Skip to main content

 

blogazine headline
Photos by : Berd Whitlock , from : http://www.flickr.com/photos/rwhitlock/3167211359/

 

 

 

 - ทีมข่าวความมั่นคง - 

หลังบรรยากาศเฉลิมฉลองคริสมาสต์เพียง 2 วัน และอีกเพียงไม่กี่วันก็จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ แต่สำหรับชาวปาเลสไตน์ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2551 มันไม่ใช่วันแห่งความสุขรื่นรมย์เหมือนที่อื่นๆ แต่กลับเป็นวันที่แสนเจ็บปวด เลือดไหลรินและน้ำตาไหลนอง ในวันนั้นอิสราเอลลงมือส่งหน่วยปฏิบัติการทางอากาศเข้าโจมตีที่ทำการรัฐบาลฮามาส รวมไปถึงบ้านเรือนของผลเรือน ปฏิบัติดังกล่าวต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 800 ราย

เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในดินแดนปาเลสไตน์แต่มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าท่ามกลางปัจจัยและบริบทแวดล้อมที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ในขณะที่ความสูญเสียกำลังดำเนินไปเรื่อยๆ แต่สำหรับสังคมไทยดูจะห่างเหินจากการรับรู้ หัวไม้' จึงขอทำหน้าที่ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาสักครั้งเพื่อให้มองเห็นภาพรวมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  

 

ปาเลสไตน์   

ชาวปาเลสไตน์ในปัจจุบันสืบเชื้อสายมาจากชาวปาเลสไตน์ดั้งเดิมผสมกับชาวอาหรับ ชนเผ่าคะนาคัน และชนเผ่าอื่นๆที่มีถิ่นฐานอยู่ในบริเวณปัจจุบัน ส่วนอิสราเอลได้อพยพเข้ามาในดินแดนดังกล่าวคริสศตวรรษที่ 12

 

แต่ความขัดแย้งในดินแดนปาเลสไตน์เกิดขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่ออิสราเอลแสดงความเป็นเจ้าของแผ่นดินดังกล่าวโดยการยกข้อความจากคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า "ในวันพระยะโฮวาร์ได้ทำสัญญากับอับราฮามไว้ว่า เราได้มอบดินแผ่นดินนั้นไว้แก่พงศ์พันธ์ของเจ้าตั้งแต่แม่น้ำอายฆุบโตไปจนถึงแม่น้ำยูเฟรติส" และตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นในดินแดนปาเลสไตน์

 

อย่างไรก็ตาม มีประเด็นหักล้างความเชื่อดังกล่าวของชาวยิวโดย ดร.อัลเฟรด กีโยม (Dr.Alfred Guillaume) ศาสตราจารย์วิชาว่าด้วยพระคัมภีร์ไบเบิล มหาวิทยาลัยลอนดอน ว่า "โดยมากมักจะเข้าใจกันว่าคำสัญญานี้ให้ไว้กับพวกยิวเท่านั้น แต่พระคัมภีร์ไบเบิลหาได้ระบุเช่นนั้นไม่ เพราะพระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า "แก่พงศ์พันธ์ของเจ้า" ดังนั้นคำว่าพงศ์พันธ์นี้ย่อมรวมชาติอาหรับด้วย ไม่ว่าจะเป็นพวกนับถืออิสลามหรือคริสต์ก็ตาม เพราะชนชาติอาหรับนั้นเป็นพวกสืบเชื้อสายมาจากอิสมาอิลซึ่งเป็นบุตรของอับราฮามเช่นกัน"

 

ยิว/อิสราเอล

รศ.ดร.จรัญ มะลูลีม นักรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยอธิบายว่า ยิวมีสองแบบคือที่อยู่ร่วมกันกับชาวปาเลสไตน์ได้ กับยิวยุโรปหรือไซออนิสต์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีกระแสสงสารชาวยิวที่ถูกกระทำจากนาซีทำให้ต้องหาพื้นที่ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งเคยเสนอทั้งที่ซูดาน อูกันดา ศรีลังกา แต่ไม่มีเหตุผลรองรับ ในที่สุดจึงย้อนกลับไปใช้เหตุผล ดินแดนพันธสัญญา' ในไบเบิล และพยายามครอบครองดินแดนปาเลสไตน์

