Skip to main content

ผ่านไปครึ่งทริปส์


จากกรุงเทพฯถึงเวียดนามภาคกลาง เว้ ดานังและโฮยอาน กับการเดินทางในฐานะแบ็กแพ็คเกอร์ เรากำลังวางแผนขึ้นเหนือ ฮานอย ซาปา และหมู่เกาะกั๊ตบาในอ่าวฮาลอง


ก่อนจะจบทริปส์แล้วบินกลับเมืองไทย จากสนามบินนอยไบ ในฮานอย


...


ยาดาจัดการเหมาโอเพ่น ทัวร์ จากโฮยอานถึงฮานอย เราต้องนั่งรถจากโฮยอานลงเว้แล้วเปลี่ยนรถเป็นสลีฟปิง บัส จากเว้ไปฮานอย ในเวลากลางคืน ถึงฮานอยในเช้าวันถัดมา


โอเพ่น ทัวร์ เป็นบริการที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นลงที่ไหนก็ได้ หากยังเดินทางอยู่บนเส้นทางไปฮานอย ภายในวันที่ทางบริษัทกำหนด


ท้องฟ้าสีฟ้าจางๆ ปุยเมฆประปราย รถโฮยอาน-เว้ เป็นเหมือนรถทัวร์ ป.2 ของบ้านเรา คนขับเป็นหนุ่มใหญ่วัย 40 ที่น่าจะมีประสบการณ์การขับรถมาอย่างโชกโชน เพราะทั้งขับคร่อมเลนและบีบแตรขอแซงซ้ายอย่างไม่กลัวเกรง


ผมกับยาดาจองที่นั่งด้านซ้าย ทางด้านหน้าติดคนขับรถเพื่อดูวิวได้ถนัด ผ่านชานเมืองดานังก่อนลอดอุโมงก์ไฮวาน จะเห็นโครงการการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งโรงแรมและรีสอร์ทริมทะเลสาป ภายใต้การเปิดประเทศต้อนรับการท่องเที่ยวของเวียดนาม


ที่น่าสนใจของเส้นทางนี้ คือ อุโมงก์ไฮวาน ความยาว 6 กิโลเมตร เจาะทะลุภูเขาทั้งลูก


...


รถถึงเว้หนึ่งทุ่ม นักท่องเที่ยวต้องเปลี่ยนรถเป็นสลีฟปิง บัส สมตามคำเรียก คือ บนรถจะถูกซอยแบ่งเป็นชั้นแบบเตียงนอน ผู้โดยสารจะต้องถอดรองเท้าออกแล้วสอดขาเข้าไปในช่อง มีหมอนและผ้าห่ม เตียงนอนภายในรถแบ่งเป็นซอยๆ 3 ซอย 2 ชั้น ทางด้านหลังจะมีเตียงติดกัน 4 คน สำหรับนอนได้เท่านั้น ใครไม่คุ้นเคยมีสิทธิ์เมารถ


เอ่อ ผมรีบทำตัวให้หลับ พึมพำในใจว่า “ใค๊! มันเป็นคนออกแบบรถประเภทนี้ฟะ”


สลีฟปิง บัส จะแวะพักทานอาหารราวๆ 4 ทุ่ม ที่ร้านอาหารระหว่างทาง ราคานี้ไม่รวมอยู่ในค่ารถเหมือนบ้านเรา ส่วนค่ารถจะจ่ายผ่านเอเยนซี่โรงแรมในโฮยอาน รวมๆ แล้วกว่าจะถึงเว้ นักท่องเที่ยวจ่ายในราคาไม่เกิน 200.000 ดอง


จำไว้ว่า ทุกครั้งที่มาพักค้างคืนที่เมืองไหนในเวียดนามให้รีบจัดการเรื่องแผนการเดินทาง ตั๋วและเส้นทางเดินรถ (ด้วยตัวเอง) ให้เรียบร้อยทุกครั้งเพราะจะได้ราคาที่สมควร ..


ม่ายงั้นอย่าคิดว่าจะรอดจากการถูกชาร์ต


...


