Skip to main content

...

เรือเล็กทะยานออกจากบ้านท่าตาฝั่ง แหวกสายน้ำเห็นเป็นแนวตามความเร็วของเครื่องยนต์ นกนางแอ่นหางลวดโผตัวอยู่เหนือผิวน้ำสีแดงขุ่น เดือนพฤษภาคม น้ำสาละวินจะเป็นสีแดงขุ่น เป็นไปตามระบบธรรมชาติของแม่น้ำสาละวินที่ถูกยกให้เป็นพื้นที่ของความหลากหลายโล

ทั้งในแง่ของชีววิทยาและแง่งามทางวัฒนธรรม

แม่น้ำสาละวินเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตสองฟากฝั่งน้ำมาอย่างยาวนาน ยาวนานมากพอที่จะสร้างสรรค์รูปแบบทางวัฒนธรรมที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับระบบทางนิเวศน์วิทยา

ชนเผ่าโบราณใช้สายน้ำสาละวินเป็นเส้นทางสัญจรติดต่อทำมาค้าขายกันมาตั้งแต่ครั้งอดีตอันรุ่งเรือง ตั้งหลักแหล่งเป็นชุมชนโบราณ ซึ่งค้นพบจากหลักฐานทางโบราณคดี เช่น เครื่องมือหินกะเทาะคล้ายขวานหิน เครื่องมือโกลนหินขัด กล้องยาสูบ ไปจนถึง เครื่องลายครามภาชนะดินเผาโบราณสมัยราชวงศ์หมิง

บ่งบอกถึงการเดินทางค้าขายติดต่อสัมพันธ์กับโลกภายนอก
หากใครจะคิดได้ ใช่ไหมว่า พวกเรากำลังสัญจรอยู่บนเส้นทางสายอารยธรรม

...

แก่งเว่ยจี อยู่ห่างจากบ้านท่าตาฝั่งออกไปราว 2 ชั่วโมง (คิดตามอัตราความเร็วของเรือขนควาย) พวกเราต้องค้างคืนกันที่บ้านแม่ดึ๊ 1 คืน ก่อนจะยกพลกันไปที่แก่งเว่ยจี ในเช้าวันรุ่งขึ้น (9 พ.ค. 51)

หมู่บ้านแม่ดึ๊ เป็นหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง เล็กกะทัดรัด ขนาด 107 คน ตั้งอยู่บนเนินเหนือแก่งแม่ดึ๊ มีลำห้วยแม่แงะไหลผ่านหมู่บ้าน ออกไปยังบ้านโพซอและบ้านกองสุม ชาวบ้านที่นี่ไม่ได้รับการสำรวจเอาไว้ในทะเบียนราษฏร์ ทั้งที่ตั้งหมู่บ้านมามากกว่า 20 ปีแล้ว

การตกสำรวจ หมายถึง การไม่ได้รับการช่วยเหลือด้านสาธารณูปโภคจากรัฐ

ภายในหมู่บ้านมีโรงเรียนเล็กๆ ขนาด 3x6 เมตร 1 หลัง มีคุณครู 2 คน หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นชาวกะเหรี่ยงบ้านแม่ดึ๊ ชื่อ คุณครูโซมุ ไม่มีน้ำปะปา ไม่มีระบบสาธารณสุข ไม่มีไฟฟ้าและเครื่องอำนวยความสะดวกอื่นๆ นอกจาก ป้ายกฏข้อห้ามประจำหมู่บ้าน เช่น ห้ามตัดไม้ทำลายป่า ห้ามพกพาอาวุธ ห้ามทิ้งขยะ

แม้จะยากจน ชาวบ้านกลับต้อนรับพวกเราด้วยไมตรีจิต

โซมุ เป็นครูหนุ่ม ปีนี้เขาเพิ่งมีลูกคนที่ 4 ดวงตาที่ยิ้มได้ของเขาบ่งบอกถึงการเป็นคนอารมณ์ดี ผมซอยสั้น ร่างกายกำยำมองเห็นมัดแขนตามสภาพการกรากกรำงาน ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่จะทำไร่ข้าวและหาปลาในแม่น้ำสาละวินที่มีให้ได้กินกันเพียงพอในทุกครอบครัว

เป็นแหล่งอาหารที่มีชีวิตของคนบนฝั่งสาละวิน

พันธุ์ปลาหลากชนิดในลำน้ำสาละวินและลำห้วยสาขาต่างๆ ริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของคนในลุ่มน้ำนี้ ชาวน้ำสาละวิน มีความเชี่ยวชาญด้านการจับปลา สร้างเครื่องมือจับปลาและรู้จักพันธุ์ปลาเป็นอย่างดี ทั้งยังมีความรู้เกี่ยวกับระบบน้ำในแต่ละฤดูกาลที่แตกต่างกัน

โซมุบอกว่า “วังน้ำแต่ละวัง แก่งหินแต่ละแก่ง มีปลาให้กินกันเสมอ”
ใครบางคนคงยากที่จะเชื่อว่า กะเหรี่ยงก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุ์ปลา

...

