Skip to main content

แดดร้อนเปรี้ยง ผ่าลงกลางหัว ,

เบื้องหน้า คือ ทางเดินหินที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ,แต่ทุกคนต่างมีความหวังจะเดินไปให้ถึงจุดหมาย

\\/--break--\>
,
ดงดอกแดงอุบลกับเหลืองพิสมรบานเป็นกลุ่มๆ สลับสีเต็มลานทาง อวดช่อกลีบเล็กๆ แดง,ม่วง,เหลืองเต็มผลาญหิน นอกจากนี้ยังมี หยาดน้ำค้าง เอนอ้าและทุ่งดอกดินจำพวกดุสิตา สร้อยสุวรรณ ทิพยเกษรกับกระดุมเงิน ,ดั่งผืนพรมที่ถูกถักทอด้วยแรงบันดาลใจของธรรมชาติ ,


ท้องฟ้าสีน้ำเงินจัดค่อยๆ อ่อนจาง ,ตามเส้นโค้งของเปลือกโลก ,ทางเดินหินเลียบเลาะริมผามองเห็นแม่โขง สายน้ำนานาชาติสะท้อนประกายสีปูนจรดเส้นขอบฟ้า

,แม้ว่าจะร้อนอ้าวแต่ทุกคนยังชื่นชมความยิ่งใหญ่ของสายน้ำ

ริมผาใหญ่ ,ธรรมชาติสอนให้เรารู้ว่า แท้จริง มนุษย์ช่างกระจ้อยร่อยเพียงใด

บางสิ่งที่เรียกว่า เทคโนโลยี หากมันไม่สอดคล้องกับกฏเกณฑ์ของโลก ,

ทั้งหมดล้วนไร้สาระ ,

....


เครือข่ายป่าชุมชนป่าดงนาทาม เป็นองค์กรชุมชนที่รวมตัวกันเพื่อจัดการดูแลผืนป่าดงนาทาม มากกว่า 40,000 ไร่ ,ดงนาทามเป็นผืนป่าทางด้านตะวันออกสุดของประเทศในเขตอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี กินพื้นที่ตามแนวยาวของสายน้ำโขง เส้นแบ่งพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศไทยและสปป.ลาว


,
นับตั้งแต่วันที่มีการประกาศพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ทำให้ชุมชนมากกว่า 50 ชุมชนรวมตัวกันเพื่อขออาศัยและเข้าจัดการดูแลผืนป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้


,
กันเขตพื้นที่ป่าชุมชนออกจากป่าอนุรักษ์

,ด้วยผืนดินแห่งนั้นมีเรื่องราว

,เรื่องราวของบรรพบุรุษครั้งปู่สังกะสาย่าสังกะสีเข้ามาตั้งรกราก

,ลึกลงไปในชั้นหิน กระดูกของพวกเขาฝังอยู่ที่นั่น


ป่าดงนาทาม ขึ้นชั้นในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ด้วยสภาพพื้นที่ในแบบป่าเต็งรังที่เต็มไปด้วยพันธุ์พืชแปลกหูแปลกตา ,บนที่ราบสูงสลับภูเขาหินทราย เสาหินและเสาเฉลียง กลายเป็นจุดเด่นสำหรับนักนิยมธรรมชาติ

....


เหล่านักนิยมธรรมชาติ 49 ชีวิต จากเมืองหลวง เดินทางมาถึงพร้อมกับการต้อนรับโดยทีมงานพี่ลม นายกอบต.โพธิ์ไทร ,จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวเชิงอาสาสมัคร ,ครั้งนี้เราจะมาปลูกกล้วยไม้และศึกษาการจัดการป่าชุมชนของเครือข่ายป่าดงนาทาม


ผู้เข้าร่วมทริป ดงนาทาม นอนกลางดาว ก้าวตามตะวัน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศ หมอ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชนและนักธุรกิจผู้แสวงหาความแตกต่างของชีวิต พวกเขาทุกคนสมัครใจจะมาเจอกับโลกนอกหน้าต่างและจอคอมพิวเตอร์


,
กับจุดกำเนิดของชีวิต สายน้ำและผู้คนบางกลุ่ม

,กับหัวใจและการผจญภัย

,ลึกเข้าไปในหัวใจ เราต่างรู้ดีว่า
,
จุดกำเนิดของชีวิตพบได้ในโลกของธรรมชาติ เท่านั้น

 


สองข้างทางระหว่างนั่งรถ พระอาทิตย์ตกและทุ่งนาอร่ามเหลือง ทัศนียภาพแบบอิสานบ้านเรา



กลุ่มนักนิยมธรรมชาติ ระหว่างนั่งพัก ถ่ายรูปกับผลาญหินรูปร่างแปลกตาในผืนป่าดงนาทาม

 

 

 


สายน้ำโขง มองจากเส้นทางเลียบผาในมุมต่างๆ

 



ในป่าชุมชน ป่าไม้ สายน้ำและผู้คน ล้วนเกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออก

 


ระหว่างทางเดิน คุณลุงเจ้าหน้าที่ป่าชุมชนบ้านนาทอย ใช้ใบไม้ซ้อนเป็นกรวยตักน้ำจากลำห้วยขึ้นดื่ม
ดีกว่าถ้วยพลาสติกเป็นไหนๆ

 


เดิน เดิน เดิน หลังจากเดินมามากกว่า
10 กิโลเมตร ทุกคนเริ่มรู้ว่า เราห่างออกไปจากจุดกำเนิดเดิมของชีวิตมากน้อยแค่ไหนแล้ว แต่เมื่อมันผ่าน ทุกคนจึงรู้ดีว่า เราทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดมาก

 


ท้องฟ้าสีท้อง รถอีแต๋น ป่าเต็งรังและเสาเฉลียง ทัศนียภาพเฉพาะถิ่นเช่นนี้ หาได้ในป่าดงนาทามเท่านั้น

 


สายน้ำโขงกลางสายหมอกสีขาว หนาวและดูลึกลับ ก่อนแสงแรกของวันจะเริ่มต้น บนผาชนะใด
(
คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูภาพใหญ่นะครับ)

 

 

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
นานหลายเดือนที่ผมกับยาดาวางแผนการเดินทางไปเวียดนาม ความจริงก็คือ เรามาเร่งหาข้อมูลเอาโค้งสุดท้ายก่อนจะถึงกำหนดเดินทางเพียงอาทิตย์เดียว ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางเข้าสู่เวียดนามมาจากหลายทาง ทั้งจากเพื่อนที่เคยไปและไม่เคยไป (แต่มีคนรู้จักหรือมีเพื่อนเคยไป) ทั้งจากหนังสือและเว็บไซต์ ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศรวมถึงโลนลี่ พลาเน็ต ฉบับเวียดนาม ที่ลงทุนไปหาซื้อมาตั้งแต่ 6 เดือน ก่อนวันออกเดินทาง (16 วัน ระหว่างวันที่ 3-18 เมษายน 51)ทำไมถึงเวียดนาม อย่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย คือ อยากไปว่ะ!
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
...เรือเล็กทะยานออกจากบ้านท่าตาฝั่ง แหวกสายน้ำเห็นเป็นแนวตามความเร็วของเครื่องยนต์ นกนางแอ่นหางลวดโผตัวอยู่เหนือผิวน้ำสีแดงขุ่น เดือนพฤษภาคม น้ำสาละวินจะเป็นสีแดงขุ่น เป็นไปตามระบบธรรมชาติของแม่น้ำสาละวินที่ถูกยกให้เป็นพื้นที่ของความหลากหลายโลกทั้งในแง่ของชีววิทยาและแง่งามทางวัฒนธรรมแม่น้ำสาละวินเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตสองฟากฝั่งน้ำมาอย่างยาวนาน ยาวนานมากพอที่จะสร้างสรรค์รูปแบบทางวัฒนธรรมที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับระบบทางนิเวศน์วิทยาชนเผ่าโบราณใช้สายน้ำสาละวินเป็นเส้นทางสัญจรติดต่อทำมาค้าขายกันมาตั้งแต่ครั้งอดีตอันรุ่งเรือง ตั้งหลักแหล่งเป็นชุมชนโบราณ…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
..........‘พวกเรา’ มาถึงหมู่บ้านแม่สามแลบก่อนเที่ยงเล็กน้อยหลังจากที่ต้องผจญกับโค้งนับร้อยโค้งตลอดคืนบนเส้นทางจากกรุงเทพฯถึงตัวอำเภอแม่สะเรียงและจากตัวอำเภอแม่สะเรียงถึงหมู่บ้านแม่สามแลบ ระยะทางที่เหลือ คือ ถนนลูกรังที่เต็มไปด้วยฝุ่นสีแดงและคันดินระหว่างหน้าผาที่ถล่มเป็นโพรงลึกตลอดเส้นทางจุดหมายของการเดินทาง คือ งานพิธีบวชป่าสาละวินเฉลิมพระเกียรติ ‘ในหลวงของเรา’ งานบวชป่าสาละวินเฉลิมพระเกียรติ (6-9 พ.ค. 51) ถูกจัดขึ้น 2 จุด จุดแรก คือ หมู่บ้านท่าตาฝั่ง จุดที่2 คือ หมู่บ้านแม่ดึ๊ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน การเดินทางไปยังจุดบวชป่าทั้ง 2 จุด จะต้องโดยสารเรือ จากหมู่บ้านแม่สามแลบ…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยามสายวันอาทิตย์ วันหยุดพักผ่อน สำหรับกลุ่มซ.โซ่อาสา กลุ่มอาสาสมัครจะมาสอนเด็กๆ ริมถนนราชดำเนิน ด้านข้างโรงแรมรัตนโกสินทร์......แผ่นกระดาษสีขาวโจทย์บวกลบเลขอย่างง่ายกับโยงคำผิดภาษาไทยได้รับการแจกจ่ายให้เด็กๆ ลูกๆ แม่ค้าพ่อค้าบริเวณนั้นได้ฝึกหัด ...โดยมีอาสาสมัคร กลุ่มซ.โซ่ อาสา เป็นพี่เลี้ยงคอยฝึกสอน...เรียนเล่นและรอยยิ้มสนุกสนานกับขนมนมเนยเล็กๆ น้อยๆ ...ซ.โซ่ อาสา เป็นกลุ่มอาสาสมัครมีมาร่วมกันโดยไม่รู้จักกันมาก่อน เจอเพื่อนใหม่และทำความรู้จักกับกลุ่มครูปู่ http://blogazine.prachatai.com/user/ginnagan/post/101
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
1ตี 5 ครึ่งของวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2549 ท้องฟ้ากำลังจะเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาว ชาวจิตอาสา (เกือบ) 20 ชีวิต นัดรวมพลกันหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ บทเริ่มต้นของการเดินทางรวมใจสร้างห้องสมุดดิน (25-27 ส.ค.49) กับกลุ่มรักษ์เขาชะเมา จ.ระยอง คนกวาดถนน รถเก็บขยะและแม่ค้าขายผัก นักเรียน พนักงานห้างและพนักงานออฟฟิศ ผู้บริหาร ครู-อาจารย์และนักการเมือง คือ ลมหายใจของกรุงเทพฯ (มหานครของเรา) กับการเริ่มต้นของชีวิตอีกครั้ง ผมไปถึงที่นัดหมาย 06.00 น. (ฮา)