ฮานอย 6 โมงเช้า กำลังฟื้นตื่นจากค่ำคืนอันหลับใหล ระหว่างสลีฟปิง บัส วิ่งเข้าสู่ตัวเมือง บนซุปเปอร์ไฮเวย์ จะมองเห็นบรรดาจักรยานและคนออกกำลังกายริมถนน แม่ค้าเตรียมสินค้าออกวางขาย ทั้งเปิดหน้าร้านและริมทางเดิน


ยามเช้าสีเทา แสงอ่อนจางของวันใหม่เริ่มกระจายตัวเอง สลีฟปิง บัส ทิ้งเราทุกคนบนรถริมไฮเวย์ บริเวณนั้นจะมีแท็กซี่ทั้งแบบเหมาและมิเตอร์รอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินสลึมสลือลงมาจากบัสแบบนอน


ชายคนหนึ่งเสนอจะไปส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่ง (ไม่ขอออกชื่อ) กลางเมืองฮานอย เราปฏิเสธ ตามแผนการณ์ เราคิดว่า เราจะไปเอ้ด พัม คิ่น ทัวร์ ตามที่โลนลีแพลเน็ตบอกไว้ จองทัวร์ไปอ่าวฮาลองและเดินทางต่อไปซาปาในเย็นวันนี้แล้วค่อยลุยฮานอยในช่วงสุดท้ายของทริปส์


ชายคนนั้นพยายามจะหิ้วเราไปโรงแรมตามที่นำเสนอให้ได้ จนเราต้องออกปากอย่างขึงขัง

หากไม่ไปส่งที่เอ้ด พัมคิ่น เราไม่มีวันขึ้นรถ” ยาดาเริ่มขึงขัง


ในบางสถานการณ์ การขึงขังช่วยเหลือชีวิตเราได้มาก

จนที่สุด แท็กซี่นายนั้นต้องเดินหนี หาเหยื่อรายใหม่

ไม่โทษใครครับ นอกจาก ชีวิตที่ต้องดิ้นรน


...


เราเหมารถแท็กซี่คันหนึ่งไปส่งที่เอ็ด พัมคิ่น ทัวร์ พร้อมกับนักศึกษาสาวชาวแคนาดาที่ออกมาทัวร์อยู่ในภูมิภาคนี้นานครึ่งปีแล้ว เธอเพิ่งมาจากกัมพูชาและเวียดนามเป็นทริปส์สุดท้ายก่อนจะกลับบ้าน เธอยิ้มระรื่น


ราคาแท็กซี่ จากซุปเปอร์ไฮเวย์เข้าเมือง อยู่ที่ 105.000 ดอง

หลังจากที่วนอยู่หลายรอบ เราทั้ง 3 คน มั่นใจว่า โชเฟอร์เล่นไม่ซื่อ


...


บริษัททัวร์แห่งนี้ขึ้นชื่อและติดอันดับ โลนลี่แพลเน็ตการันตีว่า ชัวร์ ไม่มีเขี้ยวในแง่ราคาและงานบริการ ยามเช้าของฮานอยเริ่มวุ่นวาย ทั้งรถทัวร์และรถสามล้อหรือ ที่เรียกว่า ซิกโคล่ ร้านกาแฟ เฝอและปาท่องโก๋ ริมถนน ระอุกรุ่นอยู่ในหม้อสแตนเลส


ภายใต้หมวกสามเหลี่ยมยอดแหลม แบบเวียดนาม พ่อค้าแม่ค้าปาดเหงื่อ ปากตะโกนและลูกค้าขาประจำนั่งดื่มและกินพูดคุยกันไปมา ต้อนรับเช้าวันใหม่


เอ้ด พัมคิ่น ยังไม่เปิดทำงาน เราตัดสินใจหากาแฟรองท้อง หลังจากที่แยกกับนักศึกษาสาวชาวแคนาดา ผมเดินแบกกระเป๋านำหน้า ดิ่งไปยังร้านเฝอริมถนนร้านหนึ่ง คิดว่า วันนี้จะได้ลองเฝอเวียดต้นตำรับเพราะเจ้าของร้านเป็นชายแก่ในชุดเสื้อยืดสีขาวแบบชาวจีน มีลูกค้าขาประจำนั่งกินและพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ


ถ้วยเท่าไรคะ” ยาดาถาม ลูกค้าประจำหยุดคุยและจ้องเราทั้ง 2 คน ด้วยกระแสกดดันบางอย่าง เปล่า ผมแค่คิดเอาเท่านั้น

30.000” เขาตอบห้วน

ยาดามองหน้าผม ก่อนจะคว้ามือเดินเข้าร้านอาหารฝั่งตรงข้าม


...


