โดย ทีมข่าวการเมือง
5 แกนนำพันธมิตร ขึ้นปราศรัย ระหว่างงานรำลึก 1 ปีแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 25 พ.ค. 52 ที่สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี (ที่มา: ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 25 พ.ค. 52)
จากพรรคยามเฝ้าแผ่นดิน สู่พรรคพันธมิตรฯ
แม้สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะออกตัวในรายการ “คนในข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV เมื่อ 20 พ.ค. 52 ว่าแนวคิดการตั้งพรรคมาจากการริเริ่มของมวลชนและองค์กรแนวร่วม
“กระทั่งความคิดเรื่องพรรค ครั้งนี้เริ่มต้นจากข้างล่างจริงๆ หมายถึงว่าเริ่มต้นจากมวลชน ไม่เคยเข้าที่ประชุม 5 แกนนำ ชุมนุม 193 วัน เราเคยได้ยิน 5 แกนนำบอกตั้งพรรคหรือเปล่า ไม่มีนะครับ ยุติชุมนุมแล้ว 3 ธันวา หลังจากนั้น 3-4 เดือน ไม่เคยมีวาระเรื่องพรรคเลย แต่เป็นการเคลื่อนไหวของมวลชน ขององค์กรแนวร่วม จนกลายเป็นกระแส เป็นวาระ” [1]
แต่สุริยะใสเองคงปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงรัฐบาล คมช. เมื่อ 18 สิงหาคม 2550 สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เคยกล่าวถึง “พรรคยามเฝ้าแผ่นดิน” อย่างเป็นนัย ระหว่างรายการยามเฝ้าแผ่นดินสัญจร ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
กระทั่งถัดมาอีก 2 วัน วันที่ 20 สิงหาคม 2550 ระหว่างการจัดรายการยามเฝ้าแผ่นดินสัญจร ณ ห้อง Lake Anne B โรงแรม Hyatt Reston มลรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสมาคม Thai-DC Forum และมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน นายสนธิ ได้ปฏิเสธว่าไม่มีความคิดที่จะตั้งพรรคการเมือง ณ ขณะนี้ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลา และให้เหตุผลว่าที่พูดไปวันนั้นเพื่อให้กำลังใจกับบรรดาผู้ค้าปลีก-โชห่วย ในการต่อสู้กับบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ข้ามชาติเท่านั้น [2]
ประชาธิปัตย์ลืม Thank you
หลังสนธิ ลิ้มทองกุลเปรยเรื่อง “พรรคยามเฝ้าแผ่นดิน” แล้วเงียบไป 2 ปี กระทั่งสิ้นสุดการชุมนุม “พันธมิตรฯ เฟส 2” เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2551 น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เสนอให้ตั้งพรรคการเมืองระหว่างปราศรัยในงานฉลองปีใหม่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี
จากนั้นมากระแสตั้งพรรคพันธมิตรฯ ก็เกิดขึ้นภายในขบวนพันธมิตรฯ ตลอด กระทั่ง 5 แกนนำพันธมิตรฯ ต้องชี้แจงเรื่องตั้งพรรคการเมือง ในเวทีคอนเสิร์ตการ เมืองครั้งที่ 4 ที่เกาะสมุย เมื่อ 4 มีนาคม 2552 นั่นเอง โดยตอนหนึ่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวถึงเรื่องไขว่าจะมีพรรคพันธมิตรฯ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าประชาธิปัตย์เห็นว่าเป็น “เพื่อน” หรือเป็น “เสนียด”
“นี่คือคำตอบว่าพรรคจะเกิดขึ้นไหม เกิดไม่เกิดขึ้นอยู่กับประชาธิปัตย์จะมองพันธมิตรฯ ว่าเป็นเพื่อน หรือเป็นเสนียด ถ้ามองว่าเราเป็นศัตรู บอกว่าไม่เอาทั้งเหลืองทั้งแดง ดำเนินคดีหมด โดยไม่ดูเนื้อหาว่าพวกเราโดนกลั่นแกล้งขนาดไหน ถ้าอย่างนี้ ผมขอให้สัจจะว่ายังไงก็ตามพรรคนี้จะลงภาคใต้ทุกจังหวัด จะชนกันตัวต่อตัว จะถามชาวใต้ว่าจะให้โอกาสพวกเราสักครั้งในชีวิตไหม เราจะทำให้ดู เราจะชนใน กทม. ชนทุกที่ที่เป็นเขต 1 ในเมือง ขึ้นอยู่กับว่าประชาธิปัตย์จะมองเราเป็นศัตรู หรือเห็นว่าเป็นคนที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทางเลือกอยู่ที่คุณ ขอให้เลิกอ้อมค้อม หลบซ้ายขวา ต้องยืนนิ่งๆ เหมือนเรา และถึงเวลาที่ต้องเลือกข้าง” [3]
ไม่อาจรู้ว่าประชาธิปัตย์มองพันธมิตรฯ เป็นเพื่อนหรือเป็นเสนียด แต่ไม่นานหลังจากนั้น 2 วัน ก็มีประโยคจากสนธิ ลิ้มทองกุล ที่พุ่งเป้าโจมตีประชาธิปัตย์อีกดอก ระหว่างการปราศรัยในรายการที่บ้านเจ้าพระยา เมื่อ 6 มี.ค.
“เราไม่ใช่เมียเก็บคุณนะ คุณนึกจะมาเอาวันไหนก็มาเอา มีอารมณ์ก็แวะมา พอได้เป็นรัฐบาลปังก็กลับบ้านไป นุ่งกางเกงกลับบ้านแล้วก็เฮ้ย! อย่ามายุ่ง พอทีนี้เมียเก็บยั้วขึ้นมา ก็ยังสวยอยู่ มีคนต้องการเยอะ ลุกขึ้นมาทาปาก ใส่กระโปรง แต่งตัวโป๊หน่อย ออกไปเที่ยว หึงละ เริ่มหึง เริ่มหึง ออกมาด่าใหญ่เลย บอกว่า แหมพันธมิตรฯ ก็คือประชาธิปัตย์นั่นเอง ประชาธิปัตย์ทุกคนคือพันธมิตรฯ เสือกมาหึงตอนนี้ เวลามึงเอากู มึงไม่ขอบคุณกูสักคำเลย คำว่า Thank you ยังไม่มีเลยใช่ไหมพี่น้อง มึงเป็นรัฐบาลมึงไม่เคย Thank you กูเลยแม้แต่นิดเดียว” [4]
ไม่อาจรู้ว่าคำตอบของประชาธิปัตย์คืออะไร แต่นับตั้งแต่ที่เกาะสมุย ที่บ้านเจ้าพระยา เป็นต้นมา การชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่เรียกว่า “คอนเสิร์ตการเมือง” ในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศ รวมทั้งการพบปะพันธมิตรฯ ที่ลอส แองเจลิส สหรัฐอเมริกา ก็มีการรณรงค์ และซาวเสียงมวลชนว่าทิศทางการปรับขบวนไปสู่การตั้งพรรคการเมืองจะเป็นเช่นไร
โดยคำตอบว่าจะมีพรรคหรือไม่จะให้มวลชนทั่วประเทศเป็นคนลงมติในวันที่ 24-25 พ.ค. 52
ช่วงใกล้การประชุมใหญ่ของพันธมิตรฯ เสียงวิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาจากแกนนำพันธมิตรฯ เป็นระยะๆ ล่าสุด คือการให้ความเห็นของคำนูณ สิทธิสมาน คนใกล้ชิดระดับ “มือไม้” ของสนธิ คอลัมนิสต์ในเครือ ASTVผู้จัดการ และสมาชิกวุฒิสภาระบบสรรหา ที่ให้ความเห็นในรายการ “คนในข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV เมื่อ 20 พ.ค. ที่แม้จะชื่นชมอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่พูดตอนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่าจะยุติการเมืองที่ล้มเหลว แต่คำนูณก็เห็นว่าการเมืองที่ล้มเหลวนี่เองที่ “อุ้มสม” ให้อภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี
“แต่ปัญหามันคือว่า การเมืองที่ล้มเหลวนั่นแหละที่อุ้มสมท่านเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี พูดง่ายๆ ก็คือถ้าไม่มีคุณเนวิน ชิดชอบ ก็ไม่มีนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถ้าไม่มีการขับรถหลงทางของพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปที่กรมทหารราบที่ 1 ที่ มูลนิธิป่ารอยต่อสามจังหวัดของ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เพราะว่าเขาขับรถที่จะไปแถลงข่าวที่โรงแรมสุโขทัย เขาหลงทางเข้าไปที่นั่น แล้วค่อยออกมาพร้อมกัน เพราะโรงแรมสุโขทัยมันหายากมาก คือถ้าไม่มีปรากฏการณ์ หนึ่ง คุณเนวินเปลี่ยนใจ สอง การหลงทางเข้าไปใน ร.1 ก็ไม่มีนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คราวนี้ปรากฏการณ์สองอย่างเป็นการเมืองที่ล้มเหลว” [5]
000
ไม่มีประเด็นใหม่ในสภาพันธมิตรฯ
"ที่วันนี้ต้องถ่ายทอดสด เพราะว่าจะได้ให้เป็นตัวอย่าง กับพรรคการเมืองทุกพรรคที่อยู่ในสภาว่าการเมืองภาคประชาชนที่จะก้าวสู่การเมืองระบบรัฐสภา เขาทำกันอย่างนี้ เขาถามคนทั้งหมด ว่าเอาไม่เอา ถ้าคนทั้งหมดเอา ก็เป็นขั้นตอนต่อไป เขาไม่ใช่บอกว่าเขาเอากัน 4-5 คน แล้วมาบอกว่าพี่น้องเอา ขั้นตอนต่อไปก็พิจารณา ถึงโครงสร้างแล้วก็ว่ากันไป จนถึงว่า ใครเหมาะที่จะเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งต้องขึ้นมาจากข้างล่าง พี่น้องครับ ปรบมือให้กับประชาธิปไตยทางตรงที่เพิ่งเริ่ม ไม่มีอีกแล้วในประเทศไทย และไม่มีที่ไหนในโลกนี้ด้วย" [6]
เป็นคำกล่าวของสนธิ ลิ้มทองกุล ระหว่างการประชุม “สภาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินหน้าสู่การเมืองใหม่” ที่อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมระดับแกนนำทั่วประเทศของพันธมิตรฯ กว่า 3,000 คน โดยการหารือของแกนนำแต่ละภาค แต่ละเครือข่ายส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ “คอมเม้นต์สด” การประชุมซึ่งถ่ายทอดสดดังกล่าว ในกระดานข่าว “ฟ้าเดียวกัน” [7] โดยสมศักดิ์เห็นว่าการประชุมดังกล่าวมี “ความกลวง” และประเด็นที่ประชุมไม่ตรงกับที่โฆษณากำหนดการเอาไว้
“ผมนั่งฟังการประชุม "สภาพันธมิตร" ที่ถ่ายทอดทาง ASTV แต่เช้า
รายการช่วงแรกคือ การปราศรัยของ "5 แกนนำ" เรียงตามลำดับคือ สนธิ, สมเกียรติ, พิภพ, จำลอง
สิ่งที่ชวนสะดุดใจมากๆสำหรับผมคือ ความ "กลวง" หรือ "ว่างเปล่า" ของเนื้อหาที่แต่ละคนพูด ซึ่ง "ตัด" (contrast) อย่างมาก กับ "โวหาร" ที่พยายาม "ปลุกเร้า" ให้ "แรง" (เสียงแกนนำแต่ละคนตะโกนดังเป็นพิเศษ แม้แต่ สมเกียรติ)
ยิ่งถ้าดู "หมายกำหนดการ" ที่ประกาศไว้
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000057296
ความจริง รายการช่วงเช้านี้ คือรายการ "วิเคราะห์สถานการณ์โดยแกนนำพันธมิตรฯ" ซึ่งตามหมายกำหนดการ ได้ระบุว่า มี "ประเด็น" ดังนี้
- สมการอำนาจและสถานการณ์การเมืองไทย
- เบื้องหน้าเบื้องหลังนิรโทษกรรมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- การเมืองใหม่กับก้าวต่อไปของพันธมิตรฯ
- ความเป็นไปได้ในการตั้งพรรคการเมืองใหม่
แต่ทุกคนที่พูด เรียกได้ว่า ไม่ตรงประเด็นที่โฆษณาไว้นี้เลย อย่างมาก มีเพียงการใช้โวหารพูดเรื่อง "การเมืองใหม่" ๆๆๆ โดยไม่มีเนื้อหารูปธรรมอะไร
แม้แต่ สนธิ ที่สมัยก่อนชอบ "โชว์ออฟ" ความเป็นผู้มี "องค์ความรู้" ในการ "วิเคราะห์สถานการณ์" ก็ไม่พูดถึง "สถานการณ์" อะไรเลย ไม่มีการ "วิเคราะห์" "สมการอำนาจ" หรือ "เบื้องหน้าเบื้องหลังการนิรโทษกรรม" ฯลฯ อย่างที่โฆษณา
ผมมีความรู้สึกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะสนธิยังไม่ "ฟื้น" เต็มที่ ในเชิงสุขภาพ ก็มีความเป็นไปได้มาก ว่า เขาจะ "หมด" ในทางการเมืองจริงๆ”
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ภายหลังการประชุมดังกล่าว ในเวลา 16.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวสรุปว่า ผลการหารือในที่ประชุมสภาพันธมิตรฯ ที่จะนำไปขอมติในที่ประชุมใหญ่ทั่วประเทศในวันที่ 25 พ.ค.
คือ 1.จะร่วมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 190 237 และ 309 รวมทั้งมาตราใดๆ ที่กระทบต่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ 2.จะร่วมกันสืบสานเจตนารมณ์วีรชนเพื่อสร้างการเมืองใหม่ ด้วยการตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาต่อสู้ไปพร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรในฐานะการเมืองภาคประชาชน และ 3.จะมอบหมายให้ 5 แกนนำรับเอาเจตนารมณ์ของที่ประชุมพันธมิตรฯ ไปพิจารณาออกแบบและจัดโครงสร้างของพรรคแล้วนำมาขอความเห็นชอบจากพี่น้อง พันธมิตรฯ ทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่ง
นายสุริยะใสกล่าวด้วยว่า สำหรับร่างคำประกาศพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินหน้าสู่การเมืองใหม่นั้น พวกเราพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตระหนักมั่นดีว่า เส้นทางการต่อสู้เพื่อสร้างชาติและสร้างการเมืองใหม่นั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค ขัดขวางและแรงต้านมหาศาลจากการเมืองระบบเก่า ความรุนแรงสารพัดรูปแบบที่กระทำต่อพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นประจักษ์พยานว่าการต่อสู้เพื่อสังคมที่ดีกว่ายังไม่จบหากแต่เพิ่งเริ่ม ต้นเท่านั้น แม้สถานการณ์จะเปลี่ยนไปแต่เป้าหมายยังไม่บรรลุ ในขณะเดียวกัน ซึ่งพวกเราไม่มีวันลืมกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เราขอประกาศเป็นพันธสัญญาร่วมกันดังนี้ 1.พวกเราจะร่วมกันสานต่อเจตนารมณ์ของวีรชนเพื่อพิทักษ์และปกป้องระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.พวกเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนคนดีให้เข้าสู่อำนาจ และร่วมกันขัดขวางคนไม่ดี เพื่อไม่ให้เข้ามามีอำนาจ และ 3.พวกเราจะเป็นความหวังและความจริงของสังคมไทยเพื่อผลักดันการเมืองใหม่ [8]
000
นักแสดงระหว่างการเดินพาเหรด แต่งตัวเลียนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูกลอบยิง ในป้ายเขียนว่า “จะเอาคืนให้สาสม” ระหว่างงาน รำลึก 1 ปีแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 25 พ.ค. 52 ที่สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี (ที่มา: ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 25 พ.ค. 52)
มวลชนลงมติตั้งพรรค
และต่อมา ในวันที่ 25 พ.ค. เวลา 14.00 น. ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กลุ่มพันธมิตร จัดงาน 193 วันรำลึก 1 ปีแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นวันที่สอง โดยวันนี้จะเป็นการนำข้อหารือจากการประชุมสภาพันธมิตรฯ 3 ข้อ ให้มวลชนลงมติ
ทางเข้าประตู 4 ของสนามกีฬา มีการนำชุดเปื้อนเลือดของนายสนธิซึ่งใส่วันที่ถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2552 มาใส่กรอบขนาดใหญ่ตั้งโชว์ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก ด้านภายในสนามฟุตบอล มธ.ศูนย์รังสิต จัดแบ่งที่นั่งเป็นโซน เรียกชื่อตามสถานที่พันธมิตรเคยยึดได้เช่น ชมัยมรุเชฐ ราชดำเนิน ทำเนียบรัฐบาล สุวรรณภูมิ รัฐสภา มัฆวาน และดอนเมือง พร้อมทั้งแจกแบบสอบถามเกี่ยวกับการเมืองใหม่ และการจัดตั้งพรรคด้วย
งานเริ่มขึ้นโดยนายสำราญ รอดเพชร และนายอมร อมรรัตนานนท์ แกนนำพันธมิตรรุ่น 2 รับบทเป็นโฆษก เป็นผู้เชิญนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ อ่านบทกวีสดุดีการต่อสู้ของพันธมิตร ต่อด้วยขบวนพาเหรดจากแนวร่วมจังหวัดต่างๆ 15 ขบวน มีขบวนแต่งกายล้อเลียนนักการเมือง โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสมัคร สุนทรเวช รวมทั้งรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สร้างเสียงปรบมือดังสนั่นทั่วสนามกีฬา และมีการแต่งกายล้อเลียนแกนนำกลุ่ม นปช. ที่สวมเสื้อแดง ถือตีนตบ ซึ่งผู้ชุมนุมต่างพากันโห่ร้องขับไล่อย่างสนุกสนาน
ช่วงเวลา 18.45 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ได้อ่าน “คำประกาศพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินหน้าสู่การเมืองใหม่” [9] มีใจความว่า
พวกเราพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตระหนักมั่นดีว่า เส้นทางการต่อสู้ เพื่อสร้างชาติและสร้างการเมืองใหม่นั้น เต็มไปด้วยอุปสรรคขัดขวาง และแรงต้านมหาศาลจากระบบการเมืองแบบเก่า ความรุนแรงสารพัดที่กระทำต่อพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ย่อมเป็นประจักษ์พยาน ว่า การต่อสู้เพื่อสังคมที่ดีกว่ายังไม่จบ หากแต่อาจเพียงเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
วันนี้ แม้สถานการณ์จะเปลี่ยนไป แต่เป้าหมายการเมืองใหม่ยังไม่บรรลุ ภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นับวันยิ่งมีความรุนแรง และขยายตัวมากขึ้น การชุมนุมยืดเยื้อ 193 วัน ย่อมเป็นบทพิสูจน์ ถึงความกล้าหาญ ความเสียสละ และความซื่อสัตย์ต่อมาตุภูมิ พวกเราไม่มีวันลืมในความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับวีรชนของเรา และไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เราขอประกาศเป็นพันธะสัญญาร่วมกันดังนี้
1.พวกเราจะร่วมกันสานต่อเจตนารมณ์ของวีรชนเพื่อพิทักษ์ปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2.พวกเราจะส่งเสริมและสนับสนุนคนดีให้เข้าสู่อำนาจ และร่วมกันปกป้องขัดขวางมิให้คนไม่ดีเข้ามามีอำนาจทุกวิถีทางอย่างถึงที่สุด
3.พวกเราพร้อมแล้วที่จะเป็นความหวังและความจริงของประชาชนชาวไทย เพื่อผลักดันการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
25 พฤษภาคม 2552”
ภาพลักษณ์ “คนเสื้อแดง” จากมุมมองของพันธมิตรฯ ในภาพเป็นการแสดงชุด “ลมหายใจ 193 วัน” อำนวยการแสดงโดยศรัณยู วงศ์กระจ่าง แสดงระหว่างงานรำลึก 1 ปีแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 25 พ.ค. 52 ที่สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี (ที่มา: ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 25 พ.ค. 52)
อมรขอร้องผู้ชุมนุม ‘เรือนแสน’ อย่าพังประตูเข้ามา!?
หลังการอ่านคำประกาศของนายสุริยะใส นายสำราญ ได้ประกาศว่ามีผู้ชุมนุม “เรือนแสน แสนกว่าคน ด้านนอกด้วยคุณอมร” โดยนายอมรพูดเสริมว่า “ทราบมาจากหน่วยรักษาความปลอดภัย ว่าด้านนอก พี่น้องยังไม่สามารถเข้ามา รถยังติดอยู่มาก และหลายประตูจะขอความร่วมมืออย่าพังประตูเข้ามาเลยครับ ขอร้องจริงๆ ครับ ถึงมันจะอึดอัดอย่างไร เรากำลังแก้ปัญหาว่าจะติดตั้งจอโปรเจคเตอร์ด้านนอกอย่างไร ใจเย็นๆ ค่อยๆ ทยอยกันเข้ามา”
ทั้งนี้โดยสนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ดังกล่าวมีความจุเฉพาะที่นั่งบนอัฒจันทร์ ประมาณ 20,000 ที่นั่ง ยังไม่นับพื้นที่ในลู่วิ่งและสนามกีฬา
แต่ในช่วงที่นายสำราญพูด ก็ยังมีที่นั่งโล่งอยู่หลายด้าน ขณะที่ในช่วงการปราศรัยของ 5 แกนนำ ผู้ชุมนุมก็ยังไม่เต็มความจุทั้งบนอัฒจันทร์และในสนามหญ้า
ถัดจากการประกาศของนายสุริยะใส นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ ได้กล่าวบนเวทีว่า วันนี้เห็นแล้วว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้จัดการให้ระบบการเมืองที่เน่าเฟะหมด ไปได้ ดังนั้น ก็เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะลุยเข้าไปช่วยให้การเมืองแบบเก่านั้น กลายเป็นการเมืองใหม่ได้ ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา เราได้ทำให้เห็นว่าเราสามารถทำได้ ดังนั้น เราจะไม่ถอยใช่หรือไม่ เมื่อพี่น้องไม่ถอย เอเอสทีวีก็จะไม่ถอย
เราจะอยู่จนกว่าเราจะได้การเมืองใหม่ วันนี้แม้ยังไม่ชัดว่าเราจะมีโมเดลทางการเมืองแบบไหน แต่ขอยืนยันว่าเอเอสทีวีจะไม่สนคำกระแนะกระแหนจากใคร เราได้ย้ำแล้วว่า เราเลือกข้างที่จะอยู่กับประชาชน อยู่กับความถูกต้อง ใครจะเรียกเราว่าเป็นสื่อหรือไม่ เราไม่แคร์ เราจะทำหน้าที่ของเราในฐานะสื่อที่เลือกข้างแล้ว ดังนั้น ในอีก 1 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นการเมืองใหม่ การเมืองจากประชาชน ที่จะมาแทนการเมืองเก่า [10]
จากนั้นมีการแสดงชุด “ลมหายใจ 193 วัน” อำนวยการแสดงโดยศรัณยู วงศ์กระจ่าง โดยการแสดงชุดนี้ได้จำลองเหตุการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ ในปี 2551 ซึ่งมีพี่น้องพันธมิตรฯ นับพันคนร่วมแสดงท่ามกลางสายฝน
โดยระหว่างการแสดงมีเสียงของนายเติมศักดิ์ จารุปราณ บรรยายเหตุการณ์ โดยมีการใช้คำว่า “รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ” เพื่อเรียกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตลอดการแสดง และเรียกผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ว่า “กลุ่มอันธพาลต่อต้านพันธมิตรฯ”
สำหรับเนื้อหาการแสดงเป็นการกล่าวถึงการชุมนุมของพันธมิตรฯ ระหว่างวันที่ 25 พ.ค. - 2 ธ.ค.2551 โดยใน ASTV ผู้จัดการออนไลน์ บรรยายชุดการแสดงดังกล่าวไว้ว่า
“สำหรับการชุมนุมครั้งประวัติศาสตร์ของพันธมิตรฯ เพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและขับไล่รัฐบาลนอมินีระบอบทักษิณ ระหว่างวันที่ 25 พ.ค. - 2 ธ.ค.2551 นั้น เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้วเคลื่อนไปยังสะพานมัฆวานรังสรรค์, ขยับไปหน้าทำเนียบรัฐบาล กลับมาสะพานมัฆวานฯ ก่อนเข้ายึดบริเวณภายในทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 26 ส.ค., เกิดเหตุการณ์เข่นฆ่าประชาชนวันที่ 7 ต.ค.ตามด้วยการยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าในทำเนียบรัฐบาลหลายครั้งจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายร่วม 10 คน นำไปสู่การประกาศต่อสู้แบบ “ม้วนเดียวจบ” ด้วยการเคลื่อนออกไปชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ จนศาลรัฐธรรมนูญต้องเร่งตัดสินคดียุบพรรค และมีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชนในที่สุด เป็นการปิดฉากรัฐบาลนอมินีในวันที่ 2 ธ.ค.พันธมิตรฯ จึงประกาศชัยชนะและยุติการชุมนุมในวันรุ่งขึ้น”