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ไม่มีของฟรีในโลก ออกจะเป็นวลีที่คุ้นเคยสำหรับคนในโลกยุคนี้ ยิ่งสถานการณ์ราคาน้ำมันแตะเพดานที่ 35 บาท (คาดการณ์ว่าน่าจะเร็วๆ นี้) ทำให้ผู้ประกอบการแท็กซี่ ขสมก. เรือคลองแสนแสบ เรียกว่า ขนส่งมวลชนแทบทุกประเภท ขยับแข้งขาขอขึ้นราคาค่าตัวกันถ้วนหน้ายุคข้าวยากหมากแพง คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องการให้งานการให้ในสวน สวนกระแสคำพูดข้างต้น .....ดอกไม้งามในสวนแห่งการให้ถูกจัดขึ้นบริเวณอุทยานเบญจสิริ ภายใต้นิยามที่ว่า “แล้วงานศิลปะแห่งการให้จะกลายเป็นดอกไม้ในสวน” ระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์-14 มีนาคม 2551 (mormor.org) เน้นการสร้างสรรค์แนวงานผ่านวิธีคิดของบุคคลในแวดวงแห่งการให้และศิลปินอาสา มากกว่า 100…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แถบม่วงของกระหล่ำสีกลีบหยักของกล้วยไม้บางดอกดูแปลกตาดี
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เสาร์วันหนึ่งกลางสวนรถไฟ กรุงเทพมหานคร ติดตลาดนัดสวนจตุจักรที่คนกรุงคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะกลางเมืองใหญ่เช่นนี้จะมีสักกี่สถานที่ที่จะมีสีเขียวให้ได้สูดลมหายใจได้เต็มปอดกิ่งใบสีเขียวแก่จัดของต้นก้ามปูใหญ่ยื่นยาวแตกกิ่งก้านสาขาร่มครึ้มอยู่กลางสวน ดอกตะแบกสีม่วงร่วงเกลื่อนพื้นตัดกับสนามหญ้าสีเขียว เด็กผู้พิการทางสายตาจากโรงเรียนสอนคนตาบอด อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งโรงพยาบาลราชวิถีส่งเสียงเจี๊ยว รอเวลาที่จะได้ เฮละโลกลุ่มกิจกรรมอิสระเล็กในชื่อกลุ่ม Pay Forward นำเด็กที่มองไม่เห็นมาทำกิจกรรม แรลลี่เพื่อเด็กพิการทางสายตา เด็กๆ จำนวน 24 คน…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
1.ฉันปลูกต้นไม้วางปุ๋ยเคมีหวังหยั่งรากถึงกิ่งแก้ว2.เนิ่นนานมาแล้วที่จิตสำนึกผมสลายแตกดับพร้อมความดีงาม3.คุณอาจไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตเมื่อสี่เหลี่ยมรูปหนึ่งตามหาแผ่นดินตาย4.เขาแบ่งปันสีน้ำเงินแก่ผู้ยากไร้หวังลอยสู่ก้อนเมฆ5.ความหวานในทุนนิยมโรยด้วยงาดำตาดำๆ6.ลิ้มรสอำนาจมาหลายสมัยไม่เคยรู้จักพอเพียง คืออะไร7.ผมห่มคลุมแผ่นดินด้วยเงิน บารมีด้วยความชอบธรรม8.ผมไตร่ตรองถึงความซื่อสัตย์และพบเพียงความว่างเปล่าที่ไร้อำนาจ ขอบคุณ ‘โซไรด้า’ น้องที่แสนดี 
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
 1.ดอกไม้มวลชนเดินขบวนเรียกร้องแบบเรียนประชาธิปไตย2.เหตุผลของบางคนหักล้างไม่ได้เมื่อเทียบกับกลีบใบของแผ่นดินที่ร่วงหล่น3.สีชมพูแต้มดวงหน้านกขมิ้นคือ ฝันอันเลือนลางของหนุ่มสาว4.ฉันหวังเห็นแผ่นดินสูงขึ้นด้วยความรักมิใช่ด้วยทรราชย์5.เราเรียกร้องด้วยเสียงเพลงขับไล่ความมืดดำบนถนนแห่งเสรีภาพ  6.ฉันเด็ดใบไม้จากราวป่าเก็บมาฝากสังคมเมือง7.ทุกอย่างเคลื่อนไหวด้วยพลังความดีงาม8.เมื่อฉันลอยตัวให้สูงขึ้นจากทุนนิยมจึงเห็นเวิ้งฟ้าสีฟ้าห่มคลุมเม็ดดิน9.เศษดินคือ บางอย่างที่เหมือนจะไร้ค่าทั้งที่ความจริงฉันก็มาจากสิ่งนี้10.…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
 ‘FREE TIBETAN’08.30 น. - 19 มีนาคม 2551อากาศหน้าสถานทูตจีน ริมถนนรัชดาร้อนสุดขีด พนักงานกทม.บนรถบรรทุกน้ำสีเขียวปล่อยน้ำออกจากสายพลาสติกกลมเทาพุ่งกระจายฟูฝอยเพื่อทำความสะอาดฟุตบาธตามปกติเวลาทำงาน ไล่เรื่อยมาจากแยกพระรามเก้า-อสมท.-ฟอร์จูน ทาวน์-แยกศักดิ์เสนา ก่อนจะหยุดกึกที่หน้าสถานฑูตจีนเพราะเห็นกลุ่มคน กลุ่มใหญ่ชูป้ายกระดาษ กางผืนธงชาติรูปร่างแปลกตา อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน“ประท้วงนี่หว่า” อย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกับเวลาทำงาน เขาขับรถผ่านไปไม่หันมามอง...ตำรวจนำกำลังมากั้นแผงเหล็กหน้าสถานฑูตตั้งแต่เช้าแล้ว แดดสายเริ่มทวีความร้อนสุดขีดขึ้นทุกขณะ…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
มีสถานที่ใดบ้างในโลก ที่ทำให้เราคิดถึงได้อย่างจริงๆ จังๆ ,คิดถึงและต้องกลับไปอีกครั้ง หากไม่มีความทรงจำ ,ก็คงไม่มีอดีตและอนาคต หมู่บ้านแม่ดึ๊จึงเป็นหลายเหตุผลที่คนหลายคนควรจะทำความรู้จักหมู่บ้านแม่ดึ๊ ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน เพิ่งมีโรงเรียนและครูได้ไม่นานเดือน ,สำหรับคนกะเหรี่ยงที่นั่น โลกภายนอก คือ บางสิ่งที่ควรจะเรียนรู้...“นาย ,นายเคยเขียนแคนโต้เกี่ยวกับแม่ดึ๊เอาไว้ใช่หรือเปล่า” ผมออกปากกะน้องอย่างนั้น“ไมพี่ เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ไปค่ายจิตอาสากับพี่นั่นแหละ”“เอ่อ ครือ..ผมคิดว่า เอ่อ...ผมอยากได้งานนายมาประกอบภาพว่ะ”ผม ‘เอ่อ’…