เราจองทัวร์ไปอ่าวฮาลองกับเอ็ดฯ ในวันถัดไปหลังจากที่เรากลับจากซาปาแล้ว แผนการณ์ คือ เดินทางไปซาปาด้วยรถไฟในคืนนี้ อยู่ที่นั่น 2 คืน 3 วัน ก่อนจะกลับมาให้ทันทัวร์ที่อ่าวฮาลองที่มีสนองลูกค้าด้วยกัน 3 แบบ หนึ่ง เดินทางไปกลับ สอง 1 คืน 2 วัน ค้างบนเรือ สาม 2 คืน 3 วัน ค้างบนเรือและเกาะกั๊ตบา เราเลือกเอาแบบที่ 3 ค้างบนเรือและค้างบนเกาะ


หลังจากถามเส้นทางจองตั๋วรถไฟไปซาปาที่ก่าฮานอย เรียบร้อย เรารอรับตั๋วและจะออกเดินทางคืนนั้น 2 ทุ่ม เราจึงมีเวลาเดินสำรวจฮานอย


ฮานอยเป็นเมืองใหญ่ทางภาคเหนือ รองจากเมืองหลวง โฮจิมินต์ ซิตี้ การจราจรที่นี่แน่นเอี๊ยดเพราะเป็นศูนย์กลางการค้าทางภาคเหนือ ใกล้พรมแดนจีน ผลไม้ จำพวก ท้อ ลูกพลับและดอกไม้ จำพวก เยอบีราและกุหลาบเป็นสินค้าที่ถูกนำเข้าจากจีนผ่านพรมแดนเส้นนี้


แม่ค้าพ่อค้ารายย่อยในฮานอยจะขายสินค้าบนหลังรถจักรยานริมถนน ปั่นไปตามถนน ลูกค้าจะเรียกแล้วการต่อรองจะเริ่มต้นขึ้น หนุ่มสาวสมัยใหม่ในชุดแฟชั่นสายเดี่ยวเกาะอกมีให้เห็นแต่ยังไม่ได้มากนัก คนบางรุ่นยังใส่ชุดอาวได๋


ตลาดที่นี่แบ่งออกเป็นโซน โซนรองเท้า โซนกระเป๋า โซนเสื้อผ้า โซนเฟอร์นิเจอร์ โซนตลาดสดและแม่ค้าที่หาบเร่ แม่ค้าปั่นจักรยาน กับการเสนอขายกันถึงที่ ทั้งของกิน ของใช้ หากต้องการจะกวักมือเรียกแล้วการต่อรองจะเริ่มต้นขึ้น


กลุ่มซิกโคล่รับนักท่องเที่ยวปั่นชมเมืองเป็นแถวๆ ดูคึกคักและวุ่นวาย การจราจรที่นี่ต้องใช้เซ้นท์ เป็นกฏระเบียบส่วนตัว 3 ข้อ


หากคุณจะขับรถในฮานอย คุณจะต้อง

-มองตรงไปข้างหน้าอย่างมีสมาธิเท่านั้น

-ไม่ต้องสนใจรถคันใด หากมีโอกาสให้รีบแซง

-สำคัญ คือ อย่าชนใครและจะไม่มีใครชนคุณ


เอาไว้ผมจะมาเล่าการขับมอเตอร์ไบก์ในฮานอยให้ฟังหลังจากกลับจากซาปาและอ่าวฮาลองครับ


...


