Skip to main content
 

"เขาไม่ให้ผมประกันตัว เขาบอกกลัวผมหลบหนี ผมจะหนีไปไหน ผมเป็นคนไทยนะ จะให้ผมไปไหน ผมจ่ายภาษีปีละหลายหมื่นบาท แต่วันนี้ผมรู้สึกเหมือนเป็นแค่คนที่มาอาศัยแผ่นดินอยู่ เขาไม่ให้ผมประกันตัว เขาบอกว่าผมจะทำความผิดซ้ำ จะทำลายหลักฐาน ผมจะทำทำไม ในเมื่อถ้าทำแล้วมีแต่น้ำตา และมันไม่ใช่น้ำตาของผมคนเดียว แต่เป็นน้ำตาของคน 5 คน คือครอบครัวผม ลูกเมียผม ชีวิตผมตอนนี้มีแต่น้ำตา" สุวิชา ท่าค้อ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพรายล่าสุด เอ่ยปากผ่านม่านน้ำตาที่ไหลพร่างพรูต่อหน้าแผ่นกระจกบางๆ ที่กั้นระหว่างเขาและผู้สื่อข่าว

สุวิชามีการเครียดมาก ร้องไห้เกือบตลอดเวลา และอยากจะบอกให้คนข้างนอกที่ยังมีเสรีภาพได้รู้ว่าเขาได้รับการปฏิบัติเช่นไรก่อนที่ถูกส่งตัวเข้ามาในเรือนจำคลองเปรมแห่งนี้

"เขาหลอกให้ผมพูด เขาบอกว่าถ้าผมบอกให้หมดว่าในกระบวนการมีใครบ้าง แล้วเขาจะปล่อยผมกลับบ้าน เขาจะกันตัวผมไว้เป็นพยาน ผมอยากกลับบ้าน ผมจึงยอมรับสารภาพ เขาถามอะไรผมก็บอก อะไรที่ผมไม่รู้ ผมก็พยายามแต่งเรื่องให้มันจบๆ ไป ให้มันเป็นเรืองเป็นราว เขาถามว่าผมรู้จักคนนั้นคนนี้ไหม คนนั้นเป็นใคร คนนี้เป็นใคร ผมก็บอกไปว่าผมรู้จัก ผมไม่รู้หรอก แต่ผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ เพราะผมอยากกลับบ้าน เขาว่าถ้าผมให้ความร่วมมือดี ผมก็จะได้กลับบ้าน แต่เขากลับส่งผมมาอยู่ที่นี่"

สุวิชา ท่าค้อ เป็นผู้ต้องหารายล่าสุดที่ถูกจับกุมคุมขัง และฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นความผิดอาญามาตรา 112 ผนวกกับความผิดตามพระราชบัญญัติอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ที่เพิ่งผ่านสภามาเมื่อต้นปีที่แล้ว

คำร้องของพนักงานสอบสวนระบุว่า เมื่อระหว่างวันที่ 27 เม.ย.-26 ธ.ค.2551 ผู้ต้องหากระทำผิดกฎหลายบท หลายกรรม ด้วยการเผยแพร่ข้อมูลรูปภาพ ซึ่งเป็นการกระทำดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์และองค์รัชทายาท ต่อมาวันที่ 14 ม.ค.2552 พนักงานสอบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 92/2552 บริเวณหน้าร้านสุวรรณการช่าง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม

 

เขาถูกควบคุมตัวจาก นครพนมมายังกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ วันที่ 16 มกราคม พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คุมตัวนายสุวิชา หรือชินภัสร์ ท่าค้อ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผ่านทางเว็บไซต์ มายังศาลอาญา รัชดาภิเษก ยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรก 12 วัน ไปจนถึงวันที่ 27 มกราคม โดยระบุว่า ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาจนครบกำหนดแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบปากคำพยานอีก 15 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์จำนวน 3 เครื่อง แผ่นซีดี และเอกสารอีกจำนวนหลายรายการ จึงขอฝากขังไว้เป็นเวลา 12 วัน จนถึง 27 ม.ค.

