“ผมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นฝีมือของพวกฉวยโอกาส หากพันธมิตรฯจะทำก็ต้องเป็นตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี เพราะสามารถสร้างความเสียหายมากกว่า ได้ผลมากกว่า และสะใจมากกว่า ไม่อย่างนั้นจะเก็บไว้อย่างดีทำไม”
สุริยะใส กตะศิลา, 5 ธ.ค. 2551
ทีมข่าวการเมือง
ภาพในตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลหลังการชุมนุมยุติ
ที่มาของภาพ: คุณ Me.....O กระดานข่าวพันทิพ ห้องราชดำเนิน
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7288033/P7288033.html
ประกาศชัยชนะหรือคำปลอบใจมวลชน
2 ธ.ค. หลังจากมีคำตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน กับอีก 2 พรรคร่วมรัฐบาลอย่างชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย ใครจะไปนึกว่าพันธมิตรฯ ที่ตลอดบ่ายของวันนั้นมีข่าวว่า แกนนำอย่างสมศักดิ์ โกศัยสุขยังยืนยันจะชุมนุมต่อไป แต่ไม่รู้ว่าได้ ‘สัญญาณ’ อะไร พอถึงเวลา 18.30 น. หลังแกนนำรุ่น 1 และรุ่น 2 หารือกันที่บ้านพระอาทิตย์ ก็ออกมาประกาศชัยชนะ [1] และประกาศให้ยุติการชุมนุมอันยาวนาน อ่อนล้า และถูกสาปแช่ง ก่นด่ากว่า 193 วัน ในวันที่ 3 ธ.ค.
ไม่รู้ว่าแกนนำพันธมิตรฯ และบรรดาผู้ให้ท้ายจะคิดว่าพวกเขาชนะจริงหรือไม่ เพราะเครือข่ายของสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า ‘ระบอบทักษิณ’ นั้น ลำพังอำนาจตุลาการไม่อาจฆ่าไม่ได้ทำลายไม่หมดไปเสียแล้ว การยุบพรรคพลังประชาชน ได้เกิดความไม่พอใจในหมู่ฐานเสียงของพรรคพลังประชาชน แถมบรรดา ส.ส.พลังประชาชน ที่รอดตายจากการล้างโคตรทางการเมืองก็เดินทางไปสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งที่ยุบไปแล้วและไม่ยุบก็ประกาศแล้วว่าจะสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เชื่อว่าถ้าอำนาจอื่นหรือกำลังภายในไม่สำแดงฤทธิ์เดชอีก หรือกลุ่มเพื่อนเนวินและกลุ่มต่างๆ ไม่หันไปซบประชาธิปัตย์หนุน 'พี่มาร์ก' เสียก่อน พวกเขาในนามพรรค ‘เพื่อไทย’ ก็เตรียมจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ได้เลย
เลิกชุมนุม ถอยตั้งหลัก
การยุบพรรคพลังประชาชนก็ดูเป็นเรื่องเป็นราวและเป็นชิ้นเป็นอันเพียงพอที่จะนำมาเป็น ‘ข้ออ้าง’ ที่ฟังขึ้นสำหรับมวลชนที่เหนื่อยล้าจากศึก ‘ม้วนเดียวจบ’ ที่ดำเนินมาตั้งแต่ 23 พ.ย. ประกอบกับแรงกดดันจากสังคมจากการยึดครองสนามบินดอนเมืองอันเป็นทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว และสนามบินสุวรรณภูมิจนทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจไปทั่วประเทศ ประกอบกับมวลชนบาดเจ็บล้มตายจากการจองกฐินจาก ‘กองกำลังไม่ทราบฝ่าย’ ที่ใช้ระเบิดโจมตีพันธมิตรฯ เกือบทุกคืนที่ทำเนียบรัฐบาล และต่อมาการโจมตีขยายวงไปที่ดอนเมือง และสุวรรณภูมิ
จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องประกาศชัยชนะเลิกชุมนุม ไม่ได้แปลว่าพันธมิตรชนะหรือแพ้ แต่เป็นการถอยไปตั้งหลักมากกว่า และดูเป็นการถอยที่รีบร้อน ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าเพื่อการถอยด้วย ดูได้จากเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ พล.ต.จำลอง ประกาศให้ผู้ชุมุมรีบถอนออกจากทำเนียบให้ไปสมทบกันที่ดอนเมือง และสุวรรณภูมิเมื่อ 1 ธ.ค. เนื่องจากเกรงว่าผู้ชุมนุมจะไม่ปลอดภัย โดยในทำเนียบมีการปิดเวทีปราศรัยในเวลา 20.00 น. และเหลือเพียงนักรบศรีวิชัยเฝ้าอยู่ โดยผู้สื่อข่าวไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในได้ ต้องรอจนถึงเช้าวันที่ 2 ธ.ค. [2]
‘ข้าวของ’ หลักฐานที่เก็บไม่ทัน
สมมติฐานเรื่องการถอยที่รีบร้อนนั้น ยิ่งปรากฏชัดหลังจากประกาศชัยชนะและต้องคืนทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 4 ธ.ค. ก็มีข่าวพันธมิตรฯ เคลียร์ ‘หลักฐาน’ ในทำเนียบไม่หมด
ทั้งเรื่องที่ ตำรวจนครบาลภาค 1 พร้อมเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด และพนักงานทำความสะอาด กทม. เข้าเคลียร์พื้นที่รอบนอกทำเนียบรัฐบาลเมื่อเช้าวันที่ 3 ธ.ค. มีการพบน้ำกรดบรรจุขวดเครื่องดื่มชูกำลังจำนวนมาก โดยน้ำกรดนั้นมีอานุภาพทำลายเยื่อบุโพรงจมูก ใกล้ๆ กันนั้นพบขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่มีการนำผ้ามาเป็นฉนวนคล้ายระเบิดเพลิง และยังยึดได้กระป๋อง ท่อพีวีซี หรือวัตถุดัดแปลงอาวุธต่างๆ [3]
ทั้งเรื่องที่ นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรีและบรรดาผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล เข้าตรวจสอบความเสียหายของทำเนียบรัฐบาลเมื่อ 4 ธ.ค. และพบอาวุธสารพัด เช่น ระเบิดปิงปองหลายสิบลูก ไม้ติดปลายมีด ไม้คมแฝก ไม้กอล์ฟ ท่อนเหล็ก เสื้อเกราะ โล่ ระเบิดเพลิง กระสุนปืน สนับแขนที่ทำจากท่อพีวีซี หลายร้อยชิ้น รวมทั้งพลุที่มีอำนาจระเบิดที่รุนแรงรัศมีกว้าง 10 เมตร สามารถทำให้ อวัยวะฉีกขาดได้ถ้าโดนในระยะใกล้ๆ และลูกปืนขนาด .38 อีก 110 นัด
มิพักต้องพูดถึงสภาพเสียหาย การทุบประตู หน้าต่างของตึกบัญชาการ 1-2 เพื่องัดแงะทรัพย์สินราชการและทรัพย์สินส่วนตัวของข้าราชการ มิพักต้องพูดถึง ‘ระเบิดคน’ อุจจาระบนโต๊ะทำงานรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี [4]
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่าง สุริยะใส กตะศิลา เคยบอกเมื่อ 1 ธ.ค. ว่า “สำหรับการดูแลทรัพย์สินภายในทำเนียบฯ พันธมิตรได้จัดเวรยามและป้องกันรักษาสมบัติทุกชิ้นไว้อย่างดี ไม่มีการสูญหายหรือไปทำลายทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้น [5]
สุริยะใสยังบอกว่า “หากสำนักนายกฯ ต้องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ก็สามารถทำได้ตามสิทธิ์ แกนนำพันธมิตรทั้งหมดพร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เพราะพวกเราไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายอยู่แล้ว” [6]
ปัดไม่เกี่ยว ถ้าจะทำต้อง ไทยคู่ฟ้า-สันติไมตรี
แต่พอเกิดเรื่องเคลียร์ ‘หลักฐาน’ ไม่หมด สุริยะใสจึงออกมาแก้เกี้ยวเมื่อ 5 ธ.ค. ว่าว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากสายข่าว พวกมิจฉาชีพ เข้ามาฉวยโอกาสสร้างความเสียหายและโยนความผิดให้กับพันธมิตรฯ และอ้างว่าเพราะในคืนวันที่ 1-3 ธ.ค.51 ที่ผ่านมาทำเนียบรัฐบาลไม่มีการ์ดพันธมิตรฯ อยู่เลย [7]
ข้อมูลของสุริยะใส จึงสวนทางกับข้อเท็จจริงที่ พล.ต.จำลอง สั่งให้การ์ดตรึงกำลังเฝ้าทำเนียบไว้ตั้งแต่คืนวันที่ 1 ธ.ค. หลังให้ผู้ชุมนุมถอนออกจากทำเนียบ ในคืนนั้นแม้แต่นักข่าวจะเข้าไปในทำเนียบก็ยังไม่ได้ ต้องรอกระทั่งเช้า การ์ดถึงจะยอมให้เข้าไปทำข่าวในทำเนียบได้
สุริยะใสยังกล่าวว่า
“ผมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นฝีมือของพวกฉวยโอกาส หากพันธมิตรฯจะทำก็ต้องเป็นตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี เพราะสามารถสร้างความเสียหายมากกว่า ได้ผลมากกว่า และสะใจมากกว่า ไม่อย่างนั้นจะเก็บไว้อย่างดีทำไม” [8]
คงต้องช่วยกันเชื่อผู้ประสานงานพันธมิตรฯ รายนี้ ว่าระดับพันธมิตรฯ ออฟฟิศข้าราชการทำเนียบกระจอกๆ คงไม่ทำแน่นอน ต้องเป็นระดับไทยคู่ฟ้า สันติไมตรี
เหมือนกับที่เอ็นบีที ที่พวกเขาเคยส่งคนไปยึดเพื่อหวังเชื่อมต่อสัญญาณ ASTV มาแล้ว
เพราะสามารถสร้างความเสียหายมากกว่า ได้ผลมากกว่า และสะใจมากกว่า
เหมือนกับที่สุวรรณภูมิ ที่พวกเขาก็ไม่เคยเอาไว้มาแล้ว ด้วยการเข้าไปชุมนุมปิดสนามบินสุวรรณภูมิ จนเสมือนถูกปิดประเทศโดยปริยายในวันที่ 25 พ.ย. – 3 ธ.ค. รวมเวลากว่า 9 วัน จนส่งผลกระทบต่อการคมนาคมขนส่ง ภาพลักษณ์ระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจปากท้องของเพื่อนร่วมชาติโดยรวม
เพราะสามารถสร้างความเสียหายมากกว่า ได้ผลมากกว่า และสะใจมากกว่า
บทสรุปของพันธมิตรฯ เฟส 2 ตลอด 193 วัน สังคมไทยสูญเสียถ้วนหน้า ขณะที่พวกเขาและผู้ให้ท้ายสามารถประกาศชัยชนะกันได้อย่างชื่นบาน!
หมายเหตุ
[1] คุณ hectic101 ในกระดานข่าวประชาไทตั้งข้อสังเกตเรื่องการรีบประกาศชัยชนะและยุติการชุมนุมของพันธมิตรเอาไว้ ใน http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic.php?id=755680
[2] จำลอง ประกาศถอนคนออกจากทำเนียบฯ ยืนยันยังไม่คืน, ประชาไท, 1 ธ.ค. 2551 http://www.prachatai.com/05web/th/home/14705 และ พันธมิตรฯ ย้ายไม่จริง ให้การ์ดตรึงทำเนียบ, ประชาไท, 2 ธ.ค. 2551 http://www.prachatai.com/05web/th/home/14720
[3] ตร.ค้นทำเนียบเจอพลุแท่ง-น้ำกรดอื้อ, เดลินิวส์, 3 ธ.ค. 2551 http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=184303&Newstype=1
[4] ทำเนียบเยิน-เสียหาย25ล., มติชนรายวัน, 5 ธ.ค. 2551
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0104051251§ionid=0101&day=2008-12-05
[5] ยอมทิ้งทำเนียบแล้ว พธม.อพยพ ปักหลัก2สนามบิน, ข่าวสด, 2 ธ.ค. 2551
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVEF5TVRJMU1RPT0=
[6] แหล่งเดียวกัน
“ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” เป็นคำคมที่สุริยะใสนำมาจากคำพูดของ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง อดีตประธานกรรมการ บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน) ที่เพิ่งถูกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นบุคคลล้มละลาย ลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 1 ก.ค. 2551 ในคดีหมายเลขแดงที่ 4423/2549
สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ยังเป็นนายทุนพรรคชาติไทย เป็นกรรมการบริหารพรรคชาติไทยที่เพิ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหลังพรรคถูกยุบ
[7] สุริยะใส”แจงหากพันธมิตรฯจะทำลายข้าวของจริง ตึกไทยคู่ฟ้าไม่พ้นแน่ เพราะสะใจกว่า, แนวหน้า, 5 ธ.ค. 2551, http://www.naewna.com/news.asp?ID=137001
[8] แหล่งเดียวกัน