครอบโค้กลิตร น้ำเต้าปูปลา(ยังเล่นกันอยู่) ปืนจุกก็อก ปาเป้า ยิงธนู ทำแต้มแล้วได้รับรางวัลหลากชนิด ตั้งแต่ขนมขบเคี้ยวจนถึงเหล้ายี่ห้อคุ้นตา


หลังจากเหน็ดเหนื่อย จากการแห่ส่างลองทั้งวัน แต่ละคนแต่ละคู่จะเล่นสนุกสนานเรื่อยไปจนดึกดื่นหรือจนพอใจแล้วจึงกลับมาพักภายในซุ้มของตน

 

การแห่ส่างลอง ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ

นอกจากกำหนดการแห่ที่เริ่มจากการไหว้องค์ดำหรือศาลพระนเรศวร วัดเวียงแหง วัดกำแพงใหม่ วัดปางป๋อ จนวันสุดท้าย จะทำการแห่รอบๆ หมู่บ้านเปียงหลวงแล้ว ส่างลองแต่ละบ้านจะไปไหว้ปู่ย่าตายายญาติที่นับถือ การแห่ส่างลองไปยังสถานที่ต่างๆ พ่อส้านจะทำหน้าที่พระเอกในเรื่องนี้

.....


หนุ่ม หรือ โชหลิง พ่อส้านวัย 21 ปี ผู้เคยเป็นส่างลองมาก่อน

ในวัยนี้ เขาต้องแบกหลานของตัวเองที่มีน้ำหนักมากกว่า 40 กิโลกรัม

โชหลิง ทำงานที่โรงไม้แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เขาลางาน 1 อาทิตย์ เพื่อมาทำหน้าที่พ่อส้าน


"เหนื่อยไหม" ผมถาม เมื่อมองเห็นโชหลิง ปาดเหงื่อที่ใบหน้า

"..." เขาพยักหน้าแทนคำตอบ

"ต้องแบกอย่างงี้ ตลอดเวลาเชียวเหรอ"

"ใช่ ได้บุญ"

"เข้าห้องน้ำก็ต้องแบก" ผมรุกด้วยคำถามต่อมา

"อืม ให้ยืนบนขอบโถ"

"หลังๆ นี่ต้องจ้างคนมาเป็นพ่อส้านบ้างหรือเปล่า" ผมตั้งข้อสังเกตุกับงานอันเหนื่อยและหนัก

"คนอื่นผมไม่รู้ แต่ใครสมัครใจเป็นพ่อส้านจะได้ขึ้นสวรรค์"

โชหลิง ปาดเหงื่ออีกครั้ง

แทนการตอบคำถาม

 

ลูกแก้วหรือส่างลองเป็นตัวแทนของเจ้าชายสิทธัตถะ การแห่รอบๆ หมู่บ้าน หมายถึง การแผ่บุญแก่ผู้คนในหมู่บ้าน

ทำบุญต้องเผื่อแผ่

การให้มีค่ามากกว่าการรับ

 

"ดูเหมือนจะมีการกินเหล้ากันน้อยมากนะ" ผมตั้งข้อสังเกตุเพราะหากเป็นงานที่บ้านป่านนี้คงเมากันแป๊ด

"ใช่ น้อยมาก" โชหลิง บิดฝาขวดคาราบาวแดงยกขึ้นดื่ม อั๊กๆๆๆ

"แต่บางทีก็ดื่มบ้างแก้เหนื่อย คลายหนาว"

ผมคิดถึงลมหนาวตอนย่ำรุ่ง

 

งานนี้ สสส.คงไม่ต้องรณรงค์

 

 

  

มือน้อยของเจ้าชายประนมรับศีล ระหว่างพิธีกรรมบวชเป็นส่างลอง



แม่ส้านกำลังแต่งหน้าทาปากให้ส่างลอง ,สวยงาม









ลีลาและสีสันของขบวนแห่ส่างลองไปยังสถานที่ต่างๆ ที่ใครได้มาเห็นแล้วต้องอึ้ง



เหนื่อยและร้อนครับ???