โซมุ เป็นครูเพราะไม่มีครูมาสอนที่หมูบ้านแม่ดึ๊ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมี เคยมี หากย้ายกันไปตามวาระ สำหรับครูโซมุ แม้เขาจะสอนวิชาภาษาอังกฤษ หากครูหนุ่มได้แต่เพียงคาดหวังว่า เด็กๆ ในหมู่บ้านแม่ดึ๊อ่านเขียนภาษาไทยได้คล่อง พอเอาตัวรอดไม่ถูกหลอก ถูกโกงจากสังคมภายนอกหมู่บ้านก็เพียงพอแล้ว

การอ่านเขียนภาษาไทยคล่อง จะช่วยให้เด็กๆ ได้รับการสำรวจลงทะเบียนราษฏร์ของประเทศไทย

...

ยามสายของวันที่ 9 พ.ค. 51 พวกเรามากกว่า 600 ชีวิต ทยอยลงเรือขนควายไปยังจุดบวชป่าอีกจุดแก่งเว่ยจีหรือจุดสร้างเขื่อนสาละวินตอนบน ซึ่งมีชื่อเต็มๆ ว่า โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำสาละวินชายแดนไทย-พม่า ประกอบด้วยเขื่อน 2 แห่ง คือ เขื่อนสาละวินตอนบนตรงจุดเว่ยจีและเขื่อนสาละวินตอนล่างตรงจุดตากวิน

ตากวิน ติดท้ายหมู่บ้านท่าตาฝั่ง
เว่ยจี อยู่เหนือหมู่บ้านแม่ดึ๊ เข้าไปทางพรมแดนไทย-พม่า

จุดบวชป่าตรงแก่งเว่ยจี อยู่บนโขดหินใหญ่ ระหว่างล่องเรือ ทุกคนบนเรือจะสังเกตุเห็นป้ายผ้าเขียนเอาไว้ว่า “NO DAM” อยู่ริมผา ซึ่งเป็นจุดที่ถูกเลือกให้เป็นที่ตั้งของสันเขื่อน เว่ยจี แปลว่า วังน้ำใหญ่ เป็นช่วงหน้าผาแคบ ยาว เป็นระยะทางนับ 10 กิโลเมตร ตรงจุดนี้น้ำสาละวินจะไหลเชี่ยวกรากรุนแรงเข้าสู่ประเทศพม่าที่หมู่บ้านตะกอท่า นักเดินเรือสัญจรในสายน้ำสาละวินต่างรู้กิตติศัพท์ของบริเวณนี้เป็นอย่างดี

ดังนั้น เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก(น้ำโต)ผู้สัญจรทางน้ำจะหลีกเลี่ยง

โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำสาละวิน เป็นโครงการความร่วมมือขนาดใหญ่ ระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย จีนและพม่า วางโครงร่างของแผนนโยบายผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ 17 เขื่อน อยู่ในประเทศจีน 13 เขื่อน อีก 4 เขื่อนขวางลำน้ำสาละวินบนเส้นแบ่งพรมแดนไทย-พม่า

โครงการนี้ถูกทักท้วงอย่างกว้างขวาง ทั้งคนจากภายในและภายนอกประเทศของทั้ง 3 ประเทศ เพราะ 9 เขื่อนในประเทศจีน ขวางลำน้ำบนพื้นที่เขตอนุรักษ์ ชื่อว่า “3 แม่น้ำไหลเคียง” อันเป็นจุดที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

สำหรับ 4 เขื่อน บนแม่น้ำสาละวิน พรมแดนไทย-พม่า ได้แก่ เขื่อนท่าซางในเขตรัฐฉาน เขื่อนเว่ยจี เขื่อนตากวิน ระหว่างพรมแดนไทย-พม่าและเขื่อนฮัทจีในรัฐกะเหรี่ยง จะก่อให้เกิดการล้นเอ่อของสายน้ำเข้าท่วมพื้นที่ทำมาหากิน ชุมชนหมู่บ้านในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยขนานใหญ่

ในส่วนของประเทศไทย
แม่น้ำปายจะเอ่อเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนกินพื้นที่ราว 30,000 ไร่ ใน 18 หมู่บ้าน

...