 

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญ เกรงว่าผู้ต้องหาจะกระทำผิดซ้ำอีก อีกทั้งผู้ต้องหาทำงานกับบริษัทเอกชนต่างชาติ ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ จึงอาจมีพฤติการณ์หลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ กระบวนการทั้งหมดนี้กระทำไปโดยที่ผู้ต้องหาไม่มีทนายให้คำปรึกษา

การจับกุมตัวเขาเกิดขึ้นที่หน้าร้านสุวรรณการช่าง อ.เมือง จ.นครพนม เป็นการจับกลางตลาดอย่างที่เป็นข่าวตามสื่อทั่วไป แต่ความจริงอีกประการคือ เขาไม่ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่ จ.นครพนมอย่างที่เป็นข่าว หากแต่เขาพำนักอยู่ที่นั่น

สุวิชา ทำงานให้กับบริษัทขุดเจาะน้ำมันแห่งหนึ่ง เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีมาแล้ว ตำแหน่งสุดท้ายคือ วิศวกรคุมเครื่องจักร ได้รับเงินเดือน 58,000 บาทต่อเดือน และได้เบี้ยเลี้ยงเมื่อเดินทางไปปฏิบัติในพื้นที่ขุดเจาะน้ำมันอีกประมาณ 2,000 บาท ต่อวัน รายได้ทังหมดของเขา เลี้ยงดูครอบครัวซึ่งมีทั้งหมด 5 คน คือตัวเขา ภรรยา ซึ่งทำหน้าที่เป็นแม่บ้านดูแลลูกๆ ลูกชายซึ่งกำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และลูกชายลูกสาว อีก 2 คน กำลังศึกษาอยู่ที่ จ.นครพนม

เขามีบ้าน 2 แห่ง ที่หนึ่งคือ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของลูกชาย และตัวเขาที่ลงมาพักกับลูกชายเป็นครั้งคราว สัปดาห์ละ 2-3 วัน อีกที่หนึ่งคือที่ จ.นครพนม

"ตอนแรกเราก็อยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ว่า พอเศรษฐกิจเริ่มไม่ดี สุวิชาเขาคิดว่าคงต้องประหยัด เพราะเรามีลูกตั้ง 3 คน หนูก็ไม่ได้ทำงาน เป็นแม่บ้านดูแลลูก เขาเลยย้ายครอบครัวเรากลับไปที่นครพนม แต่สุวิชาส่งลูกชายคนโตเรียนโรงเรียนมัธยมที่สอนระบบ 3 ภาษา เพราะเขาหวังว่าลูกจะเก่งเรื่องภาษา จะได้หางานได้ง่าย จริงๆ แล้วเขาอยากให้ลูกได้เข้าทำงานที่เดียวกับเขา" ภรรยาของสุวิชา เล่า

แต่วันนี้ ความหวังนั้นของสุวิชา คงเป็นไปได้ยาก เพราะแม้แต่ตัวเขาเอง ล่าสุด บริษัทได้ยื่นจดหมายให้ออก โดยไม่จ่ายค่าชดเชย อ้างเหตุที่เขาถูกฟ้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง เราถามภรรยาของสุวิชาว่าจะเตรียมการอย่างไรต่อไป แต่ไม่ได้คำตอบ เธอยังอยู่ในอาการช็อก งงงัน และยังพูดจาไม่ปะติดปะต่อ ในวันที่เราไปพบ แต่เธอจำวันที่สามีถูกจับกุมได้แม่นยำ

"หนูกลัวมาก ตอนแรกที่โดนจับ หนูงงมาก ว่ามาจับสามีหนูทำไม แต่หนูจำได้ว่าวันแรกน่ะ หนูไปกับเขา เราไปซื้อของในตลาด แล้วก็พอเรากำลังจะออกรถ ตรงนั้นอยู่หน้าร้านสุวรรณการช่าง ตำรวจเขาก็มาจอดท้ายรถ แล้วก็ลงมาบอก ขอเชิญสามีหนูไปสถานีตำรวจ หนูก็งง นึกว่าเขามาชนท้าย หนูยังลงไปดูบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ท้ายรถหนูมันบุบอยู่แล้ว เขาก็เอาหมายจับมากาง ตอนนั้นหนูงง แต่หนูก็ตามไปทุกที่ หนูนึกอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าเขาเอาสามีหนูไปไหน หนูก็จะไปด้วย"

บริษัทที่สุวิชาทำงานด้วยนั้นเป็นบริษัทด้านขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยชื่อว่าเป็นบริษัทใด ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวมีการดำเนินกิจการภายนอกประเทศ ทำให้ที่ผ่านมา สุวิชาต้องเดินทางออกไปนอกประเทศเป็นประจำ

"แต่ตอนนี้ เขาไล่ผมออกแล้ว ผมไม่มีความจำเป็นอะไรต้องไปต่างประเทศแล้ว" สุวิชากล่าว

สิ่งที่สุวิชาต้องการที่สุดตอนนี้ก็คือ.... "ผมไม่ต้องการอะไร ผมคิดถึงลุกมาก แต่จะให้ลูกมาเจอผมที่นี่ ผมยอมไม่ได้ ผมอยากเจอลูก พบอยากออกไปพบลูก แต่ผมไม่อยากให้ลูกมาเจอผมในนี้ ในสภาพแบบนี้ ผมบอกเมียผมเด็ดขาดว่าอย่าให้ลูกรู้ ให้เขากลับไปดูแลลูก ผมคิดถึงลูกมาก เวลาพักจากงาน ผมนอนกอดลูกเกือบทุกคืน  ตำรวจที่จับกุมผม เขาบอกผมว่า เขาก็มีครอบครัวเหมือนกัน เขาเข้าใจ ขอแค่ผมตอบคำถามเขาให้หมด ให้ผมให้ความร่วมมือ เขาก็จะให้ผมกลับบ้านไปอยู่กับลูก เขาเอาอกเอาใจผมทุกอย่าง พูดจาดีต่างๆ นานา แต่สุดท้ายก็เอาผมมาฝากขัง"

สุวิชา เป็นที่รู้จักดีในหมู่ผู้เล่นกีฬาร่มบิน หรือพารามอเตอร์ ในนามของ นุ้ย นครพนม' เขาเป็นนักร่มบินระดับล่ารางวัลคนหนึ่ง และมีบล็อกส่วนตัวเกี่ยวกับกีฬาร่มบิน http://www.geocities.com/tk_airsport/index.html  

พี่สาวของเขากล่าวว่า หากไม่ได้ประกันตัว และคดีของสุวิชาดำเนินไปเช่นเดียวกับกรณีของแฮรี่ นิโคไลดส์ ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวจนกระทั่งให้การรับสารภาพในชั้นศาลและถูกตัดสินจำคุก 3 ปีไปเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา เธอคิดว่า อาจจะต้องขายร่มบินของเขาเป็นทุนสำหรับครอบครัว และใช้ในการต่อสู้คดีต่อไป

"เขาไม่ให้ผมประกันตัว ผมถามหน่อย ผมฆ่าใครตายหรือ ผมเห็นคนฆ่าคนตายก็ยังได้ประกันตัว คนข่มขืนเด็กไม่กี่ขวบก็ได้ประกันตัว คนที่เจอข้อหาเดียวกับผมแต่เป็นคนที่มีชื่อเสียงก็ได้ประกันตัวหลายคน แต่ผมไม่ได้ประกันตัว  มาตรฐานการให้ประกันตัวของคดีนี้คืออะไร"

ก่อนจากกัน เราถามสภาพความเป็นอยู่ภายในเรือนจำ เขาบอกว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อเขาเป็นปกติดี เขาไม่มีปัญหาอะไร แต่สภาพการเป็นอยู่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขาคาดว่าห้องที่พักนั้นน่าจะมีขนาดประมาณ 5 X10 เมตร จุผู้ต้องขังไว้ประมาณ 35 คน "เรานอนเท้าชนเท้า มีพื้นที่กันคนละประมาณ 1 -1.5 ตารางเมตร ผู้ต้องขังจำนวนไม่แน่นอน มีเพิ่มเข้า หรือออกไปอยู่ตลอด บางคนก็มีรอยสักเยอะมาก แต่รวมๆ แล้วผมยังไม่พบผู้ต้องขังที่น่ากลัว พวกเขารู้ว่าผมถูกฟ้องคดีอะไร แต่ไม่มีใครที่มีท่าทีไม่เป็นมิตร ผู้คุมก็รู้ แต่ไม่มีปัญหาอะไร บางคนยังบอกว่า อยู่ในนี้น่ะ ปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก"

คำฝากสุดท้าย ถึงผู้ใช้อินเตอร์เน็ต "ผมอยากบอกว่า อีเมล์ทุกฉบับของผม เขาเข้าไปอ่านหมดแล้ว เขาตั้งหน่วยไล่ล่า เขามี the most wanted ซึ่งเขาพยายามเชื่อมโยงว่าเป็นเครือข่าย ผมไม่คิดว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างนี้ครับ"

 

ความคืบหน้าล่าสุด

ทางทนายของผู้ต้องหาได้ยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเอกสารบางส่วนไม่ครบถ้วน จึงเตรียมยื่นอุทธรณ์อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 26 ม.ค. ที่จะถึงนี้

ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ถึงการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงว่า กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ดำเนินการอยู่ เท่าที่ทราบพบว่ามีมากถึงกว่า 1,500 เว็บไซต์ ส่วนของ บช.น.จะรับผิดชอบคดีหมิ่นฯ ตาม ป.อาญา ม.112 เฉพาะส่วนที่เกิดเหตุในนครบาล แม้จะไปแจ้งความที่ใดก็จะรวบรวมทำคดีทั้งหมด ขณะนี้เร่งพิจารณาที่มีอยู่ประมาณ 17 คดี ประชุมไปครั้งล่าสุดเหลืออยู่ 8 คดี ฟ้องหมดทุกคดี ไม่มีการเว้นว่าจะเป็นฝ่ายใด และจะติดตามจับกุมผู้ต้องหาคดีเหล่านี้ทุกราย รวมทั้งนายสุชาติ นาคบางไทร มีการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ พบว่ายังหลบหนีอยู่นอกประเทศ ถ้าเข้ามาเมื่อใดก็จับทันที

 

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
 ทีมข่าวการเมืองข่าวเรื่องนิตยสาร ดิ อิโคโนมิสต์ ถูกแบน ในประเทศไทย ได้รับการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของเอพี และเสตรทไทม์ ขณะที่ในเมืองไทย [1] ข่าวดังกล่าวไม่ปรากฏในสื่อกระแสหลัก และเพิ่งมาปรากฏขึ้นในลักษณะของการตอบโต้จากทางการไทย ผ่าน.นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงบรรณาธิการนิตรสาร ดิ อิโคโนมิสต์  ระบุว่า....            "รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อมุมมองและทัศนคติของนิตยสารฉบับดังกล่าว ซึ่งลงบทความเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย และตีความเหตุการณ์ต่างๆ ไปตามการคาดเดา…
หัวไม้ story
“ผมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นฝีมือของพวกฉวยโอกาส หากพันธมิตรฯจะทำก็ต้องเป็นตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี เพราะสามารถสร้างความเสียหายมากกว่า ได้ผลมากกว่า และสะใจมากกว่า ไม่อย่างนั้นจะเก็บไว้อย่างดีทำไม” สุริยะใส กตะศิลา, 5 ธ.ค. 2551  ทีมข่าวการเมือง   ภาพในตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลหลังการชุมนุมยุติที่มาของภาพ: คุณ Me.....O กระดานข่าวพันทิพ ห้องราชดำเนินhttp://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7288033/P7288033.html  
หัวไม้ story
"ถ้างวดนี้ มีการใช้ความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง พี่น้องครับ พี่น้อง พ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศไทย ต้องลุกฮือขึ้นมาแล้วให้เลือดนองแผ่นดิน"  ... "ผมจะบอกให้พวกสัตว์นรกรู้ ว่างวดนี้ถ้าประชาชนเขามา เขามาพร้อม ‘ของ' กันหมด" - สนธิ ลิ้มทองกุล 20 พ.ย. 2551 ทีมข่าวการเมืองประชาไท สนธิ ลิ้มทองกุล ได้รับการอารักขาโดย ‘นักรบศรีวิชัย’ เมื่อ 26 ส.ค. 51 ที่มาของภาพ adaptorplug (CC)  
หัวไม้ story
  วันที่ 15 พฤศจิกายน คือวันประชุมสุดยอดผู้นำโลก 20 ชาติว่าด้วยเศรษฐกิจ ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะเป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการทางการเงินของโลกอีกครั้งหลังจากมันเคยเกิดขึ้นแล้วหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเศรษฐกิจโลกพังพาบลง จนนำมาสู้ระบบแลกเปลี่ยนเงินที่ชื่อว่า Bretton Woods SystemG20: "we must rethink we must rethink the financial system from scratch, as at Bretton Woods."นิโคลัส ซาร์โกซี ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสเป็นผู้เอ่ยประโยคนี้ เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา และนำมาสู่การกำหนดการประชุมสุดยอดผู้นำโลกที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. นี้
หัวไม้ story
โอบามากับสงครามสีผิวที่กำลังจะเปิดฉาก? ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งจบลงไปด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของบารัก โอบามา ผู้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นคนผิวสี คนแรกที่เดินเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดี โอบามา เป็นลูกผสมระหว่างแม่ซึ่งเป็นคนผิวขาว กับพ่อเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งไม่ได้ย่างเท้าลงบนแผ่นดินอเมริกาในฐานะทาส แต่เป็นนักศึกษา แม้จะไม่ใช่คนผิวดำ หรือลูกหลานแอฟริกันขนานแท้ ที่เติบโตขึ้นจากครอบครัวที่มีบรรพบุรุษเป็นทาส แต่บารัก โอบามา ก็ถูกจำจดในฐานะเป็นตัวแทนของคนผิวสีที่ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี แม้จะไม่ได้ผ่านประวัติศาสตร์ร่วมกับคนแอฟริกัน-อเมริกัน…
หัวไม้ story
แม้ว่าคนจนในประเทศไทย จะเลือกตาย ด้วยหวังให้การตายส่งเสียงได้มากกว่ายามที่พวกมีชีวิตอยู่ ทว่า ไม่ช้าไม่นาน ความทรงจำของสังคมก็เลือนรางลงไป แต่คนจนอย่างนวมทอง ไพรวัลย์ เลือกวิธีตาย และเลือกใช้การตายของเขาส่งเสียงดังและอยู่ยาวนาน อย่างน้อยก็ใน 2 ปีต่อมา เขายังไม่ถูกลืมเลือน
หัวไม้ story
ประชาไทขอนำเสนอคลิปวิดิโอ 'หลังทักษิณ' มุมมอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากคนใกล้ตัวที่บ้านเกิด อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และบทวิเคราะห์การเมืองไทยหลังทักษิณ โดย รศ.ดร.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ นักวิชาการภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
หัวไม้ story
  ทีมข่าวภาคใต้มายาภาพของการต่อสู้ทางการเมืองไทยในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถูกกล่าวว่าอ้างว่าเป็นสงครมมระหว่างภูมิภาค คือ ภาคใต้ กับภาคเหนือและภาคอิสาน แต่หากมองลึกลงไปในกระบวนการต่อสู้ของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพรรคพลังประชาชน อาจพบว่าแท้จริงแล้วการพื้นที่ทางการเมืองระดับนำก็ยังคงเป็นของคนใต้อยู่เช่นเดิม
หัวไม้ story
จับตาการเดินทัพของพันธมิตรฯ จากคำปราศรัยของแกนนำชื่อ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ หลังประกาศทบทวนแนวทางสันติวิธี ระบุแกนนำทั้งหลายไม่กลัวตาย “แต่ถ้าพวกเราบางคนจะต้องตาย พี่น้องสัญญาอย่าง ต้องให้แผ่นดินนี้ ลุกขึ้นเป็นไฟให้ได้”
หัวไม้ story
  เมื่อพูดกันถึงเรื่องการปฏิรูปการเมืองก็ไม่แคล้วตามมาด้วย การแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง นับเป็นสิ่งที่สังคมไทยถนัดในการแก้ปัญหาการเมืองโดยการเขียนอะไรบางอย่างขึ้นมาบังคับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร กระทั่งแม้แต่นักกฎหมายมหาชนเองก็ยังแซวผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตัวเองได้ว่า ประเทศไทยนั้นมีความเชี่ยวชาญในการร่างรัฐธรรมนูญที่สุดในโลกนายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2539 กล่าวในรายการตอบโจทย์  ทางสถานีไทย เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ว่าที่สุดแล้ววิกฤตของการเมืองไทยวันนี้มันก็เริ่มมาจากการแก้รัฐธรรมนูญที่ฝ่ายรัฐบาลนำเสนอนั่นเองย้อนเหตุการณ์ให้ฟังอีกครั้งว่า…
หัวไม้ story
  พิณผกา งามสม   ในระหว่างที่การต่อสู้ทางการเมืองไทยยังคงถกเถียงกันเรื่องโมเดลการเมืองใหม่ การเมืองใหม่กว่า รวมถึงระบบโควตาและระดับความชอบธรรมของ ‘เสียง' การเมืองเพื่อนบ้านของไทยก็กำลังเข้มข้นอยู่บนหนทางเดิมๆ ตามระบอบรัฐสภาเมื่อนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียประกาศว่าจะเขย่ารัฐบาลมาเลย์ให้ล่มเพื่อเปิดโอกาสในการจัดสรรที่นั่งในสภากันใหม่ โดยยึดเอาวันที่ 16 กันยายนเป็นวันดีเดย์ แรกทีเดียว หลายฝ่ายอาจคิดว่าเป็นเพียงการสร้างสีสันให้การรณรงค์ทางการเมืองของพรรคฝ่ายค้านอย่างที่เคยทำมาอย่าแข็งขัน เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า…
หัวไม้ story
  วิทยากร  บุญเรืองขณะที่ Frank Lampard ดาวเตะแข้งทองของทีม Chelsea พึ่งบรรลุข้อตกลงสัญญา 5 ปีที่มีมูลค่าสูงถึง 39.2 ล้านปอนด์ โดย Lampard จะได้รับค่า 151,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 3,775 ปอนด์ต่อชั่วโมง! แต่จากการสำรวจของ The Fair Pay Network และ Institute of Public Policy Research (IPPR) พบว่าพนักงานทำความสะอาด พ่อครัวแม่ครัว และแรงงานตัวเล็กๆ ทั้งหลาย ของสโมสรอย่าง Chelsea, Spurs, Arsenal, West Ham และ Fulham กลับได้รับค่าเหนื่อยจากสัญญาจ้างค่าแรงขั้นต่ำแค่ 5.52 ปอนด์ต่อชั่วโมงเท่านั้น