Skip to main content

วิทยากร บุญเรือง

 

ผมไปเจอข่าวชิ้นหนึ่ง เหตุเกิดที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งไม่ว่าจะยังไง ข่าวชิ้นนี้ผมว่ามันสามารถสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง สำหรับสังคมไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

คือข่าวที่กลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในโรงพยาบาลศิริราช มาหากินกับพสกนิกรผู้จงรักภักดีได้ลงคอ ...

(กรุณาอ่านให้จบก่อนด่า)

ท่านพงศพัศ พงษ์เจริญ ตำรวจหน้าหล่อ ได้กล่าวว่า ที่โรงพยาบาลศิริราช มีเรื่องซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นนั่นคือมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรม และที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นการก่อเหตุในเขตพระราชฐาน

โดยขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วเตือนไปยังแก๊งมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาก่ออาชญากรรมว่า นอกจากจะได้รับโทษสูงสุด' ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ภายหลังถูกจับและดำเนินคดีแล้ว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทำการประจาน' ผู้ที่กระทำผิดด้วย

แม้จะมีเรื่องสิทธิมนุษยชนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นฝ่ายรับเอง เพราะการประกอบอาชญากรรมในเขตพระราชฐานนี้เป็นเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้'

อาชญากรรมในเขตพระราชฐาน' ... แค่ฟังคำนิยามจากท่านพงศพัศแล้วก็รู้สึกขนลุก เหมือนคนที่ไปตกปลาในเขตอภัยทาน ทั้งตกนรกและติดคุก!

กรณีนี้ไม่รู้ว่าจะถึงขั้นประจานให้ถูกรุมประชาทัณฑ์ ... นี่คงคิดมากไป และน่ากลัวเกินไป

แต่ถ้าถูกประจานให้เสียชื่อแซ่ วงศ์สกุล ก็น่าสงสารว่าเขา ครอบครัว คนที่เกี่ยวข้อง จะถูกกระทำ อะไร' ‘เยี่ยงใด' ต่อไปในอนาคต

อืม ... ถึงกับประจานและลงโทษอย่างสูงสุด สิทธิมนุษยชนของคนลักเล็กขโมยน้อยไม่สำคัญเท่ากับการทำร้ายจิตใจคนไทย ที่สำคัญสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นฝ่ายรับเอง แน่นอนอันนี้เข้าใจดี... (เพราะคนกลุ่มใดกันเล่า ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด ;-)

ผมได้คุยเล่นๆ ในประเด็นนี้กับอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีผลงานวิชาการเกี่ยวกับเรื่อง 6 ตุลา และท่านก็ได้กล่าวเล่นๆ ตอบว่า "พวกขโมยไม่ใช่คนไทยแน่นอน อาจเป็นพวกญวนหรือพม่า" ;-)

นั่นอาจเป็นมุมมองในช่วง 30 ปีที่ล่วงเลยมา สำหรับกรณีญวน ส่วนพม่าอาจเป็นกระแสหลังภาพยนตร์บางระจันจนถึงปัจจุบัน และมันยิ่งทำให้คิดถึงต้นมะขามสนามหลวง แรงงานข้ามชาติที่ถูกทารุณ --- ผมรู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างจับจิต

จากคำพูดของอาจารย์ท่านนี้มันชวนให้คิดต่อว่า แน่นอน! คนที่เข้าไปถึงที่นั่นได้ ยังไงมันก็ต้องคนไทยแหละ! แต่เราจะนิยามให้เขาเป็นคนไทยที่ดีไม่ได้ เขาคือคนไทยที่ทำบาปมหันต์ ที่กล้าทำอะไรได้ในพื้นที่ที่นั่น!

ด้านหนึ่งพวกเขาคือคนบาป ที่ไปทำบาปมหันต์แบบไม่มีเหตุผล ณ สถานที่ที่ไม่น่าจะไปทำเลย ให้ตายสิ!

ในขณะที่สื่อไทยพยายามประโคมข่าวการทำความดี แต่กรณีนี้ได้ยืนยันว่า "คนไทยนั้นมีทั้งดีและเลวปะปนกันไปทุกช่วงเวลา" และเราก็ไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างคำหรูที่พรั่งพรูออกมาในช่วงนี้

เหตุการณ์อุกอาจนี้ อีกด้านหนึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่า ในพื้นที่ที่คนไทยอาจจะซาบซึ้งที่สุดที่ได้ไปอยู่ที่ตรงนั้น มีอาหาร มีของแจก แต่กลับมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งอาจจะมีเหตุผลเรื่องปากท้อง ซึ่งพวกเขาอาจจะยังไม่รู้สึกหนำใจกับอาหาร (ที่ไม่การันตีว่าจะได้รับทุกมื้อจากนี้ไป) และสิ่งของ (เล็กน้อย) ที่ได้รับแจกที่นั่น

คนบาปเหล่านั้นอาจจะเป็นตัวแทนของผู้ที่ถูกกระทำจากระบบสังคมไทยที่ไม่จัดสรรอะไรให้เพียงพอเท่ากัน อาทิ การเข้าถึงทุน สวัสดิการพื้นฐานที่มีคุณภาพต่างๆ เป็นต้น

พวกเขาไม่สามารถพัฒนาศักยภาพภายใต้สังคมที่เหลื่อมล้ำมหาศาลนี้ได้ ไม่สามารถไปทำอาชีพ อาทิ กัปตันเครื่องบิน แอร์โฮสเตส หมอ พยาบาล ฯลฯ จึงต้องหันมาเอาดีในสิ่งที่สังคมกำหนดว่ามันเป็นสิ่งชั่ว --- การลักเล็กขโมยน้อย

และสุดท้าย ผมยังติดใจอยู่อย่าง .... คือสงสัยว่าคนบาปเหล่านั้นจะสวมเสื้อเหลืองด้วยรึเปล่า?

 

 

 

 

คลื่นมหาชนล้นศิริราช - ตร.ประกาศจับแก๊งล้วงกระเป๋าได้ประจานไม่ไว้หน้า

21 ต.ค.--ผู้จัดการออนไลน์

 

ประชาชนคนไทยยังคงหลั่งไหลเดินทางมาถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ขาดสาย สมาคมนักวิ่งแห่งประเทศไทยราว 200 คน ร่วมใจวิ่งเฉลิมพระเกียรติในเส้นทางถนนบรมราชชนนี ขึ้นสะพานพระราม 8 มุ่งหน้าไปยัง รพ.ศิริราช เพื่อเป็นการแสดงพลังถวายความจงรักภักดี สำนักพระราชวังพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ 12,000 ใบ ขณะที่ตำรวจประกาศจัดการแก๊งมิจฉาชีพไม่ไว้หน้า จับได้จับประจานให้ได้อาย

เมื่อเวลา 08.30 น.สมาคมนักวิ่งแห่งประทศไทยราว 200 คน ร่วมใจวิ่งเฉลิมพระเกียรติในเส้นทางถนนบรมราชชนนีขึ้นสะพานพระราม 8 มุ่งหน้าไปยัง รพ.ศิริราช เพื่อเป็นการแสดงพลังถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมลงนามถวายพระพร ณ จุดลงนามอาคารศาลา 100 รพ.ศิริราช

09.00 น.ชมรมลูกเสือชาวบ้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จำนวน 20 คน ลงนามถวายพระพร

09.10 น.สมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรมกองตำรวจสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 100 คน เดินทางร่วมลงนาม พร้อมแจกโปสการ์ดพระบรมมฉายาลักษณ์

10.00 น.นายบรรพต โรจรุ่งสัจ เดินทางลงนามถวายพระพร พร้อมทูลเกล้าฯ ถวายพระบรมฉายาลักษ์ ขนาด 15 คูณ 12 นิ้ว จำนวน 32000 ภาพ และ 8 คูณ 10 นิ้ว จำนวน 12,000

ต่อมานางประเทือง อินทร์บำรุง ย่านหนองแขม นำขนมมาแจกเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังที่ดูแลการลงนามถวายพระพร ใต้ถุนอาคาร 100 ปี รพ.ศิริราช

ต่อมานายสรรเสริญ จุฬางกูล ประธานกรรมการกลุ่มซัมมิตคอปอร์เรชั่น น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรถเก้าอี้ไฟฟ้าแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ด้าน นางชูศรี สภาพไทย จ.พระนครศรีอยุทธยา ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปลาตะเพียนเงิน ตะเพียนทอง ซึ่งนางชูศรีเปิดเผยว่า นางเอื้อง สภาพไทย ผู้เป็นมารดา อายุ 75 ปี ผู้ซึ่งป่วยเป็นอัมพาต แต่มีความตั้งใจที่จะถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันนี้จึงเป็นตัวแทนนำปลาตะเพียนฝืมือของแม่มาถวาย

คณะกรรมการจัดงาน เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง จ.นครสวรรค์ นำพระเจ้าพ่อเจ้าแม่ชุมแสงจำนวน 1,580 องค์ แจกจ่ายแก่ประชาชน

ต่อมาคนไทยเชื้อสายจีนกลุ่มบัวขาว เดินทางมาลงนามถวายพระพร จากนั้นก็ได้เดินทางไปที่ลานพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เพื่อสวดมนต์ บทไต๊เส็งกิมกัง เพื่อขอพรพระบรมราชชนกให้ปกปักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงหายจากอาการพระประชวรโดยไว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทนเยาวชนจากโครงการคุณธรรมนำไทยจำนวน 99 คน รวมลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้นได้ไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก และได้รวมกันนั่งสมาธิถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งในค่ำวันนี้กลุ่มเยาวชนดังกล่าวจะเดินทางไปร่วมงานแสง สี เสียง และ สื่อผสม ผ่านจอม่านน้ำ "ลูกของแม่พ่อของแผ่นดิน 80 พรรษานฤบดินของแผ่นดินไทย"ที่สวนเบญจกิตติ จัดโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ในโอกาสปีมหามงคลครบรอบ 80 พรรษา และวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของสมเด็จพระศรีนครินทร์ทรา บรมราชชนนี

11.00 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินมาตรวจสอบความเรียบร้อยที่ รพ.ศิริราช เปิดเผยว่า ในช่วง 2 วันนี้มีเรื่องซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นนั่นคือมีกลุ่มมิชฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรม และที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นการก่อเหตุในเขตพระราชฐาน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วเตือนไปยังแก๊งมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาก่ออาชญากรรมว่า นอกจากจะได้รับโทษสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ภายหลังถูกจับและดำเนินคดีแล้ว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทำการประจานผู้ที่กระทำผิดด้วย แม้จะมีเรื่องสิทธิมนุษยชนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นฝ่ายรับเอง เพราะการประกอบอาชญากรรมในเขตพระราชฐานนี้เป็นเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้

"ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเองก็มีความเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งได้สั่งการกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ พร้อมกันนี้ได้ฝากไปยังประชาชนที่ไปลงนามถวายพระพร ใน รพ.ศิริราช ว่าอย่าได้เกรงใจ เจ้าหน้าที่ทุกนายพร้อมให้บริการแก่ประชาชน หากเกิดเหตุร้ายหรือเหตุสงสัยสามารถแจ้งที่ตำรวจได้ทันที"

เมื่อตอบข้อซักถามว่า พฤติกรรมของแก๊งนี้เป็นอย่างไร โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า กลุ่มมิชฉาชีพกลุ่มนี้ทำเป็นขบวนการ โดยการแฝงตัวเข้ามาในที่ที่มีคนจำนวนมาก และอาศัยช่วงชุลมุนก่อเหตุอาชญากรรม

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า นับแต่วันแรกที่เปิดให้ลงนามถวายมีการก่อเหตุล้วงกระเป๋าแล้ว 7 ราย 3 รายแรก ทราบเบาะแสแล้ว ส่วน 4 รายที่ก่อเหตุวานนี้เชื่อว่าจะมีความเกี่ยวพันธ์กับชุดแรกที่ก่อเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งทำงานและสืบสวนเชื่อว่าจะได้ตัวคนร้ายเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในศิริราช ทางเจ้าที่ตำรวจยังได้ประสานกำลังไปยังตำรวจสันติบาล ในการดูแลรักษาความสงบอีกด้วย

ในส่วนของการจัดการจราจร พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยว่า ได้มีการประชุม ศูนย์การจราจรได้รับรายงานว่า การจราจรเรียบร้อยดี อาจมีการจราจรติดขัดเล็กน้อย แต่สถานการณ์โดยภาพรวมยังคงปกติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือไปยังประชาชนที่มาลงนามถวายพระพร อย่าก่อเหตุอันมิบังควรใดๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง ที่ รพ.ศิริราช ยังคงมีคลื่นสีเหลืองแห่งความจงรักภักดีหนาแน่นอยู่เต็มบริเวณ ศาลาศิริราช 100 ปี ลานพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก โถงอาคารเฉลิมพระเกียรติ และประชาชนที่มาถวายพระพรวันนี้จะมีจำนวนมากกว่าวันธรรมดา คาดว่าจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดราชการ ทำให้มีประชาชนหนาแน่นกว่าปกติ ซึ่งในการนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินตรวจตราความเรียบร้อยปะปนในหมู่ประชาชน เพื่อป้องกันความสงบเรียบร้อยด้วย

นอกจากนี้ นายดิษธร วัชโรทัย ผู้อำนวยการกองงานส่วนพระองค์สำนักพระราชวัง ได้นำพระบรมฉายาลักษณ์พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 1,200 ภาพ มาแจกจ่ายให้แก่ประชาชน โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพชุดจากมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฉลองพระองค์สูทสีเทา ซึ่งเป็นภาพที่พระองค์แย้มพระสรวล โดยการพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ในครั้งนี้ยังความปลาบปลื้มแก่พสกนิกร บางคนถึงกับยกมือไหว้ท่วมหัวน้ำตาคลอ

ทั้งนี้ การแจกพระบรมฉายาลักษณ์แบ่งเป็น 2 ช่วง โดยแจกในช่วงเช้า 6,000 ภาพ ช่วงเย็น 6,000 ภาพ โดยด้านหลังพระบรมฉายาลักษณ์ได้มีบทเพลงพ่อของแผ่นดินเอาไว้ด้วย

 

ที่มา:

http://manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9500000124743

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 หอกหักจูเนียร์  ขณะที่นั่งปั่นข้อเขียนชิ้นนี้ ยังมีสองเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และผมต้องอาศัยการแทงหวยคาดเดาเอาคือ1. การเลือกนายกรัฐมนตรี (จะมีในวันที่ 15 ธ.ค. 2551)2. การโฟนอินเข้ามายังรายการความจริงวันนี้ของคุณทักษิณ (จะมีในวันที่ 13 ธ.ค. 2551)เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวเนื่องกับสองวันนั้นและเหตุการณ์หลังสองวันนั้น ผมขอเน้นประเด็น การจัดการ - การบริหาร "ความแค้น" ของสองขั้ว I ขอแทงหวยข้อแรกคือ ในวันที่ 15 ธ.ค. 2551 หากว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกโหวตให้เป็นนายก และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ขออภัยถ้าแทงหวยผิด แต่ถ้าแทงผิด…
Hit & Run
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ  หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค. พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า “พี่น้องครับ…
Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป…
Hit & Run
  ธวัชชัย ชำนาญ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาร่วมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ" ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทุกคนคงรู้ดีที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายเยอะ  แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความสงบเงียบของบ้านเมืองที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างมากดทับกลิ่นอายของสังคมไทยที่เคยเป็นอยู่กลิ่นอายที่ว่านั้น..เป็นกลิ่นอายของความขัดแย้ง ความเกลียดชังของคนในสังคมที่ถูกกดทับมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บบอร์ด pantipจันทร์ ในบ่อ เชื่อว่าหลายคนคงได้ชมรายการตีสิบเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเชิญ ‘คุณต้น' อดีตนักร้องวง ‘ทิค แทค โท' บอยแบนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังราวสิบปีก่อนมาออกรายการ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่สังคมเรื่องผลเสียจากการใช้ยาเสพติดคุณต้นสูญเสียความทรงจำและมีอาการทางสมองชนิดที่เรียกว่า ‘จิตเภท' จากการใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าและยานอนหลับชนิดรุนแรง จนหลายปีมานี้เขาได้หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงและจดจำใครไม่ได้เลย คุณแม่เคยสัญญากับคุณต้นไว้ว่า หากอาการดีขึ้นจะพามาออกรายการตีสิบอีกครั้งเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต เพราะคุณต้นและเพื่อนๆ…
Hit & Run
  คนอเมริกันและลามถึงคนทั่วโลกด้วยกระมัง ที่เหมือนตื่นจากความหลับใหล พบแดดอ่อนยามรุ่งอรุณ เมื่อได้ประธานาธิบดีใหม่ที่ชนะถล่มทลาย คนหนุ่มไฟแรง ผิวสี เอียงซ้ายนิดๆ ผู้มาพร้อมสโลแกน "เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน และเปลี่ยน" แม้ผู้คนยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนไปสู่อะไร (เพราะอเมริกาไม่มีหมอลักษณ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม) แต่ขอแค่โลกนี้มีหวังใหม่ๆ ความเปลี่ยนแปลงสนุกๆ ก็ทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย ท้องฟ้าสดใสกว่าที่เคยเป็นได้ง่ายๆ   มองไปที่อื่นฟ้าใส แต่ทำไมฝนมาตกที่ประเทศไทยไม่เลิก บ้านนี้เมืองนี้ ผู้คนพากันนอนไม่หลับ ฟ้าหม่น ฝนตก หดหู่มายาวนาน นานกว่าเมืองหนึ่งใน ‘100…
Hit & Run
    ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....
Hit & Run
< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ >หลังจากอ่าน บทสัมภาษณ์ของซูโม่ตู้ หรือจรัสพงษ์ สุรัสวดี ในเว็บไซต์ผู้จัดการรายสัปดาห์ออนไลน์ แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมคือ ความตรงไปตรงมาของจรัสพงษ์ที่กล้ายอมรับว่าตนเองนั้นรังเกียจคนกุลีรากหญ้า ที่ไร้การศึกษา โง่กว่าลิงบาบูน รวมไปถึง “เจ๊ก” และ “เสี่ยว” ที่มาทำให้ราชอาณาจักรไทยของเขาเสียหาย เป็นความตรงไปตรงมาของอภิสิทธิ์ชนที่ปากตรงกับใจ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่คงไม่ได้ยินจากปากนักวิชาการ หรือนักเคลื่อนไหวคนไหน (ที่คิดแบบนี้) (เดี๋ยวหาว่าเหมารวม)
Hit & Run
  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านไป ความวุ่นวายในเมืองหลวงเริ่มคลีคลาย แต่ความสับสนและกลิ่นอายของแรงกดดันยังบางอย่างภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองยังคงคลุกรุ่นอยู่ไม่หาย... ไม่รู้ว่าน่าเสียใจหรือดีใจที่ภารกิจบางอย่างทำให้ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ก่อนหน้าเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เรียกกันว่า "7 ตุลาทมิฬ" เพียงข้ามคืน สิ่งที่เกิดขึ้นในความทรงจำจึงเป็นเพียงอีกเรื่องราวของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ถึงข้อมูลที่แน่ชัดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดจากอะไร เพราะใครสั่งการ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น อย่างไร ฯลฯ คำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ   …
Hit & Run
   (ที่มาภาพ: http://thaithai.exteen.com/images/photo/thaithai-2550-11-4-chess.jpg)หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความขัดแย้งทางชนชั้น การปะทะกันระหว่าง "ความเชื่อในคุณธรรม vs ความเชื่อในประชาธิปไตย" เริ่มปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ และได้ก่อให้เกิดความรุนแรงจากมวลชนทั้งสองกลุ่มฝั่งคุณธรรม อาจเชื่อว่า หากคนคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีแล้ว เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมในขณะนี้คือ จริยธรรมของคนที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดั้งนั้น จึงพยายามกดดันให้นักการเมืองเข้ากรอบระเบียบแห่งจริยธรรมที่ตนเองคิด หรือไม่ก็ไม่ให้มีนักการเมืองไปเลยฝั่งประชาธิปไตย อาจเชื่อว่า…
Hit & Run
Ko We Kyawเมื่อวันเสาร์ สัปดาห์ก่อน มีการจัดงาน ‘Saffron Revolution, A Year Later' ที่จัดโดยคณะผลิตสื่อเบอร์ม่า (Burma Media Production) หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรำลึกถึง 1 ปี แห่งการปฏิวัติชายจีวร นอกจากการเสวนาและการกิจกรรมเพื่อเป็นการรำลึกแล้ว ภาคบันเทิงในงานก็มีความน่าสนใจเพราะมีการแสดงจากคณะตีเลตี (Thee Lay Thee) ที่มีชื่อเสียงจากพม่าการแสดงในวันดังกล่าว เป็นการแสดงในเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี 2551 หลังจากเคยจัดการแสดงมาแล้วในเดือนมกราคม และการแสดงการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิส เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในพม่า…
Hit & Run
  ขุนพลน้อย       "ผมรู้สึกภูมิใจยิ่งที่สามารถคว้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย แต่ก็แอบน้อยใจบ้างที่เงินอัดฉีดของพวกเราจากรัฐบาลน้อยกว่าคนปกติ นี่ถ้าได้สักครึ่งหนึ่งของพวกเขาก็คงดี"น้ำเสียงของ ‘ประวัติ วะโฮรัมย์' เหรียญทองหนึ่งเดียวของไทย ในกีฬา ‘พาราลิมปิกเกมส์ 2008' หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2551 เป็นไปอย่างมุ่งมั่นระคนทดท้อการต้อนรับนักกีฬาในหมู่คนใกล้ชิดและในวงการมีขึ้นอย่างอบอุ่น แต่ความไม่เท่าเทียมกันเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาที่ได้รางวันใน ‘โอลิมปิก' คงเป็นภาพที่สะท้อนมองเห็นสังคมแบบบ้านเราได้ชัดเจนขึ้น…