พิธีบวชป่า เริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย เสียงผู้ประกอบพิธีเชิญชวนให้แขกและชาวบ้านที่มาร่วมงาน กว่า 600 ชีวิต มาอยู่ในบริเวณพิธีกรรม ชาวบ้านที่มาร่วมงาน ณ. จุดบวชป่าเว่ยจี มาจากทั้งฝั่งไทยและฝั่งพม่า เทียนขี้ผึ้งถูกจุดและเครื่องเซ่นไหว้เตรียมพร้อมอยู่แล้วในปะรำพิธี

เสียงสวดของผู้ประกอบพิธีกรรมดังกังวานก้องอาณาบริเวณ
“เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าสาละวิน ขอให้คุ้มครองพวกเรา ผู้มาร่วมงาน อัญเชิญท่านมารับเครื่องเซ่นเพื่อปกป้อง ผืนน้ำ ผืนฟ้า ขุนเขา หากใคร ผู้ใด คิดจะนำสิ่งใดมาขวางกั้นลำน้ำสาละวิน ขอประสบกับเหตุเภทภัย กระทำการไม่สำเร็จ เพื่อชีวิตของลูกหลานพวกเราจะได้อาศัยน้ำ อาศัยดิน อาศัยฟ้า เพื่อมีชีวิต”

หากก้าวพ้นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ใช่หรือไม่ว่า พิธีกรรมบวชป่า หมายถึง การหลอมรวมดวงใจของคนลุ่มน้ำสาละวินให้เป็นหนึ่ง ปกป้องธรรมชาติ ปกป้องพื้นที่ทางวัฒนธรรม พื้นที่แห่งชีวิตของพวกเขา

บนพื้นฐานของความศักดิ์สิทธิ์ คนจะไม่กล้ารุกล้ำ
บนพื้นฐานของความเป็นหนึ่ง คือ การหลอมรวมความแตกต่าง

ไม่มีพุทธ คริสต์ อิสลาม ผี กะเหรี่ยง ไทย พม่า มอญ อื่นๆ ทุกคน คือ ประชาชาติของโลกใบเดียวกัน

...

ขอบคุณพี่ๆ มูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติทุกคน
www.terraper.org

 

20080522 บริเวณจุดเว่ยจี
บริเวณจุดเว่ยจี ที่ตั้งสันเขื่อนสาละวินตอนบน

20080522 บริเวณจุดบวชป่า
บริเวณจุดบวชป่า เว่ยจี

20080522 ผู้ประกอบพิธีเริ่มพิธีกรรมบวชป่า
ผู้ประกอบพิธีเริ่มพิธีกรรมบวชป่า

20080522 ศาสนิกชนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ศาสนิกชนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา

20080522 ประนมมือด้วยความศรัทธายิ่ง
ประนมมือด้วยความศรัทธายิ่ง

20080522 ให้นมลูกระหว่างทำพิธี
ให้นมลูกระหว่างทำพิธี

20080522 ระหว่างเส้นทางเดินเรือ (1)

20080522 ระหว่างเส้นทางเดินเรือ (2)
ระหว่างเส้นทางเดินเรือ บางใบหน้าของชาวบ้านริมฝั่งน้ำสาละวิน

20080522 เหนือสายน้ำ
เหนือสายน้ำ สายแดดหลังก้อเมฆ ลอดออกมาเป็นลำ น่าตื่นตาหากเร้นลับอยู่ในที

20080522 มุมมองสุดท้ายริมฝั่งสาละวิน
มุมมองสุดท้ายริมฝั่งสาละวิน จากหมู่บ้านแม่สามแลบ