 

ทั้งนี้ ใน ค.ศ. 1897  ชาวยิวในสหรัฐและยุโรปได้รวมตัวกันตั้งองค์การยิวสากล หรือไซออนิสต์ (Zionist)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งคนยิวกลับมาตั้งถิ่นฐานและสร้างชาติยิวขึ้นใหม่ในดินแดนปาเลสไตน์

 

ปมขัดแย้งดินแดนปาเลสไตน์

ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ปาเลสไตน์เป็นดินแดนภายใต้จักรวรรดิออตโตมันเติร์ก ภายหลังประเทศอาหรับได้ทำการต่อสู้และได้สนับสนุนประเทศพันธมิตรอังกฤษซึ่งสัญญาว่าจะให้เอกราชเมื่อสงครามสิ้นสุด

 

แต่สุดท้าย เมื่อสงครามสิ้นสุดลง อังกฤษได้ออกประกาศบัลโฟร์อนุมัติให้ชาวยิวอพยพมาสู่ดินแดนปาเลสไตน์ ใน ค.ศ.1922 สันนิบาตชาติได้ยกปาเลสไตน์ให้อยู่ในอานัสอังกฤษ และภายใต้ขบวนการไซออนิสต์สากล อังกฤษได้ออกกฎหมายให้มีการอพยพชาวยิวเข้าไปในปาเลสไตน์ได้ปีละ 16,500 คน และให้ชาวยิวได้คุมกิจการไฟฟ้า ชลประธาน รวมทั้งใช้สินแร่

 

นอกจากนี้ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 มีการจัดตั้งคณะกรรมการไซออนิสต์ในปาเลสไตน์ขึ้น โดยระบุว่าเพื่อเป็นตัวแทนของชาวยิวทั่วโลก ต่อมาองค์กรนี้ได้กลายเป็นรัฐบาลคู่กับรัฐบาลอังกฤษ มีสำนักงานใหญ่ที่ยุโรปและอเมริกา เป็นผู้พิจารณาเรื่องชาวยิว อพยพ ตั้งระบบการศึกษาและสุขาภิบาล และมีการจัดตั้งกองทัพใต้ดิน ภายหลังได้รับการสนับสนุนอาวุธจากสหรัฐจนอังกฤษไม่สามารถดูแลปาเลสไตน์ได้และถอนตัวไปใน ค.ศ.1948 และส่งมอบการดูแลปาเลสไตน์ให้องค์การสหประชาชาติ

 

รัฐบาลอเมริกาได้เบิกทางเพื่อสร้างรัฐยิวในแผ่นดินปาเลสไตน์ด้วยการให้แบ่งดินแดนเป็น 2  ส่วน คือรัฐปาเลสไตน์และอิสราเอล ในวันที่  14 พฤษภาคม 1948 รัฐอิสราเอลถูกจัดตั้งขึ้นในดินแดนปาเลสไตน์ ในขณะที่รัฐปาเลสไตน์ไม่เคยเกิดขึ้นจริง การเกิดขึ้นของรัฐอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาติอาหรับอย่างมากและทำให้เกิดการสู้รบครั้งสำคัญ 6 ครั้ง

 

1.สงครามอาหรับ-อิสราเอล ค.ศ.1948 เกิดขึ้นภายหลังการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ต่อต้านการตั้งรัฐอิสราเอลในปี 1947 สงครามครั้งแรกนี้ อิสราเอลชนะเด็ดขาดและขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินที่เคยถือครอง อิสราเอลได้ครองพื้นที่ 78% ในขณะที่มีผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ถึง 750,000 คน

2.กรณีคลองสุเอซ ค.ศ.1956 อิสราเอล อังกฤษ ฝรั่งเศส ร่วมยกทัพไปยึดคืนคลองสุเอซจากอียิปต์ ปลายเดือนตุลาคม 1956 อิสราเอลบุกเข้าไปในแหลมไซนาย ประชิดคลองสุเอซ ตามด้วยทัพอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ปฏิบัติการล้มเหลว อิสราเอล อังกฤษ ฝรั่งเศสต้องถอนทหารจากอียิปต์ทั้งหมด

3. สงคราม 6 วัน ค.ศ. 1967 (5-10 มิถุนายน 1967) อิสราเอลรบชนะกองทัพอาหรับจากหลายประเทศในเวลา 6 วัน ยึดพื้นที่เขตเวสต์แบงก์ เยรูซาเล็มตะวันออกจากจอร์แดน ฉนวนกาซ่า แหลมไซนาย จากอียิปต์ (คืนให้แก่อียิปต์ในปี 1974) และที่ราบสูงโกลันจากซีเรีย

4. ค.ศ.1973 อียิปต์และซีเรียเข้าโจมตีอิสราเอลเพื่อยึดเอาดินแดนคืน หรือเรียกสงครามยม-คิบปูร์ (Yom Kippur War ยม คิบปูร์ เป็นเทศกาลวันหยุดที่สำคัญที่สุดของชาวยิว เป็นวันที่พระเจ้าประทานพรเพื่อให้ชาวยิวได้ชำระบาปออกจากจิตวิญญาณ จะไม่มีการทำงานในวันนั้น) หรือสงครามเดือนตุลาคม การรบที่อาหรับเป็นฝ่ายโจมตีก่อน อิสราเอลตีโต้โดยอาศัยความช่วยเหลือจากสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก ขณะที่กลุ่มอาหรับ-มุสลิมใช้น้ำมันเป็นอาวุธครั้งแรก โดยลดการผลิต และไม่ส่งน้ำมันให้แก่สหรัฐ และเนเธอร์แลนด์

5. ค.ศ. 1982 อิสราเอลรุกเข้าไปในเลบานอน ยึดกรุงเบรุตได้และขับไล่ขบวนการปลดปล่อยปาเลสไตน์ออกจากเลบานอน แต่ไม่สามารถยึดครองพื้นที่ได้นาน ในที่สุดอิสราเอลต้องถอนทหารออก

 

6. การลุกขึ้นสู้ครั้งที่สองของชาวปาเลสไตน์ ค.ศ. 2000 หลังจากนายแอเรียน ชารอน นายกรัฐมนตรีขณะนั้นเดินทางไปเยือนโบสถ์ภูเขา ซึ่งรวมเอาสุเหร่า อัล-อักซาในศาสนาอิสลาม การต่อสู้ยังคงยืดเยื้อถึงปัจจุบัน บางคนวิจารณ์ว่าหลังจากที่อิสราเอลบุกเข้าไปในตอนใต้ของเลบานอนและเปิดปฏิบัติการกวาดล้างในฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์ โดยมุ่งหวังให้ประชาคมปาเลสไตน์พังลงนั้น อาจก่อผลตรงข้าม นั่นคือ กลายเป็นชนวนให้เกิดการลุกขึ้นสู่ของชาวปาเลสไตน์ครั้งที่สาม และจะเป็นการลุกขึ้นสู้แบบใหม่ที่มีการก่อการรุนแรงแบบ อัล กออิดะห์ (บทความ Third Intifada Coming ใน Al-Ahram Weekly)

 

การลุกขึ้นสู้ของปาเลสไตน์

หลังยึดครองโดยอิสราเอลราวไป 2 ทศวรรษ ก็เกิดการลุกฮือที่เรียกว่า สงครามก้อนหิน (อินติฟาเฎาะหฺ)  2 ครั้ง การลุกขึ้นสู้ครั้งแรกของชาวปาเลสไตน์เกิดขึ้นในปลายปี 1987 เนื่องจากชาวปาเลสไตน์ที่พำนักในเวสต์แบงก์รวมทั้งฉนวนกาซารู้สึกสิ้นหวังในอนาคตของตนที่ต้องทนทุกข์อย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง และโลกรวมทั้งโลกอาหรับก็ดูเหมือนชินชากับสถานการณ์

 

การลุกขึ้นสู้นี้กล่าวกันว่าดำเนินอย่างเป็นไปเองของชาวปาเลสไตน์ที่นำโดยสภาชุมชน ส่วนขบวนการปลดปล่อยปาเลสไตน์ที่ต้องลี้ภัยไปตั้งศูนย์บัญชาการที่ตูนีเซียได้มาเข้าร่วมภายหลัง การลุกขึ้นสู้นี้ชาวปาเลสไตน์ที่ปราศจากอาวุธใช้เพียงก้อนหินขวางปารถถังและยานพานหะของทหารอิสราเอล ไม่ใช่การสู้รบทางทหารและก็ไม่ใช่การก่อการร้าย อิสราเอลที่มีความเหนือกว่าทางทหารสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยง่าย

 

อย่างไรก็ตาม ค.ศ.1987 สหประชาชาติได้ประณามการกระทำของอิสราเอลอย่างชัดเจน ค.ศ.1990 การลุกขึ้นสู้นี้ได้จางคลายไป แต่การใช้มาตรการทางทหารในการปราบปรามสงครามก้อนหินทำให้อิสราเอลตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง มีมิตรและผู้เห็นอกเห็นใจลดลง และนำความสูญเสียทางเศรษฐกิจต่ออิสราเอลไม่น้อยและทำให้ความเชื่อมั่นในรัฐปาเลสไตน์กลับมาอีกครั้ง

 

ส่วนการลุกขึ้นสู้ของชาวปาเลสไตน์ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นใน ค.ศ. 2000 จากกรณีดังที่กล่าวไปแล้วในสงครามครั้งสำคัญ

 

กลุ่มฮามาส

ฮามาส เป็นจำเลยสำคัญที่อิสราเอลยกมาเป็นข้ออ้างในการเข้าโจมตีกาซ่าครั้งล่าสุดในวันที่ 27 ธันวาคม 2551 โดยระบุว่ากลุ่มฮามาสยิงจรวดและปืนครกเข้าไปในฝั่งอิสราเอลทำให้ต้องตอบโต้เพื่อเป็นการหยุดยั้งฝั่งกาซ่าไม่ให้ทำร้ายคนอิสราเอล

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะกลุ่มฮามาสถูกประทับตราในสังคมโลกอยู่แล้วว่าเป็น ผู้ก่อการร้าย' แต่สำหรับชาวปาเลสไตน์ ฮามาสอาจถูกมองในทางตรงกันข้าม คือเป็นกลุ่มที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของชาวปาเลสไตน์ ในการต่อสู้กับอิสราเอล ฮามาสมีจุดยืนที่ชัดเจนที่ไม่ยอมรับสถานะของรัฐบาลอิสราเอล

 

คำว่า ฮามาส หรือ ฮะมาส (แปลเป็นไทยว่า ขวัญ หรือกำลังใจ) เป็นอักษรย่อของคำว่า ฮะรอกะหฺ (ฮ) มุกอวะมะหฺ (ม) อิสลามียะหฺ (อา+ส) ชื่อเต็มแปลว่า ขบวนการอิสลามเพื่อการต่อต้าน'

 

องค์กรฮามาสก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1928 โดยหะซัน อัลบันนา ทรงพลังอย่างยิ่งในการจุดประกาย Political Islam และกระแสการฟื้นฟูอิสลาม แต่การก่อตั้งอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในวันที่ 8 ธ.ค.1987 โดยมี เชคอะห์มัด ยาซีน เป็นผู้นำคนแรก ฮามาสได้เข้าเป็นเครือข่ายของขบวนการภราดรมุสลิมอาหรับ มีนโยบายในการเลี่ยนแปลงสังคมมุสลิมในปาเลสไตน์ให้กลับไปมีความเคร่งครัดและยึดมั่นในหลักการอิสลาม

 

เป้าหมายสุดยอดของฮามาสคือการขับไล่อิสราเอลออกจากดินแดนปาเลสไตน์พร้อมสถาปนารัฐปาเลสไตน์ที่ใช้กฎหมายอิสลามเป็นธรรมนูญในการปกครอง ฮามาสได้รับความนิยมนับถืออย่างมากทั่วปาเลสไตน์และได้รับการพิสูจน์จากการชนะในการเลือกตั้งเข้าสู่สภาของปาเลสไตน์ในปี 2006

 

ฮามาสสร้างความนิยมในหมู่ชาวปาเลสไตน์ที่ยากจนด้วยการจัดหาความจำเป็นพื้นฐานต่างๆ สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล และศูนย์ทางศาสนา และที่แตกต่างจากกระบวนการทางการเมืองปาเลสไตน์อื่น ๆ คือ ฮามาสไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) และต่อต้านการเซ็นสัญญาสันติภาพกับอิสราเอล แม้จะเคยทำสัญญาพักรบกับอิสราเอลหลายครั้ง เชื่อกันว่าเงินทุนในการดำเนินการของกลุ่มฮามาสได้มาจากการบริจาคของชาวปาเลสไตน์ทั้งในและนอกประเทศ นอกจากนั้นยังมีการสนับสนุนจากประเทศอาหรับอื่นๆ และรัฐบาลอิหร่าน

 

ฮามาสมีหน่วยรบอิซซุดดีน อัลก็อซซาม ซึ่งเชื่อกันว่ามีสมาชิกหลายพันคน เคยทำการสู้รบกับอิสราเอลมาหลายครั้ง ผู้นำคนสำคัญหลายต่อหลายคนของกลุ่ม ถูกลอบสังหาร ยาซีนถูกลอบสังหารในปี 2004 และไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น อับดุล อาซิซ อัลร่อนตีสีย์ ซึ่งเป็นผู้นำฮามาสที่ยึดครองกาซ่าได้อย่างเหนียวแน่นก็ถูกสังหารไปอีกคนหนึ่ง

 

ฮามาสได้สร้างความน่านับถือโดยสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ในฉนวนกาซาได้เป็นผลสำเร็จ ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรกับฮามาสมาก่อน เช่น กลุ่มคริสเตียนปาเลสไตน์ ฮามาสเริ่มปฏิบัติการระเบิดพลีชีพกับอิสราเอลในปี 1994

 

ในปี 2000 การเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ล้มเหลวลงอีกครั้งหนี่ง ฮามาสได้เข้าร่วมกับกลุ่มการเมืองและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆของปาเลสไตน์ ทำการลุกฮือขึ้นต่อต้านอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2โดยมีการรณรงค์ต่อต้านจากพลเรือนปาเลสไตน์ในเขตยึดครอง และการเพิ่มขึ้นของปฏิบัติการระเบิดพลีชีพในอิสราเอลเพื่อแสดงการต่อต้านการที่อิสราเอลโจมตีเวสต์แบ๊งค์และฉนวนกาซา

 

กลุ่มฮามาสต่อต้านการประชุมสันติภาพที่กรุงออสโล ในปี 1993 และได้คว่ำบาตรการเลือกตั้งในปาเลสไตน์ เพราะเห็นว่าเป็นผลมาจากการประชุมสันติภาพครั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ฮามาสตัดสินใจส่งสมาชิกเข้าร่วมในการเลือกตั้งเข้าสู่รัฐสภาปาเลสไตน์ในปี 2006 และได้รับการสนับสนุนจากชาวปาเลสไตน์โดยสามารถเอาชนะกลุ่มฟาตะฮฺด้วยคำมั่นที่จะต่อต้านการคอรัปชั่นและการยึดครองของอิสราเอล

 

สหรัฐ ประเทศในสหภาพยุโรป และอิสราเอล ได้ตราหน้าว่าฮามาสเป็นกลุ่มก่อการร้าย และไม่ยอมรับรองผลการเลือกตั้ง จากนั้นปาเลสไตน์ถูกยัดเยียดมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอย่างหนัก กลุ่มประเทศมหาอำนาจตะวันตกบังคับให้ฮามาสรับรองรัฐอิสราเอล ละทิ้งอุดมการณ์ต่อสู้ด้วยอาวุธ และยอมรับการตกลงสันติภาพอื่นๆ ระหว่างปาเลสไตน์-อิสราเอล

 

มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจและความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฮามาส กับกลุ่มฟาตะฮฺที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้มีอำนาจในปาเลสไตน์ที่ได้รับการรับรองเป็นทางการต้องตกที่นั่งลำบาก เพราะถูกตัดความช่วยเหลือจากประเทศตะวันตกไปด้วย

 

สมาชิกที่สนับสนุนฮามาส และฟาตะฮฺต่อสู้กันอยู่เนือง ๆ ทั้งในเวสต์แบ๊งค์ และในกาซา เพื่อช่วงชิงการปกครองพื้นที่ เมื่อต้นปี 2007 ทั้ง 2 กลุ่มตกลงประนีประนอมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วม ทั้งนี้เพื่อต้องการรับความช่วยเหลือจากนานาชาติ

 

เดือนมิถุนายน ปี 2007 ประธานาธิบดีมะฮฺมูด อับบาส และกลุ่มฟาตะฮฺ ร่วมมือกันยึดอำนาจในเขตเวสต์แบ๊งค์ ทำให้การดิ้นรนขึ้นสู่การเป็นผู้ปกครองดินแดนปาเลสไตน์ของกลุ่มฮามาสต้องยุติลง อิสราเอลได้เพ่งเล็งกาซาเพิ่มขึ้นโดยการเพิ่มกำลังทหาร และเพิ่มมาตรการปิดล้อมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการตัดไฟฟ้า และเริ่มปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2551 โดยอ้างว่าเพื่อยุติไม่ให้ฮามาสยิงจรวดเข้ามาในดินแดนอิสราเอล

 

 

 

ข้อมูลอ้างอิง

ฮามาส  www.wikipedia.org

ปาเลสไตน์แผ่นดินมิคสัญญี' อกสารประกอบการเสวนา สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์  9 ม.ค. 51 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ข้อเท็จจริงของความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล (ยิว)  และปาเลสไตน์ .เอกสารประกอบการเสวนา สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์  9 ม.ค. 51 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โครงการตะวันออกกลางศึกษา.รายงานการประมวลสรุป วิเคราะห์และสังเคราะห์ เหตุการณ์และแนวโน้มด้านต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในรอบเดือน กันยายน 2549 .

น้าชาติ ประชาชื่น.สงครามยิว-อาหรับ. ข่าวสดปีที่ 17ฉบับที่ 6011 15 พฤษภาคม, 2550.

 

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
 ทีมข่าวการเมืองข่าวเรื่องนิตยสาร ดิ อิโคโนมิสต์ ถูกแบน ในประเทศไทย ได้รับการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของเอพี และเสตรทไทม์ ขณะที่ในเมืองไทย [1] ข่าวดังกล่าวไม่ปรากฏในสื่อกระแสหลัก และเพิ่งมาปรากฏขึ้นในลักษณะของการตอบโต้จากทางการไทย ผ่าน.นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงบรรณาธิการนิตรสาร ดิ อิโคโนมิสต์  ระบุว่า....            "รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อมุมมองและทัศนคติของนิตยสารฉบับดังกล่าว ซึ่งลงบทความเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย และตีความเหตุการณ์ต่างๆ ไปตามการคาดเดา…
หัวไม้ story
“ผมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นฝีมือของพวกฉวยโอกาส หากพันธมิตรฯจะทำก็ต้องเป็นตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี เพราะสามารถสร้างความเสียหายมากกว่า ได้ผลมากกว่า และสะใจมากกว่า ไม่อย่างนั้นจะเก็บไว้อย่างดีทำไม” สุริยะใส กตะศิลา, 5 ธ.ค. 2551  ทีมข่าวการเมือง   ภาพในตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลหลังการชุมนุมยุติที่มาของภาพ: คุณ Me.....O กระดานข่าวพันทิพ ห้องราชดำเนินhttp://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7288033/P7288033.html  
หัวไม้ story
"ถ้างวดนี้ มีการใช้ความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง พี่น้องครับ พี่น้อง พ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศไทย ต้องลุกฮือขึ้นมาแล้วให้เลือดนองแผ่นดิน"  ... "ผมจะบอกให้พวกสัตว์นรกรู้ ว่างวดนี้ถ้าประชาชนเขามา เขามาพร้อม ‘ของ' กันหมด" - สนธิ ลิ้มทองกุล 20 พ.ย. 2551 ทีมข่าวการเมืองประชาไท สนธิ ลิ้มทองกุล ได้รับการอารักขาโดย ‘นักรบศรีวิชัย’ เมื่อ 26 ส.ค. 51 ที่มาของภาพ adaptorplug (CC)  
หัวไม้ story
  วันที่ 15 พฤศจิกายน คือวันประชุมสุดยอดผู้นำโลก 20 ชาติว่าด้วยเศรษฐกิจ ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะเป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการทางการเงินของโลกอีกครั้งหลังจากมันเคยเกิดขึ้นแล้วหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเศรษฐกิจโลกพังพาบลง จนนำมาสู้ระบบแลกเปลี่ยนเงินที่ชื่อว่า Bretton Woods SystemG20: "we must rethink we must rethink the financial system from scratch, as at Bretton Woods."นิโคลัส ซาร์โกซี ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสเป็นผู้เอ่ยประโยคนี้ เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา และนำมาสู่การกำหนดการประชุมสุดยอดผู้นำโลกที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. นี้
หัวไม้ story
โอบามากับสงครามสีผิวที่กำลังจะเปิดฉาก? ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งจบลงไปด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของบารัก โอบามา ผู้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นคนผิวสี คนแรกที่เดินเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดี โอบามา เป็นลูกผสมระหว่างแม่ซึ่งเป็นคนผิวขาว กับพ่อเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งไม่ได้ย่างเท้าลงบนแผ่นดินอเมริกาในฐานะทาส แต่เป็นนักศึกษา แม้จะไม่ใช่คนผิวดำ หรือลูกหลานแอฟริกันขนานแท้ ที่เติบโตขึ้นจากครอบครัวที่มีบรรพบุรุษเป็นทาส แต่บารัก โอบามา ก็ถูกจำจดในฐานะเป็นตัวแทนของคนผิวสีที่ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี แม้จะไม่ได้ผ่านประวัติศาสตร์ร่วมกับคนแอฟริกัน-อเมริกัน…
หัวไม้ story
แม้ว่าคนจนในประเทศไทย จะเลือกตาย ด้วยหวังให้การตายส่งเสียงได้มากกว่ายามที่พวกมีชีวิตอยู่ ทว่า ไม่ช้าไม่นาน ความทรงจำของสังคมก็เลือนรางลงไป แต่คนจนอย่างนวมทอง ไพรวัลย์ เลือกวิธีตาย และเลือกใช้การตายของเขาส่งเสียงดังและอยู่ยาวนาน อย่างน้อยก็ใน 2 ปีต่อมา เขายังไม่ถูกลืมเลือน
หัวไม้ story
ประชาไทขอนำเสนอคลิปวิดิโอ 'หลังทักษิณ' มุมมอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากคนใกล้ตัวที่บ้านเกิด อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และบทวิเคราะห์การเมืองไทยหลังทักษิณ โดย รศ.ดร.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ นักวิชาการภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
หัวไม้ story
  ทีมข่าวภาคใต้มายาภาพของการต่อสู้ทางการเมืองไทยในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถูกกล่าวว่าอ้างว่าเป็นสงครมมระหว่างภูมิภาค คือ ภาคใต้ กับภาคเหนือและภาคอิสาน แต่หากมองลึกลงไปในกระบวนการต่อสู้ของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพรรคพลังประชาชน อาจพบว่าแท้จริงแล้วการพื้นที่ทางการเมืองระดับนำก็ยังคงเป็นของคนใต้อยู่เช่นเดิม
หัวไม้ story
จับตาการเดินทัพของพันธมิตรฯ จากคำปราศรัยของแกนนำชื่อ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ หลังประกาศทบทวนแนวทางสันติวิธี ระบุแกนนำทั้งหลายไม่กลัวตาย “แต่ถ้าพวกเราบางคนจะต้องตาย พี่น้องสัญญาอย่าง ต้องให้แผ่นดินนี้ ลุกขึ้นเป็นไฟให้ได้”
หัวไม้ story
  เมื่อพูดกันถึงเรื่องการปฏิรูปการเมืองก็ไม่แคล้วตามมาด้วย การแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง นับเป็นสิ่งที่สังคมไทยถนัดในการแก้ปัญหาการเมืองโดยการเขียนอะไรบางอย่างขึ้นมาบังคับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร กระทั่งแม้แต่นักกฎหมายมหาชนเองก็ยังแซวผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตัวเองได้ว่า ประเทศไทยนั้นมีความเชี่ยวชาญในการร่างรัฐธรรมนูญที่สุดในโลกนายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2539 กล่าวในรายการตอบโจทย์  ทางสถานีไทย เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ว่าที่สุดแล้ววิกฤตของการเมืองไทยวันนี้มันก็เริ่มมาจากการแก้รัฐธรรมนูญที่ฝ่ายรัฐบาลนำเสนอนั่นเองย้อนเหตุการณ์ให้ฟังอีกครั้งว่า…
หัวไม้ story
  พิณผกา งามสม   ในระหว่างที่การต่อสู้ทางการเมืองไทยยังคงถกเถียงกันเรื่องโมเดลการเมืองใหม่ การเมืองใหม่กว่า รวมถึงระบบโควตาและระดับความชอบธรรมของ ‘เสียง' การเมืองเพื่อนบ้านของไทยก็กำลังเข้มข้นอยู่บนหนทางเดิมๆ ตามระบอบรัฐสภาเมื่อนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียประกาศว่าจะเขย่ารัฐบาลมาเลย์ให้ล่มเพื่อเปิดโอกาสในการจัดสรรที่นั่งในสภากันใหม่ โดยยึดเอาวันที่ 16 กันยายนเป็นวันดีเดย์ แรกทีเดียว หลายฝ่ายอาจคิดว่าเป็นเพียงการสร้างสีสันให้การรณรงค์ทางการเมืองของพรรคฝ่ายค้านอย่างที่เคยทำมาอย่าแข็งขัน เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า…
หัวไม้ story
  วิทยากร  บุญเรืองขณะที่ Frank Lampard ดาวเตะแข้งทองของทีม Chelsea พึ่งบรรลุข้อตกลงสัญญา 5 ปีที่มีมูลค่าสูงถึง 39.2 ล้านปอนด์ โดย Lampard จะได้รับค่า 151,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 3,775 ปอนด์ต่อชั่วโมง! แต่จากการสำรวจของ The Fair Pay Network และ Institute of Public Policy Research (IPPR) พบว่าพนักงานทำความสะอาด พ่อครัวแม่ครัว และแรงงานตัวเล็กๆ ทั้งหลาย ของสโมสรอย่าง Chelsea, Spurs, Arsenal, West Ham และ Fulham กลับได้รับค่าเหนื่อยจากสัญญาจ้างค่าแรงขั้นต่ำแค่ 5.52 ปอนด์ต่อชั่วโมงเท่านั้น