ระหว่างเดินเข้าซอยนู้นออกซอยนี้ ทันใดนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งดิ่งเข้ามาหาเรา เขาชี้มาที่รองเท้าคอนเวิร์สคู่เก่งของผม ส่งเสียงเป็นภาษาเวียดนามพร้อมกับหิ้วกะบะไม้ติดไหล่


อะไร คะ” ยาดาถาม

เขายังชี้มาที่รองเท้า ยกนิ้วชี้และนิ้วกลางประกอบ

ทูดอล” เขาเริ่มส่งเสียงก่อนจะล้วงมือลงไปหยิบเข็มและด้ายออกมาจากกะบะไม้ที่สะพายติดไหล่

ผมก้มมองดูคอนเวิร์สคู่เก่ง เห็นรอยขาดและมันดูซ่อมซ่อเป็นสีโคลน


เขากำลังเสนอราคาค่าซ่อมรองเท้าและบอกว่าจะทำความสะอาดให้เหมือนใหม่พร้อมใบหน้าเหยเกที่เห็นรองเท้าของคุณช่างสกปรก


หลังจากหายตกใจและเข้าใจความหมาย ผมยิ้มและโบกมือ

ไอ ไล้ อิท ๆๆๆ” ซ้ำกันหลายครั้ง


...


ถัดไปอีกมุมถนน ชายคนเดิมนั่งอยู่ริมฟุตบาธ ชี้มาที่รองเท้าผม พร้อมกับใบหน้าเหยเก

อี๋ รองเท้าคุณแสนสกปรก”

เขาส่ายหน้า



3_07_1
ระหว่างลอดอุโมงก์ไฮวาน



3_07_2
ฮานอย!



3_07_3
แม่ค้าหาบของขาย ทุกอย่างที่ฮานอยทำกันบนถนน



3_07_4
"สบายใจค่ะ”



3_07_5
ขบวนสามล้อหรือซิกโคล่ชมเมือง นายหนึ่งหันยกนิ้วให้นักท่องเที่ยวอย่างคนคุ้นเคย


 