ระหว่างทางจะมีชาวบ้านโปรยข้าวตอกดอกไม้เป็นระยะๆ



ไทใหญ่ คือ คนไทย


บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สะพานมอญเป็นอีกที่เที่ยวยอดนิยมอีกที่ ,ที่คนส่วนใหญ่จะไป ข้อแรก ไปง่าย ข้อสอง สวยดี นอกเหนือจากนี้ ยังมีเรื่องราวของคนหลากหลายกลุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในวันที่บ้านชื่นใจเต็มไปด้วยสายหมอก ไอชื้นหนาก่อตัวเป็นหยดน้ำ เกาะตามร่องใบสีเขียวอ่อนของยอดหญ้า ... บนทางดิน ดอกปีบสีขาวร่วงเกลื่อนดินนุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนกลัวลิงจากหลายเหตุผล ?? จากหน้าตา ท่าทางที่เอาเรื่อง จากความซุกซน อยู่ไม่นิ่งและอารมณ์ปรวนแปร "อย่าเข้าไปใกล้มันนะ" คุณแม่ยื้อยุดมือลูกสาวที่ยื่นขนมสีหวานไปให้ ... ขณะกดชัตเตอร์ จ๋อบางตัวกระโดดเกาะหลัง ผมคิดว่า มันคงอยากรู้อยากเห็น  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ลิง เรียนรู้การมีชีวิตจากคน ,เราเป็นบรรพบุรุษของลิงผ่านสายใยของวิวัฒนาการ ดวงตาใสแหน๋ว มองตรงมายังกล้วยและถั่วลิสงต้ม ,ไอติมปั่นสีแดงในมือเด็กน้อยถูกฉกไปดูดเลียคลายความร้อนจากอากาศยามเที่ยง ,ทั่วบริเวณพระปรางค์สามยอดแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานโต๊ะจีนลิงที่จัดเป็นประจำทุกๆ ปี
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้า รวมพลก่อนออกเดินทางไกล จะเห็นได้ว่าทุกคนยังสดใส ภาพนี้ถ่ายระหว่างรอรถไปส่งปากทางเข้าดงนาทาม รอยยิ้มใสใสกับผิวพรรณใสใสจะกลายเป็นสีแทนในอีกไม่ช้า  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยาวไกล สายน้ำสีขาวหายเข้าไปในขุนเขา โขดหินและทิวป่า .. เหล่าผู้นิยมไพร ยังคงเดินทางไกล ,ยาวนาน จนเสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงพึมพำ “เพ่ ทามมายมันร้อนอย่างงี้” นายคนหนึ่งเอ่ย “ป่าอิสานไม่เหมือนป่าภาคเหนือ” พี่ลม นายกท้องถิ่นเอ่ยอย่างนิ่มนวล ก่อนออกตัวอย่างเป็นทางการถึงความนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักจะนิยมป่าแถบเหนือมากกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักคิดถึงการเดินทางขึ้นเหนือ ....
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สายลมต้นฤดูหนาวกระหวัดวนบนยอดหญ้า เห็นเป็นริ้วๆ เหนือผลาญหินแห่งดงนาทาม ทุ่งดอกแดงอุบลสลับเหลืองพิมร บานสะพรั่ง ถึงแม้จะดูแห้งแล้งแต่ในโลกของธรรมชาติกลับมอบชีวิตและความสมดุล
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดร้อนเปรี้ยง ผ่าลงกลางหัว , เบื้องหน้า คือ ทางเดินหินที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ,แต่ทุกคนต่างมีความหวังจะเดินไปให้ถึงจุดหมาย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ปลาหมึกสีชมพู ใต้ท้องทะเลสีฟ้า ,มันเอาหนวดยาวๆ เกี่ยวกระหวัด เรือสีน้ำตาลที่มีใบสีเขียว ในสายตาของใครหลายคน ,สีน้ำบนกระดาษดูเลอะเทอ ,แต่ไม่เป็นไร สำหรับน้องกายส์ ซ์ซ์ซ์ , "นี่มันเรื่อง โจรสลัดแห่งทะเลแคริบเบี้ยน ใช่ไม๊" "ไม่ใช่" น้องกายทำหน้า งง อะไรเหรอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
นิ้วเล็กๆ บรรจงแต้มสีและกาว ด้วยความตั้งใจ ,เด็กๆ มักจะไม่กังวลกับความเลอะเทอะ ,ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เชื่อกันว่า ,ศิลปะ กว้างและลึก จรรโลงและสร้างสรรค์ ,เด็กๆ มองเห็นภาพในความว่างเปล่าของอากาศ จนกระทั่ง พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ,และความจำเป็นในชีวิตโบยตี ,เหตุผลของมันทำให้ดวงตาแบบนั้นหายไป  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สำหรับคนที่รักการเดินทาง ยาดาเป็นหนึ่งในนั้น, สำหรับเธอ โลกนี้ไร้กาลเวลา,และเขตแดน หลากเชื้อชาติ ,มีชีวิตและเรื่องราวเสมอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หลังวันเลือกตั้งเป็นเดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม ,ยาดาและทีมสังเกตุการณ์การเลือกตั้งกลับมายังกรุงคาบูล์ เมืองทั้งเมืองสงบนิ่งด้วยบรรยากาศแห่งความศรัทธาและเป็นครั้งแรกที่อัลเฟรลอนุญาตให้ทีมงานออกไปเดินเล่นได้โดยไม่ต้องมีล่ามและทีมการ์ด   บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่เคร่งขรึม ไม่ดื่ม ไม่กิน จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ไร้ข่าวของความรุนแรง ถึงแม้ว่า กลุ่มตาลีบันจะพยายามล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่วันนี้ ถือเป็นวันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั่วโลก ทุกคนกลายเป็นหนึ่ง ไม่ว่า พ่อค้า ข้าราชการหรือกรรมกร ชิกเก้น สตรีท เป็นถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว…