Skip to main content

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ นิวส์ออฟเดอะเวิลด์' ของอังกฤษ มีผู้เข้าชมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากที่เคยมีคนแค่ หลักพัน' คลิกเข้ามาอ่านข่าวประเภทสีสันบันเทิงซุบซิบดารา แต่ทันทีที่สื่อกระแสหลักอย่างสำนักข่าวบีบีซี เอพี รอยเตอร์ หรือไทม์ของอังกฤษ รายงานว่าเว็บนิวส์ออฟเดอะเวิลด์ มีการเผยแพร่ คลิปหลุด' ของ เจ้าชายแฮรี่' รัชทายาทลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ยอดผู้เข้าชมก็พุ่งแตะหลัก 50,000 คนภายในเวลาไม่กี่วัน

สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือการถกเถียงอย่างจริงจังในชุมชนพลเมืองอินเตอร์เน็ต ว่าด้วยเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ, สิทธิส่วนบุคคล, เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศ

สาเหตุสืบเนื่องมาจากเจ้าชายแฮรี่ทรงบันทึกวิดีโอประจำวันไว้ขณะทรงเข้ารับการฝึกอบรมภาคสนามที่อัฟกานิสถานในฐานะนักเรียนนายร้อยแห่งโรงเรียนแซนด์เฮิร์สต์เมื่อปี 2549 พระองค์ทรงหลุดปากเรียกนักเรียนนายร้อยเชื้อสายเอเชียที่เป็นพระสหายร่วมชั้นว่า ปากี' และบอกกับพระสหายอีกคนหนึ่งซึ่งแต่งชุดพรางและมีผ้าโพกหัวว่า ดูเหมือน พวกหัวผ้าขี้ริ้ว' หรือ ‘raghead'

ทั้ง 2 คำที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของเจ้าชายเป็นประเด็นอ่อนไหวในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างอังกฤษ (ซึ่งเป็นต้นตำรับแห่งการล่าอาณานิคม) รวมถึงสังคมอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากคำเรียกที่แฝงนัยเชิงเหมารวม ถึงขั้นที่หลายคนมองว่าเป็น การเหยียดเชื้อชาติ' ที่ไม่อาจยอมรับได้

วิดีโอดังกล่าวหลุดมาถึงมือกอง บ.ก.หนังสือพิมพ์นิวส์ออฟเดอะเวิลด์ได้อย่างไรไม่มีใครรู้ แต่ที่สำคัญคือเจ้าชายแฮรี่ทรงตกเป็นเป้าแห่งการวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง ความไม่เหมาะสม' และกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองระหว่างประเทศไปเรียบร้อยแล้ว

เป็นแค่เรื่องล้อเล่น?

วันเดียวกับที่คลิปวิดีโอของเจ้าชายแฮรี่เผยแพร่ออกสู่สาธารณชน ทางสำนักพระราชวังของอังกฤษก็ออกแถลงการณ์ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง' ต่อประชาชนผู้อาจได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ อันสืบเนื่องมาจาก พระดำรัสที่ไม่เหมาะสม' ของเจ้าชาย แต่เนื้อหาที่ทิ้งท้ายในแถลงการณ์ระบุว่า วิดีโอที่หลุดออกมาถูกถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน และอันที่จริง...เจ้าชายทรงใช้ถ้อยคำที่ว่าเรียกพระสหายที่สนิทสนมกับในกองทัพเท่านั้น หาได้เป็นการ เหยียดเชื้อชาติ' อย่างใดไม่

ผู้ออกความเห็นท้ายข่าวในเว็บไซต์นิวส์ออฟเดอะเวิลด์จำนวนมากเห็นด้วยกับคำแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง และยืนยันว่า ปากี' ไม่ใช่คำที่เลวร้ายอะไร และแทบจะไม่ต่างอะไรจากการตั้งฉายาไว้เรียกหยอกล้อกันในหมู่เพื่อนฝูง ซึ่งจะว่าไปคำว่า ปากี' อาจไม่ต่างจากคำว่า ลาว' ที่คนไทยบางคนชอบใช้เป็นคำวิเศษณ์ในความหมายเชิงกดทับว่าไม่ดี ไม่สวย ไม่เด่น ไม่ทันสมัย ฯลฯ แต่ถ้าคิดถึงใจ คนเชื้อชาติลาว' ที่ได้ยินได้ฟังคำนี้บ่อยๆ ในสังคมที่นิยมความเป็น ไทย' คงเป็นคำที่ไม่ทำให้รู้สึกดีสักเท่าไหร่

มิหนำซ้ำคำว่า ปากี' ของเจ้าชายแฮรี่อาจยิ่งเลวร้ายกว่า เพราะกลุ่มขวาจัดที่สนับสนุนแนวคิดว่าคนผิวขาวคือเผ่าพันธุ์สูงส่งกว่าชนชาติอื่นๆ ในอังกฤษยุคทศวรรษที่ 70 เป็นผู้เริ่มต้นใช้คำว่า ปากี' เพื่อเรียกทั้งชาวปากีสถานและชาวอินเดียที่อพยพมาตั้งรกรากในอังกฤษ ทั้งยังมีการก่อเหตุทำร้ายร่างกายชาวปากีสถาน หลายคดี จนเป็นที่เรียกว่า Paki Bashing (1)

ส่วนคนที่ จริงจัง' กับคำ ปากี' ของเจ้าชายก็มีอยู่จริงๆ เขาคือ อิฟทิการ์ ราจา' พลเมืองอังกฤษ เชื้อสายปากีสถาน ผู้เป็นลุงของ อาเหม็ด ราซา ข่าน' นักเรียนนายร้อยที่เจ้าชายทรงเรียกว่า เพื่อนชาวปากีของเรา' ออกมาบอกเล่าความรู้สึกของคนที่ถูกตั้งฉายาเหมารวมว่า

"พวกเราต่างคาดหวังสิ่งที่ดีกว่านี้จากสมาชิกราชวงศ์ของเรา ซึ่งพวกเราต้องจ่ายเงินเป็นล้านล้านปอนด์สำหรับการฝึกอบรมและการศึกษา" (2)

แม้แต่นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ยังออกมากล่าวว่า การใช้คำ ปากี' เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ และกองทัพอังกฤษก็พยายามแบ่งรับแบ่งสู้ด้วยการประกาศว่าการเหยียดเชื้อชาตในกองทัพจะต้องถูกกำจัดให้หมดไป และจะทำเรื่องสอบสวนข้อเท็จจริงในคลิปวิดีโอฉาวของเจ้าชายโดยเร็วที่สุด (3)

ลึกแต่ไม่ลับกับเจ้าชาย

ด้านนิตยสารไทม์ของสหรัฐฯ ได้เรียงลำดับเหตุการณ์เกี่ยวกับเจ้าชายแฮรี่ตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์จนถึงปัจจุบัน เพื่อแสดงให้เห็นว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก' ที่การปฏิบัติพระองค์ของเจ้าชายกลายเป็นประเด็นถกเถียงของคนหมู่มากว่า เหมาะสม' หรือ ไม่เหมาะสม' อย่างไร

- เริ่มจากปี 2545 ครูในโรงเรียนอีตัน (โรงเรียนสำหรับ ชนชั้นนำของอังกฤษ' และเป็นโรงเรียนที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นศิษย์เก่าด้วย) รายหนึ่งกล่าวหาว่าเจ้าชายแฮรี่ ลอกข้อสอบ' แต่ผลการสืบสวนชี้ว่าเจ้าชายทรงปราศจากความผิดในทุกข้อกล่าวหา และครูคนนั้นก็ถูกไล่ออกไปในที่สุด

- เจ้าชายแฮรี่ทรงทดลองสูบกัญชาเมื่อทรงมีพระชนมายุ 16 ชันษา แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระบิดา ทรงจับได้ จึงถูกส่งไปบำบัดกับจิตแพทย์โดยใช้เวลายาวนานตลอดยามบ่ายวันหนึ่ง

- ในปี 2548 ทรงเสด็จไปงานเลี้ยงของพระสหายซึ่งตั้งเงื่อนไขว่าผู้มาร่วมงานต้องสวมชุดในยุคอาณานิคมหรือชุดชนพื้นเมือง แต่เจ้าชายแฮรี่กลับทรงชุดทหารพร้อมปลอกแขนที่มีสัญลักษณ์สวัสดิกะของนาซีเยอรมัน และหนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษนำภาพมาเผยแพร่ลงหน้าหนึ่ง กลายเป็นที่โจษจันไปทั่วโลก เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ลืมความโหดร้ายของฮิตเลอร์และกองทัพนาซี ผลก็คือสำนักราชวังออกแถลงการณ์ในนามเจ้าชาย เพื่อแสดงความเสียพระทัยต่อความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

- ต่อจากเหตุการณ์ชุดนาซีไม่นาน เจ้าชายทรงเมามายและชกต่อยกับช่างภาพปาปาราซซี่ที่ตามถ่ายภาพพระองค์ขณะรายล้อมด้วยสาวๆ ในไนท์คลับ ผลก็คือช่างภาพกลายเป็นข่าวเสียเอง ส่วนเจ้าชายโดนกล้องทุบจนพระโอษฐ์แตก

อย่างไรก็ตาม สื่อหลายสำนักยืนยันตรงกันว่านับตั้งแต่จบการศึกษาจากแซนด์เฮิร์ส เจ้าชายแฮรี่ทรงมุงานด้านการกุศลอย่างจริงจังร่วมกับเจ้าชายวิลเลี่ยม พระเชษฐา รัชทายาทลำดับที่ 2 ของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงริเริ่มโครงการช่วยเหลือเด็กกำพร้าในเลโซโทและประเทศในแถบแอฟริการ่วมกัน

ที่สำคัญ ช่วงท้ายๆ ของวิดีโอที่นิวส์ออฟเดอะเวิลด์นำมาเผยแพร่ แสดงให้เห็นภาพเจ้าชายแฮรี่ทรงใช้พระชิวหาเลียใบหน้าของนายทหารนายหนึ่ง ทำให้เกย์ชาวอเมริกันออกมาชื่นชมในความเปิดเผยของพระองค์ พร้อมระบุว่าถ้าชายแท้ในสังคมเปิดใจให้กว้างและรู้สึกสบายๆ กับการล้อเล่นกับเพื่อนเพศเดียวกัน จะช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ!! (4)

สื่อ' เสี้ยม?

ในบรรดาความเห็นของผู้ชมวิดีโอเจ้าชายแฮรี่พร้อมกับอ่านรายงานในนิวส์ออฟเดอะเวิลด์ หลายคนตำหนิว่าหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ที่เป็นต้นตอเผยแพร่ต่างหากที่มีพฤติกรรม น่ารังเกียจ' เพราะนำเรื่องส่วนตัวของเจ้าชายมาขายเป็นข่าวเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ โดยหยิบเอาประเด็นเรื่องเชื้อชาติมาใช้เป็นข้ออ้างในการนำเสนอ ทั้งที่เจตนาของเจ้าชายเพียงแค่ต้องการล้อเล่นเท่านั้น

กระแสโจมตีสื่อที่นำเสนอวิดีโอเจ้าชายกลายเป็นหมัดสวนกลับมาให้ สื่อมวลชน' หลายฝ่ายหนาวๆ ร้อนๆ เพราะนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแล้ว ยังหนีไม่พ้นข้อหา เสี้ยม' หรือปลุกปั่นยุยงให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ เพราะชาวปากีสถาน (ที่อยู่ประเทศปากีสถานจริง) ได้ยินข่าวก็ออกมาเดินขบวนประท้วงด้วยความไม่พอใจ

เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพที่รับผิดชอบเรื่องการจัดหาบุคลากรก็ออกปากว่าคลิปวิดีโอของเจ้าชายไม่เป็นผลดีต่อกองทัพ เพราะอาจทำให้ชาวอังกฤษเชื้อสายเอเชียไม่อยากเข้าร่วมกองทัพ และยังมีการตำหนิสื่อมวลชนที่เสนอข่าวโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาด้วย (5)

หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ที่เล่นแต่ข่าวเบาๆ ฉาวๆ และบันเทิง ต้นกำเนิดวัฒนธรรมกัด-จิก-ทึ้ง-และปาปาราซซี่จึงถูกชี้นิ้วกล่าวโทษว่าคำนึงถึงการขายข่าวมากเกินไป แต่ ไบรอัน รีด' คอลัมนิสต์ของ เดอะ มิเรอร์' หนึ่งในบรรดาหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของอังกฤษ ได้เขียนบทความชื่อ "Just no excuse for aristro-brat Prince Harry" ตอบโต้ข้อกล่าวหาว่าสื่อยุยง (6)

เนื้อหาในบทความของรีดเท้าความถึงกรณีพิพาทระหว่างประเทศอันสืบเนื่องจากคำพูดของ เจด กู๊ดดี้' นักแสดงสาวชาวอังกฤษที่เข้าร่วมแข่งขันในรายการบิ๊กบราเธอร์เมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน ซึ่งหลุดปากใช้คำว่า โรตี' หรือ ‘Poppadom' เรียกผู้แข่งขันอีกรายหนึ่งซึ่งมาจากอินเดีย

กระแสต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและกระแสต่อต้านกู๊ดดี้ในขณะนั้นรุนแรงถึงขนาดที่กอร์ดอน บราวน์ ต้องออกมาขอโทษชาวอินเดีย ขณะที่สังคมอังกฤษเองก็พากันประณามการกระทำของกู๊ดดี้และแปะฉลากเป็นการถาวรว่าเธอเป็นพวกจิตใจคับแคบเหยียดเชื้อชาติ

พร้อมกันนี้ รีดได้เตือนความจำของผู้ที่ออกมาแก้ต่างให้เจ้าชายว่าคำเรียกพระสหายว่า ปากี' อาจเป็นแค่เรื่องขำๆ แต่คำว่า หัวผ้าขี้ริ้ว' หรือ raghead ซึ่งสำนักพระราชวังออกมาแก้ต่างว่าเจ้าชายทรงใช้คำนี้เพื่อสื่อความหมายถึง นักรบของกองกำลังตาลีบัน' ซึ่งถือเป็นกลุ่มก่อการร้าย แต่ raghead เป็นคำที่มีนัยยะเชิงดูหมิ่นชาวอาหรับทุกชาติที่โพกหัวตามความเชื่อทางศาสนา รีดจึงตั้งคำถามว่าเหตุไฉนคนอังกฤษจึงเดือดร้อนจะเป็นจะตายกับการกระทำของกู๊ดดี้ แต่พร้อมที่จะให้อภัยต่อการกระทำของเจ้าชายอย่างง่ายดาย และสรุปตบท้ายว่า อภิสิทธิ์เหนือระดับของชนชั้นสูงยังคงอยู่ในสังคมอังกฤษเสมอ'

เสรีภาพ' ในพรมแดนทดลอง

วิวาทะเรื่องเจ้าชายอังกฤษและการใช้ถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติ กลายเป็นประเด็นที่ประชาชนอังกฤษ รวมถึงพลเมืองในประเทศที่ถูกพาดพิง และพลเมืองในโลกไซเบอร์หลากหลายสัญชาติ สามารถร่วมถกเถียงกันได้อย่างดุเดือดผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

ผู้ร่วมถกเถียงบางส่วนต้องการปกป้องเจ้าชายที่พวกเขานิยมชมชอบ โดยให้เหตุผลว่าพระองค์ทรงมีเลือดเนื้อเช่นปุถุชนทั่วไป จึงเห็นต่างจากคนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งคาดหวังให้เจ้าชายของพวกเขาเป็นตัวแทนและเป็นหน้าเป็นตาของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งควรจะต้องดำรงไว้ซึ่งความเหมาะสมและสง่างามในทุกเวลา ส่วนคนอีกบางกลุ่มมองว่า การเหยียดเชื้อชาติ' ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในที่ลับหรือที่แจ้ง การใช้ถ้อยคำในการเรียกผู้คนที่แตกต่างจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องระมัดระวัง

ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันที่บ้านเมืองไทยของเรา องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนกลับตั้งคำถามว่า "หรือประเทศไทยจะเป็นศัตรูรายใหม่ของสื่ออินเตอร์เน็ต" โดยอ้างถึงกรณีที่ ใจ อึ๊งภากรณ์' อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกฟ้องร้องข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และมีการพาดพิงถึงหนังสือ ‘A Coup for a Rich' ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีทางอินเตอร์เน็ตว่าเป็นเครื่องมือทำลายชื่อเสียงพระมหากษัตริย์

ขณะเดียวกัน นายสุวิชา ท่าค้อ' วัย 35 ปี ถูกดำเนินคดีในข้อหาโพสต์ข้อความหมิ่นฯ ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ปี 2550 หลังจากกระทรวงไอซีทีประกาศ ล้างบาง' กว่า 2,300 เว็บไซต์ที่เป็นอันตรายต่อสถาบันกษัตริย์ได้ไม่นาน

ส่วนชะตากรรมของ นายแฮรี่ นิโคไลด์ส' ชาวออสเตรเลียเชื้อสายกรีก ผู้ต้องหาซึ่งถูกจับเพราะเขียนหนังสือนิยายพาดพิงสมาชิกราชวงศ์ไทย ติดคุกมาแล้ว 4 เดือน ถูกปฏิเสธการประกันตัว 4 ครั้ง และคดีก็ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากพื้นที่สื่ออินเตอร์เน็ตในเมืองไทยจะยังเป็นได้แค่พรมแดนทดลองของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น.

 

ข้อมูลอ้างอิง

(1) Britain: Prince Harry and the ‘P' word

(2) Prince's apology for racist term

(3) Prince Harry ‘Paki' comment unacceptable, says Gordon Brown

(4) Prince Harry has homophobia licked: gay rights campaigner

(5) Prince Harry ‘Paki' remark could harm ethnic recruiting

(6) Just no excuse for aristro-brat Prince Harry

 

 

 

 

 

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
 ทีมข่าวการเมืองข่าวเรื่องนิตยสาร ดิ อิโคโนมิสต์ ถูกแบน ในประเทศไทย ได้รับการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของเอพี และเสตรทไทม์ ขณะที่ในเมืองไทย [1] ข่าวดังกล่าวไม่ปรากฏในสื่อกระแสหลัก และเพิ่งมาปรากฏขึ้นในลักษณะของการตอบโต้จากทางการไทย ผ่าน.นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงบรรณาธิการนิตรสาร ดิ อิโคโนมิสต์  ระบุว่า....            "รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อมุมมองและทัศนคติของนิตยสารฉบับดังกล่าว ซึ่งลงบทความเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย และตีความเหตุการณ์ต่างๆ ไปตามการคาดเดา…
หัวไม้ story
“ผมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นฝีมือของพวกฉวยโอกาส หากพันธมิตรฯจะทำก็ต้องเป็นตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี เพราะสามารถสร้างความเสียหายมากกว่า ได้ผลมากกว่า และสะใจมากกว่า ไม่อย่างนั้นจะเก็บไว้อย่างดีทำไม” สุริยะใส กตะศิลา, 5 ธ.ค. 2551  ทีมข่าวการเมือง   ภาพในตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลหลังการชุมนุมยุติที่มาของภาพ: คุณ Me.....O กระดานข่าวพันทิพ ห้องราชดำเนินhttp://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7288033/P7288033.html  
หัวไม้ story
"ถ้างวดนี้ มีการใช้ความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง พี่น้องครับ พี่น้อง พ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศไทย ต้องลุกฮือขึ้นมาแล้วให้เลือดนองแผ่นดิน"  ... "ผมจะบอกให้พวกสัตว์นรกรู้ ว่างวดนี้ถ้าประชาชนเขามา เขามาพร้อม ‘ของ' กันหมด" - สนธิ ลิ้มทองกุล 20 พ.ย. 2551 ทีมข่าวการเมืองประชาไท สนธิ ลิ้มทองกุล ได้รับการอารักขาโดย ‘นักรบศรีวิชัย’ เมื่อ 26 ส.ค. 51 ที่มาของภาพ adaptorplug (CC)  
หัวไม้ story
  วันที่ 15 พฤศจิกายน คือวันประชุมสุดยอดผู้นำโลก 20 ชาติว่าด้วยเศรษฐกิจ ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะเป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการทางการเงินของโลกอีกครั้งหลังจากมันเคยเกิดขึ้นแล้วหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเศรษฐกิจโลกพังพาบลง จนนำมาสู้ระบบแลกเปลี่ยนเงินที่ชื่อว่า Bretton Woods SystemG20: "we must rethink we must rethink the financial system from scratch, as at Bretton Woods."นิโคลัส ซาร์โกซี ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสเป็นผู้เอ่ยประโยคนี้ เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา และนำมาสู่การกำหนดการประชุมสุดยอดผู้นำโลกที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. นี้
หัวไม้ story
โอบามากับสงครามสีผิวที่กำลังจะเปิดฉาก? ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งจบลงไปด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของบารัก โอบามา ผู้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นคนผิวสี คนแรกที่เดินเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดี โอบามา เป็นลูกผสมระหว่างแม่ซึ่งเป็นคนผิวขาว กับพ่อเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งไม่ได้ย่างเท้าลงบนแผ่นดินอเมริกาในฐานะทาส แต่เป็นนักศึกษา แม้จะไม่ใช่คนผิวดำ หรือลูกหลานแอฟริกันขนานแท้ ที่เติบโตขึ้นจากครอบครัวที่มีบรรพบุรุษเป็นทาส แต่บารัก โอบามา ก็ถูกจำจดในฐานะเป็นตัวแทนของคนผิวสีที่ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี แม้จะไม่ได้ผ่านประวัติศาสตร์ร่วมกับคนแอฟริกัน-อเมริกัน…
หัวไม้ story
แม้ว่าคนจนในประเทศไทย จะเลือกตาย ด้วยหวังให้การตายส่งเสียงได้มากกว่ายามที่พวกมีชีวิตอยู่ ทว่า ไม่ช้าไม่นาน ความทรงจำของสังคมก็เลือนรางลงไป แต่คนจนอย่างนวมทอง ไพรวัลย์ เลือกวิธีตาย และเลือกใช้การตายของเขาส่งเสียงดังและอยู่ยาวนาน อย่างน้อยก็ใน 2 ปีต่อมา เขายังไม่ถูกลืมเลือน
หัวไม้ story
ประชาไทขอนำเสนอคลิปวิดิโอ 'หลังทักษิณ' มุมมอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากคนใกล้ตัวที่บ้านเกิด อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และบทวิเคราะห์การเมืองไทยหลังทักษิณ โดย รศ.ดร.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ นักวิชาการภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
หัวไม้ story
  ทีมข่าวภาคใต้มายาภาพของการต่อสู้ทางการเมืองไทยในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถูกกล่าวว่าอ้างว่าเป็นสงครมมระหว่างภูมิภาค คือ ภาคใต้ กับภาคเหนือและภาคอิสาน แต่หากมองลึกลงไปในกระบวนการต่อสู้ของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพรรคพลังประชาชน อาจพบว่าแท้จริงแล้วการพื้นที่ทางการเมืองระดับนำก็ยังคงเป็นของคนใต้อยู่เช่นเดิม
หัวไม้ story
จับตาการเดินทัพของพันธมิตรฯ จากคำปราศรัยของแกนนำชื่อ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ หลังประกาศทบทวนแนวทางสันติวิธี ระบุแกนนำทั้งหลายไม่กลัวตาย “แต่ถ้าพวกเราบางคนจะต้องตาย พี่น้องสัญญาอย่าง ต้องให้แผ่นดินนี้ ลุกขึ้นเป็นไฟให้ได้”
หัวไม้ story
  เมื่อพูดกันถึงเรื่องการปฏิรูปการเมืองก็ไม่แคล้วตามมาด้วย การแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง นับเป็นสิ่งที่สังคมไทยถนัดในการแก้ปัญหาการเมืองโดยการเขียนอะไรบางอย่างขึ้นมาบังคับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร กระทั่งแม้แต่นักกฎหมายมหาชนเองก็ยังแซวผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตัวเองได้ว่า ประเทศไทยนั้นมีความเชี่ยวชาญในการร่างรัฐธรรมนูญที่สุดในโลกนายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2539 กล่าวในรายการตอบโจทย์  ทางสถานีไทย เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ว่าที่สุดแล้ววิกฤตของการเมืองไทยวันนี้มันก็เริ่มมาจากการแก้รัฐธรรมนูญที่ฝ่ายรัฐบาลนำเสนอนั่นเองย้อนเหตุการณ์ให้ฟังอีกครั้งว่า…
หัวไม้ story
  พิณผกา งามสม   ในระหว่างที่การต่อสู้ทางการเมืองไทยยังคงถกเถียงกันเรื่องโมเดลการเมืองใหม่ การเมืองใหม่กว่า รวมถึงระบบโควตาและระดับความชอบธรรมของ ‘เสียง' การเมืองเพื่อนบ้านของไทยก็กำลังเข้มข้นอยู่บนหนทางเดิมๆ ตามระบอบรัฐสภาเมื่อนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียประกาศว่าจะเขย่ารัฐบาลมาเลย์ให้ล่มเพื่อเปิดโอกาสในการจัดสรรที่นั่งในสภากันใหม่ โดยยึดเอาวันที่ 16 กันยายนเป็นวันดีเดย์ แรกทีเดียว หลายฝ่ายอาจคิดว่าเป็นเพียงการสร้างสีสันให้การรณรงค์ทางการเมืองของพรรคฝ่ายค้านอย่างที่เคยทำมาอย่าแข็งขัน เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า…
หัวไม้ story
  วิทยากร  บุญเรืองขณะที่ Frank Lampard ดาวเตะแข้งทองของทีม Chelsea พึ่งบรรลุข้อตกลงสัญญา 5 ปีที่มีมูลค่าสูงถึง 39.2 ล้านปอนด์ โดย Lampard จะได้รับค่า 151,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 3,775 ปอนด์ต่อชั่วโมง! แต่จากการสำรวจของ The Fair Pay Network และ Institute of Public Policy Research (IPPR) พบว่าพนักงานทำความสะอาด พ่อครัวแม่ครัว และแรงงานตัวเล็กๆ ทั้งหลาย ของสโมสรอย่าง Chelsea, Spurs, Arsenal, West Ham และ Fulham กลับได้รับค่าเหนื่อยจากสัญญาจ้างค่าแรงขั้นต่ำแค่ 5.52 ปอนด์ต่อชั่วโมงเท่านั้น