Skip to main content

มุทิตา เชื้อชั่ง


วันเด็กปีนี้ แม้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่ก็อยากจะให้คำขวัญ คำอวยพรกับเด็กๆ บ้าง... มีฟามสุขมั่กๆ อย่าแสบให้มากนักนะตัวเอง...

 

ปีนี้มหกรรมวันเด็กค่อนข้างคึกคัก ข่าวคราวต่างๆ ถูกรายงานเยอะแยะมากมายตามประสาบ้านเมืองที่สงบสุขแล้ว...ชิลๆ สังเกตได้ง่ายๆ เพราะเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ (ยิ่งดราม่าๆ หน่อยยิ่งเจ๋ง) มักจะมีสีสันอยู่ในกระแสมากเป็นพิเศษเสมอ

 

คำขวัญวันเด็กที่ทั่นนายกฯ "อภิสิทธิ์" ให้ในปีนี้ เด็กจริง เด็กโข่ง ต่างก็รู้กันทั่วหน้าแล้ว นั่นคือ "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"

 

ไม่รู้ว่าเด็กยุคดิจิตอลรุ่นนี้คิดยังไง...

 

ถ้าดูคำขวัญที่นายกฯ ของเมืองไทยให้ไว้แต่ละปีจนแม้ปีล่าสุดแล้วมันช่างน่าปวดเฮด ก็มันทั้งสุดแสนจะเชย แล้วยังสั่งให้เป็นอย่างนู้นอย่างนี้อยู่เรื่อย

 

ไม่เชื่อลองไล่มาตั้งแต่ยุคที่เขาว่ากันว่า "เผด็จการ" สมัยแรกที่มีคำขวัญวันเด็กคือปี 2499 ช่วงนายกฯ ป.พิบูลสงคราม-สฤษดิ์-ถนอม ทั่นๆ บอกว่าให้เรา "จง" บำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนร่วม, รักความก้าวหน้า, อยู่ในระเบียบวินัย, ประหยัด, รักชาติ, สามัคคี บรา บรา บรา... แม้กระทั่งสั่งให้จงรักความสะอาดก็มีด้วย !

 

หลังจากนั้น ก็จะวนๆ อยู่ที่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์ สามัคคี มีคุณธรรม ใฝ่ความรู้ (และจงฉลาดด้วย ห้ามโง่ !) สืบสานวัฒนธรรมไทย (ยิ้มกับไหว้มั้ง) อะไรเทือกนี้ สมัยทั่นนายกฯ ชวน ก็จะมีเรื่องรักสิ่งแวดล้อมเข้ามาหน่อย แน้ เก๋ก่อน อัล กอร์ !

 

คำขวัญส่วนใหญ่จะคล้องจอง แต่ไม่คล้องจองก็มี นายกฯ ที่แต่งคำขวัญไม่คล้องจองมากที่สุดคนหนึ่งเห็นจะเป็น ทั่น ทักษิณฯ "รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน" เออแฮะ มีรับประกัน ! กระนั้นจะว่าไปก็ยังดูเป็นเวอร์ชั่นที่ "เด็ก" สุดแล้ว ในบรรดาคำขวัญทั้งหลายเพราะละทิ้งคำเก่าตามขนบ และสร้างคำใหม่ๆ ขึ้นมาบ้าง เช่น เทคโนโลยี เล่นให้ได้ความรู้

 

ถ้าฟังผ่านๆ ชิลๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากก็โอเค แต่ถ้าเป็นเด็กคึกฤทธิ์ (คิดลึก) ก็คงจะพอเห็นว่า ผู้ใหญ่ในสังคมไทยเขามีคอนเซ็ปท์ความคิดอยู่ไม่กี่ชุดสำหรับเด็กๆ บ้างเน้นที่ "เด็กดี" บ้างเน้นที่ "เด็กเก่ง" บ้างโลภมากเอาทั้งเด็กดีและเด็กเก่ง

 

...เสียใจด้วยสำหรับเด็กเลว เด็กแสบ เด็กขี้เกียจ เด็กจอมป่วน เด็กดื้อ เด็กโง่ เด็กบ้า เด็กมีปัญหา เด็ก...ฯลฯ ที่ถูกเขี่ยตกเวทีโลกไป

 

สิ่งออกมาจากปากผู้นำ สื่อ หรืออะไรก็ตามแต่ ล้วนเป็นจินตภาพ ค่านิยม "ความดีงาม" แบบที่ไม่ยอมรับความจริงที่อาจไม่ดี และไม่งามของมนุษย์ ที่สำคัญมันไม่ได้เข้าใจเด็กๆ ในฐานะมนุษย์ตัวน้อยที่ต้องการเรียนรู้ทุกด้านของโลกเห่ยๆ ใบนี้เอาเสียเลย โดยเฉพาะรัฐบาลปัจจุบัน ทั่นเป็นห่วงเด็กๆ มาก มีนโยบายเน้นคุณธรรม ศีลธรรมออกมาเยอะแยะมากมาย

สื่อที่เด็กๆ ใช้เยอะที่สุดอย่างหนึ่งอย่างเว็บไซต์ ก็ถูกบล็อกจนเหี้ยนเต้และกำลังจะตามติดมาอีกมากหลาย ด้วยแว่น ด้วยมาตรฐาน ด้วยไม้บรรทัด ของ "ผู้ใหญ่" และ "รัฐศีลธรรม & จงรักภักดีสุดโต่ง" จนมีเด็ก (โข่ง) บ้าคอมฯ คนหนึ่งโพสต์คำวิงวอนต่อนายกฯ หน้าหล่อ "อยากให้เลิกบล็อกเว็บ เดือดร้อนเด็กๆ please" (http://thaikid.in.th/node/88)

 

ข้อสรุปของพวกผู้ใหญ่ก็ดูจะมีปัญหาอยู่เหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าแก่กว่าเราตั้งหลายปี ยังคิดอะไรง่ายๆ อยู่เลย เด็กเก่งในวันนี้อาจไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่เก่งในวันหน้าก็ได้ เด็ก "ดี" ในวันนี้ อาจไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้าก็ได้ ชีวิตมันซับซ้อนกว่านั้นตั้งเยอะ ที่สำคัญ เด็กดีที่ผู้ใหญ่นิยาม แปลความตรงไปตรงมาได้อีกอย่างว่า "เด็กเชื่อง" สั่งก็อะไรก็ทำตาม บอกอะไรก็เชื่อ เชื่อ เชื่อจนเคยชินและไม่เคยคิดตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์กับสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่นนั้นแล้ว บางทีการเป็นเด็กมีปัญหาก็น่าสนุกกว่ากันแยะเลย !!

 

ท้ายที่สุด อยากฝากน้องๆ หนูๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กพันธุ์ไหน ให้ไปขอร้องคุณครูช่วยเขียนเฟรนด์ชิบก่อนจบ หรือเขียนบทกวี อะไรก็ได้เก็บไว้บ้างเผื่อฟลุ้ค เพราะในอนาคตอาจกลายเป็นบทกวีแห่งปี เหมือนกับที่ทั่นนายกฯ อภิสิทธิ์ ได้นำเสนอบทกวีของคุณครูที่สอนตอนป.6 มาให้หนูๆ ได้อ่านกัน (เพื่อ....?)

 

ว่าไปก็เสียดาย เพราะตอนป.6 นอกจากครูจะไม่แต่งบทกวีเป็นที่ระลึกให้แล้ว ยังมักป่าวประกาศก้องห้องเรียนเป็นประจำด้วยว่า "ไอ้แห้ง นี่ลอกการบ้านเพื่อนมาส่งครูอีกแล้วเร้อออ"   - -"

 

 

 

 

 

กลอนครูชม"..อภิสิทธิ์" เห็นแวว"ผู้นำ" ตั้งแต่ป.6

ที่มา:  เว็บไซต์มติชน

 

เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบรางวัลเยาวชนดีเด่น เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2552 นายอภิสิทธิ์ได้มอบสำเนากลอนที่ครูเคยเขียนให้สมัยเรียนอยู่ชั้น ป.6 ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2519 มาร่วมในนิทรรศการวันเด็ก ความว่า       

        

อภิสิทธิ์ มาร์ค อภิสิทธิ์...                            ครูเคยคิดใฝ่ฝัน อย่างมั่นเหมาะ         

อยากได้ศิษย์เช่นเธอ เพ้อเฉพาะ                  เกินจักเสาะสืบหา กลับมาพบ         

เธอมีแววแพรวเพริศ บรรเจิดจ้า                    คมความคิดแกล้วกล้า มาบรรจบ         

กับปัญญาเข้มข้น ครันครบ                          ครูคงพบคนดี ศรีอยุธย์         

ชาติต้องการผู้นำ มีอำนาจ                           ผู้เก่งกาจเกรียงไกร ใสพิสุทธิ์         

ผู้ชนะกิเลสร้าย ลายมนุษย์                          เพื่อช่วยฉุดชาติพ้น คนคิดร้าย         

ครูจะหวังมากไป หรือไม่หนอ          เพราะเธอก็ยังเยาว์ เกินเข้าข่าย         

ขอเพียงจิตคิดระบุ วางอุบาย            เริ่มมั่นหมายมุ่งตรง คงเป็นจริง        

 

 

 

คำขวัญวันเด็ก

 

จอมพล ป. พิบูลสงคราม

..2499 " จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม"

 

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

.. 2502 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า"

.. 2503 “ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด"(เริ่มแผนพัฒนาเศรษฐกิจ)

..2504 " ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า  จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย"

.. 2505 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด"

.. 2506 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด"

 

..2507 ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดจัดงานวันเด็กแห่งชาติ

 

จอมพลถนอม กิตติขจร

.. 2508 "เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี"

.. 2509 "เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสามัคคี"

.. 2510 "อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดี มีความประพฤติเรียบร้อย"

..2511 "ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาด และรักชาติยิ่ง"

.. 2512 "รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ"

.. 2513 "เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส"

..2514 "ยามเด็กจงหมั่นเพียร เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ"

.. 2515 "เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ"

.. 2516 "เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ

 

นายสัญญา ธรรมศักดิ์

.. 2517 "สามัคคีคือพลัง"

.. 2518 "เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี"

 

หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช

.2519 "เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้"

 

นายธานินทร์ กรัยวิเชียร

..2520 "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย"

 

พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์

..2521 "เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ"

.. 2522 "เด็กไทยคือหัวใจของชาติ"

.. 2523 "อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย"

 

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

.. 2524 "เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม"

.. 2525 " ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย"

.. 2526 " รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม"

.. 2527 " รักวัฒธรรมไทย ใฝ่ดี มีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา"

.. 2528 "สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม"

.. 2529-2531 " นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"

 

พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ

.. 2532-2533 "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"

.. 2534 "รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา"

 

นายอานันท์ ปันยารชุน

.. 2535 " สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม

 

นายชวน หลีกภัย

.. 2536-2537 " ยึดมั่นประขาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม"

..2538 " สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม"

.. 2541-2542 " ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย"

.. 2543-2544 " มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย"

 

นายบรรหาร ศิลปอาชา

.. 2539 " มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด"

 

พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ

..2540 "รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด"

 

พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร

..2545 "เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส"

.. 2546 " เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี

..2547" รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดี ๆ อนาคตดีแน่นอน"

.. 2548" เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด"

.. 2549 " อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด"

 

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์

.2550. "มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข"

..2551 "สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม"

 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

..2552 “ ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"

 

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 หอกหักจูเนียร์  ขณะที่นั่งปั่นข้อเขียนชิ้นนี้ ยังมีสองเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และผมต้องอาศัยการแทงหวยคาดเดาเอาคือ1. การเลือกนายกรัฐมนตรี (จะมีในวันที่ 15 ธ.ค. 2551)2. การโฟนอินเข้ามายังรายการความจริงวันนี้ของคุณทักษิณ (จะมีในวันที่ 13 ธ.ค. 2551)เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวเนื่องกับสองวันนั้นและเหตุการณ์หลังสองวันนั้น ผมขอเน้นประเด็น การจัดการ - การบริหาร "ความแค้น" ของสองขั้ว I ขอแทงหวยข้อแรกคือ ในวันที่ 15 ธ.ค. 2551 หากว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกโหวตให้เป็นนายก และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ขออภัยถ้าแทงหวยผิด แต่ถ้าแทงผิด…
Hit & Run
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ  หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค. พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า “พี่น้องครับ…
Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป…
Hit & Run
  ธวัชชัย ชำนาญ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาร่วมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ" ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทุกคนคงรู้ดีที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายเยอะ  แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความสงบเงียบของบ้านเมืองที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างมากดทับกลิ่นอายของสังคมไทยที่เคยเป็นอยู่กลิ่นอายที่ว่านั้น..เป็นกลิ่นอายของความขัดแย้ง ความเกลียดชังของคนในสังคมที่ถูกกดทับมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บบอร์ด pantipจันทร์ ในบ่อ เชื่อว่าหลายคนคงได้ชมรายการตีสิบเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเชิญ ‘คุณต้น' อดีตนักร้องวง ‘ทิค แทค โท' บอยแบนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังราวสิบปีก่อนมาออกรายการ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่สังคมเรื่องผลเสียจากการใช้ยาเสพติดคุณต้นสูญเสียความทรงจำและมีอาการทางสมองชนิดที่เรียกว่า ‘จิตเภท' จากการใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าและยานอนหลับชนิดรุนแรง จนหลายปีมานี้เขาได้หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงและจดจำใครไม่ได้เลย คุณแม่เคยสัญญากับคุณต้นไว้ว่า หากอาการดีขึ้นจะพามาออกรายการตีสิบอีกครั้งเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต เพราะคุณต้นและเพื่อนๆ…
Hit & Run
  คนอเมริกันและลามถึงคนทั่วโลกด้วยกระมัง ที่เหมือนตื่นจากความหลับใหล พบแดดอ่อนยามรุ่งอรุณ เมื่อได้ประธานาธิบดีใหม่ที่ชนะถล่มทลาย คนหนุ่มไฟแรง ผิวสี เอียงซ้ายนิดๆ ผู้มาพร้อมสโลแกน "เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน และเปลี่ยน" แม้ผู้คนยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนไปสู่อะไร (เพราะอเมริกาไม่มีหมอลักษณ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม) แต่ขอแค่โลกนี้มีหวังใหม่ๆ ความเปลี่ยนแปลงสนุกๆ ก็ทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย ท้องฟ้าสดใสกว่าที่เคยเป็นได้ง่ายๆ   มองไปที่อื่นฟ้าใส แต่ทำไมฝนมาตกที่ประเทศไทยไม่เลิก บ้านนี้เมืองนี้ ผู้คนพากันนอนไม่หลับ ฟ้าหม่น ฝนตก หดหู่มายาวนาน นานกว่าเมืองหนึ่งใน ‘100…
Hit & Run
    ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....
Hit & Run
< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ >หลังจากอ่าน บทสัมภาษณ์ของซูโม่ตู้ หรือจรัสพงษ์ สุรัสวดี ในเว็บไซต์ผู้จัดการรายสัปดาห์ออนไลน์ แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมคือ ความตรงไปตรงมาของจรัสพงษ์ที่กล้ายอมรับว่าตนเองนั้นรังเกียจคนกุลีรากหญ้า ที่ไร้การศึกษา โง่กว่าลิงบาบูน รวมไปถึง “เจ๊ก” และ “เสี่ยว” ที่มาทำให้ราชอาณาจักรไทยของเขาเสียหาย เป็นความตรงไปตรงมาของอภิสิทธิ์ชนที่ปากตรงกับใจ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่คงไม่ได้ยินจากปากนักวิชาการ หรือนักเคลื่อนไหวคนไหน (ที่คิดแบบนี้) (เดี๋ยวหาว่าเหมารวม)
Hit & Run
  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านไป ความวุ่นวายในเมืองหลวงเริ่มคลีคลาย แต่ความสับสนและกลิ่นอายของแรงกดดันยังบางอย่างภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองยังคงคลุกรุ่นอยู่ไม่หาย... ไม่รู้ว่าน่าเสียใจหรือดีใจที่ภารกิจบางอย่างทำให้ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ก่อนหน้าเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เรียกกันว่า "7 ตุลาทมิฬ" เพียงข้ามคืน สิ่งที่เกิดขึ้นในความทรงจำจึงเป็นเพียงอีกเรื่องราวของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ถึงข้อมูลที่แน่ชัดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดจากอะไร เพราะใครสั่งการ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น อย่างไร ฯลฯ คำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ   …
Hit & Run
   (ที่มาภาพ: http://thaithai.exteen.com/images/photo/thaithai-2550-11-4-chess.jpg)หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความขัดแย้งทางชนชั้น การปะทะกันระหว่าง "ความเชื่อในคุณธรรม vs ความเชื่อในประชาธิปไตย" เริ่มปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ และได้ก่อให้เกิดความรุนแรงจากมวลชนทั้งสองกลุ่มฝั่งคุณธรรม อาจเชื่อว่า หากคนคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีแล้ว เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมในขณะนี้คือ จริยธรรมของคนที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดั้งนั้น จึงพยายามกดดันให้นักการเมืองเข้ากรอบระเบียบแห่งจริยธรรมที่ตนเองคิด หรือไม่ก็ไม่ให้มีนักการเมืองไปเลยฝั่งประชาธิปไตย อาจเชื่อว่า…
Hit & Run
Ko We Kyawเมื่อวันเสาร์ สัปดาห์ก่อน มีการจัดงาน ‘Saffron Revolution, A Year Later' ที่จัดโดยคณะผลิตสื่อเบอร์ม่า (Burma Media Production) หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรำลึกถึง 1 ปี แห่งการปฏิวัติชายจีวร นอกจากการเสวนาและการกิจกรรมเพื่อเป็นการรำลึกแล้ว ภาคบันเทิงในงานก็มีความน่าสนใจเพราะมีการแสดงจากคณะตีเลตี (Thee Lay Thee) ที่มีชื่อเสียงจากพม่าการแสดงในวันดังกล่าว เป็นการแสดงในเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี 2551 หลังจากเคยจัดการแสดงมาแล้วในเดือนมกราคม และการแสดงการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิส เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในพม่า…
Hit & Run
  ขุนพลน้อย       "ผมรู้สึกภูมิใจยิ่งที่สามารถคว้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย แต่ก็แอบน้อยใจบ้างที่เงินอัดฉีดของพวกเราจากรัฐบาลน้อยกว่าคนปกติ นี่ถ้าได้สักครึ่งหนึ่งของพวกเขาก็คงดี"น้ำเสียงของ ‘ประวัติ วะโฮรัมย์' เหรียญทองหนึ่งเดียวของไทย ในกีฬา ‘พาราลิมปิกเกมส์ 2008' หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2551 เป็นไปอย่างมุ่งมั่นระคนทดท้อการต้อนรับนักกีฬาในหมู่คนใกล้ชิดและในวงการมีขึ้นอย่างอบอุ่น แต่ความไม่เท่าเทียมกันเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาที่ได้รางวันใน ‘โอลิมปิก' คงเป็นภาพที่สะท้อนมองเห็นสังคมแบบบ้านเราได้ชัดเจนขึ้น…