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สะพานมอญเป็นอีกที่เที่ยวยอดนิยมอีกที่ ,ที่คนส่วนใหญ่จะไป ข้อแรก ไปง่าย ข้อสอง สวยดี นอกเหนือจากนี้ ยังมีเรื่องราวของคนหลากหลายกลุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในวันที่บ้านชื่นใจเต็มไปด้วยสายหมอก ไอชื้นหนาก่อตัวเป็นหยดน้ำ เกาะตามร่องใบสีเขียวอ่อนของยอดหญ้า ... บนทางดิน ดอกปีบสีขาวร่วงเกลื่อนดินนุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนกลัวลิงจากหลายเหตุผล ?? จากหน้าตา ท่าทางที่เอาเรื่อง จากความซุกซน อยู่ไม่นิ่งและอารมณ์ปรวนแปร "อย่าเข้าไปใกล้มันนะ" คุณแม่ยื้อยุดมือลูกสาวที่ยื่นขนมสีหวานไปให้ ... ขณะกดชัตเตอร์ จ๋อบางตัวกระโดดเกาะหลัง ผมคิดว่า มันคงอยากรู้อยากเห็น  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ลิง เรียนรู้การมีชีวิตจากคน ,เราเป็นบรรพบุรุษของลิงผ่านสายใยของวิวัฒนาการ ดวงตาใสแหน๋ว มองตรงมายังกล้วยและถั่วลิสงต้ม ,ไอติมปั่นสีแดงในมือเด็กน้อยถูกฉกไปดูดเลียคลายความร้อนจากอากาศยามเที่ยง ,ทั่วบริเวณพระปรางค์สามยอดแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานโต๊ะจีนลิงที่จัดเป็นประจำทุกๆ ปี
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้า รวมพลก่อนออกเดินทางไกล จะเห็นได้ว่าทุกคนยังสดใส ภาพนี้ถ่ายระหว่างรอรถไปส่งปากทางเข้าดงนาทาม รอยยิ้มใสใสกับผิวพรรณใสใสจะกลายเป็นสีแทนในอีกไม่ช้า  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยาวไกล สายน้ำสีขาวหายเข้าไปในขุนเขา โขดหินและทิวป่า .. เหล่าผู้นิยมไพร ยังคงเดินทางไกล ,ยาวนาน จนเสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงพึมพำ “เพ่ ทามมายมันร้อนอย่างงี้” นายคนหนึ่งเอ่ย “ป่าอิสานไม่เหมือนป่าภาคเหนือ” พี่ลม นายกท้องถิ่นเอ่ยอย่างนิ่มนวล ก่อนออกตัวอย่างเป็นทางการถึงความนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักจะนิยมป่าแถบเหนือมากกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักคิดถึงการเดินทางขึ้นเหนือ ....
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สายลมต้นฤดูหนาวกระหวัดวนบนยอดหญ้า เห็นเป็นริ้วๆ เหนือผลาญหินแห่งดงนาทาม ทุ่งดอกแดงอุบลสลับเหลืองพิมร บานสะพรั่ง ถึงแม้จะดูแห้งแล้งแต่ในโลกของธรรมชาติกลับมอบชีวิตและความสมดุล
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดร้อนเปรี้ยง ผ่าลงกลางหัว , เบื้องหน้า คือ ทางเดินหินที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ,แต่ทุกคนต่างมีความหวังจะเดินไปให้ถึงจุดหมาย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ปลาหมึกสีชมพู ใต้ท้องทะเลสีฟ้า ,มันเอาหนวดยาวๆ เกี่ยวกระหวัด เรือสีน้ำตาลที่มีใบสีเขียว ในสายตาของใครหลายคน ,สีน้ำบนกระดาษดูเลอะเทอ ,แต่ไม่เป็นไร สำหรับน้องกายส์ ซ์ซ์ซ์ , "นี่มันเรื่อง โจรสลัดแห่งทะเลแคริบเบี้ยน ใช่ไม๊" "ไม่ใช่" น้องกายทำหน้า งง อะไรเหรอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
นิ้วเล็กๆ บรรจงแต้มสีและกาว ด้วยความตั้งใจ ,เด็กๆ มักจะไม่กังวลกับความเลอะเทอะ ,ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เชื่อกันว่า ,ศิลปะ กว้างและลึก จรรโลงและสร้างสรรค์ ,เด็กๆ มองเห็นภาพในความว่างเปล่าของอากาศ จนกระทั่ง พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ,และความจำเป็นในชีวิตโบยตี ,เหตุผลของมันทำให้ดวงตาแบบนั้นหายไป  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สำหรับคนที่รักการเดินทาง ยาดาเป็นหนึ่งในนั้น, สำหรับเธอ โลกนี้ไร้กาลเวลา,และเขตแดน หลากเชื้อชาติ ,มีชีวิตและเรื่องราวเสมอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หลังวันเลือกตั้งเป็นเดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม ,ยาดาและทีมสังเกตุการณ์การเลือกตั้งกลับมายังกรุงคาบูล์ เมืองทั้งเมืองสงบนิ่งด้วยบรรยากาศแห่งความศรัทธาและเป็นครั้งแรกที่อัลเฟรลอนุญาตให้ทีมงานออกไปเดินเล่นได้โดยไม่ต้องมีล่ามและทีมการ์ด   บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่เคร่งขรึม ไม่ดื่ม ไม่กิน จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ไร้ข่าวของความรุนแรง ถึงแม้ว่า กลุ่มตาลีบันจะพยายามล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่วันนี้ ถือเป็นวันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั่วโลก ทุกคนกลายเป็นหนึ่ง ไม่ว่า พ่อค้า ข้าราชการหรือกรรมกร ชิกเก้น สตรีท เป็นถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว…