Skip to main content

ผมไม่ได้ปีนภูกระดึงในฐานะผู้พิชิต !

หากเป็นเรื่องของข้างในที่เรียกร้องผัสสะดิบเถื่อนในธรรมชาติและการมองโลกในมุม 180 องศา การเดินด้วย 2 เท้าและเรียกร้องให้เหงื่อออกจากรูขุมขน

,ตอกย้ำความคิดที่ว่า จริงๆ เราเป็นเพียงละอองธุลีของจักรวาล
อิอิ

“แหวะ เว่อร์ร์ร์ร์ร์ หวะ เพ่” รุ่นน้องคนหนึ่งลากเสียงยาว

..

หากใครคิดว่า การเดินขึ้นภูกระดึง ถึงหลังแปแล้วจะได้ผ่อนลมหายใจ ละลายความเหนื่อยเมื่อยล้าแล้วละก็ เป็นอันว่าคุณคิดผิดถนัด เพราะจากหลังแปนักเดินทนผู้พยายามพิชิตภูกระดึงจะต้องเดินเท้าต่อไปอีกร่วม 3 กิโลเมตร ทันทีที่คุณเข้าสู่เขตศูนย์บริการวังกวาง (เมื่อก่อนพื้นที่เหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของนานาสัตว์ โดยเฉพาะเก้งกวาง) สิ่งสะดุดสายตาเป็นอันดับแรกนั่น คือ แนวเต๊นท์น้อยใหญ่บนสนามหญ้า

บนแผ่นดินราบอันเคยเป็นที่อยู่อาศัยของบรรดาเก้งกวาง

..

คุณลองคิดภาพย้อนเวลาไปมากกว่าครึ่งทศวรรษ
หญ้าอ่อนกำลังระบัดและบรรดาสรรพสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินราบสูงแห่งนี้จะมากมายสักขนาดไหน ไม่มีเสียงกีตาร์ ไม่มีเสียงเตือนของเจ้าหน้าที่จากเครื่องขยายเสียง ไม่มีเสียงตะโกนเป่าปากในฐานะผู้พิชิตภู ไม่มีกลิ่นอาหารเครื่องดื่ม น้ำหอมและ ก ลิ่ น ค น สัตว์สองเท้าผู้ใช้มันสมอง แทนเขี้ยวและเล็บ

..

เจ้าหน้าที่บอกเราว่า สามารถเลือกเต๊นท์หลังไหนก็ได้ ที่ไม่มีเจ้าของ ในอัตราคืนละ 250 บาท/2 คนเต๊นมีด้วยกันหลายขนาด 2 คน ,4 คน , จนถึง 15 คนขึ้นไป ราคาก็แตกต่างกันไปตามขนาด เต๊นท์ใหญ่ๆ จะมีชานหน้าเต๊นท์ สำหรับประกอบกิจกรรมยามค่ำ อย่างเช่น กินเหล้า ร้องเพลง เล่นกีตาร์คลาสสิกสักหน่อย จะมีตะเกียงส่องแสงเรืองรอง เอาใจคนเมืองที่ชอบการแคมป์ปิง

..

ยามค่ำมาถึง เสียงกีตาร์ที่นักท่องเที่ยวประเภทวัยรุ่นอุตส่าห์หอบหิ้วขึ้นมาจากซำแฮกเริ่มโชยมาแผ่วและกระแทกกระทั้นขึ้นตามความแรงของดีกรีแอลกอฮอล์ มีให้ฟังด้วยกันหลากหลายเพลงตั้งแต่เพลงป็อปของค่ายแกรมมี่ไปจนถึงจังหวะโจ๊ะๆ แบบโปงลางสะออน

“ทำไมไม่มีใครไปบอกให้เค้าหยุดเล่น” ยาดาว่า
“มันเป็นหน้าที่ของอุทยานที่จะทำเรื่องนี้” ผมว่า

เงียบกันไปสักพัก เสียงยังคงดังขึ้นๆ ตามความเงียบกันไปสักพัก

...

“โทษนะคะ ช่วยลดเสียงลงสักหน่อยได้มั้ย หลายคนจะนอน” มีเสียงเตือนแว่วมาจากที่ไกลๆ
อืม ..
ยาดาทนไม่ไหว เธอตัดสินใจไปบอกให้พวกเค้าเบาเสียง ..

20080110 แนวเต๊นท์ในบรรยากาศเย็นย่ำ
แนวเต๊นท์ในบรรยากาศเย็นย่ำ

20080110 รถขนขยะ
รถขนขยะ สีเหลืองโดดเด่น ถามเจ้าหน้าที่ว่าเอาขึ้นมาได้ยังไง ,ส่งลงมาทางเฮลิคอปเตอร์ครับ

20080110 ลานหินพระพุทธเมตตากว้าง
ลานหินพระพุทธเมตตากว้าง ใจกลางแสงสีสุดท้ายของวัน

20080110 7eleven
7 eleven บนภูกระดึง

20080110 ใบเมเปิล
ใบเมเปิล สะพรั่ง กำลังแดงฉาน ใครบอกว่าใบไม้ไม่มีสีสัน

20080110 ดอกไข่ดาว
ผมตั้งชื่อให้ว่า ดอกไข่ดาว ..

20080110 ผนังไม้
ผนังไม้ ระหว่างทางไปน้ำตก ครึ้มเขียวและชื้น

20080110 เย็นย่ำ
เย็นย่ำ ระหว่างทางเดิน แดดสุดท้ายส่องลอดกิ่งใบของสน

20080110 น้ำตกเพ็ญพบ
น้ำตกเพ็ญพบ, เรานั่งตรงกันพอดี Ha Ha Ha

 

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
อยู่ดาก้าเพียง 2 วัน มันถูกส่งขึ้นดอยแดนดงป่า อีกแล้ว (ตรงนี้เพื่อนผมอุทธรณ์ว่า เหมือนอยู่เมืองไทยไม่มีผิด กำ) “ต้องไปเมืองอะไรครับ” เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการถาม ‘จิตตะกอง’ “โห โหดน๊า” นั่นหมายถึงคำปลอบโยน
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
อีกครั้งที่ ‘เพื่อนผม' มันไปสังเกตุการณ์การเลือกตั้งในบังคลาเทศ (แล้วผมก็เอามาเขียน 555) (จริงๆ มันไปเมื่อนานมาแล้วสักครึ่งปีเห็นจะได้)
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ภาพสุดท้ายที่ผมมองเห็นก่อนออกจากเปียงหลวง คือ ทิวเขาลูกนั้นในสายหมอกโอบอ้อมกับรอยยิ้มอิ่มบุญของคนไต งานปอย-ส่างลองสิ้นสุด พร้อมกับคอนเสริ์ตทิ้งท้ายที่เล่นกันค่อนรุ่ง ความรื่นเริงของคนหนุ่มสาวและส่างลองที่พร้อมจะเข้าสู่โลกแห่งธรรม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ผมคิดว่าโครงใบหน้าของคนไตดูสวยดี โดยเฉพาะ ,ผู้หญิง ถึงแม้ว่า วันนี้ พวกเธอหลายคนจะต้องออกไปหางานทำนอกหมู่บ้าน , สิ่งที่มากกว่านั้น คือ ความรักและแรงศรัทธาในการร่วมงานบุญ ,และรอยยิ้มของพวกเธอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ศูนย์พักรอกุงจ่อ คือ พื้นที่ของผู้หนีภัยการสู้รบจากการปราบปรามอย่างรุนแรงของรัฐบาลทหารพม่า นับจากปี 2545 ชาวไต(ไทใหญ่)ร่วมหนึ่งพันคน เดินเท้าเข้าประเทศไทยทางด่านหลักแต่ง...!!!
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
พ่อส้านและส่างลอง เป็นภาพที่คู่กัน ส่างลองอยู่ที่ไหน พ่อส้านจะอยู่ที่นั่น แต่ละคน แต่ละคู่ ต่างมีลีลาที่แตกต่างกันออกไป ... เชื่อกันว่า ได้บุญใหญ่ ส่างลองในวันนี้จะเป็นพ่อส้านที่ดีในวันหน้า ทั้งนี้ ตามความสมัครใจ เช้า ขี่คอแห่ส่างลองไปตามวัด บ่ายแก่ได้พัก กลางคืนนอนเฝ้าส่างลองหลังซุ้ม ครบ 5 วัน เชื่อกันว่า ได้ขึ้นสวรรค์ !!! ดูลีลาของพวกเขาสิครับ .....
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
บริเวณสนามฟุตบอล โรงเรียนบ้านเปียงหลวงเต็มไปด้วนสีสัน สีสันงานบุญซุ้มส่างลองทั้ง 107 ซุ้มกระจายอยู่โดยรอบสนามฟุตบอล เวทีดนตรีใหญ่หันหน้าประชันกับเวทีลิเกไทใหญ่หรือ "จ๊าดไต" เวทีใหญ่เล่นดนตรีทันสมัย โครงสร้างเวทีทำด้วยแกนเหล็กประกบเสาสูงราวเมตรครึ่ง ,ส่วนเวทีจ๊าดไตทำจากโครงไม้ไผ่ทั้งหลัง ปูพื้นด้วยแผ่นไม้กระดาน ฝาด้านหลังทำด้วยใบตองตึงสีน้ำตาลแห้งเก่าทะลุมองเห็นด้านใน ,วงดนตรีเครื่องสายดีดสีตีเป่าครบ ,นางรำแต่งหน้าทาปาก พันคอด้วยผ้าแถบมันเลื่อม ด้านตรงข้ามแดนเซอร์ชาวดอยวิ่งกระจายออกมาหน้าเวทีใหญ่
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
มีดโกนด้ามใหม่ สีดำสนิท บรรจงกรีดลงไปตามไรผมแต่ละเส้น ส่างลองทุกคนรู้ดีว่า พิธีกรรมต่อจากนี้ไปพวกเขาจะต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนกว่าผมจะหมดศีรษะ บางคนใบหน้าเหยเก บางคนถึงกับร้องไห้ จนพระพี่เลี้ยงและพ่อแม่ต้องหยุดใบมีดเอาไว้ก่อนแล้วตักน้ำส้มป่อยราดหัว ฟอกด้วยยาสระผมแล้วเริ่มโกน โกนจนหมดศีรษะ !!!
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
รถตู้กลางเก่ากลางใหม่ของบริษัทดาวทองขนส่ง จำกัด ออกจากสถานีช้างเผือก 10.30 น. หนุ่มใหญ่วัย 40 เศษ ไว้เคราบางๆและสวมแว่นตาดำตลอดเวลาซิ่งเจ้าเพื่อนยากปุเลงไปตามสันเขาน้อยใหญ่บนเส้นทางเชียงใหม่-เปียงหลวง 161 กิโลเมตร แดดฤดูร้อนจัดจ้านขับให้ดอกหางนกยูงสีแดงข้างทางสดเข้ม ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ผ่านอำเภอเชียงดาวถึงแยกเมืองงาย เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายแม่จา-เปียงหลวง ก่อนที่เส้นทางจะไต่ไปตามสันเขาคดเคี้ยว หนุ่มนักซิ่งของเราจะเตือนผู้โดยสารผ่านน้ำเสียงหนักแน่นว่า
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
... ผู้เฒ่าหญิงชายทั้งในชุดห่มขาวและชุดลำลองทั่วไป ต่อแถว รอพระลงจากกุฏิรับบิณฑบาตร สายหมอกฤดูร้อนห่มคลุมจางๆ ทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูเลือนลางกึ่งจริงกึ่งฝัน งานฉลองพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ตื้อฯ ที่บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม มีศาสนิกชนผู้ศรัทธาเนืองแน่นเดินทางมาจากทุกสารทิศงานครั้งนี้เป็นบุญใหญ่ที่มีการเฉลิมฉลองถึง 15 วัน (1-15 พ.ค. 52) ภายในงานเปิดโรงทานโดยผู้มีจิตศรัทธาจะทำอาหารมาเลี้ยงผู้ร่วมงานบุญโดยไม่คิดสตางค์
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์