Skip to main content
 

คิม ไชยสุขประเสริฐ

 

ข่าวคราวในวงการกีฬา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา คงเป็นที่จดจำสำหรับคนไทยที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลหรือเป็นนักเชียร์ตัวยงสำหรับกีฬาต่างๆ ที่ลงท้ายด้วยทีมชาติไทยพ่ายทีมชาติเวียดนาม 1-2 ประตู ในฟุตบอลอาเซียน ซูซูกิ คัพ 2008  รอบชิงชนะเลิศนัดแรก ซึ่งจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยเกมนี้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมตรี เดินทางไปเชียร์ทีมไทยถึงขอบสนาม

 

เรียกได้ว่าเป็นการแพ้กันคาบ้าน

 

   

 

โดยรายงานข่าวสรุปเกมส์การเล่นเอาไว้ว่า

 

"ครึ่งแรกทีมไทยเกือบได้ประตูขึ้นนำหลายครั้ง แต่ผู้รักษาประตูเวียดนามโชว์ซูเปอร์เซฟไว้ได้ จนกระทั่งนาทีที่ 39 เวียดนามได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะโต้กลับ และเป็น เหงียน เหวียง กง โหม่งเข้าไป ถัดมาอีก 3 นาทีทีมไทยต้องมาเสียประตูที่ 2 จากจังหวะโต้กลับเช่นเดิม และเป็น เล คอง วิน ที่ยิงเข้าไป จบครึ่งแรกทีมไทยตามหลังเวียดนาม 0-2 ประตู"

 

"ครึ่งหลังทีมไทยเน้นเกมรุกมาขึ้นแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ดีพอและเกือบเสีย ประตูที่ 3 เช่นกัน แต่แล้วในนาทีที่ 75 รณชัย รังสิโย ตัวสำรอง ที่เพิ่งลงสนามไปแทน ธีรเทพ วิโนทัย ได้เพียงแค่นาทีเดียว สามารถโหม่งให้ทีมไทยไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 ประตู หลังจากนั้นทีมไทยโหมบุกอย่างหนักและนาทีที่ 79 ไทยน่าได้ประตูตามตีเสมอจากธีรศิลป์ แดงดา ยิงเข้าไปแต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้า ทำให้แฟนบอลชาวไทยไม่พอใจ จบเกมทีมไทย พ่าย เวียดนาม คาถิ่น 1-2 ประตู"

 

000

 

แม้จะเป็นคนที่ไม่ได้นิยมชมชอบกีฬาประเภทนี้สักกี่มากน้อย แต่ก็แอบลุ้นระทึกไปกับการแข่งขัน และคิดว่าหลังเหตุการความวุ่นวายในบ้านเมืองได้สงบลง (บ้างแล้ว) พร้อมกับการได้นายกฯคนใหม่ที่อาจเป็นทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจของใครหลายๆ คน กีฬาจะช่วยเป็นยาวิเศษที่จะทำให้หัวใจคนไทยได้กระชุ่มกระชวย โดยเฉพาะถ้าชนะก็ยิ่งเป็นของขวัญรับเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้

 

เพราะเมื่อดูจากฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา ตั้งแต่การแข่งขันฟุตบอลอาเซียน ซูซูกิ คัพ 2008 รอบแรกของกลุ่ม B (ทีมชาติไทย ในฐานะเจ้าภาพร่วม อยู่ร่วมกลุ่มกับทีมชาติเวียดนาม มาเลเซีย และลาว) ที่สนามสุระกุล จังหวัดภูเก็ต ระหว่างทีมชาติไทย กับทีมชาติเวียดนาม ผลการแข่งขันทีมไทยเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 2-0 และในการแข่งขัน นัดต่อๆ มา ไทยก็ได้รับชัยชนะจนได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ทำให้คนเชียร์ต่างคาดหวังกันว่าทีมไทยจะได้รับชัยชนะแบบลอยลำ

 

อย่างไรก็ตามสำหรับนักดูบอลหลายๆคนยังคงมีความหวัง การแพ้ในนัดแรกนี้ถือเป็นเพียงการอุ่นเครื่องให้คนดูได้ลุ้นกันสนุกขึ้นกับเกมส์การแข่งขันนัดต่อไปอย่างดุเด็ดเผ็ดมันมากขึ้น เพราะทีมไทยยังมีโอกาสแก้ตัวอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 วันที่ 28 ธันวาคมนี้ ที่สนามกีฬาแห่งชาติเวียดนามหมีดิงกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