โดยใน ASTVผู้จัดการออนไลน์ ได้ตั้งชื่อหัวข้อข่าวดังกล่าวว่า “ซาบซึ้ง! การแสดงชุด “ลมหายใจ 193 วัน” กลางสายฝน” [11]
จากนั้น เวลา 20.17 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ในฐานะประธานสภาพันธมิตรฯ ได้กล่าวเปิดสภาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สนามกีฬาหลัก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วาระแรกคือการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชุมนุมช่วง 193 วัน โดยให้ผู้ร่วมประชุมทุกคนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที
จากนั้นเป็นวาระเพื่อพิจารณาวาระแรกในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237, 190 และ 309 โดยนายสมศักดิ์ ถามว่าใครเห็นด้วยให้ผู้ร่วมประชุมยืนขึ้น ซึ่งปรากฏว่า ไม่มีใครยืนขึ้นและปรบมือดังๆ ปรากฏว่าผู้ร่วมชุมนุมยืนขึ้นและปรบมือดังๆ พร้อมกันเป็นเวลา 2 นาที
หลังจากนั้นเป็นวาระสำคัญเรื่องการตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ โดยนายสมศักดิ์ ถามว่าใครไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรคการเมืองให้ยืนขึ้น ซึ่งปรากฏว่าผู้ร่วมประชุมยืนขึ้นเพียงคนเดียว หลังจากนั้นนายสมศักดิ์ถามว่าใครเห็นด้วยกับการตั้งพรรคการเมืองให้ยืนขึ้นและโห่ดังๆ ปรากฏว่าผู้ร่วมประชุมทั้งหมดยืนขึ้นพร้อมกับปรบมือและส่งเสียงโห่ดังๆ เป็นเวลา 2 นาที
หลังจากนั้น หมดวาระการพิจารณา และนายสมศักดิ์ได้กล่าวปิดประชุม ตามด้วยการปราศรัยของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข การอ่านบทกวีรอบสองของนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จากนั้นจึงเป็นการปราศรัยของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ตามลำดับ โดยระหว่างการปราศรัยมีนายณัฐ ยนตรรักษ์ ศิลปินผู้ได้รับรางวัลศิลปาธร สาขาคีตศิลป์ ประจำปี 2549 เป็นผู้เล่นเปียโนประกอบการปราศรัยตลอด หลังจากนั้นเป็นการอ่านบทกวีของอังคาร กัลยาณพงศ์ ก่อนสิ้นสุดการประชุมสภาด้วยการเชิดสิงโตมังกรทองจากพันธมิตร จ.นครสวรรค์
000
อุปสรรคต่อไปหลังประกาศตั้งพรรค
และไม่ว่าข้อถกเถียงเรื่องปริมาณผู้ชุมนุมจะเป็นเช่นไร แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าหาก “พรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” เกิดขึ้น นี่ย่อมเป็นพรรคการเมืองในรัฐสภาพรรคแรกๆ ที่ตั้งโดยการลงมติ “ทางตรง” ของสมาชิกผู้สนับสนุนพรรคการเมือง (และเป็นไปอย่างเปียกชื้นเพราะฝนโปรยปรายไม่ขาดสาย)
อุปสรรค์ต่อไปคือการจดทะเบียนพรรค การหาสมาชิกอาจไม่ใช่ปัญหาที่ยากนักสำหรับพันธมิตรฯ เพราะจำนวนมวลชน “เสื้อเหลือง” จำนวนมากทั่วประเทศในมือ แต่การสรรหากรรมการบริหารพรรคต่างหากที่เป็นโจทย์ที่แกนนำพันธมิตรฯ ต้องขบคิด
โดย “มติชน” ได้สัมภาษณ์ นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวเมื่อ 25 พ.ค. ว่า ขณะนี้พรรคการเมืองที่จดแจ้งจัดตั้งกับ กกต.มีทั้งสิ้น 44 พรรค ได้รับรองการจดแจ้งจัดตั้งพรรคอย่างสมบูรณ์แล้ว 25 พรรค มีอีก 19 พรรคอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายภายใน 1 ปี ที่ กกต.ได้รับจดแจ้งว่าพรรค การเมืองนั้นจะสิ้นสภาพหรือไม่ เช่น หาสมาชิกพรรคให้ครบ 5,000 คน ภายใน 1 ปี และต้องจัดให้มีสาขาพรรค 4 ภาค
"ส่วนพรรคการเมืองที่กลุ่มพันธมิตรจะใช้จดแจ้งกับ กกต.นั้น ทั้งพรรคเทียนแห่งธรรม และพรรคประชาภิวัฒน์ เป็นพรรคการเมืองอยู่ระหว่างดำเนินการหาสมาชิกพรรคและจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบ 4 ภาค ตาม พ.ร.บ. พรรคการเมือง มาตรา 26 หากไม่ดำเนินการภายใน 1 ปี จะเป็นเหตุให้ต้องสิ้นสภาพไป และขณะนี้พรรคเทียนแห่งธรรมก็ครบ 1 ปีการจัดตั้งพรรคแล้วยังมีสมาชิกไม่เกิน 5,000 คน กกต.กำลังตรวจสอบ"
นายปกครองกล่าวว่า ส่วนพรรคการเมืองใหม่ที่กลุ่มพันธมิตรคาดว่าจะใช้นั้น ยังไม่มีการยื่นขอจดแจ้ง ส่วนชื่อ พรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ กกต.ไม่เห็นชอบนั้นยังยื่นจดแจ้งได้อีก หากทำถูกต้องตามกฎหมาย เพราะนายทะเบียนยังไม่ได้ตอบรับการจดแจ้ง และหากจะขอซื้อหัวพรรคการเมืองที่ กกต.รับจดแจ้งไว้แล้วก็ทำได้ หากมีคุณสมบัติตามเกณฑ์
โดยนายปกครอง กล่าวว่า หากนายสนธิเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองจะมีคุณสมบัติสูงกว่าการเป็นสมาชิกพรรคที่ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ระบุว่ากรรมการบริหารพรรคจะต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในมาตรา 102(2) ที่บัญญัติว่า ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต ซึ่งหากนายสนธิจะมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น ก็ต้องมีการตีความเนื้อหาคำพิพากษาของศาลระบุไว้อย่างไร แต่หากนายสนธิเป็นเพียงสมาชิกพรรคเท่านั้นก็เป็นได้
รายงานข่าวแจ้งว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา หน้า 61 เล่ม 118 ตอนที่ 17 ง ได้ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรื่องคำพิพากษาการล้มละลายของศาลล้มละลายกลาง กรณีให้บริษัท เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด และนายสนธิเป็นบุคคลล้มละลาย เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2544
ทั้งนี้ มติชนรายงานว่า ก่อนที่แกนนำพันธมิตรจะตอบรับแนวคิดการตั้งพรรคการเมืองได้หารือกันค่อนข้างมากเกี่ยวกับสถานภาพของนายสนธิที่ถูกศาลล้มละลายกลางสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่เมื่อปรึกษากับฝ่ายกฎหมายก็ได้ข้อสรุปว่ากฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 11 และรัฐธรรมนูญมาตรา 102(2) นายสนธิไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องนี้ เนื่องจากพ้นสภาพการเป็นการบุคคลล้มละลายมากว่า 3 ปีแล้ว
แต่สิ่งที่ทีมกฎหมายและแกนนำพันธมิตรค่อนข้างกังวลคือ หากถูกดำเนินคดีทางอาญา จากกรณีปิดสนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ และบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ถ้าหากต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอาจจะหมดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครและกรรมการบริหารพรรคทันที [12]
000
“สัจจะวาจา” ที่สนธิต้องเคลียร์
นอกจากเรื่องคดีความแล้ว การตีความเรื่อง “สัจจะวาจา” ก็เป็นสิ่งที่สนธิ ลิ้มทองกุล จะต้อง “เคลียร์ตัวเอง” ต่อสาธารณะชนให้ได้ เพราะตลอดการเคลื่อนไหว สนธิ ลิ้มทองกุล เอง ได้กล่าวไว้หลายโอกาส หลายวาระ ว่าจะไม่รับตำแหน่งทางการเมือง [13]
โดยย้อนกลับไปในปี 2548 โดยหลังจากที่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่เขาเป็นผู้ดำเนินรายการถูกถอด หลังวันที่ 10 กันยายน 2548 และเขาเริ่มสู้กับทักษิณและเครือข่ายนับจากนั้นมา ผ่านการจัดรายการกึ่งการปราศรัยใน “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” โดยการจัดรายการครั้งที่ 11 เมื่อ 9 ธันวาคม 2548 ที่สวนลุมพินี สนธิ กล่าวว่า
“คุณ สโรชาและพ่อแม่พี่น้องที่นั่งอยู่ในที่นี้และนั่งอยู่ข้างนอก วันนี้ผมอยู่ในสภาพที่ผมกลับไปเป็นนายสนธิคนเดิมไม่ได้แล้ว ผมไปกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์เอาธรรมมาสอนผม บอกว่า สนธิ ชีวิตคือความว่างเปล่าแต่ถ้าเราทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนแล้ว ถึงตายก็คุ้มค่า ผมไม่ใช่คนไม่เคยทำความผิด คุณสโรชา 58 ปี ที่ผ่านมานี้ ชั่วก็เคยทำ ผิดก็ไม่น้อย แต่ว่าอยากจะใช้ส่วนที่เหลือของชีวิตทำเพื่อชาติบ้านเมือง ทำเพื่อประชาชนในฐานะที่เป็นสื่อ แต่เป็นสื่อคนละแบบที่มีอยู่ทุกวันนี้ คือเป็นสื่อที่ถึงตรงกับประชาชน ไม่ใช่สื่อซึ่งจะต้องไปนั่งกินข้าวกับนายกฯ หรือไม่ใช่สื่อที่จะต้องไปพึ่งพาคนโน้นคนนี้ เพราะเดี๋ยวนี้ผมจะทำอะไรผมจะถามความเห็น ผมจะทำข่าวผมต้องถามความเห็นประชาชนก่อนแล้ว เพราะว่าผมไม่ใช่นายสนธิคน เก่าอีกต่อไป ผมถือโอกาสขอขมาลาโทษพ่อแม่พี่น้องทุกคนว่า อดีตที่ผมเคยทำผิดพลาดอะไรไปถ้ามีการทำก็ขออภัย ขอขมา แต่ว่าจากนี้เป็นต้นไปผมจะยึดถือบทบาทที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พูดอยู่ออกมาตลอดเวลา ว่า ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่นั้นให้สมบูรณ์แบบ และประชาชนจะไม่มีปัญหา สังคมไทยจะไม่มีปัญหา ผมขอยึดถือตรงนี้ แล้วพ่อแม่พี่น้องประชาชน ตลอดจนคุณสโรชาด้วย จำเอาไว้ วันไหนในอนาคต ตราบจนกระทั่งผมตาย ถ้าผมไปรับตำแหน่งอะไรทางการเมือง แล้วถ้าผมไม่ใช่สื่อมวลชนของท่านต่อไป เจอหน้าที่ไหน ถุยน้ำลายใส่หน้าผม ถอดรองเท้าตบหน้าผมได้ทันที”
เช่นเดียวกัน ในการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ภาคพิเศษเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า เขาก็กล่าวเป็นสัจจะวาจาต่อมวลชนไว้ว่าจะไม่รับตำแหน่งทางการเมือง หนนี้เขาสโคปชัดเจนขึ้นว่าจะไม่รับตำแหน่ง ส.ว. ส.ส. ขอเป็นแค่ “ยามรักษาแผ่นดิน” และ “คณะกรรมการยึดทรัพย์”
“พ่อแม่พี่น้อง ไม่ต้องกังวล ผมจะกล่าวสัจจะวาจาวันนี้ ต่อหน้าองค์สมเด็จรัชกาลที่ 5 เสด็จพ่อ ผมจะไม่มีวันรับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ลง ส.ว. ไม่ลง ส.ส. ให้ตำแหน่งอะไรก็ไม่เอา ขอเป็นแค่ยามรักษาแผ่นดิน แต่มีข้อแม้ ถ้าเขาตั้งให้เป็น 1 คน ในคณะกรรมการยึดทรัพย์ พ่อแม่พี่น้องจะให้ผมรับไหม
(ผู้ชุมนุม) – ให้
ตกลงกันแล้วนะ ถ้าผมอยู่ ได้อยู่ในคณะกรรมการยึดทรัพย์ ให้ผมเข้าไหม
(ผู้ชุมนุม) - ให้เข้า
เราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ พ่อแม่พี่น้อง ถ้าผมลงสมัคร ส.ว. รับตำแหน่งรัฐมนตรี ผมพูดไว้แล้วกี่ครั้ง ผมพูดต่อ ผมพูดย้ำ ผู้ชายเจอหน้าผมที่ไหน ถุยน้ำลายใส่หน้าผม ผู้หญิงเจอหน้าผมที่ไหน ถอดรองเท้าตบหน้าผมได้ วันนี้มาด้วยจิตที่บริสุทธิ์ อะไรก็ไม่ต้องการ ต้องการการเมืองที่สะอาด ต้องการ ส.ส.-ส.ว.ที่ดีๆ เหมือน ส.ว.ที่เมื่อกี้เอ่ยชื่อมา ท่านการุณ ใสงาม หมอนิรันดร์ คุณวิญญู เราต้องการนักการเมืองแบบนี้ เราต้องต่อสู้เพื่อต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวง พ่อแม่พี่น้องโกง 1 บาท ยังไม่ยอมเลย นับประสาอะไรโกงหมื่นล้าน การโกงชาติ โกงบ้าน โกงเมืองนั้นคือการทำลายรากฐานของสังคม พ่อแม่พี่น้อง คนเราถ้ามันซุกหุ้นได้ มันหนีภาษีได้”
สนธิพูดถึงการไม่รับตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้งในการปราศรัยเมื่อ 6 มีนาคม 2552 ในรายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่ถ่ายทอดสดทางเอเอสทีวีจากเวทีชั่วคราวหน้าบ้านเจ้าพระยา โดยคราวนี้เขาระบุว่าไม่อยากใช้คำว่า “สัจจะวาจา” แต่ขอ “ให้สัญญา” ว่าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเฉพาะรุ่น 1 “จะไม่รับตำแหน่งทางการเมือง
“พี่น้อง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเฉพาะรุ่น 1 เคย ประกาศเป็นสัจจะวาจา ผมไม่อยากใช้คำว่าสัจจะวาจา ให้สัญญากับพี่น้องว่าเราจะไม่รับตำแหน่งทางการเมือง และเราก็จะไม่รับตำแหน่งทางการเมือง
... พี่น้อง พวกเราต้องทำตัวให้มีคุณค่า ต้องมีราคาใช่ไหมพี่น้อง แล้วราคาต้องไม่ถูกด้วยใช่ไหม นี่คือความในใจของผมพ่อแม่พี่น้อง พี่น้องเชื่อใจได้เลยพี่น้อง แกนนำรุ่นที่ 1 ยก เว้น อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ไม่รับตำแหน่งทางการเมืองเด็ดขาด ทำไมต้องยกเว้นอาจารย์สมเกียรติ เพราะอาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เพราะอาจารย์สมเกียรติกระโดดเข้าไปในการเมืองเรียบร้อยแล้ว อาจารย์สมเกียรติมีราคีไปเรียบร้อยแล้วต้องปล่อยแกไปทางนั้น ล้อแกเล่น
แต่ พี่ลองของผม พี่สมศักดิ์ พี่พิภพ และสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่รับตำแหน่งทางการเมืองเด็ดขาด พี่น้อง สบายใจได้ แต่จะอยู่ต่อสู้ร่วมกับพี่น้องในการเมืองภาคประชาชน และให้กำลังใจ ให้คำปรึกษาของพรรคที่เป็นของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสภาอย่าง สม่ำเสมอ เอเอสทีวีจะสนับสนุนการเมืองใหม่ พรรคการเมืองไหนที่เน้นการเมืองใหม่ ที่อยู่ในปรัชญาและอุดมการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เอเอสทีวีจะสนับสนุนหมด”
แม้คนรอบข้าง คนใกล้ชิดอย่าง คำนูณ สิทธิสมาน เห็นว่าสนธิจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ผ่าน “พรรคการเมือง” โดยถือเป็น “ถนนสายใหม่เข้ามาเสริม” เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
โดยคำนูณกล่าวผ่านรายการ “คนในข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV เมื่อ 20 พ.ค. 52 [14] ว่า ถึงสนธิจะเคยให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่รับตำแหน่งทางการเมือง แต่อีกคำมั่นสัญญาหนึ่งที่สำคัญก็คือการที่สนธิพูดว่า “ชีวิตนี้จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์”
“ผมคิดว่า ณ นาทีนี้ ณ เวลาที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ถ้าเผื่อคุณสนธิตระหนักดีว่า การจะยืนหยัดปกป้อง ต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำความพัฒนาการที่ยั่งยืนมาสู่สังคมไทยในช่วงวิกฤตินี้ ถ้าเดินบนถนนสายเดิมต่อไปแล้วหนทางค่อนข้างจะไปได้ยาก จำเป็นจะต้องมีถนนสายใหม่เพิ่มเข้ามาเสริม” คำนูณกล่าว
และคำนูณยังเชื่อว่า หากประชาชนที่ยึดมั่นคำสัญญาของสนธิ “จะเดินหน้าเข้ามาขอถุยน้ำลายใส่คุณสนธิ ขอถอดรองเท้าขึ้นมาตบคุณสนธิ ผมเชื่อว่าคุณสนธิ ถ้า ณ วันนั้นตัดสินใจแล้ว ก็คงจะยอมให้พี่น้องประชาชนทำอย่างนั้น”
คงเป็นโจทย์ที่สนธิ ลิ้มทองกุลเองจะต้องขบคิด และตอบคำถามเรื่องนี้แกทั้งมวลชนพันธมิตรฯ และสาธารณชนให้ได้
ขอปิดท้ายด้วยความเห็นของ “ใบตองแห้ง” แห่งไทยโพสต์ เมื่อ 28 พ.ค. 2552 ต่อการที่ (หาก) สนธิจะรับตำแหน่งทางการเมือง เสียสัตย์หรือไม่
เรื่องเสียสัตย์เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยครับ สุจินดายังงงไม่หายว่าทีจำลองเสียสัตย์กลับไปกินข้าว ไม่เห็นมีใครว่าอะไร ม็อบมือถือคนชั้นกลางเรียกร้องนายกฯ จากเลือกตั้ง แต่พอได้นายกฯ อานันท์ กลับโห่ร้องกันใหญ่ เรื่องเป็นเจ้าของสื่อก็เหมือนกัน รัฐธรรมนูญ 50 ห้ามนักการเมืองเป็นเจ้าของสื่อ เพราะกลัวจะเหมือนทักษิณเป็นเจ้าของไอทีวี แต่เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญไม่น่าจะห้ามสื่อเป็นนักการเมือง เพราะทุกวันนี้สื่อก็เล่นการเมืองอยู่แล้ว (ฮา) [15]
000
หมายเหตุ: ต่อไปนี้เป็นการปราศรัยของ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 25 พฤษภาคม 2552 โดยมีรายละเอียดทั้งหมดต่อไปนี้
25 พฤษภาคม 2552
คำปราศรัยของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ณ สภาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
สนามกีฬาหลัก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
จำลอง ศรีเมือง
“ท่านนักสู้ผู้กล้าหาญทรหดอดทนครับ หนูบอลพูดกับปู่ย่าตายายซิ วันนี้ก็เหมือนกับการชุมนุม 193 วัน เขามากันทำมา (มาทำหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญครับ) มาทำหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ ใช่ไหมครับ
ท่านพี่น้องพันธมิตรฯ ครับ ไม่มีใครคาด ไม่มีใครคิด ว่าจะจัดงานได้ยิ่งใหญ่อลังการและสนุกสนานเท่านี้ ใช่ไหมครับ
พี่น้องครับ ปีต่อไปคงจะต้องจัดมั่ง ผมถามประชามติไม่ได้ เพราะคนชื่อ จำลอง ไม่ใช่ประธานสภา ไม่ถามก็ต้องรู้นะครับว่าคงจะต้องจัดทุกปีๆ พี่น้องครับ ไม่มีใครคาด ไม่มีใครคิดว่าการจัดงานรำลึกถึง 193 วันของการชุมนุม ปักหลักพักค้าง การจัดงานในคืนวันนี้จะยิ่งใหญ่อลังการและสนุกสนาน ก็เช่นเดียวกับว่า ไม่มีใครคาด ไม่มีใครคิด ว่าคนเป็นหมื่นๆ แสนๆ จะนอนกลางดิน กินกลางทราย ปักหลักพักค้างได้ถึง 193 วัน ปรบมือให้พันธมิตรฯ ทุกคนครับ
ท่านพี่น้องพันธมิตรฯ ครับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 5-6 วันต่อเนื่องกัน ที่เรามีการประชาสัมพันธ์ผ่านทาง ASTV ว่าจะมีการจัดงานในวันที่ 25 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แห่งนี้ ผมโทรศัพท์เข้าไปในรายการบ่อยๆ ว่าขอให้พี่น้องเตรียมร่ม เตรียมเสื้อฝนมาด้วย เพราะผมติดนิสัยทหาร ไม่ประมาท พร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทุกเมื่อ ก็ได้ประกาศไปแล้ว ปรากฏว่าผู้ที่เอาร่มมาทุกคนกลายเป็นผู้ที่มาแสดงกลางแจ้งนี่ พี่น้องครับ ผมก็เอามาเหมือนกันครับ แต่เมื่อเขาเปียกได้ผมก็ต้องเปียกด้วย ใช่หรือเปล่า
ท่านพี่น้องครับ การที่เราชุมนุมมาถึง 193 วัน พี่น้องคงจำได้ดีนะครับ เมื่อกี้นี้ก็มีการฉายภาพรำลึก ผมบอกกับพี่น้องว่าอย่างไร บอกว่าม้วนเดียวจบ แล้วจบจริงๆ ใช่ไหมครับ แต่ขออภัยครับ ม้วนนี้ยาวไปหน่อย ยาวถึง 193 วัน ในค่ำคืนวันนี้ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า พวกเรายังกล้าหาญทรหดอดทนอยู่ แล้วต้องขอบคุณฟ้าฝนนะครับที่เป็นใจ ตกลงมาเข้ากับฉากพอดีเลยครับ ฝนครับ ถ้าแน่จริงปีหน้ามาใหม่นะฝน อย่าหนีเราไปไหนนะฝน
พี่น้องครับ ผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่ง ว่าที่เราลงมติเรื่องการตั้งพรรคหรือไม่ตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ นั้น เราไม่เคยคิด เราไม่เคยพูด เราไม่ได้นึกอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับว่าจะต้องมีการตั้งพรรคหรือไม่ตั้งพรรค ตลอดระยะเวลาการชุมนุม เราไม่ได้ชุมนุมเพื่อที่จะตั้งพรรคการเมือง แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลคราวที่แล้ว พรรคการเมืองต่างๆ ก็เข้ามาทำหน้าที่ของตนเองเหมือนเดิม และก็ทำเหมือนเดิม คือ ทำการเมืองแบบเก่าๆ พี่น้องพันธมิตรฯ จึงคิดขึ้นเอง พูดเอง แสดงออกเอง ให้พวกเราทราบว่า ต้องคิดแล้วละว่าจะต้องมีพรรคการเมือง เพราะถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ ใช่ไหมครับ
แล้ววันนี้พี่น้องก็แสดงถึงประชาธิปไตยทางตรงแล้วว่า เราได้ออกเสียงกันทุกคนที่เรามาร่วมงานในครั้งนี้ ว่า เราต้องตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พี่น้องครับ ถึงแม้ว่าผมจะเคยเป็นนักการเมือง ทั้งจากการแต่งตั้ง จากการเลือกตั้ง และเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองมาแล้วก็ตาม แต่ขอยืนยันกับพี่น้องเลยว่า ตลอดระยะเวลาของการชุมนุม ผมไม่เคยพูดกับใคร แล้วก็ไม่เคยคิดด้วยว่าจะต้องมีการตั้งพรรคการเมือง เพราะเราเห็นแล้วว่า เป็นหน้าที่ของนักการเมือง แต่เมื่อนักการเมืองไม่ทำ นักการเมืองข้างถนนกลางถนนอย่างเราเลยต้องออกมาทำ ใช่ไหมครับ
เพราะฉะนั้น พี่น้องครับ กรุณาฟังต่อไปนะครับว่า เมื่อท่านมีประชามติออกมาเป็นเอกฉันท์อย่างนี้ พวกเราก็จะนำไปพินิจพิจารณา แล้วก็ทำให้เรียบร้อยออกมาจนกระทั่งออกมาเป็นพรรคการเมือง ซึ่งเราได้คุยกันไปแล้วในแกนนำ ว่าเราจะต้องพยายามทำให้ได้ภายใน 7 วัน 10 วัน เพราะอะไรครับ เพราะไม่แน่ว่าเขาจะยุบสภาเมื่อไร ใช่ไหมครับ ยิ่งเขาเห็นภาพในวันนี้ พรรคการเมืองต่างๆ ตกใจไปตามๆ กันครับ
มีบางคนบอกว่า เมื่อภาพนี้ปรากฏแก่พรรคการเมืองทุกพรรคในประเทศ เขาอาจจะคิดรีบยุบสภาก็ได้ เพื่อให้เราเตรียมตัวไม่ทัน แต่พี่น้องครับ เฉยเถอะ ในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรารวดเร็ว เราพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ทุกสถานการณ์ ในค่ำคืนวันนี้ ผมเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ผมเห็นใจหลายต่อหลายคนที่ไม่มีโอกาสมาเป็นภาพจริงๆ ในคืนวันนี้ พี่น้องโปรดบอกกันต่อๆ ไปนะครับว่า ภาพอย่างนี้หาดูไม่ได้อีกแล้วในประเทศไทย ใช่ไหมครับ ขอบคุณทุกคนครับ สวัสดีครับ”
พิภพ ธงไชย
“พ่อแม่พี่น้องค้าบ..... พ่อแม่พี่น้องเอ๊ย...... วันนี้เป็นวันสำคัญมาก เป็นวันที่จะเริ่มต้นประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้งหนึ่งครับ เป็นประวัติศาสตร์ที่ประชาชนจะเป็นคนกำหนด บอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เราเหลียวหน้าแล้วเราเหลียวหลังไป 193 วัน ในเหตุการณ์ที่เราเสียสละเลือดเนื้อและวิญญาณ ตั้งมั่น ยืนหยัด สันติวิธี โดยเอาธรรมะนำหน้า เราชนะมาตลอด 193 วัน ทางข้างหน้าที่ยังอีกยาวไกล และต้องเสียสละ ต้องอดทน ต้องมุ่งมั่น ต้องยึดในอุดมการณ์อย่างเข้มงวด เป็นภารกิจที่พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้ให้ฉันทามติว่า จะสร้างการเมืองใหม่โดยตั้งพรรคการเมือง เพื่อเป็นเครื่องมือของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
พ่อแม่พี่น้องครับ นับตั้งแต่วันนี้ วินาทีนี้ มองไปข้างหน้า เดินไปข้างหน้า พ่อแม่พี่น้องมีพันธะสัญญาร่วมกัน ว่าเราจะสร้างการเมืองใหม่ที่เป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อขจัดการเมืองเก่าให้หมดไปจากสังคมไทย
พ่อแม่พี่น้องครับ ไม่ใช่แต่ 5 แกนนำที่ตกลงร่วมกันว่าจะกอดคอกันฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อสร้างการเมืองใหม่ให้ สำเร็จให้จงได้ และเราเชื่อว่าพรรคการเมืองที่เป็นเครื่องมือของพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย ที่มีฐานการเมืองจากมวลชนมหาศาล จะแข็งแกร่งพอที่จะสร้างการเมืองใหม่ให้สำเร็จลุล่วงไปให้ได้ ให้ได้แน่ๆ
พ่อแม่พี่น้องครับ 5 แกนนำถูกกำหนดว่าเป็นของพ่อแม่พี่น้อง จิตวิญญาณและภาระหน้าที่ พ่อแม่พี่น้องเป็นคนกำหนด เราสู้กันมา 193 วัน เราได้ถูกประชาชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กำหนดวาระ กำหนดหน้าที่ กำหนดความเสียสละ ว่า 5 แกนนำไปไหนไม่ได้ ต้องถูกกำหนดโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
พ่อแม่พี่น้องครับ ไม่ใช่เฉพาะ 5 แกนนำรุ่น 1 ไม่ใช่เฉพาะ 5 แกนนำรุ่น 2 แม้แต่พ่อแม่พี่น้องเองก็ถูกกำหนดโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าพ่อแม่พี่น้องก็จะต้องร่วมหัวจมท้ายสร้างการเมืองใหม่ให้สำเร็จด้วยมือ ของเรา
พ่อแม่พี่น้อง 193 วัน เราได้ผ่านเหตุการณ์มา ทำให้เรามีจิตใจที่แข็งแกร่ง กล้าสู้ กล้าชนะ เพราะฉะนั้นเส้นทางเดินข้างหน้า ไม่ว่าจะมีอุปสรรคประการใด การเมืองที่มุ่งสร้างประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นภารกิจร่วมกัน เพื่อดวงวิญญาณของวีรชนในทุกเหตุการณ์ที่ร่วมสร้างกันมาในเส้นทาง ประชาธิปไตย
พ่อแม่พี่น้องครับ ฉันทามติเมื่อสักครู่นี้เป็นฉันทามติ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ผู้ประสาสน์การ นายปรีดี พนมยงค์ ได้เป็นผู้ต่อสู้ นำประชาธิปไตย ร่วมกับพระยาพหลฯ ร่วมกับทหาร ร่วมกับพลเรือน เป็นการต่อสู้ในระดับบน ในการกำหนดประชาธิปไตย ล้มลุกคลุกคลานมาจน 75 76 ปี แต่วันนี้ประชาชนจะเป็นคนกำหนดประชาธิปไตย นี่เป็นครั้งแรกที่มวลมหาชน ทั้งที่อยู่ที่นี่ อยู่หน้า ASTV ทั้งที่เคยร่วม ทั้งในประเทศ ทั้งต่างประเทศ จำนวนมหาศาล จะปักธง ณ ตรงนี้ว่าจะกำหนดอนาคตประเทศไทยด้วยการเมืองใหม่
พ่อแม่พี่น้องครับ เราเสียวีรชนไป 10 ท่าน มีผู้บาดเจ็บพิการ รวมทั้งหมด 800 กว่าท่าน และในเหตุการณ์ในอดีตสูญเสียวีรชนมาตลอด แต่วันนี้เราจะต่อสู้อย่างสงบและสันติ และมีเครื่องมือสำคัญคือพรรคการเมืองใหม่ แต่ไม่ใช่พรรคการเมืองเพื่อเข้าสู่อำนาจ ไม่ใช่พรรคการเมืองเพื่อตำแหน่ง ไม่ใช่พรรคการเมืองเพื่อทุจริตคอร์รัปชั่น แต่พรรคการเมืองที่มีธรรมนำหน้า มีความเสียสละ มีความกล้าหาญ มีความสุจริต มีประสิทธิภาพ นั่นคือคุณสมบัติของการเมืองใหม่ครับพ่อแม่พี่น้อง
พ่อแม่พี่น้องครับ ฉันทามติที่ประธานสภาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขอกับพ่อแม่พี่น้อง เราต้องการฉันทามติที่เป็นลายลักษณ์อักษร เราแจกแบบฟอร์มไปเกือบแสนชุด ในนั้นมีรายละเอียดมากมาย ว่าเมื่อมีฉันทามติจะให้ตั้งพรรคการเมืองเพื่อสร้างการเมืองใหม่แล้ว พ่อแม่พี่น้องจะต้องบอกมาว่าจะให้เราทำอะไร จะตั้งชื่ออย่างไร จะกำหนดบทบาทของ 5 แกนนำอย่างไร และจะช่วยกันนำพรรคการเมืองใหม่ไปสู่จุดมุ่งหมายเพื่อสร้างการเมืองในระบอบ ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นการเมืองสะอาดอย่างไร พ่อแม่พี่น้องต้องเขียนมาเป็นลายลักษณ์อักษรครับ เพราะนี่จะเป็นสัญญาประชาคม แล้วภารกิจที่อยู่ข้างหน้าจะต้องผ่านการต่อสู้อย่างทรหด พรรคการเมืองต่างๆ เริ่มจับจ้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคการเมืองที่กำลังจะเกิด จะมีการต่อสู้กันอย่างจริงจัง พ่อแม่พี่น้องพร้อมสู้หรือเปล่า สู้/ไม่สู้ สู้/ไม่สู้
การเมืองใหม่จะอยู่บนฐานของการเมืองภาคประชาชน ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองเป็นเพียงเครื่องมือของการเมืองภาคประชาชน ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และถ้าเราจะแข็งแกร่งกับการเมืองภาคประชาชนในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย พรรคการเมืองของเราจะเป็นมิติใหม่ ที่เป็นพรรคการเมืองของมวลมหาชนอย่างแท้จริง และจะแข็งแกร่งประดุจหิน ประดุจเหล็กกล้า เพราะมีประชาชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก การเมืองภาคประชาชนจะสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่เพื่อสร้างการเมืองใหม่ ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ขอให้ดวงวิญญาณของวีรชนได้ส่งจิตและพลังให้เราทำการได้สำเร็จ ขอให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จงเจริญ ขอให้พรรคการเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้น เป็นเครื่องมือของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีประสิทธิภาพ ขอให้ประชาชนจงชนะ ชนะเพื่อสร้างการเมืองใหม่ ชนะเพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถึงเวลาประชาชนจะเป็นคนกำหนดอนาคตของประเทศนี้
พ่อแม่พี่น้องเอ๊ย.... สู้ยาวๆ ไหม ภารกิจยังมีอีกไกลและมาก ต้องรักษาอุดมการณ์ และจุดยืนให้มั่นคง มีความสามัคคี สร้างแนวร่วมประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อนำประเทศไทยนี้พ้นจากการเมืองเก่า ขอให้การเมืองใหม่จงเจริญ ขอให้พรรคการเมืองพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ขอให้การเมืองภาคประชาชนในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แข็งแกร่ง ยั่งยืน ยาวยงไปชั่วกัลปาวสาน ขอบพระคุณครับ”
สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
“พี่น้องครับ ขอแสดงความเคารพอย่างสูงต่อพี่น้องประชาชนทุกท่าน ขอกราบแทบเท้าในมติที่ศักดิ์สิทธิ์ จนสวรรค์เป็นใจหลั่งพระพิรุณลงมา พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ผ่านพ้นไปแล้วครับพี่น้อง
พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นพิธีกรรมที่เราเรียกว่า ปักหลักสร้างฐาน ลงเสาเอกประเทศไทยครับพี่น้อง ลงเสาเอกประเทศไทย ลงเสาเอกประเทศไทย
สวรรค์เป็นพยาน 2 เดือนก่อน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ไปประชุมสนามม้าแห่งหนึ่งที่นครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย มีมติจัดตั้งพรรคการเมืองในสนามม้าครับพี่น้อง แต่มตินั้นเป็นเพียงมติแสดงความเห็นของคนไทยในต่างชาติที่ห่วงใยในปัญหาของ ประเทศชาติ ห่วงใยว่าพี่น้องประชาชนจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาของตนเองได้ แล้วเขาก็มีความมั่นคงในชีวิต แต่วันนี้มหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เขาบอกว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ "ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน" เป็นมหาวิทยาลัยแห่งการกำเนิดการต่อสู้ 14 ตุลาฯ 2516 และการต่อสู้ความไม่เป็นธรรมทั้งปวง ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์
การกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพรรคการเมืองในประวัติศาสตร์ ถูกบันทึกไว้แล้วว่า เป็นการกำเนิดที่สอดคล้องกับมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองของ ประชาชน มหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวันนี้
ผมอยากจะกราบเรียนพี่น้องว่า พวกเราเป็นผู้ลี้ภัยครับ ลี้ภัยมาจากประเทศที่ไร้อนาคตมาสร้างอนาคตใหม่ให้กับประเทศไทยครับ เราจะทนอยู่ได้อย่างไรกับประเทศที่ไร้อนาคต 77 ปี เราทนทุกข์ทรมานมาพอแล้ว พอกันทีๆ 77 ปีแห่งความทุกข์ระทมของประชาชน ชาวนาไร้ที่ทำกิน ร้านค้าโชห่วยตายพินาศ ผู้คนชั้นกลางค้าขายไม่ได้ นักศึกษาตกงาน ความยากจนไปทุกหย่อมหญ้า ประชาชนไร้ที่ดินทำกิน หมดเวลาของการเมืองเก่าแล้ว ขุดหลุมฝังศพกลบมันทิ้งไปครับพี่น้อง สร้างการเมืองใหม่ของประชาชนขึ้นมา
พี่น้องครับ พี่น้องรู้ไหมว่า การเมืองใหม่เกิดขึ้นภายใต้ทฤษฎีใหม่ องค์ความรู้ใหม่ด้วย เมื่อปี 1800 กว่าๆ ถึงปี 1900 มีคนๆ หนึ่งบอกว่า คนที่จะเปลี่ยนแปลงทั้งโลกได้คือ กรรมกร และสร้างอำนาจรัฐกรรมกรแล้วไปถล่มโซเวียต โซเวียตพังทลายลงเลย เกิดรัฐกรรมกรขึ้นมา (หมายเหตุ - สมเกียรติน่าจะเข้าใจผิด ที่จริงน่าจะหมายถึงถล่มอาณาจักรรัสเซีย แล้วสร้างสภากรรมกร หรือภาษารัสเซียเรียกว่าโซเวียต)
คนนั้นบอกว่า กรรมกรจงรวมตัวกันเข้าก็ปฏิวัติยึดอำนาจจากนายทุน คาร์ล มาร์คซ์ ยึดอำนาจโซเวียตไม่สำเร็จ วันนี้โซเวียตกลับกลายพันธุ์เป็นทุนนิยมเหมือนเดิม ทฤษฎีของคาร์ล มาร์คซ์ ถูกท้าทายโดยประชาชนในศตวรรษที่ 21 1949 เหมา เจ๋อ ตุง บอกว่า คาร์ล มาร์คซ์ คิดเรื่องกรรมกรลุกขึ้นสู้ยึดอำนาจไม่พอ ต้องเอาชาวนาลุกขึ้นสู้ เหมา เจ๋อ ตุง เลยไปตั้งกองทัพชาวนา ไปจัดตั้งกองทัพชาวนาขึ้นมา ชาวนาทำการปฏิวัติจีน วันนี้จีนยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ในที่สุดชาวนาจีนกลายเป็นคนชั้นกลาง มีอยู่มีกิน UNDP องค์กรพัฒนาแห่งสหประชาชาติ บอกว่า ภายใน 60 ปีของการปฏิวัติจีน 1949-2009 60 ปีของการปฏิวัติ คนจนจีนได้รับการแก้ไขมากกว่า 100 ล้านคน ชาวนาปฏิวัติเสร็จสร้างชนชั้นกลางขึ้นมา ทำสินค้าตีตลาดทั่วโลก ทฤษฎีของเหมา เจ๋อ ตุง ได้รับการพิสูจน์ว่า ใช้ได้ แต่สร้างรัฐในอุดมคติไม่ได้
มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ที่บอกว่าชั้นกรรมการ นายทุน ชาวนา คนชั้นสูง คนชั้นล่าง ทุกภาคส่วนมารวมตัวกันเข้า แล้วเปลี่ยนประเทศไทยของตนโดยทางสันติและอหิงสา นี่เป็นทฤษฎีอย่างใหม่ที่ทุกชนชั้นเข้ามารวมตัวกัน ไม่รังเกียจเดียดฉันท์ว่าเราคนชั้นสูง ท่านคนชั้นต่ำ ไม่เคยรังเกียจเลย ทฤษฎีของเราก็คือทฤษฎีที่ผมอยากคารวะเพื่อนผมนะครับ ชื่อสุวิทย์ วัดหนู ก่อนตายเขาทิ้งมรดกเป็นลายมือของเขาว่า หากมีชีวิตอยู่จะร่วมกับผมและเพื่อนๆ ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา
ในวันนี้ความคิดของสุวิทย์ วัดหนู ปัญญาชนแห่งบางเสร่ พัทยา ชลบุรี ได้บอกแล้วว่า พรรคที่มีความหมายที่สุดในอนาคตคือพรรคประชาชาติ ประชาชาติคืออะไร ประชาชาติก็คือ คนทุกหมู่เหล่า ทุกชนชั้น มารวมตัวกัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
พี่น้องครับ ในวันนี้ พรรคนี้ได้ปักหลักสร้างฐาน ลงเสาเอก ขุดหลุมฝังกลบการเมืองเก่าไปเรียบร้อยแล้ว พิธีกรรมในการไว้อาลัยแก่การเมืองเก่าเรียบร้อยแล้ว พิธีสถาปนาการเมืองใหม่ถูกชูขึ้น แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป กลับบ้านเหรอ เราจะทำอย่างไรต่อไป หากต้องการให้พรรคนี้แก้ไขปัญหาของประชาชน วันหนึ่งพรรคก็ต้องเรียกร้านค้าโชห่วยที่เจ๊งไปกว่า 4 แสนล้าน มารวมตัวกันแล้วโหวต โหวตแล้วก็ลงมติกันยื่นนโยบายให้แก่พรรคนี้เอาไปทำ ถ้าทำไม่ได้ก็ยุบพรรคทิ้งไปเสีย
วันหนึ่งเกษตรกรที่ยากจนถูกปล้นเรื่องลำไยมา เมื่อ 5 ปีก่อน 1,700 ล้าน เมื่อปีที่แล้วโกงข้าวสารไปอีก 3 หมื่นล้าน ปีนี้จะโกงข้าวโพด ข้าวสารอีก 4-5 หมื่นล้าน ชาวนาจนหมด ชาวนาก็มาร่วมทำนโยบายกับพรรคนี้ มาประชุมกัน แล้วก็บอกว่า ให้ประกันราคาพืชผล ถ้าทำไม่ได้ ให้แต่โรงสีรวย นักการเมืองรวย ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเสือกมีพรรคแบบนี้
พี่น้องเข้าใจไหม คนไร้ที่ทำกินอันไพศาล จำนวนมากกว่า 8 ล้านคน ก็จะมาเสนอกับพรรคว่า ต้องจัดสรรที่ทำกินให้แก่ราษฎร ไม่อย่างนั้นความมั่นคงของรัฐ คือความไม่มั่นคงของราษฎร ราษฎรต้องลุกขึ้นสู้ แต่ไม่รู้จะสู้กับใคร จึงมาหาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมกันสู้ ร่วมกันสู้ ร่วมกันสู้ นี่คือพรรคการเมืองในอุดมคติของประชาชน ผมไม่เชื่อเลยว่าปี 2548 คนๆ หนึ่งเป็นลูกจีน ตระกูลลิ้ม ต่อสู้อยู่ 4 ปีให้หลังกลายเป็นพรรคการเมือง น่าอัศจรรย์ไหมครับพี่น้อง น่าอัศจรรย์ไหม ต่อสู้ ไปปราศรัยที่ไหน ไม่มีคนช่วยเลย ไปปราศรัยสวนลุมฯ ค่อยๆ เพิ่มขึ้นๆๆ พาคนเดินมาทำเนียบฯ มา 200 คน พอไปถึงทำเนียบฯ เดินกลับๆ กลับบ้านเลย
วันนี้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่มหัศจรรย์ที่สุด สวรรค์ยังปรานีเลยว่า เฮ้ยเขาทำอะไรกันที่นี่ ตกลงมาพิสูจน์ว่าพรรคการเมืองจะฝ่าข้ามได้ไหม ในที่สุดผู้ก่อตั้งพรรคการเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครกลับบ้านสักคนเลย ลงปักหลักสร้างฐาน ลงเสาเอกก่อนถึงกลับบ้าน ลงเสาเอกก่อนถึงกลับบ้าน
พี่น้องครับ มีคนสงสัยผมเหลือเกิน ถ้ามีพรรคการเมืองใหม่แล้ว ชีวิตผมจะอยู่อย่างไร นักข่าวก็พยายามถามผม ผมก็ตอบเสียเลยว่า หากมีความชัดเจนประการที่ 1 และเวลาที่เหมาะสม ประการที่ 2 ผมก็จะแถลงจุดยืนว่า ผมไม่มีวันลืมประชาชน ไม่มีวันทำให้ประชาชนผิดหวัง ผมจะไม่ยินยอมให้ประชาชนผิดหวังในชีวิตผม แต่ผมขอพูดกับพี่น้องประชาชนนิดหน่อยนะครับว่า พรรคการเมืองฝ่ายก้าวหน้าของประชาชน เริ่มตั้งแต่พลังใหม่ สังคมนิยมแห่งประเทศไทย แนวร่วมสังคมนิยม พลังธรรม พรรคพลังธรรมอายุยืนที่สุด แต่ในที่สุดไม่รอดสักพรรคเลย
พี่น้องดูสิ ปี 2517 กำเนิดพรรคพลังใหม่ สังคมนิยม แนวร่วมสังคมนิยม และ 2530 กำเนิดพรรคพลังธรรม ไม่มีพรรคใดรอดเลย ขนาดเอามหา 5 ขันมายังไม่รอดเลย ไม่รอด ที่ไม่รอด พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้แถลงแจ้งไขข้อความไปแล้วเมื่อวานนี้ ด้วยความเคารพอย่างสูงต่อท่าน พอ พล.ต.จำลอง ถอนตัวจากพรรคพลังธรรมเท่านั้นแหละ คุณธรรมถูกถอนตามไปด้วย ล่มสลายเลยครับพี่น้อง
พี่น้องเห็นบทเรียนหรือยัง ที่มาพูดไม่ได้พูดให้ท้อถอยว่า ตั้งพรรคพันธมิตรฯ แล้วจะต้องพังไม่ใช่ แต่ผมดูคนมาวันนี้ไม่พังง่ายหรอก จะอยู่ได้ประมาณ 1 ศตวรรษ ครับพี่น้อง มันไม่พังง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก ถ้าเราเป็นคนที่มีจิตใจเป็นธรรม มีความรอบคอบ แล้วรู้จักเปรียบเทียบ หันมาดูพรรคทางขวา พรรคประชาธิปัตย์ ทำไมอยู่ได้ 60 กว่าปี แสดงว่าเขามีจุดแข็งอะไรของเขา เพราะฉะนั้นบทเรียนของเราต้องเรียนรู้จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เขามีจุดแข็งเพราะว่า เขามีความซื่อสัตย์สุจริตในระดับแกนนำ แกนนำ อย่างน้อย ชวน หลีกภัย เป็นสิ่งยืนยันอย่างดี ผมไม่เคยทรยศต่อใครเลย ใครทำดีผมสนับสนุน ไม่ใช่บอกว่า เพราะตั้งพรรคพันธมิตรฯ แล้วด่าพรรคประชาธิปัตย์เลย ผมไม่ทำครับ ผมจะไม่เหยียบย่ำใครเลย ผมจะก้าวเป็นชัยชนะอย่างงดงาม ท่ามกลางความโศกเศร้าของพรรคการเมืองอื่น ผมจะไม่ทำสิ่งนี้
พี่น้องครับ เชื่อผมเถอะ ในโลกนี้มีพรรคการเมืองเดียวเท่านั้นที่มาจัดตั้งกันในสนามกีฬา เชื่อผมซิ แล้วมีชนชาติเดียวเท่านั้นที่ลงมติท่ามกลางสายฝน แล้วประธานบ้าบออะไรสั่งให้นั่งกับพื้น ขอโทษพี่สมศักดิ์ด้วย ให้นั่งกับพื้น แล้วให้ส่งเสียงอันกึกก้องท่ามกลางสายฝน ส่งเสียงยาวนาน 3 นาที ไม่ได้ต้องการให้เพื่อนคนไทยจากต่างชาติ และคนในชาติล่วงรู้ แต่ให้สวรรค์จารึกไว้ สวรรค์จารึกไว้ว่า คนที่นี่มาสร้างมติอันศักดิ์สิทธิ์ให้แก่พวกท่าน
พี่น้องครับ พี่น้องเห็นแกนนำทั้ง 5 คนมีความสุขไหมครับวันนี้ ดูท่าทาง สายฝนมีหน้าที่อะไรครับ ชโลมลงมาให้คนชื่นใจนะครับในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ผมจะไม่มีวันลืมวันนี้เลยว่า อีก 100 ปีเขาจะบอกว่า เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา มีประเทศด้อยพัฒนาประเทศหนึ่งขับรถอย่างมีจุดหมายมาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แถวชานเมือง ในขณะนั้นพวกเขาแสวงหาที่จอดประมาณ 2 ชั่วโมงจึงจอดได้ เมื่อจอดได้แล้วเขาเปิดประตูลงมาอย่างโล่งใจ แล้วเขากระโดดลงมาถือป้ายบอกว่า เดี๋ยวไม่ทันพาเหรด เขาจะแสดงพาเหรดกัน จะแสดงพาเหรดให้ทุกคนชมว่า พวกเขาจัดตั้งพรรคการเมืองโดยอาศัยวิธีการแบบกีฬาสีครับพี่น้อง มีขบวนพาเหรด ผมเริ่มตลกแล้วใช่ไหมครับ
พี่น้องครับ ด้วยความคารวะอย่างสูง กราบแทบเท้า วันนี้นึกไม่ถึงเลยว่าชีวิตจะมีความหมาย เมื่อพี่น้องลงมติอย่างที่เรามุ่งหวัง ผมไปภาคหนึ่งที่ไม่อยากเอ่ยภาค พอมีคนเห็นหน้าผมบอกว่า อย่าไปตั้งพรรคนะ พอผมเห็นภาพนั้น มาวันนี้อาจารย์ต้องตั้งพรรคนะ ต้องตั้งพรรคนะ แล้วเราก็คุยกันใน 5 แกนนำว่า คอยดูนะ มีคนกลุ่มหนึ่งที่บอกว่า คัดค้านการตั้งพรรค ผมบอกว่า คอยดูนะเขาจะไม่กล้ายืนคัดค้านเลย พอบอกว่าใครไม่อยากให้ตั้งพรรคให้ยืนขึ้น เขาจะไม่ยืนเลย เพราะเขาเห็นคนข้างเคียงแล้วเขาอาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้าไปทันทีเลย
พี่น้องครับ ความหวังของประชาชนได้รับการปักหลักสร้างฐานแล้ว เราลงเสาเอกแล้ว บรรจงจับต้นกล้าอ่อนๆ ไปปลูกให้เต็มประเทศ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สัญลักษณ์สีเขียวกับสีเหลือง ปลูกกล้าไม้แห่งประชาธิปไตยให้เต็มประเทศ อีกไม่นานมวลชนอันไพศาลจะมาร่วมกันสถาปนาพรรคการเมืองใหม่ นโยบายใหม่ เพื่อประชาชนไทยทุกคน เราจะมีชีวิตอยู่อย่างความหวัง ศตวรรษแห่งความขมขื่น 77 ปีแห่งความขมขื่น จะต้องหายไป ความหวังของประชาชนไทยจะเข้ามาแทนที่ เราจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง ใช่ไหมครับพี่น้อง
ด้วยความขอบคุณอย่างสูง มติวันนี้จะจดจานไว้ในดวงใจ ในประวัติศาสตร์และในการเมืองของพวกเราทุกคน ขอให้พลังของพันธมิตรฯ จงมีเอกภาพ สามารถมีพลังในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยได้ องค์กรใหม่ของประชาชนจงเจริญครับพี่น้อง พรรคการเมืองของประชาชนจงเจริญครับพี่น้อง คนยากจน คนไร้ที่พึ่ง คนหมดอนาคต และสังคมที่ไร้อนาคต จะต้องมีความหวังอีกครั้งหนึ่ง จะต้องมีความหวังอีกครั้งหนึ่งภายใต้การออกแบบการเมืองครั้งนี้ พี่น้องที่ไม่ได้มาร่วม ไม่มีปัญหาครับ เราถือว่าสมาชิกพรรคมี 2 ประเภท ประเภทหนึ่งร่วมชุมนุม ประเภทหนึ่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ เรามีศักดิ์ศรีเท่ากันหมด เราให้ความสำคัญเท่ากันหมด ด้วยความเคารพอย่างสูง ขอคารวะจิตใจอันแข็งแกร่ง กล้าหาญ และถูกต้อง ในการลงมติตั้งองค์กรใหม่ของประชาชน ขอบพระคุณมากครับพี่น้อง”
สมศักดิ์ โกศัยสุข
"อันหยดฝนย้อยหยาดฟ้ามาสู่ดิน ประมวลสิ้นเป็นมหาสาครใหญ่ แผดเสียงซัดปฐพีอึ้งมี่ไป พลังไหลแรงรุดสุดต้านทาน อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล แสนอาวุธแสนศัตรูบู่อันธพาล ไม่อาจต้านพลังมหาประชาชน"
พี่น้องครับ นี่คือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปียกเหรอ เชอะ!! ร้อนเหรอ ชิ!! หนาวเหรอ เฉย!! M16 เหรอ เฉย!! อาก้าเหรอ เฉย!! M79 เหรอ เฮ้ออออ!! ผ่านมาแล้วทุกสนามรบ และนี่คือเกียรติยศ ชื่อเสียง ของวงศ์สกุลทุกคนที่มาเขียนประวัติศาสตร์การเมืองไทย ณ วันที่ 25 เดือน 5 ปี 2552 ครับพี่น้องครับ
เกิดเป็นคนนั้นหลักสำคัญคือ ต้องกตัญญู รู้คุณต่อแผ่นดิน เกิดเป็นคนนั้นต้องคำนึงถึงอนาคตของลูกหลานและอนาคตของประเทศชาติในข้างหน้า ไม่ใช่เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว อย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรกับเรา แต่จงถามว่าเราจะทำอะไรให้กับประเทศชาติ
พี่น้องที่เคารพ ชีวิตคนนั้นถ้าเปรียบกับระบบสุริยะจักรวาล โลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ อายุคนน้อยมาก เปรียบประดุลเกลียวคลื่นและพยับแดด มาแล้วก็ไป ไม่มีใครเอาอะไรไปได้ แต่มนุษย์นั้นต้องสร้างคุณงามความดี พลังของคนดีทั้งแผ่นดินจงสามัคคีเดินหน้ากู้ชาติเพื่อประโยชน์ของประเทศไทย ต่อไป
ภารกิจในอนาคตเมื่อที่ประชุมมหาประชาชนแห่งนี้ลงมติว่าพันธมิตรฯ ต้องมีพรรคการเมือง แน่นอน แกนนำทั้ง 5 คนต้องเคารพมติของพี่น้องโดยเด็ดขาด ไม่มีเงื่อนไข การทำหน้าที่อาจจะแตกต่างกัน แต่เป้าหมายเพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่อย่างแน่นอน อย่าถามว่าพรรคการเมืองนี้ชื่ออะไร เราจะตั้งชื่ออะไร ก็พี่น้องเสนอมา เสียงส่วนใหญ่ให้ชื่ออะไร ชื่ออย่างนั้นครับพี่น้อง
อย่าถามว่าหัวหน้าพรรคชื่ออะไร พี่น้องจะเอาคนชื่ออะไร พี่น้องเสนอมา เสียงส่วนใหญ่เอาชื่ออะไร จะเอาชื่อนั้นเป็นหัวหน้าพรรคครับพี่น้อง นี่ไงการเมืองใหม่ อย่าถามว่าใครจะมาเป็น ส.ส.ทุกจังหวัดและระบบบัญชีรายชื่อพรรค พี่น้องจะให้ใครเป็นเสนอชื่อมา เสนอใครก็เอาคนนั้นล่ะครับเป็น ส.ส.ครับพี่น้อง ง่ายจะตาย ถ้าเราทำอะไรใจจริงและซื่อสัตย์ต่อพี่น้อง
ในวันพรุ่งนี้แกนนำทั้ง 5 จะประชุม เมื่อได้รับฉันทาจากพี่น้อง จะต้องออกแบบ วิธีการ ที่จะต้องทำให้เกิดการเมืองใหม่ที่ทุกคนมีส่วนร่วมและตัดสินใจเฉกเช่นวันนี้ ทุกขั้นตอนครับพี่น้องครับ นี่ไงประชาธิปไตยแบบใหม่ พี่น้องเห็นไหมครับว่าคนพันธมิตรฯ ฝนตก ฟ้าร้อง แดดออก เฉย ไม่หนี นี่คือคนจริงของแผ่นดิน เราอย่าคุยโม้โอ้อวด ไม่มีน้ำยา ของแท้ของจริงต้องปฏิบัติการให้ชาวโลกเห็นว่านี่คือพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย เปียกเดี๋ยวก็แห้ง เรื่องเล็กมาก พี่น้องครับ ทุกคนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ อย่าดูถูกตัวเอง ทุกอาชีพ หลังจากต่อไปนี้ ก็จะมีคณะทำงานไปรับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม ทุกภาค กลุ่มชาวไร่ชาวนา กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ชนกลุ่มน้อย นักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน นักวิชาการ ทุกส่วนของสังคม เพราะบ้านเมืองเป็นของทุกคน
บ้านเมืองเรามีปัญหา 2 อย่างครับพี่น้องที่เคารพ เรื่องใหญ่ก็คือ นักการเมืองที่ผ่านมาโกงกินทุจริต คอร์รัปชั่น มันรวยได้รวยเอา พวกเราจนได้จนเอา นี่คือปัญหาของแผ่นดินที่จะต้องเข้าไปจัดการ ประเด็นที่ 2 ทุกคนมีส่วนสร้างผลผลิตและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจะต้องมีกระบวนการ กลไกในการกระจายรายได้ ทางด้านเศรษฐกิจ ให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกหมู่เหล่า หรือที่เรียกว่า จะต้องให้เป็นประชาธิปไตยทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่างแท้จริง นั่นจึงจะเรียกว่าระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง
ดังนั้น ก็ขอให้พี่น้องทุกคนช่วยกันคิด และอย่าลืมว่า หลักของเราที่ยึดมาตลอด มีเงินช่วยบริจาค มีแรงออกแรง มีสมองช่วยคิด พรรคนี้จะต้องมีสมาชิก มีความเสมอภาค เสียค่าบำรุง จะไม่เชิญนายทุนคนไหนมาใหญ่มาข่มเหงประชาชน เหมือนนักการเมืองน้ำเน่าในสภาปัจจุบันอย่างเด็ดขาดครับพี่น้อง ขอให้พี่น้องทุกคนจงต่อสู้ต่อไป ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจจะทำ มีแต่สิ่งที่เรายังไม่ได้ทำ ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำลัง อย่ากลัวศัตรู อย่ากลัวความยากลำบาก อนาคตเราอาจจะเผชิญกับความยากลำบากมากกว่านี้ แต่พี่น้องครับ ถ้าเราสู้ทุกอย่างเราก็ชนะได้อย่างแน่นอนครับพี่น้อง
ที่สำคัญ หลักใหญ่ก็คือ ยึดมั่นในศีลธรรม ซื่อสัตย์ เสียสละและกล้าหาญ มาสร้างคุณูปการให้กับชาติเพื่อลูกหลานของเราต่อไปเถิด ขอให้พี่น้องทุกคนจงภาคภูมิใจในตัวเองในทุกภาคทุกส่วน และต่อสู้ต่อไป จนกว่าพี่น้องทุกคนอยู่ดีกินดีมีความสุขครับพี่น้อง ขอบคุณครับ
สนธิ ลิ้มทองกุล
“พี่น้องเอ๊ย พี่น้องเอ๊ย 100 กว่านัดพี่น้องเอ๊ย พี่น้อง วันที่ 17 เมษายน เป็นวันที่พี่น้องต้องรู้ว่า 193 วันของพี่น้องนั้นมันทำให้คนกลัว ทำไมเขาต้องยิงผม เพราะเขาเข้าใจผิดอย่างสาหัสสากรรจ์ ว่าถ้าผมตายไปแล้วกระบวนการพี่น้องต้องล่มสลาย นี่เป็นความคิดของคนที่ไม่เคยเข้าใจการตื่นขึ้นมาของภาคประชาชนครับพี่น้อง เขาไม่เคยเข้าใจว่า พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ผ่าน 193 วันมานั้น ผ่านมาได้มิใช่เพราะโชคช่วย แต่ผ่านมาได้เพราะจิตใจอันเข้มแข็ง ผ่านมาได้ไม่ใช่จิตใจอันเข้มแข็งอย่างเดียว ผ่านมาได้เพราะพี่น้องมีความเชื่อมั่น และศรัทธาในสิ่งที่พ่อแม่พี่น้องทำ ถ้าไม่เชื่อมั่นและศรัทธาแล้วจะมานั่งตากฝนเหมือนคนบ้าอย่างนี้ได้อย่างไร
พี่น้องเอ๊ย ผมอยากให้ศัตรูเรา หรือคนที่ไม่ชอบเรา นั่งดู ASTV แล้ว ฟังเสียงพี่น้องตอบผม พี่น้องเอ๊ย... ถ้าเขาฟังเสียงพี่น้องแค่นี้ไม่ออก ถ้าบ้านเขามีผนังก่อด้วยอิฐ ก็ขอความกรุณาเอาหัวโขกผนังให้ตายห่าไปเลย
ผมมาที่นี่เมื่อบ่าย 3 โมงกว่า 4 โมงเย็น ผมนั่งดูขบวนพาเหรดของพ่อแม่พี่น้อง ขบวนแล้วขบวนเล่า ผมน้ำตาซึม เพราะผมมองย้อนหลังไปวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2548 ของการจุดเทียนเล่มแรกที่หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ ผมไม่เคยคิดว่า 3 ปีกว่าเกือบ 4 ปีกว่า จะมีคนบ้ารักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มากถึงเพียงนี้ครับพี่น้อง
เทียนเล่มแรกที่จุดขึ้นมา มันถูกจุดผ่านต่อไป ต่อไป ตั้งไม่รู้กี่เล่ม จากเปลวไฟเล็กๆ ของขี้ผึ้งแท่งเล็กๆ รวมกัน หลอมยิ่งกว่าเทียนพรรษา กลายเป็นแสงสว่าง แสงสว่างแสงเดียวเท่านั้นพี่น้อง แสงสว่างแสงเดียวเท่านั้นที่สามารถจะส่องให้ประเทศไทยที่มืดมิดนั้น กลับมาสว่างได้ และพี่น้อง ขอให้จำไว้ ชาติบ้านเมืองถ้าจะอยู่ได้จากนี้ต่อไป อยู่ได้เพราะน้ำตา หยาดเหงื่อ ความตาย พิการ และกระสุนที่ผ่านสมองผมไป และก็พ่อแม่พี่น้องทุกคน พวกเราเท่านั้นที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองอยู่รอดได้ พี่น้องครับ ขอให้เชื่อไปเลย ขอให้เชื่อไปเลย ขอให้เชื่อไปเลย
ผมพูดเมื่อวานนี้ที่ ม.รังสิต ผมบอกว่ายังไง ผมบอกว่า วันที่ 17 ถ้าผมตายไปแล้ว ทุกอย่างสำหรับผมมันเป็นเรื่องความว่างเปล่าไปหมดแล้ว บุญคุณความแค้นก็หมดไป ชีวิตนี้จะไปผุดจะไปเกิดที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วแต่กรรมเวรที่ทำ แต่มันสอนอะไรผม มันสอนอะไรพี่น้อง มันสอนสิ่งที่ผมพูดตลอดเวลาใช่ไหมพี่น้อง ว่า พ่อแม่ครูอาจารย์บอกว่าชีวิตมีแต่ความว่างเปล่า มันว่างเปล่า มันว่างเปล่า แต่ทว่าถ้าเราทำงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน เมื่อเราทำแล้วความว่างเปล่ามันก็หมดไป มันจะเป็นอานิสงส์ให้กับตัวเราส่งผลถึงลูกถึงหลาน และเป็นอานิสงส์ให้กับบรรพบุรุษเราทุกคน ด้วยเหตุนี้พี่น้อง นี่คือ เหตุผลว่าทำไมพี่น้องต้องมานั่งแบบนี้ ตากฝนให้เปียก วันนี้ผมยังไม่หายดี ผมยังมีอาการวูบ หน้ามืด เวลาจะนอนต้องเอาก้นนั่งบนเตียงแล้วนิ่งๆ สักพักหนึ่งให้เลือดไหลขึ้นไปสู่สมอง พอจะนอนเอาศอกยันลงไปก่อน ให้สถานภาพร่างกายมันมีเสถียรภาพ แล้วค่อยๆ เอนหัวลงไป พอหัวถึงหมอนแล้วเหนื่อย พลิกตัวทีหนึ่งหน้าก็ยังมืดอยู่ แต่มันอยู่ที่นอนไม่ได้ เพราะอะไร เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตพวกเรา พ่อแม่พี่น้องครับ วันนี้พ่อแม่พี่น้องรอบสนามนี้จนกระทั่งอยู่ข้างนอก กำลังพิสูจน์ให้โลกเห็น พี่น้องอย่าไปภูมิใจนะว่าสิ่งที่พี่น้องทำนั้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ไม่ใช่ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก พ่อแม่พี่น้อง
ไม่มีอีกแล้ว อ.สมเกียรติ พูดมาแล้ว พี่พิภพพูดมาแล้ว พี่สมศักดิ์พูดมาแล้ว พี่ลองพูดมาแล้ว ไม่มี สง่างาม สมศักดิ์ศรี เหมือนผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แสดงว่าพี่น้องทุกคนมีพุทโธกำกับอยู่ในตัวตลอด พุทโธ พุทโธ พุทโธ เพราะเราทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสติเรา เราไม่เคยสติแตก ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง เราถูกฆ่าอย่างกับหมูอย่างกับหมา คนพิการ คนบาดเจ็บอีกเป็นร้อย ผมถูกยิงอย่างกับเป็นเป้าซ้อมยิงปืนของทหารอย่างนั้นล่ะ
แต่วันนี้ไม่มาไม่ได้ ถ้าไม่มา แล้วจะพี่น้องเอ้ย กับใครล่ะ พวกเราเอ้ย กันมาตั้ง 193 วันแล้ว พี่น้องเอ้ย
พี่น้องครับ เมื่อวานนี้ผมบอกพ่อแม่พี่น้องแล้ว ว่า ฉันทามติการตั้งพรรคการเมืองนั้น มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ถ้าพี่น้องตัดสินใจไปแล้วเหมือนอย่างที่เมื่อกี้ท่านประธานพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้หยั่งเสียงพ่อแม่พี่น้องแล้วว่า พี่น้องต้องการมีพรรคการเมือง ก็ต้องมีพรรคการเมือง แต่พี่น้องจำคำพูดผมเอาไว้ การยกมือ ลุกขึ้นยืน ปรบมือให้กับการเกิดของพรรคการเมืองนั้น มันเป็นเรื่องไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับพวกเรา พ่อแม่พี่น้อง พวกเราต้องรีบแต่ไม่ร้อน พี่น้องต้องจำเอาไว้ การลงทุนทำพรรคการเมืองเพื่อเป็นเครื่องมือหนึ่งของพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยนั้น คือ การลงทุนทางปัญญาระยะยาว พี่น้องต้องพร้อม พี่น้องจะพร้อมหรือเปล่าครับ อย่าท้อใจ ถ้าเรามี ส.ส.เข้าไปน้อย หลายคนที่คัดค้านบอกว่า มี ส.ส.ก็ไม่มีทางที่จะเป็นรัฐบาลได้ เพราะจำนวนน้อยตั้งไปทำไม ถ้าพูดอย่างนี้ก็อุปมาอุปไมยเหมือนคนไม่ได้กินข้าวกันทั้งบ้าน แล้วบอกว่ามีจานเหลืออยู่จานเดียวจะกินข้าวไปทำไม การเมืองใหม่ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องมี ส.ส.มาก ขอให้เราได้แสดงออกทางจิตวิญญาณพวกเรา
พี่น้องครับ ที่ผมไม่ตายเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้ผมตาย เพราะพ่อแม่ครูอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บอกว่า สนธิ มึงยังต้องใช้กรรมอยู่ในแผ่นดินนี้ต่อไป
วันนี้ มีพี่น้องที่ขอนแก่นเอาเงินจัดงานมาบริจาคให้ มีพี่สาวคนหนึ่ง อายุมากแล้ว คุณสนธิ ฉันเจ็บใจมันมาก มันหาว่าคุณสนธิจัดฉากยิง ผมบอกว่า ป้าอย่าไปกังวล ก็บอกมันสิยิงคนให้ตายมันง่ายกว่ายิงให้รอด แล้วมีกระสุนเม็ดหนึ่งฝังในหัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงพี่น้อง พี่น้องจำคำพูดผมเอาไว้ ผมให้สัมภาษณ์หลังจากที่ถูกยิง ผมพูดอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรกผมบอกว่า ถ้าการที่ผมโดนยิงร้อยกว่านัด แล้วสามารถเรียกความเชื่อมั่นของคนไทยกลับมา ว่า ทำดีได้ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มกัน ถ้าการเจ็บของผมครั้งนี้แล้วทำให้ประชาชนเชื่อ แล้วกลับมาทำคุณงามความดีกันอีก มันก็คุ้ม พี่น้อง เพราะว่าพวกเราเกือบจะไม่เชื่อแล้วใช่ไหมพี่น้อง ว่าทำดีได้ดี ผมก็ภาวนา ยกมือท่วมหัวถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ กราบขอบพระคุณความเมตตาของท่านและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วบอกว่า เห็นแล้วใช่ไหม พ่อแม่ครูอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่าลองอีกนะ มันเสียวไส้พี่น้อง
พี่น้องครับ ความสวยงามของพ่อแม่พี่น้องที่เดินขบวนมา พี่น้องคิดกันเอง ออกแบบทุกอย่างกันเอง ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้น เกิดขึ้นหลายอย่าง จังหวัดเดียว ความคิดสร้างสรรค์ มีความหลากหลาย ชลบุรี พัทยามาด้วยชุดทิฟฟานี่ ตามด้วยสัตหีบเมืองติดทะเล มาด้วยชุดฮาวาย ใส่ฮูล่า แต่เลือกเอาป้าๆ ใส่ ไม่ได้เลือกเอาสาวๆ ใส่มา นครสวรรค์ เอามังกรที่ยาวมา แล้วใครก็ไม่รู้ช่างคิด สร้างรถคันที่ผมถูกยิงขึ้นมา แล้วแบกแล้วจุดประทัดไล่ เหมือนเสียงปืนเลย พี่น้องครับ เราสนุก เรามัน แต่เราเคยหยุดคิดไหมอยากให้พวกที่ดูเราอยู่ทาง ASTV พวก พรรคการเมืองอื่นๆ ดู ผมอยากจะถามพวกคุณ ว่า พวกคุณมีปัญญาเอาคนของคุณมาแบบนี้ไหม โดยที่คุณไม่ต้องจ่ายเงินให้เขาเลยแม้แต่บาทเดียว ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง ใช่ไหมพี่น้องเอ้ย
แล้ว มันมีพรรคการเมืองไหนพี่น้อง ที่มีประชาชนทั้งสวย ทั้งหล่อ ทั้งน่ารักแบบนี้ ไม่มีแล้ว น้ำอดน้ำทนก็เยอะ เหมือนพี่ลองพูด เหนื่อยเราก็ไม่เหนื่อย นี่เปียกเราก็ไม่กลัวเปียก ใช่/ไม่ใช่ พี่น้องครับ หัวใจพี่น้องมันทำด้วยอะไร พี่น้องเอ้ย หัวใจพี่น้องทำด้วยอะไรผมไม่รู้ แต่หัวใจพี่น้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พี่น้องเอ้ย
เขาบอกให้พูดต่อ ท่านอังคารยังไม่มา พี่น้องครับ ผมจะกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องก่อนจะจบการพูดครั้งนี้ เมื่อวานนี้พี่น้องที่ดู ASTV หรือ เข้าประชุม รู้สึกว่าผมพูดมากไปหน่อยใช่ไหม เพราะว่ามันอึดอัดใจ พี่น้อง พี่น้องครับ ผมอดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงกระบวนการลอบสังหารผม ผมต้องพูด ผมไม่พูดไม่ได้
ที่เขาต้องยิงผม ข้อที่ 1.เพราะว่าเขาคิดว่าผมตายแล้วกระบวนการพี่น้องจะล่มสลาย ล่ม/ไม่ล่ม พี่น้อง (ไมล่ม) พี่น้องให้สัญญากับผม ว่าถ้าแกนนำคนใดคนหนึ่ง นี่ต้องลากเข้ามาร่วมด้วยไม่ใช่ผมคนเดียว เดี๋ยวจะไม่ยุติธรรม เป็นอะไรไปพวกเราต้องไม่ท้อใจ เปลี่ยนความแค้น เปลี่ยนความแค้นให้เป็นพลัง
พี่น้องครับ จำได้ไหมผมจะเป็นคนทำนายทายทักอะไรก่อนถูกต้องตลอดเวลา เขาต้องการจะสร้างการเมืองเก่าโดยที่เอานักการเมืองนำหน้า เอาทหารหนุนหลัง แล้วเขาพลิกเกม พี่น้อง เขาพลิกเกมเป็นว่า ข้อผิดพลาดของ ทักษิณ ชินวัตร คือ การจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ เขาถึงออกมาบอกว่า ทักษิณใช้ไม่ได้จาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ เขาคิดว่าเขาทำการเมืองโดยที่ไม่ไปแตะต้องสถาบันกษัตริย์ แล้วเขาจะร่วมกันโกงชาติกินบ้านกินเมือง ก็ไม่มีใครมาล้มเขา เขาเข้าใจผิดใช่ไหมพี่น้อง พี่น้อง ถ้าบ้านเมืองถูกโกงกินไปเยอะขนาดนี้ ชาติอยู่ได้ไหม ถ้าชาติอยู่ไม่ได้ พระเจ้าอยู่หัวอยู่ได้ไหม เห็นหรือยังพี่น้อง นี่คือ สัจธรรม ชาติต้องมั่นคง ชาติจะมั่นคงได้อย่างไร
เช่ารถเมล์ 4,000 คัน ยังแพงกว่าซื้อตั้ง 10 เท่า แล้วชาติจะมั่นคงได้อย่างไร พี่น้องใช่ไหม บ้านเมืองนี้เสาถูกกัดกร่อนไปแทบจะพังทลายไปแล้ว ปลวกแห่งการคอร์รัปชั่นมากัดกินจนกระทั่งบ้านมันจะพังอยู่แล้วพี่น้อง มันโกงมันกินกันแทบจะทุกกระทรวง มันไม่สนใจเลยว่าต้นทุนของแผ่นดินจะสูงแค่ไหน ชาติจะอยู่ได้หรือไม่ ขอให้กูโกงกินเข้ามา แล้วกูจะได้เอาเงินก้อนนี้ไปซื้อเสียง กลับมามีอำนาจต่อไป มันเลวน้อยกว่าทักษิณหรือเปล่า พี่น้องตอบซิ เลวน้อยกว่าทักษิณหรือเปล่า
พี่น้อง ที่พี่น้องตัดสินใจตั้งพรรคการเมือง เพราะเราต้องการสอนพรรคการเมืองต่างๆ ให้รู้ว่านักการเมืองที่ดีนั้น มันต้องนักการเมืองพรรคของเรา ใช่/ไม่ใช่
พี่น้องครับ เมื่อมีการเมืองแล้ว ท้อใจเมื่อไรให้คิดถึงน้องโบว์ สารวัตรจ๊าบ เซ็งเมื่อไรให้คิดถึงแจ๊ค ที่ชุมพร ที่ขาขาดข้างหนึ่ง เบื่อเมื่อไร ให้คิดถึงลูกปืนที่อยู่ในหัวผม คิดถึงพวกเขา ระลึกถึงพวกเขา คิดถึงทุกๆ คนที่บาดเจ็บเป็นร้อยๆ คน แล้วตอบตัวเองว่า เฮ้ย กูเบื่อไม่ได้นะ กูเป็นหนี้บุญคุณคนพวกนั้น พี่น้องไม่ต้องมาเป็นหนี้บุญคุณผม เพราะผมเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่พี่น้อง โทษฐานของผม ผมมีความผิดอยู่ตรงไหนพี่น้อง ความผิดผม โทษบานผม คือ ดันเป็นคนแรกที่จุดเทียนเล่มแรก ก็เลยต้องรับไป เมื่อจุดเทียนแล้ว พาพี่น้องเดินไปแล้ว เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว มันต้องเดินต่อใช่ไหมพี่น้อง พี่น้องพร้อมจะเดินต่อกับพวกผมหรือเปล่าพี่น้อง
พี่น้องครับ ก่อนผมจากไป กราบขอบพระคุณทุกจิตใจที่เป็นห่วงผมในวันที่ผมถูกยิง กราบขอบพระคุณน้ำตาทุกเม็ดที่ไหลออกจากเบ้าตา กราบขอบพระคุณโทรศัพท์ที่โทร.ถามข่าวคราวของผม ชีวิตนี้บอกพ่อแม่พี่น้องมาตั้งนานแล้วว่าเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่พี่น้อง ที่พูดไม่ใช่หาเสียง เพราะคนอย่างสนธิไม่ต้องหาเสียงกับพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกราบขอบพระคุณบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทำให้ผมรอดชีวิต ในช่วงที่ถูกยิงนั้นสติอยู่กับตัว บอกกับตัวเองว่า ถ้าต้องตายไป เพราะลูกปืน ก็ขอให้ตายเพราะกรรมเก่า มาเอาไปเลย แต่ถ้าตายแล้วก็ขอให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และราชบัลลังก์ อยู่รอดปลอดภัย ขอให้บารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วยคุ้มครองด้วย
พี่น้องทั่วสนามแสดงพลังให้กับคนที่ดูทีวีอยู่ที่ไม่ใช่พวกเราหน่อย ว่า ของเราของจริง พี่น้องเอ๊ย.... ขอบพระคุณครับพี่น้องครับ”
000
อ้างอิง
[1] คำนูณชูสนธินำพรรค เพราะมีส่วนผสมลงตัว จบนอก-เป็นนายทุนชั้นนำ-ศึกษาตะวันออก-คิดแหกกรอบ, ประชาไท, 26 พ.ค. 52 ชมคลิปรายการดังกล่าวที่ ASTVผู้จัดการออนไลน์
[2] พรรคพันธมิตรฯ, ทีมข่าวการเมือง ใน blogazineประชาไท, 30 มี.ค. 52 http://blogazine.prachatai.com/user/headline/post/1878
[3] แหล่งเดียวกัน http://blogazine.prachatai.com/user/headline/post/1878
[4] แหล่งเดียวกัน http://blogazine.prachatai.com/user/headline/post/1878
ฟังเสียงปราศรัยของสนธิ ลิ้มทองกุล ที่บ้านเจ้าพระยา เมื่อ 6 มี.ค. 52 ที่ ASTVผู้จัดการออนไลน์ และ “สนธิ” ย้ำแนวคิดตั้งพรรคเพิ่มเวทีต่อสู้-เตือน ปชป.อย่าเห็น พธม.เป็นเมียเก็บ, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 7 มีนาคม 2552
[5] คำนูณชูสนธินำพรรค เพราะมีส่วนผสมลงตัว จบนอก-เป็นนายทุนชั้นนำ-ศึกษาตะวันออก-คิดแหกกรอบ, ประชาไท, 26 พ.ค. 52 ชมคลิปรายการดังกล่าวที่ ASTVผู้จัดการออนไลน์
[6] การประชุมสภาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินหน้าสู่การเมืองใหม่ ณ ม.รังสิต โดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ขอฉันทานุมัติตั้งพรรค เชื่ออดีตการต่อสู้พันธมิตรฯ ตกเป็นเหยื่อการเมืองข้างถนน, managerradio.com, 24 พ.ค. 52
[7] "คอมเม้นต์สด" การประชุม "สภาพันธมิตร", โดยสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ใน กระดานข่าวฟ้าเดียวกัน, 24 พ.ค. 52, 11:44 น.
[8] พธม.ประกาศพันธสัญญา 3 ข้อสู่การเมืองใหม่ ยันเคลื่อนไหวต่อนอกสภา, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 24 พ.ค. 52
[9] พันธมิตรฯ ประกาศพันธสัญญาเร่งผลักดันการเมืองใหม่, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 25 พ.ค. 52
[10] “จิตตนาถ” ลั่น! เอเอสทีวี จะอยู่ข้าง ปชช.สร้างการเมืองใหม่, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 25 พ.ค. 52
[11] ซาบซึ้ง! การแสดงชุด “ลมหายใจ 193 วัน” กลางสายฝน, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 25 พ.ค. 52 ชมคลิปรายการดังกล่าวที่ ASTVผู้จัดการออนไลน์
[12] พธม."ตั้งพรรค"ตามคาด "สุเทพ"ดักคอ คงไม่ใช้มวลชนนอกสภา, มติชน, 26 พ.ค. 52
[13] พรรคพันธมิตรฯ, ทีมข่าวการเมือง ใน blogazineประชาไท, 30 มี.ค. 52
[14] คำนูณชูสนธินำพรรค เพราะมีส่วนผสมลงตัว จบนอก-เป็นนายทุนชั้นนำ-ศึกษาตะวันออก-คิดแหกกรอบ, ประชาไท, 26 พ.ค. 52 ชมคลิปรายการดังกล่าวที่ ASTVผู้จัดการออนไลน์
[15] ใบตองแห้งตอบจดหมาย, ไทยโพสต์, 28 พ.ค. 52