Skip to main content

มุทิตา เชื้อชั่ง


วันเด็กปีนี้ แม้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่ก็อยากจะให้คำขวัญ คำอวยพรกับเด็กๆ บ้าง... มีฟามสุขมั่กๆ อย่าแสบให้มากนักนะตัวเอง...

 

ปีนี้มหกรรมวันเด็กค่อนข้างคึกคัก ข่าวคราวต่างๆ ถูกรายงานเยอะแยะมากมายตามประสาบ้านเมืองที่สงบสุขแล้ว...ชิลๆ สังเกตได้ง่ายๆ เพราะเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ (ยิ่งดราม่าๆ หน่อยยิ่งเจ๋ง) มักจะมีสีสันอยู่ในกระแสมากเป็นพิเศษเสมอ

 

คำขวัญวันเด็กที่ทั่นนายกฯ "อภิสิทธิ์" ให้ในปีนี้ เด็กจริง เด็กโข่ง ต่างก็รู้กันทั่วหน้าแล้ว นั่นคือ "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"

 

ไม่รู้ว่าเด็กยุคดิจิตอลรุ่นนี้คิดยังไง...

 

ถ้าดูคำขวัญที่นายกฯ ของเมืองไทยให้ไว้แต่ละปีจนแม้ปีล่าสุดแล้วมันช่างน่าปวดเฮด ก็มันทั้งสุดแสนจะเชย แล้วยังสั่งให้เป็นอย่างนู้นอย่างนี้อยู่เรื่อย

 

ไม่เชื่อลองไล่มาตั้งแต่ยุคที่เขาว่ากันว่า "เผด็จการ" สมัยแรกที่มีคำขวัญวันเด็กคือปี 2499 ช่วงนายกฯ ป.พิบูลสงคราม-สฤษดิ์-ถนอม ทั่นๆ บอกว่าให้เรา "จง" บำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนร่วม, รักความก้าวหน้า, อยู่ในระเบียบวินัย, ประหยัด, รักชาติ, สามัคคี บรา บรา บรา... แม้กระทั่งสั่งให้จงรักความสะอาดก็มีด้วย !

 

หลังจากนั้น ก็จะวนๆ อยู่ที่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์ สามัคคี มีคุณธรรม ใฝ่ความรู้ (และจงฉลาดด้วย ห้ามโง่ !) สืบสานวัฒนธรรมไทย (ยิ้มกับไหว้มั้ง) อะไรเทือกนี้ สมัยทั่นนายกฯ ชวน ก็จะมีเรื่องรักสิ่งแวดล้อมเข้ามาหน่อย แน้ เก๋ก่อน อัล กอร์ !

 

คำขวัญส่วนใหญ่จะคล้องจอง แต่ไม่คล้องจองก็มี นายกฯ ที่แต่งคำขวัญไม่คล้องจองมากที่สุดคนหนึ่งเห็นจะเป็น ทั่น ทักษิณฯ "รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน" เออแฮะ มีรับประกัน ! กระนั้นจะว่าไปก็ยังดูเป็นเวอร์ชั่นที่ "เด็ก" สุดแล้ว ในบรรดาคำขวัญทั้งหลายเพราะละทิ้งคำเก่าตามขนบ และสร้างคำใหม่ๆ ขึ้นมาบ้าง เช่น เทคโนโลยี เล่นให้ได้ความรู้

 

ถ้าฟังผ่านๆ ชิลๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากก็โอเค แต่ถ้าเป็นเด็กคึกฤทธิ์ (คิดลึก) ก็คงจะพอเห็นว่า ผู้ใหญ่ในสังคมไทยเขามีคอนเซ็ปท์ความคิดอยู่ไม่กี่ชุดสำหรับเด็กๆ บ้างเน้นที่ "เด็กดี" บ้างเน้นที่ "เด็กเก่ง" บ้างโลภมากเอาทั้งเด็กดีและเด็กเก่ง

 

...เสียใจด้วยสำหรับเด็กเลว เด็กแสบ เด็กขี้เกียจ เด็กจอมป่วน เด็กดื้อ เด็กโง่ เด็กบ้า เด็กมีปัญหา เด็ก...ฯลฯ ที่ถูกเขี่ยตกเวทีโลกไป

 

สิ่งออกมาจากปากผู้นำ สื่อ หรืออะไรก็ตามแต่ ล้วนเป็นจินตภาพ ค่านิยม "ความดีงาม" แบบที่ไม่ยอมรับความจริงที่อาจไม่ดี และไม่งามของมนุษย์ ที่สำคัญมันไม่ได้เข้าใจเด็กๆ ในฐานะมนุษย์ตัวน้อยที่ต้องการเรียนรู้ทุกด้านของโลกเห่ยๆ ใบนี้เอาเสียเลย โดยเฉพาะรัฐบาลปัจจุบัน ทั่นเป็นห่วงเด็กๆ มาก มีนโยบายเน้นคุณธรรม ศีลธรรมออกมาเยอะแยะมากมาย

สื่อที่เด็กๆ ใช้เยอะที่สุดอย่างหนึ่งอย่างเว็บไซต์ ก็ถูกบล็อกจนเหี้ยนเต้และกำลังจะตามติดมาอีกมากหลาย ด้วยแว่น ด้วยมาตรฐาน ด้วยไม้บรรทัด ของ "ผู้ใหญ่" และ "รัฐศีลธรรม & จงรักภักดีสุดโต่ง" จนมีเด็ก (โข่ง) บ้าคอมฯ คนหนึ่งโพสต์คำวิงวอนต่อนายกฯ หน้าหล่อ "อยากให้เลิกบล็อกเว็บ เดือดร้อนเด็กๆ please" (http://thaikid.in.th/node/88)

 

ข้อสรุปของพวกผู้ใหญ่ก็ดูจะมีปัญหาอยู่เหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าแก่กว่าเราตั้งหลายปี ยังคิดอะไรง่ายๆ อยู่เลย เด็กเก่งในวันนี้อาจไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่เก่งในวันหน้าก็ได้ เด็ก "ดี" ในวันนี้ อาจไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้าก็ได้ ชีวิตมันซับซ้อนกว่านั้นตั้งเยอะ ที่สำคัญ เด็กดีที่ผู้ใหญ่นิยาม แปลความตรงไปตรงมาได้อีกอย่างว่า "เด็กเชื่อง" สั่งก็อะไรก็ทำตาม บอกอะไรก็เชื่อ เชื่อ เชื่อจนเคยชินและไม่เคยคิดตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์กับสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่นนั้นแล้ว บางทีการเป็นเด็กมีปัญหาก็น่าสนุกกว่ากันแยะเลย !!

 

ท้ายที่สุด อยากฝากน้องๆ หนูๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กพันธุ์ไหน ให้ไปขอร้องคุณครูช่วยเขียนเฟรนด์ชิบก่อนจบ หรือเขียนบทกวี อะไรก็ได้เก็บไว้บ้างเผื่อฟลุ้ค เพราะในอนาคตอาจกลายเป็นบทกวีแห่งปี เหมือนกับที่ทั่นนายกฯ อภิสิทธิ์ ได้นำเสนอบทกวีของคุณครูที่สอนตอนป.6 มาให้หนูๆ ได้อ่านกัน (เพื่อ....?)

 

ว่าไปก็เสียดาย เพราะตอนป.6 นอกจากครูจะไม่แต่งบทกวีเป็นที่ระลึกให้แล้ว ยังมักป่าวประกาศก้องห้องเรียนเป็นประจำด้วยว่า "ไอ้แห้ง นี่ลอกการบ้านเพื่อนมาส่งครูอีกแล้วเร้อออ"   - -"

 

 

 

 

 

กลอนครูชม"..อภิสิทธิ์" เห็นแวว"ผู้นำ" ตั้งแต่ป.6

ที่มา:  เว็บไซต์มติชน

 

เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบรางวัลเยาวชนดีเด่น เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2552 นายอภิสิทธิ์ได้มอบสำเนากลอนที่ครูเคยเขียนให้สมัยเรียนอยู่ชั้น ป.6 ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2519 มาร่วมในนิทรรศการวันเด็ก ความว่า       

        

อภิสิทธิ์ มาร์ค อภิสิทธิ์...                            ครูเคยคิดใฝ่ฝัน อย่างมั่นเหมาะ         

อยากได้ศิษย์เช่นเธอ เพ้อเฉพาะ                  เกินจักเสาะสืบหา กลับมาพบ         

เธอมีแววแพรวเพริศ บรรเจิดจ้า                    คมความคิดแกล้วกล้า มาบรรจบ         

กับปัญญาเข้มข้น ครันครบ                          ครูคงพบคนดี ศรีอยุธย์         

ชาติต้องการผู้นำ มีอำนาจ                           ผู้เก่งกาจเกรียงไกร ใสพิสุทธิ์         

ผู้ชนะกิเลสร้าย ลายมนุษย์                          เพื่อช่วยฉุดชาติพ้น คนคิดร้าย         

ครูจะหวังมากไป หรือไม่หนอ          เพราะเธอก็ยังเยาว์ เกินเข้าข่าย         

ขอเพียงจิตคิดระบุ วางอุบาย            เริ่มมั่นหมายมุ่งตรง คงเป็นจริง        

 

 

 

คำขวัญวันเด็ก

 

จอมพล ป. พิบูลสงคราม

..2499 " จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม"

 

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

.. 2502 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า"

.. 2503 “ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด"(เริ่มแผนพัฒนาเศรษฐกิจ)

..2504 " ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า  จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย"

.. 2505 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด"

.. 2506 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด"

 

..2507 ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดจัดงานวันเด็กแห่งชาติ

 

จอมพลถนอม กิตติขจร

.. 2508 "เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี"

.. 2509 "เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสามัคคี"

.. 2510 "อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดี มีความประพฤติเรียบร้อย"

..2511 "ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาด และรักชาติยิ่ง"

.. 2512 "รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ"

.. 2513 "เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส"

..2514 "ยามเด็กจงหมั่นเพียร เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ"

.. 2515 "เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ"

.. 2516 "เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ

 

นายสัญญา ธรรมศักดิ์

.. 2517 "สามัคคีคือพลัง"

.. 2518 "เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี"

 

หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช

.2519 "เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้"

 

นายธานินทร์ กรัยวิเชียร

..2520 "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย"

 

พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์

..2521 "เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ"

.. 2522 "เด็กไทยคือหัวใจของชาติ"

.. 2523 "อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย"

 

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

.. 2524 "เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม"

.. 2525 " ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย"

.. 2526 " รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม"

.. 2527 " รักวัฒธรรมไทย ใฝ่ดี มีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา"

.. 2528 "สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม"

.. 2529-2531 " นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"

 

พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ

.. 2532-2533 "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"

.. 2534 "รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา"

 

นายอานันท์ ปันยารชุน

.. 2535 " สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม

 

นายชวน หลีกภัย

.. 2536-2537 " ยึดมั่นประขาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม"

..2538 " สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม"

.. 2541-2542 " ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย"

.. 2543-2544 " มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย"

 

นายบรรหาร ศิลปอาชา

.. 2539 " มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด"

 

พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ

..2540 "รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด"

 

พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร

..2545 "เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส"

.. 2546 " เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี

..2547" รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดี ๆ อนาคตดีแน่นอน"

.. 2548" เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด"

.. 2549 " อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด"

 

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์

.2550. "มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข"

..2551 "สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม"

 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

..2552 “ ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"

 

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาในเกมช่วงชิงพื้นที่สื่อ กลยุทธ์หนึ่งก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เป็นข่าว ส่วนฝ่ายตนนั้น ต่อให้เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายแต่ถ้าได้พื้นที่ข่าวก็ถือว่าได้เปรียบใน ระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยก็พอทำให้ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่คุ้นหูอยู่ในความจดจำ ดีกว่าเป็นบุคคลโนเนมที่ไม่มีใครรู้จักเช่นเดียวกัน ช่วงนี้ ดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีพูดอะไร ให้สัมภาษณ์ว่าอะไร สื่อมักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ สังเกตได้ว่าเวลาอ่านหรือฟังข่าวในเวลานี้ ผู้สื่อข่าวจะหยิบคำพูดของนายกรัฐมนตรีมาเปิดเผยแบบยาวๆพูดแบบตามตำรา ก็คือ แหล่งข่าวเป็นผู้นำในรัฐบาล พูดอะไรก็ย่อมเป็นข่าวอยู่แล้ว…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง"ไปตายให้หนอนแดกเถอะ..ไป๊"ผมกำลังหาคำพูดที่ถ่ายทอดความคิดของคนบางคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ แม้อำนาจของเขาจะยึดโยงจากการเลือกตั้งด้วยการกากบาทของเรา กระนั้นก็เถอะ..เท่าที่รู้สึกได้ เขาอาจกำลังอยากบอกกับคุณด้วยถ้อยคำแบบนี้ อาจเป็นการบอกกล่าวที่ซ่อนถ้อยความหิวกระหายมาช้านานแล้ว ตั้งแต่อำนาจถูกกระชากไปจากมือ และที่เขาบอกแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขากำลังมองคุณเป็นเพียง ‘มดปลวก' อันอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์โดยเฉพาะถ้าคุณป่วยหรือไม่สบาย มันจะยิ่งสะท้อนความอ่อนแอไร้ประโยชน์เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากไปกว่านั้น หากโชคร้าย…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ เสาร์ที่ผ่านมา มีงานประชุมชื่อ Barcamp Bangkok จัดขึ้นที่ร้าน Indus สุขุมวิท 26 งานนี้ งานนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นงานที่มีผู้จัดมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะผู้ร่วมงานหลายคนมากันแต่เช้าเพื่อช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้ แปะป้าย บางคนทำสมุดทำมือมาแจก หลายคนเตรียมหัวข้อพร้อมสไลด์มาพูดในงาน ------------------------------------- http://www.flickr.com/photos/poakpong http://www.flickr.com/photos/plynoi ทันทีที่งานเริ่ม กระดาษแผ่นแล้วแผ่นแล้ว ถูกทยอยนำไปแปะบนกระจกของร้าน ว่ากันว่า หัวข้อที่พูดกันในงาน มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับเว็บแอพพลิเคชันใหม่ๆ เทคโนโลยีโอเพนซอร์ส…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่งด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ขนาบไปด้วยทะเลยาวเหยียด เหมาะเป็นเส้นทางขนส่งวัตถุดิบสารพัด ประจวบฯ จึงเป็นที่หมายตาของโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าโรงไฟฟ้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไม่เห็นด้วยกับโครงการเหล่านี้ ก็นับเป็นความอาภัพของชีวิต เพราะภูมิศาสตร์แบบนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้คัดค้านกับรัฐหรือทุนขนาดใหญ่กันไม่หยุดหย่อน ไม่โครงการนั้น ก็โครงการนี้ และไม่รู้ว่าด้วยความอาภัพนี้หรือไม่ที่ทำให้ขบวนการประชาชนที่นี่ ‘แข็งแกร่ง' จะว่าที่สุดในประเทศก็คงไม่ผิดนัก ล่าสุด มีการต่อสู้คัดค้านโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ซึ่งเป็นโครงการขนาดมหึมา ที่จะไปลงในพื้นที่แม่รำพึง…
Hit & Run
ตติกานต์ เดชชพงศคงรู้กันหมดแล้วว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีถูกยึด และต่อจากนี้ ทีวีช่องนี้จะไม่มีรายการบันเทิง ‘ไร้แก่นสาร' อีก จะมีก็แต่รายการที่มีประโยชน์ สร้างสรรค์สังคม มีคุณค่า ประเทืองปัญญากว่ารายการทีวีแบบเดิมๆๆๆๆ ฯลฯ แล้วทีวีช่องนั้นก็ถูกเรียกเสียใหม่ว่า ‘ทีวีสาธารณะ' ในฐานะประชาชนคนหนึ่งซึ่งเติบโตมากับสิ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ‘รสนิยมสาธารณ์' ไม่ว่าจะเป็น ละครน้ำเน่า (ผ่านยุคของ พจมาน สว่างวงศ์, ดาวพระศุกร์ หรือ โสรยา ใน ‘จำเลยรัก' มามากกว่าหนึ่งยุค!) รวมถึงเกมโชว์ที่ ‘ได้รับแรงบันดาลใจ' มาจากต่างประเทศ และการ์ตูนญี่ปุ่นที่เอะอะก็ต่อสู้กัน (แม้แต่การ์ตูนแมวหุ่นยนต์ ‘โดราเอมอน'…
Hit & Run
  วิทยากร  บุญเรืองกลุ่ม แบ๊คซ้าย' มิถุนาฯ   23 ธันวาคม 2550...เป็นอีกวาระหนึ่งที่เราจะต้องออกไปช่วยเพื่อนรัก ‘นักการเมือง' (กลุ่มคนที่ถูกประณามมากที่สุดในสังคมไทยปัจจุบัน)สื่อต่างๆ ชอบที่จะกระแซะแซวว่า นักการเมืองมักจะมืออ่อนนอบน้อมกราบไหว้ประชาชนเสมอในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งมันก็ถูก แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน คนอีกบางจำพวกนั้น ‘ไม่มี' ช่วงเวลาพิเศษไหนเลยที่จะลงมาไหว้กราบกรานขอคะแนนจากประชาชน หนำซ้ำพวกเรากลับต้องกราบกรานไหว้เขาอยู่เป็นกิจวัตรใครล่ะน่าเกลียดกว่ากัน? สำหรับวาระสำคัญก่อนการเลือกตั้ง การรณรงค์ไม่ให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทำนองที่ว่า ‘…
Hit & Run
   พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจใครที่ไม่ได้มาเชียงใหม่หลายปี หากมาเยือนปีนี้ คงผิดหูผิดตาเลยทีเดียวไม่ใช่แค่งานพืชสวนโลก ไม่ใช่แค่ ‘ช่วง ช่วง' หรือ ‘หลิน ฮุ่ย' ไม่ใช่แค่ร้าน ‘ไอเบอรี่' ของโน้ต อุดม ที่ทำให้ ‘หน้าตา' เมืองเชียงใหม่เปลี่ยนไปหากแต่ยังมีเจ้าสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ที่ชื่อว่า ‘ทางลอด' ผุดขึ้นทุกมุมเมือง ซึ่งเบื้องหลังของมัน ยังมีเรื่องราวอันยาวนานของการพัฒนา ‘เมือง' อีกด้วย!หลายปีมานี้ ยวดยานใน จ.เชียงใหม่ ต้องประสบกับความทุลักทุเลในการข้ามสี่แยก เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างทางลอดแยก ผุดขึ้นบนถนนสายหลักของเมืองเชียงใหม่ เช่น การก่อสร้างทางลอด 7 แห่ง บนถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี…
Hit & Run
"ต้นตอของปัญหาใหญ่ๆ ในสังคม พบว่าเรื่องหนึ่งคือ คนที่เป็นเจ้าของปัญหาไม่มีช่องทางส่งเสียงของตัวเองในช่องทางสื่อสารมวลชน ยิ่งวิทยุและทีวีนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง พื้นที่ของคนเดือดร้อน ถูกเบียดออกมาบนท้องถนนที่ออกมาประท้วงให้คนเมืองใหญ่รำคาญ" 
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์หลังจากได้อ่านข้อความในหนังสือที่ คมช. ส่งถึงคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ของ กกต. ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบว่า หนังสือ ซึ่งออกโดย คมช. (สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐) นั้น เข้าข่ายความผิดฐาน เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ หรือไม่ เพื่อขอให้ทบทวนบทบาทของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากการออกหนังสือฉบับดังกล่าวของ คมช.เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว ก็เกิดความรู้สึก ‘สบายใจ'…
Hit & Run
   ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นเรื่องปกติในสังคมการเมืองแบบไทยๆ เมื่อมีบางคนใน ‘ตองหนึ่ง' อดีตผู้บริหารไทยรักไทยเรียกร้องในสิทธิความเป็นมนุษย์ที่พึงมีต่อองค์กร ‘ไม่ใช่พ่อ' และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อขอให้เข้ามาดูแลสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยยุ่งเกี่ยวการเมืองทุกรูปแบบกรณี ซึ่งอาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการพูดและแสดงออก แทบฉับพลันทันทีนั้น เสียงแขวะฝอยเลาะตะเข็บก็ดังควากออกมาอย่างหยามหยันมากมายตามหน้าสื่อต่างๆเมื่อตามรอยตะเข็บที่เลาะไป ใช่จะไม่มีมูล…
Hit & Run
"ความพยายามสร้างกติกาอันบิดเบี้ยวตลอดปีกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้ ‘ผี' ยิ่งน่ากลัวสำหรับคนที่กลัว และยิ่งน่าพิสมัยสำหรับผู้ที่ไม่กลัว และผู้ที่ไม่กลัวส่วนใหญ่นั้นแม้จะอยู่ห่างไกล ไร้อำนาจ แต่ก็สามารถแสดงพลังเงียบของตนได้อย่างมีนัยสำคัญ"  ภาพจาก dschild.exteen มุทิตา  เชื้อชั่ง ผมเป็นคนกลัวผีมากจนแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลัวผี และรู้สึกว่าสังคมไทยกำลังกลัว ‘ผี' อย่างหนัก ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือ จากที่เคยมีคำอธิบายมากมายว่าทำไมจึงต้องกลัว ‘ผี' หรือไล่ ‘ผี' แต่นานวันเข้า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ความกลัว ‘ผี'…
Hit & Run
ภาพจาก http://www.kathmandu-bkk.com/คิม ไชยสุขประเสริฐช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหายุ่งยากใจกันอยู่นิดหน่อยในออฟฟิศ เรื่องการทำเสื้อทีมว่าจะเอาแบบไหน-สีอะไร ที่ยังไงก็ไม่ลงตัวสักที เพราะสีแต่ละสีตอนนี้ถูกนำเอาไปทำสัญลักษณ์ของกลุ่มต่างๆ กันไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแม่สีอย่าง สีแดง สีเหลือง หรือสีขั้นสองอย่างสีเขียว สีส้ม หรือสีม่วง