 

ถือเป็นนัดชี้ชะตาที่ผู้ชมก็คงต้องคอยลุ้นกันต่อไปว่า นักฟุตบอลทีมชาติไทยจะคว้าชัยชนะมาให้คนไทยมาชื่นชมได้หรือไม่

 

000

 

สิ่งที่น่าสนใจไปกว่าการแพ้หรือการชนะในการแข่งขันนัดนี้ คือเรื่องความก้าวหน้าของวงการฟุตบอลทีมชาติไทย ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 และบริหารทีมโดยสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ แม้ในปัจจุบัน ทีมชาติไทยยังไม่มีผลงานที่โดดเด่นในระดับโลกหากวัดจากการไม่เคยผ่านเข้ารอบไปฟาดแข้งในการแข่งขันฟุตบอลโลก แต่ทีมชาติไทยก็เคยได้เข้าร่วมแข่งในกีฬาโอลิมปิก 2 ครั้ง ล่าสุดในฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก ทีมไทยผ่านเข้าสู่รอบที่ 3 โดยจับฉลากแข่งสายเดียวกับ ญี่ปุ่น โอมาน และ บาห์เรน

 

ส่วนในระดับทวีปเอเชียนั้น ทีมชาติไทย เคยได้อันดับสูงสุดคืออันดับที่ 3 ในเอเชียนคัพ 1972 ในปี พ.ศ. 2515 ที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพ และในเอเชียนเกมส์ ทีมไทยได้เข้าร่วม 4 ครั้ง โดยได้อันดับสูงสุดคือได้เข้าร่วมในรอบสี่ทีมสุดท้าย

 

หันมาดูการแข่งขันในระดับภูมิภาคอาเซียนบ้าง ทีมชาติไทยเป็นแชมป์ซีเกมส์ 13 ครั้ง อาเซียนฟุตบอลแชมเปียนชิพ 3 ครั้ง และคิงส์คัพที่จัดขึ้นในประเทศไทย 12 ครั้ง ล่าสุดทีมชาติไทยได้เหรียญทองในซีเกมส์ 2007 หลังจากชนะทีมชาติพม่า 2 ประตูต่อ 0

 

จึงอาจเรียกได้ว่าในระดับภูมิภาคฟุตบอลทีมชาติไทยเรียกได้ว่าเป็นดาวเด่นดวงหนึ่ง หรืออาจเรียกได้เลยว่าเป็นพี่ใหญ่ในวงการฟุตบอลระดับอาเซียน แต่ในระยะหลังมานี้เมื่อการเมืองและการพัฒนาในประเทศรอบๆเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นฝีเท้าของนักเตะเพื่อนบ้านดูเหมือนมีพัฒนาการอย่างค่อนข้างรวดเร็ว สำหรับประเทศไทยแล้วหากไม่มีการพัฒนาระบบในวงการกีฬาเพื่อเพิ่มศักยภาพและฝีมือ ในไม่ช้าความเป็นหนึ่งหรือความเป็นพี่ใหญ่ในวงการฟุตบอลระดับอาเซียนของไทยอาจหลุดลอยไปได้ ยิ่งในหลายประเทศที่อดีตเคยตามหลังในด้านการกีฬา ขณะนี้พากันหันมาแข่งขันกันพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา มีเงินอุดหนุน การสนับสนุนการสร้างนักกีฬาอาชีพ และพัฒนาอย่างเป็นระบบจนลีคหลายลีคก็กลายเป็นตลาดที่นักเตะไทยต้องหันไปค้าแข้งมากมาย

 

เลยแอบอดหวั่นใจเล็ก หากเรายังรอเป็นหมีนอนกิน เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของชาติมากกว่าความใส่ใจ ความพ้ายแพ้อาจบวกความล้าหลังจนอาจยากเกินกว่าจะแก้ไขทัน

 

000

 

ลองมาเปรียบเทียบกับแวดวงฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม ในรอบหลายปีที่ผ่านมาสื่อโลกกีฬารายงานถึงทิศทางการพัฒนามาโดยตลอด(ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและอื่นๆด้วย) ล่าสุดจากการจัดอันดับโดยฟีฟ่า (เว็บไซต์ฟีฟ่า ข้อมูล ธันวาคม 2551) เวียดนาม อยู่ในอันดับที่ 155 ของโลก และเป็นทีมอันดับ 4 ในสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน รองจาก อินโดนีเซีย (อันดับโลก 139) สิงคโปร์ (อันดับโลก 132) และไทย (อันดับโลก 126, อันดับในทวีปเอเชีย 16) ซึ่งขณะนี้เป็นอันดับ 1 ในสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน โดยอันดับสูงสุดจากการจัดอันดับโดยฟีฟ่าที่ทีมชาติไทยเคยได้รับ คือ อันดับที่ 43 ในปี 2541

 

ประวัติศาสตร์ทีมชาติเวียดนาม ภายหลังจากเวียดนามแบ่งประเทศเป็นเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ ทำให้มีทีมชาติเกิดขึ้นสองทีม แต่เวียดนามเหนือไม่ค่อยมีผลงานในทางฟุตบอลเท่าไร จะเล่นกับทีมอื่นๆในชาติคอมมิวนิสต์เป็นสำคัญ ช่วง พ.ศ. 2499 - พ.ศ. 2509 แต่เวียดนามใต้ได้ร่วมเล่นในเอเชียนคัพและได้อันดับ 4 สองครั้ง และในปี พ.ศ. 2534 ทีมชาติเวียดนามได้ตั้งขึ้นภายหลังจากที่สองประเทศได้รวมกัน โดยรวมทีมเวียดนามเหนือเข้ามา

 

หลังจากนั้นไม่ถึงสิบปี ทีมชาติเวียดนามก็เริ่มสร้างความคร้ามเกรงให้ทีมอื่นๆร่วมภูมิภาคได้ โดยเฉพาะทีมชาติไทยกับทีมชาติอินโดนีเซียถึงกับพยายามแข่งกันแพ้ในการแข่งขันไทเกอร์คัพ 1998 ที่โฮจิมินห์ซิตี ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2541 เนื่องจากขณะนั้นทั้งสองทีมเข้ารอบรองชนะเลิศแน่นอนแล้ว แต่ผู้ชนะซึ่งจะเป็นที่หนึ่งของกลุ่ม A จะต้องเดินทางไปแข่งในรอบรองชนะเลิศกับ "ทีมชาติเวียดนาม" ที่ฮานอยในวันชาติเวียดนาม

 

วันนั้นครึ่งแรกไทยและอินโดนีเซียต่างฝ่ายต่างพยายามไม่ยิงประตู แต่หลังจากมีการพูดคุยกันระหว่างกรรมการและโค้ช ครึ่งหลังจึงทำประตูได้ทีมละสองประตู จนกระทั่งใกล้หมดเวลา นักเตะของอินโดนีเซียยิงเข้าประตูตัวเอง ทีมชาติไทยจึงชนะไป 3: 2 ประตู แต่ความอัปยศของการแข่งขันนัดนี้ทำให้ทั้งสองทีมถูกปรับเป็นเงิน 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ

 

เพราะความน่ากลัวของทีมชาติเวียดนามมีจริง และเป็นความน่ากลัวที่ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นความพยายามบวกตั้งใจไม่ว่าจะเป็นในส่วนผู้สนับสนุน ทีมผู้ฝึกสอน หรือตัวนักกีฬาเอง แม้ในปัจจุบันทีมชาติเวียดนามยังไม่มีผลงานระดับโลกหรือระดับเอเชียเท่าไรนัก แต่ในระดับอาเซียนก็คว้ารองชนะเลิศในไทเกอร์คัพมาแล้ว และในอนาคตเส้นทางการเติบโตกำลังรอพวกเขาอยู่

 

000

 

ทั้งหลายทั้งแหล่ที่ว่า (และหาข้อมูล) มา ไม่ได้ต้องการตอกย้ำความพ่ายแพ้ของทีมชาติไทย (หากถูกใครนำไปโยงกับการเมืองด้วยก็ไม่ได้ตั้งใจสร้างความไม่สมานฉันท์ให้เกิดแก่คนในชาติ) แต่อยากเพียงให้มองความพ่ายแพ้ที่เป็นบทเรียนของวันข้างหน้าซึ่งไม่ใช่เฉพาะในการกีฬา เพราะกว่าไทยจะเดินทางมาถึงวันนี้ได้ก็อาศัยทั้งความพยายาม หมั่นฝึกฝน สั่งสมประสบการณ์ หรือทั้งช่วงชิงบ้าง จึงไม่อยากให้สูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปในวันนี้โดยที่เราหยุดนิ่งเสียเอง

 

ที่ผ่านมาบ้านเมืองของเราต้องหยุดชะงักเพราะความวุ่นวายภายในกันมากเกินพอแล้ว วันนี้ถึงเวลาเสียทีประเทศต้องตื่นจากหลับและลุกขึ้นมาก้าวเดินหน้ากันเสียที อย่าคิดว่าเรามีดีจนไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะนั่นมันแค่การปลอบประโลมตัวเองกันไปวันๆ

 

แต่ยังอยากให้มีพรดีๆ มาเป็นของขวัญกำลังให้คนไทยเวลานี้กันสักข้อ นัดหน้าเลยขอเชียร์ให้ทีมชาติได้รับชัยชนะอีกครั้งค่ะ

 

 

......................

ข้อมูลจาก

 

วิกิพีเดีย

http://www.fifa.com/worldfootball/ranking/lastranking/gender=m/fullranking.html#confederation=25998&rank=167

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาในเกมช่วงชิงพื้นที่สื่อ กลยุทธ์หนึ่งก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เป็นข่าว ส่วนฝ่ายตนนั้น ต่อให้เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายแต่ถ้าได้พื้นที่ข่าวก็ถือว่าได้เปรียบใน ระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยก็พอทำให้ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่คุ้นหูอยู่ในความจดจำ ดีกว่าเป็นบุคคลโนเนมที่ไม่มีใครรู้จักเช่นเดียวกัน ช่วงนี้ ดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีพูดอะไร ให้สัมภาษณ์ว่าอะไร สื่อมักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ สังเกตได้ว่าเวลาอ่านหรือฟังข่าวในเวลานี้ ผู้สื่อข่าวจะหยิบคำพูดของนายกรัฐมนตรีมาเปิดเผยแบบยาวๆพูดแบบตามตำรา ก็คือ แหล่งข่าวเป็นผู้นำในรัฐบาล พูดอะไรก็ย่อมเป็นข่าวอยู่แล้ว…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง"ไปตายให้หนอนแดกเถอะ..ไป๊"ผมกำลังหาคำพูดที่ถ่ายทอดความคิดของคนบางคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ แม้อำนาจของเขาจะยึดโยงจากการเลือกตั้งด้วยการกากบาทของเรา กระนั้นก็เถอะ..เท่าที่รู้สึกได้ เขาอาจกำลังอยากบอกกับคุณด้วยถ้อยคำแบบนี้ อาจเป็นการบอกกล่าวที่ซ่อนถ้อยความหิวกระหายมาช้านานแล้ว ตั้งแต่อำนาจถูกกระชากไปจากมือ และที่เขาบอกแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขากำลังมองคุณเป็นเพียง ‘มดปลวก' อันอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์โดยเฉพาะถ้าคุณป่วยหรือไม่สบาย มันจะยิ่งสะท้อนความอ่อนแอไร้ประโยชน์เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากไปกว่านั้น หากโชคร้าย…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ เสาร์ที่ผ่านมา มีงานประชุมชื่อ Barcamp Bangkok จัดขึ้นที่ร้าน Indus สุขุมวิท 26 งานนี้ งานนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นงานที่มีผู้จัดมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะผู้ร่วมงานหลายคนมากันแต่เช้าเพื่อช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้ แปะป้าย บางคนทำสมุดทำมือมาแจก หลายคนเตรียมหัวข้อพร้อมสไลด์มาพูดในงาน ------------------------------------- http://www.flickr.com/photos/poakpong http://www.flickr.com/photos/plynoi ทันทีที่งานเริ่ม กระดาษแผ่นแล้วแผ่นแล้ว ถูกทยอยนำไปแปะบนกระจกของร้าน ว่ากันว่า หัวข้อที่พูดกันในงาน มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับเว็บแอพพลิเคชันใหม่ๆ เทคโนโลยีโอเพนซอร์ส…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่งด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ขนาบไปด้วยทะเลยาวเหยียด เหมาะเป็นเส้นทางขนส่งวัตถุดิบสารพัด ประจวบฯ จึงเป็นที่หมายตาของโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าโรงไฟฟ้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไม่เห็นด้วยกับโครงการเหล่านี้ ก็นับเป็นความอาภัพของชีวิต เพราะภูมิศาสตร์แบบนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้คัดค้านกับรัฐหรือทุนขนาดใหญ่กันไม่หยุดหย่อน ไม่โครงการนั้น ก็โครงการนี้ และไม่รู้ว่าด้วยความอาภัพนี้หรือไม่ที่ทำให้ขบวนการประชาชนที่นี่ ‘แข็งแกร่ง' จะว่าที่สุดในประเทศก็คงไม่ผิดนัก ล่าสุด มีการต่อสู้คัดค้านโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ซึ่งเป็นโครงการขนาดมหึมา ที่จะไปลงในพื้นที่แม่รำพึง…
Hit & Run
ตติกานต์ เดชชพงศคงรู้กันหมดแล้วว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีถูกยึด และต่อจากนี้ ทีวีช่องนี้จะไม่มีรายการบันเทิง ‘ไร้แก่นสาร' อีก จะมีก็แต่รายการที่มีประโยชน์ สร้างสรรค์สังคม มีคุณค่า ประเทืองปัญญากว่ารายการทีวีแบบเดิมๆๆๆๆ ฯลฯ แล้วทีวีช่องนั้นก็ถูกเรียกเสียใหม่ว่า ‘ทีวีสาธารณะ' ในฐานะประชาชนคนหนึ่งซึ่งเติบโตมากับสิ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ‘รสนิยมสาธารณ์' ไม่ว่าจะเป็น ละครน้ำเน่า (ผ่านยุคของ พจมาน สว่างวงศ์, ดาวพระศุกร์ หรือ โสรยา ใน ‘จำเลยรัก' มามากกว่าหนึ่งยุค!) รวมถึงเกมโชว์ที่ ‘ได้รับแรงบันดาลใจ' มาจากต่างประเทศ และการ์ตูนญี่ปุ่นที่เอะอะก็ต่อสู้กัน (แม้แต่การ์ตูนแมวหุ่นยนต์ ‘โดราเอมอน'…
Hit & Run
  วิทยากร  บุญเรืองกลุ่ม แบ๊คซ้าย' มิถุนาฯ   23 ธันวาคม 2550...เป็นอีกวาระหนึ่งที่เราจะต้องออกไปช่วยเพื่อนรัก ‘นักการเมือง' (กลุ่มคนที่ถูกประณามมากที่สุดในสังคมไทยปัจจุบัน)สื่อต่างๆ ชอบที่จะกระแซะแซวว่า นักการเมืองมักจะมืออ่อนนอบน้อมกราบไหว้ประชาชนเสมอในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งมันก็ถูก แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน คนอีกบางจำพวกนั้น ‘ไม่มี' ช่วงเวลาพิเศษไหนเลยที่จะลงมาไหว้กราบกรานขอคะแนนจากประชาชน หนำซ้ำพวกเรากลับต้องกราบกรานไหว้เขาอยู่เป็นกิจวัตรใครล่ะน่าเกลียดกว่ากัน? สำหรับวาระสำคัญก่อนการเลือกตั้ง การรณรงค์ไม่ให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทำนองที่ว่า ‘…
Hit & Run
   พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจใครที่ไม่ได้มาเชียงใหม่หลายปี หากมาเยือนปีนี้ คงผิดหูผิดตาเลยทีเดียวไม่ใช่แค่งานพืชสวนโลก ไม่ใช่แค่ ‘ช่วง ช่วง' หรือ ‘หลิน ฮุ่ย' ไม่ใช่แค่ร้าน ‘ไอเบอรี่' ของโน้ต อุดม ที่ทำให้ ‘หน้าตา' เมืองเชียงใหม่เปลี่ยนไปหากแต่ยังมีเจ้าสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ที่ชื่อว่า ‘ทางลอด' ผุดขึ้นทุกมุมเมือง ซึ่งเบื้องหลังของมัน ยังมีเรื่องราวอันยาวนานของการพัฒนา ‘เมือง' อีกด้วย!หลายปีมานี้ ยวดยานใน จ.เชียงใหม่ ต้องประสบกับความทุลักทุเลในการข้ามสี่แยก เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างทางลอดแยก ผุดขึ้นบนถนนสายหลักของเมืองเชียงใหม่ เช่น การก่อสร้างทางลอด 7 แห่ง บนถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี…
Hit & Run
"ต้นตอของปัญหาใหญ่ๆ ในสังคม พบว่าเรื่องหนึ่งคือ คนที่เป็นเจ้าของปัญหาไม่มีช่องทางส่งเสียงของตัวเองในช่องทางสื่อสารมวลชน ยิ่งวิทยุและทีวีนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง พื้นที่ของคนเดือดร้อน ถูกเบียดออกมาบนท้องถนนที่ออกมาประท้วงให้คนเมืองใหญ่รำคาญ" 
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์หลังจากได้อ่านข้อความในหนังสือที่ คมช. ส่งถึงคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ของ กกต. ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบว่า หนังสือ ซึ่งออกโดย คมช. (สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐) นั้น เข้าข่ายความผิดฐาน เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ หรือไม่ เพื่อขอให้ทบทวนบทบาทของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากการออกหนังสือฉบับดังกล่าวของ คมช.เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว ก็เกิดความรู้สึก ‘สบายใจ'…
Hit & Run
   ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นเรื่องปกติในสังคมการเมืองแบบไทยๆ เมื่อมีบางคนใน ‘ตองหนึ่ง' อดีตผู้บริหารไทยรักไทยเรียกร้องในสิทธิความเป็นมนุษย์ที่พึงมีต่อองค์กร ‘ไม่ใช่พ่อ' และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อขอให้เข้ามาดูแลสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยยุ่งเกี่ยวการเมืองทุกรูปแบบกรณี ซึ่งอาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการพูดและแสดงออก แทบฉับพลันทันทีนั้น เสียงแขวะฝอยเลาะตะเข็บก็ดังควากออกมาอย่างหยามหยันมากมายตามหน้าสื่อต่างๆเมื่อตามรอยตะเข็บที่เลาะไป ใช่จะไม่มีมูล…
Hit & Run
"ความพยายามสร้างกติกาอันบิดเบี้ยวตลอดปีกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้ ‘ผี' ยิ่งน่ากลัวสำหรับคนที่กลัว และยิ่งน่าพิสมัยสำหรับผู้ที่ไม่กลัว และผู้ที่ไม่กลัวส่วนใหญ่นั้นแม้จะอยู่ห่างไกล ไร้อำนาจ แต่ก็สามารถแสดงพลังเงียบของตนได้อย่างมีนัยสำคัญ"  ภาพจาก dschild.exteen มุทิตา  เชื้อชั่ง ผมเป็นคนกลัวผีมากจนแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลัวผี และรู้สึกว่าสังคมไทยกำลังกลัว ‘ผี' อย่างหนัก ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือ จากที่เคยมีคำอธิบายมากมายว่าทำไมจึงต้องกลัว ‘ผี' หรือไล่ ‘ผี' แต่นานวันเข้า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ความกลัว ‘ผี'…
Hit & Run
ภาพจาก http://www.kathmandu-bkk.com/คิม ไชยสุขประเสริฐช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหายุ่งยากใจกันอยู่นิดหน่อยในออฟฟิศ เรื่องการทำเสื้อทีมว่าจะเอาแบบไหน-สีอะไร ที่ยังไงก็ไม่ลงตัวสักที เพราะสีแต่ละสีตอนนี้ถูกนำเอาไปทำสัญลักษณ์ของกลุ่มต่างๆ กันไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแม่สีอย่าง สีแดง สีเหลือง หรือสีขั้นสองอย่างสีเขียว สีส้ม หรือสีม่วง