3_07_6

3_07_7

คนเวียดรุ่นใหม่ ในฮานอย



3_07_8
ขนมปังบาแก็ต อีกวัฒนธรรมที่หลงเหลือในยุคอาณานิคม



3_07_9
ดูการจราจรในเวียดนาม



3_07_10
กลางใจเมืองของกรุงฮานอยเต็มไปด้วยแสงสี


บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สะพานมอญเป็นอีกที่เที่ยวยอดนิยมอีกที่ ,ที่คนส่วนใหญ่จะไป ข้อแรก ไปง่าย ข้อสอง สวยดี นอกเหนือจากนี้ ยังมีเรื่องราวของคนหลากหลายกลุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในวันที่บ้านชื่นใจเต็มไปด้วยสายหมอก ไอชื้นหนาก่อตัวเป็นหยดน้ำ เกาะตามร่องใบสีเขียวอ่อนของยอดหญ้า ... บนทางดิน ดอกปีบสีขาวร่วงเกลื่อนดินนุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนกลัวลิงจากหลายเหตุผล ?? จากหน้าตา ท่าทางที่เอาเรื่อง จากความซุกซน อยู่ไม่นิ่งและอารมณ์ปรวนแปร "อย่าเข้าไปใกล้มันนะ" คุณแม่ยื้อยุดมือลูกสาวที่ยื่นขนมสีหวานไปให้ ... ขณะกดชัตเตอร์ จ๋อบางตัวกระโดดเกาะหลัง ผมคิดว่า มันคงอยากรู้อยากเห็น  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ลิง เรียนรู้การมีชีวิตจากคน ,เราเป็นบรรพบุรุษของลิงผ่านสายใยของวิวัฒนาการ ดวงตาใสแหน๋ว มองตรงมายังกล้วยและถั่วลิสงต้ม ,ไอติมปั่นสีแดงในมือเด็กน้อยถูกฉกไปดูดเลียคลายความร้อนจากอากาศยามเที่ยง ,ทั่วบริเวณพระปรางค์สามยอดแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานโต๊ะจีนลิงที่จัดเป็นประจำทุกๆ ปี
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้า รวมพลก่อนออกเดินทางไกล จะเห็นได้ว่าทุกคนยังสดใส ภาพนี้ถ่ายระหว่างรอรถไปส่งปากทางเข้าดงนาทาม รอยยิ้มใสใสกับผิวพรรณใสใสจะกลายเป็นสีแทนในอีกไม่ช้า  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยาวไกล สายน้ำสีขาวหายเข้าไปในขุนเขา โขดหินและทิวป่า .. เหล่าผู้นิยมไพร ยังคงเดินทางไกล ,ยาวนาน จนเสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงพึมพำ “เพ่ ทามมายมันร้อนอย่างงี้” นายคนหนึ่งเอ่ย “ป่าอิสานไม่เหมือนป่าภาคเหนือ” พี่ลม นายกท้องถิ่นเอ่ยอย่างนิ่มนวล ก่อนออกตัวอย่างเป็นทางการถึงความนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักจะนิยมป่าแถบเหนือมากกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักคิดถึงการเดินทางขึ้นเหนือ ....
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สายลมต้นฤดูหนาวกระหวัดวนบนยอดหญ้า เห็นเป็นริ้วๆ เหนือผลาญหินแห่งดงนาทาม ทุ่งดอกแดงอุบลสลับเหลืองพิมร บานสะพรั่ง ถึงแม้จะดูแห้งแล้งแต่ในโลกของธรรมชาติกลับมอบชีวิตและความสมดุล
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดร้อนเปรี้ยง ผ่าลงกลางหัว , เบื้องหน้า คือ ทางเดินหินที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ,แต่ทุกคนต่างมีความหวังจะเดินไปให้ถึงจุดหมาย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ปลาหมึกสีชมพู ใต้ท้องทะเลสีฟ้า ,มันเอาหนวดยาวๆ เกี่ยวกระหวัด เรือสีน้ำตาลที่มีใบสีเขียว ในสายตาของใครหลายคน ,สีน้ำบนกระดาษดูเลอะเทอ ,แต่ไม่เป็นไร สำหรับน้องกายส์ ซ์ซ์ซ์ , "นี่มันเรื่อง โจรสลัดแห่งทะเลแคริบเบี้ยน ใช่ไม๊" "ไม่ใช่" น้องกายทำหน้า งง อะไรเหรอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
นิ้วเล็กๆ บรรจงแต้มสีและกาว ด้วยความตั้งใจ ,เด็กๆ มักจะไม่กังวลกับความเลอะเทอะ ,ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เชื่อกันว่า ,ศิลปะ กว้างและลึก จรรโลงและสร้างสรรค์ ,เด็กๆ มองเห็นภาพในความว่างเปล่าของอากาศ จนกระทั่ง พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ,และความจำเป็นในชีวิตโบยตี ,เหตุผลของมันทำให้ดวงตาแบบนั้นหายไป  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สำหรับคนที่รักการเดินทาง ยาดาเป็นหนึ่งในนั้น, สำหรับเธอ โลกนี้ไร้กาลเวลา,และเขตแดน หลากเชื้อชาติ ,มีชีวิตและเรื่องราวเสมอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หลังวันเลือกตั้งเป็นเดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม ,ยาดาและทีมสังเกตุการณ์การเลือกตั้งกลับมายังกรุงคาบูล์ เมืองทั้งเมืองสงบนิ่งด้วยบรรยากาศแห่งความศรัทธาและเป็นครั้งแรกที่อัลเฟรลอนุญาตให้ทีมงานออกไปเดินเล่นได้โดยไม่ต้องมีล่ามและทีมการ์ด   บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่เคร่งขรึม ไม่ดื่ม ไม่กิน จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ไร้ข่าวของความรุนแรง ถึงแม้ว่า กลุ่มตาลีบันจะพยายามล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่วันนี้ ถือเป็นวันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั่วโลก ทุกคนกลายเป็นหนึ่ง ไม่ว่า พ่อค้า ข้าราชการหรือกรรมกร ชิกเก้น สตรีท เป็นถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว…