Skip to main content

ภาพข่าวยอดเยี่ยม: หนุ่มพันธมิตร จิกหัวสาวเสื้อแดง

ในปีนี้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐคว้ารางวัล “ภาพข่าวยอดเยี่ยม” ไปครอง หลังจากนั้นมาไม่กี่วันก็แทบจะต้องเพิ่มตำแหน่งมิสป๊อบปูล่าไปให้ด้วย เพราะมันไม่ใช่ได้รางวัลแล้วก็แล้วกันไปแบบทุกปี หากแต่ถูกพูดถึงอย่างมากมาย โดยเฉพาะในโลกไซเบอร์ มีทั้งคำชื่นชมและผรุสวาทให้ระงม ฐานที่เกี่ยวพันกับการเมืองลูกกวาดหลากสีของเราเต็มๆ

ในฐานะที่ไม่ใช่คณะกรรมการ (และไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ด้วย) ขอประกาศสนับสนุนคณะกรรมการที่ให้รางวัลแก่ภาพนี้ โดยจะขอยกเหตุผลเพิ่มเติมจากท่านคณะกรรมการตัวจริงที่อาจพูดสั้นไป เพราะท่านคงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพวกไม่รู้จักจบจักสิ้น ไม่รู้จักแพ้ชนะ ทั้งยังไม่มีองค์ความรู้ด้านสื่อสารมวลชน พูดไปสองไพเบี้ย...

พวกที่โวยวายทั้งหลายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดจงรู้ว่า ภาพนี้คือ “ความจริง” ที่เกิดขึ้น ใครมองว่าเป็นความรุนแรง สร้างความแตกแยก นั่นเป็นพวกเด็กไร้เดียงสาที่พยายามจะเอาทุกอย่างยัดไว้ใต้พรม มันรุนแรงก็จงบอกว่ามันรุนแรง ไม่งั้นภาพข่าวสงคราม ความเจ็บปวด ความสูญเสียต่างๆ คงไม่กวาดรางวัลกันรอบโลก

นอกจากนี้ภาพนี้ยังสั่นสะเทือนอารมณ์ได้ดีเยี่ยม ด้วยมุมกล้องอันเหมาะเจาะและการลั่นชัตเตอร์แบบไวกว่าแสง ใครดูก็ตามต่างต้องตบเข่าผาง! ชิชะ ฮึ่ม มะกะป๊ะ !!! แปลเป็นไทยได้ว่าไม่สะใจมาก ก็ต้องคับข้องใจมากอย่างใดอย่างหนึ่ง จะหาใครที่มีคำตอบสวยๆ ว่ามองแล้วเฉยๆ เราไม่เอาทั้งสอง เราไม่เข้าข้างทั้งสอง คงหาได้ยาก จึงถือได้ว่าภาพนี้ทำให้ความคิดของผู้คนชัดเจนขึ้น และมีคุณูปการในการสร้างการถกเถียงมากมาย ขนาดนักวิชาการประวัติศาสตร์การเมืองไทย “ตัวพ่อ” ยังต้องให้ความสนใจ จำแนกแยกแยะประเด็นต่างๆ มาคัดค้านเยอะแยะ แม้ไม่ค่อยมีองค์ความรู้ด้านสื่อสารมวลชนไทยเท่าไหร่ (อย่าเพิ่งกรี๊ดเหมือนนางอิจฉา เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังทีหลัง)

อันที่จริงลำพังตัวภาพอาจพอมีช่องว่างให้ผู้คนสามารถตีความสารที่สื่อไปตามมุมมอง ความคิด ความเชื่อทางการเมืองของแต่ละคน ใครจะมองจากซ้าย จากขวา จากบน จากล่าง นั่งมอง ยืนมอง ตีลังกามอง ก็ได้ความตามแต่ผู้นั้นกระหายใคร่ได้ แต่พอมาถึงชื่อภาพและคำบรรยายใต้ภาพที่เหมือนคำเฉลยการตีความ หลายคนที่ตีความผิดพลาดไปถึงกับเป็นเดือนเป็นแค้น ควันออกหู จมูก ปาก

บางคนหยิบยกประเด็นเรื่องข้อมูลไม่ถูกต้องขึ้นมาโจมตี ประเด็นของเรื่องก็คือ “ทนไม่ไหว” ใครคือคนที่ทนไม่ไหว หรือทนไม่ไหวกันที่ไหน ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่มันทนไม่ไหวน่ะเข้าใจมั้ย ก็เลยต้องกระทำการไปดังที่เห็นในภาพ เปรียบไปก็เหมือนภาพเด่นๆ ของเหตุการณ์การเมืองช่วงต่างๆ ซึ่งโดดเด่นอยู่ในความทรงจำผู้คนอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาอ่านคำบรรยายใต้ภาพก็รู้ว่ามันคือเหตุการณ์อะไร แล้วเรื่องราววันนั้นมันชุลมุนชุลเกกันมาก ความคลาดเคลื่อนของข้อมูลก็อาจมีสูงตามไปด้วย ไม่ใช่ปัญหา ท้าให้เอาภาพนี้ไปถามเด็กป.4 โรงเรียนข้างบ้านดู ลูกๆ หลานๆ ก็ตอบได้หมดว่ามันเหตุการณ์อะไร

ฉะนั้น ในด้านการสื่อความแล้วถือว่าชัดเป๊ะ !

บางคนแย่กว่านั้น หยิบยกประเด็นเรื่องการตัดแต่งภาพขึ้นมาโจมตี หะแรกก็นึกว่าตัดต่อหัวใครมาใส่ กะอีกแค่ตัดต่อกระเป๋าด้านหลังของชายคนดังกล่าว ซึ่งผู้แอบอ้างก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าแต่งภาพจริงไหม หรือต่อให้แต่งจริงก็รับรองได้ว่าเป็นไปเพื่อความสวยงาม เพราะการมีกระเป๋าหลังเพิ่มเข้ามาไม่ได้สื่อความอะไรและทำให้ภาพนั้นดูรก และอึดอัดเกินไป การแต่งภาพเป็นเรื่องปกติของวงการถ่ายภาพ ภาพข่าวก็เช่นกัน เราสามารถใส่สุนทรียะเข้าไปในข้อเท็จจริงได้ด้วย เรื่องนี้คนที่ไม่มีสุนทรียะและไม่เคยถ่ายภาพด้วยกล้องระดับโปรคงไม่เข้าใจ

ทีนี้คำถามสำคัญคือ “ทนไม่ไหว” นี่มันมาจากไหน คำนี้เป็นการบรรยายลักษณะผู้ชายในภาพ ซึ่งดูไปก็ถูกต้อง และไม่น่าจะบรรยายเป็นอื่นไปได้ หรือจะให้บรรยายว่า “อยากกลับบ้าน” “หิวมากแล้ว” “เหนื่อยจริงๆ” “รักเธอเสมอ ฯลฯ มันก็คงไม่ใช่

ถามว่า ทำไมเขาไม่บรรยายลักษณะผู้หญิงในภาพ .... คำตอบก็คือ


เสื้อแดงถล่มเศรษฐกิจไทยพินาศ“อาเซียน-สงกรานต์”ฉาวทั่วโลก
เว็บไซต์เดลินิวส์ 13 เมษายน 2552 เวลา 17:58

จลาจลกรุงเทพฯคลี่คลาย-จนท.คุมอยู่-คาดคืนนี้สลายชุมนุมเบ็ดเสร็จ
เว็บไซต์สยามรัฐ 13 เมษายน 2552 เวลา 17:58

แดงจลาจล ป่วนกรุง-ทุบรถนายกเละ นิพนธ์สาหัส-ยำการ์ดน่วม แม้วยุนาทีทองเผด็จศึก
เว็บไซต์คมชัดลึก 13 เมษายน 2552 เวลา 16:20

"เสื้อแดง" เผารถยูโร ไฟลุกท่วม เสียหายทั้งคัน
เว็บไซต์แนวหน้า 13 เมษายน 2552 เวลา 16:11

"เทพไท" ยัน "แม้ว" ยึด "ดูไบ" บัญชาม็อบเสื้อแดงก่อจลาจลกลางกรุง
เว็บไซต์แนวหน้า 13 เมษายน 2552 เวลา 16:08

บ้อท่าปิด"ดีทีวี"จอมืดแค่1ชม.ชี้ดาวเทียมอื้อแถมค่าเช่าถูก
เว็บไซต์คมชัดลึก 13 เมษายน 2552 เวลา 15:50

กลียุค!เผารถเมล์-ปล่อยชนทหาร-รถแก๊สรั่วแฟลตดินแดง
เว็บไซต์สยามรัฐ 13 เมษายน 2552 เวลา 15:09

ทหารยึดสามเหลี่ยมดินแดงคืน!
เว็บไซต์เดลินิวส์ 13 เมษายน 2552 เวลา 15:04

ต้อนเสื้อแดงพ้นสามเหลี่ยมดินแดง
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ 13 เมษายน 2552 เวลา 13:23

ชาวแฟลตลุกฮือต้านแดง
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ 13 เมษายน 2552 เวลา 12:38

เตือนปั๊มน้ำมันระวังคนเสื้อแดงป่วน
เว็บไซต์คมชัดลึก 13 เมษายน 2552 เวลา 11:49

ม็อบคนเสื้อแดงป่วนกรุงมิคสัญญี
บ้านเมือง 13 เมษายน 2552 เวลา 09:49

แดงเย้ยฉุกเฉิน"เศษกระดาษ" จลาจล! "แม้ว"ขู่ซ้ำกลับปท.นำม็อบสู้
เว็บไซต์มติชน 13 เมษายน 2552 เวลา 09:14

มาร์คขอ3วัน นำปท.สู่นิติรัฐ
เว็บไซต์ไทยรัฐ 13 เมษายน 2552 เวลา 09:02

ม็อบแดงป่วนทั่วปท. ฮือปิดถนน-จราจรอัมพาต บีบรบ.ปล่อยตัวแกนนำ ขู่ยึดศาลางกลางจังหวัด
แนวหน้า 13 เมษายน 2552 เวลา 08:08

เอกชนหนุนรัฐใช้มาตรการเด็ดขาด
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ 13 เมษายน 2552 เวลา 08:01

จริงๆ ยังมีอีกหลายยี่ห้อที่ไม่ได้คัดสรรมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ...ถ้าไม่เข้าใจก็ลองอ่านแถลงการณ์องค์กรสื่อด้านล่าง และถ้ายังไม่เข้าใจอีก ก็ไม่เป็นไร เพราะอันที่จริงใครๆ ก็ไม่เข้าใจและไม่อยากเข้าใจคนพวกนี้อยู่แล้ว อย่าไปสนใจ เอาเป็นว่าภาพนี้มันดีจริงๆ ก็แล้วกัลลลล...

 

1

องค์กรสื่อแถลงทุกฝ่ายยุติความรุนแรง
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ 4 พฤษภาคม 2552

องค์กรสื่อ 7 แห่ง ร่วมออกแถลงการณ์วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก เรียกร้องทุกฝ่ายยุติการใช้สื่อเพิ่มความขัดแย้ง เตือนผู้บริโภคแยกแยะสื่อมวลชนกับสื่อที่เป็นเครื่องมือทางการเมือง ด้านมีเดีย มอนิเตอร์ สำรวจพาดหัวหนังสือพิมพ์สะท้อนความรุนแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (3 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก (World Press Freedom Day) องค์กรสื่อเมืองไทยรวม 7 แห่ง ประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย และสมาคมเคเบิลทีวีฯ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ ภายใต้คำขวัญ “เสรีภาพสื่อ ต้องร่วมลดความรุนแรง”

สำหรับเนื้อหาของแถลงการณ์ มีทั้งสิ้น 5 ข้อ ประกอบด้วย 1. รัฐบาลต้องไม่แทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนทั้งทางตรงและทางอ้อม และไม่ปิดกั้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในรูปแบบต่างๆ อาทิเช่น อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม วิทยุชุมชน หากพบว่าสื่อใดละเมิดกฎหมาย ให้ใช้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่ใช่วิธีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

2.รัฐบาลต้องจริงใจในการปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน และยอมรับความหลากหลายของสื่อทุกประเภท

3.นักการเมือง รวมทั้งคู่ขัดแย้งทางการเมือง ต้องเข้าใจบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชน ในการแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อนำเสนอต่อสาธารณชน โดยทุกฝ่ายต้องยุติการยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังสื่อมวลชน รวมทั้งยุติการใช้สื่อเพื่อโฆษณาชวนเชื่อหรือปลุกระดมให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในสังคม

4. สาธารณชนต้องมีวิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร เปิดใจรับฟังความเห็นที่แตกต่างจากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ พึงระวังในการรับข้อมูลของสื่อ โดยเฉพาะสื่อที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือการต่อสู้ทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ ที่นำเสนอข่าวสารด้วยความลำเอียง มีอคติ และยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง จนนำไปสู่การใช้ความรุนแรง

5. สื่อมวลชนทุกแขนง โดยเฉพาะสื่อที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือการต่อสู้ทางการเมืองของกลุ่มการเมืองต่างๆ ต้องไม่นำเสนอข่าวที่ยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง และนำไปสู่ความรุนแรง โดยขอให้ยึดมั่นการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ที่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องรอบด้าน ไม่แข่งขันด้านความรวดเร็วในการนำเสนอ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน และเข้าใจผิดต่อสถานการณ์

นอกจากนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้แถลงการสำรวจ “การใช้ภาษาที่นำไปสู่ความขัดแย้งของสื่อมวลชนไทย” โดยนายธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการประจำโครงการศึกษาและเฝ้าระวังสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม

นายธาม กล่าวว่า ช่วงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง 8-14 เม.ย. ที่ผ่านมา สื่อหนังสือพิมพ์ได้รายงานข่าวสารความขัดแย้งทางการเมืองอย่างให้ความสำคัญ อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนและองค์กรวิชาชีพสื่อ ก็อาจมีข้อสงสัยและตั้งคำถามต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนด้วยกันเอง ว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงเช่นนี้ สื่อได้มีส่วนในการใช้ภาษาข่าวที่นำไปสู่ความขัดแย้งให้มากขึ้นหรือลดลงอย่างไร

สำหรับการสำรวจครั้งนี้ สำรวจจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ไทยโพสต์ และผู้จัดการรายวัน พบประเด็นที่น่าสนใจ คือ 1.กลุ่มคำที่ใช้เรียกฝ่ายการเมือง พบว่ากลุ่มคำที่ใช้เรียกแหล่งข่าวทางการเมืองมีลักษณะรุนแรง มุ่งประณาม การกระทำอันเกิดจากกลุ่มบุคคลนั้นๆ ขณะที่กลุ่มคำที่ใช้เรียกรัฐบาลกลับไม่มีการใส่สีสัน อาทิเช่น

กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้แก่ แดง ม็อบเสื้อแดง คนเสื้อแดง แก๊งเสื้อแดง แดงถ่อย นรกแดง ม็อบถ่อย ม็อบแดง แดงเถื่อน เสื้อแดงเถื่อน หางแดง แดงจัญไร โจรแดง สัตว์นรกเสื้อแดง สัตว์นรก ม็อบป่วนเมือง ม็อบแดดเดียว นรกป่วนกรุง กองทัพแดงทักษิณ แก๊งหัวครก ม็อบธิปไตย กองทัพเสื้อแดง แดงจนตรอก อัปรีย์แก๊งหัวครก แดงแห้ว เป็นต้น

กลุ่มคำที่ใช้เรียก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้แก่ นักโทษแม้ว นช.แม้ว แม้ว นักโทษหนีคุก นักโทษทักษิณ เป็นต้น กลุ่มคำที่ใช้เรียก ฝ่ายรัฐบาล ได้แก่ มาร์ค อภิสิทธิ์ นายกฯ อภิสิทธิ์ โอบามาร์ค เทพ เทพเทือก เทพเทือกหน่อมแน้ม รัฐบาลหัวหมอ ทหารขี้ขลาด เป็นต้น และกลุ่มคำอื่นๆ ได้แก่ อีแอบ มือมืด เดนนรก อริสมาร เป็นต้น

2. กลุ่มคำที่ใช้เรียกเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ภาษาที่ใช้บรรยายมีลักษณะคล้ายการทำสงคราม การก่อความวุ่นวาย อาทิเช่น แม้วปลุกระดม ทำสงครามประชาชน แผนเผาเมือง เสื้อแดงเดือด ป่วนกรุง ม็อบบุก ม็อบเดือด เผาเมือง ประกาศความถ่อย เถื่อนไม่เกรงกลัวอาญา โศกนาฏกรรมเมื่อม็อบเสื้อแดงจำนวนมากแสดงความป่าเถื่อนอย่างบ้าคลั่ง จลาจลไล่ฆ่านายกฯ สงกรานต์เริงไฟ สงครามกลางเมือง สงกรานต์เลือดสาด เป็นต้น

3. กลุ่มคำที่ใช้บรรยายเหตุการณ์ปะทะกัน อาทิเช่น ปะทะเดือด ไฟท่วมเมือง สลาย-แดงคลั่งเผาเมือง! ตร.แม้ว เอาเท้าลูบ เทพเทือก

มาร์คหวิดโดนรุมสกรัม แดงถ่อยก่อจลาจลป่วนเมือง เหิม ยึดรถถังหน้าพารากอน รัฐบาลปล่อยแดงเผาเมือง ชาวบ้านสุดทนลุกขึ้นสู้ “นิพนธ์” เจอสกรัมเลือดอาบ เสื้อแดงเดือดปิด มท. ฮือล้อมรถมาร์ค แดงโต้กลับใช้รถก๊าซขู่! กู้ระทึก สลด! แม้วหลอกแดงถ่อยตายแทน ทหารลุยเสื้อแดง ก่อจลาจลเผาทั่วเมืองจี้รถแก๊สหวังบึ้ม เชือดนรกป่วนกรุง ยำ “นิพนธ์” ปางตาย จลาจลไล่ฆ่านายกฯ เป็นต้น

4. ภาษาที่ใช้แสดงการโต้ตอบทางการเมืองของแหล่งข่าว อาทิเช่น ฟัน จวก อัด

5. ภาษาที่แสดงความน่าตื่นเต้นหวาดกลัว อาทิเช่น สุดระทึก หนีตายอลหม่านป่วนเมือง บึ้มป่วนเมือง ระดมพรรคพวก

6. เป็นกลุ่มคำที่ใช้ตัดสินและประณามการกระทำ พบมากในพาดหัวข่าว ความนำ วลี อาทิเช่น เสื้อแดงเถื่อน พาประเทศลงเหว โพลล์ประจานม็อบทำทุกข์ซากศพเสนอยุบสภาแก้ โพลล์ 3 สำนักตอกหน้านรกแดงป่วนกรุง อิทธิฤทธิ์เสื้อแดงส่งผลแล้ว อัปยศ เสื้อแดงเถื่อน แดงเถื่อนบุกล้มอาเซียน-อัปรีย์แก๊งหัวครก ลั่นไชโย-ชาติพัง! ชัยชนะอัปยศ สื่อเทศซัดมาร์คหน่อมแน้ม สมใจนักโทษชาย ด้ามขวานแบ่งแยกแล้ว เป็นต้น

7. กลุ่มคำภาษาที่สะท้อนเชิงนวนิยาย พบมากในพาดหัวข่าว อาทิเช่น “เนวิน ร่ำไห้ ยันไม่ทรยศ”  เนวินหลั่งน้ำตาพิฆาตทักษิณ หยุดก้าวล่วง น้ำตางูเห่า ของเนวิน อดีตเสื้อแดงตัวพ่อ

นายธาม สรุปผลการสำรวจว่า ภาษาข่าวหนังสือพิมพ์สะท้อนความรุนแรง โดยแสดงให้เห็นพฤติกรรมการกระทำของกลุ่ม นปช. ที่ใช้ความรุนแรงตามเหตุการณ์ที่พบ มีลักษณะประณามและไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ใช้ความรุนแรง พบมากในพาดหัวข่าวหลัก ความนำ และพาดหัวข่าวรอง ขณะที่ภาษาในเนื้อหาข่าวนั้นค่อนข้างปกติ มีลักษณะบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มีส่วนน้อยที่แสดงความรู้สึกลงไปในเนื้อหา

 

2

สื่อลุยรณรงค์"ปฏิญญาประชาชนหยุดทำร้ายประเทศไทย"
เว็บไซต์คมชัดลึก 30 เมษายน 2552

เมื่อวันที่ 29 เมษายน นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องจากเครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง ได้จัดทำโครงการรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย ได้จัดทำปฏิญญาประชาชน "ไม่ทำร้ายประเทศไทย ไม่ใช้ความรุนแรง" ในวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม ณ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ด้านหน้าสวนลุมพินี) โดยจะเดินรณรงค์ไปตามถนนย่านสีลม ทั้งนี้ ได้นัดหมายให้ประชาชนที่เห็นด้วยกับแนวทางของเครือข่ายมาพร้อมกันเวลา 08.00-10.00 น.
        
ปฏิญญาประชาชน "ไม่ทำร้ายประเทศไทย ไม่ใช้ความรุนแรง" มีเนื้อหาดังนี้

1.ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรงทั้งทางกาย ทางวาจา ความเห็นแตกต่างกันทางการเมืองเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง

2.ขอยืนยันว่าการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่กระทำได้ และขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายเคารพเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยของตน มาละเมิดเสรีภาพผู้อื่นและไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง

3.ขอเรียกร้องให้คู่กรณีที่ขัดแย้งกันหาทางออกให้ความขัดแย้งนี้โดยสันติวิธี โดยขอให้ผู้นำทางการเมืองทั้งในอดีตและปัจจุบัน พรรคการเมือง ส.ส.และ ส.ว.ตลอดจนบุคคลทั้งหลายที่กำลังทำตนเป็นผู้ปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกัน หยุดการกระทำนอกวิถีประชาธิปไตยที่จะนำชาติไทยไปสู่หายนะ

4.ขอเรียกร้องให้ยุติการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์

5.ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำหน้าที่ของตนเองตามกฎหมาย ไม่นิ่งดูดาย ไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของตน และการบังคับใช้กฎหมายต้องเป็นไปด้วยเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ

6.ขอวิงวอนให้สื่อมวลชนรักษาจรรยาบรรณ โดยไม่ใช้สื่อซึ่งเป็นพาหะนำข่าวสารที่ถูกต้องไปยังประชาชน ละเว้นการแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่สร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง

7.ขอเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนทางการเงินหรือประโยชน์อื่นให้เกิดการปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความเกลียดชัง แงฝ่าย ยุติการให้การสนับสนุนทางการเงินหรือประโยชน์อื่นแก่ผู้ปลุกปั่นประชาชนให้เกิดการแบ่งขั้ว

8.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส ในวิถีทางรัฐธรรมนูญและกฎหมายไม่เลือกปฏิบัติ

9.ขอให้ประชาชนที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้เผยแพร่ปฏิญญาฉบับนี้ไปยังเครือข่ายและผู้ที่รู้จักมักคุ้น และร่วมกันลงชื่อในปฏิญญาประชาชนฉบับนี้ เพื่อนำปฏิญญาประชาชนและรายชื่อผู้สนับสนุน ส่งไปยังบุคคลทุกฝ่ายที่กำลังขัดแย้งกัน

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาในเกมช่วงชิงพื้นที่สื่อ กลยุทธ์หนึ่งก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เป็นข่าว ส่วนฝ่ายตนนั้น ต่อให้เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายแต่ถ้าได้พื้นที่ข่าวก็ถือว่าได้เปรียบใน ระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยก็พอทำให้ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่คุ้นหูอยู่ในความจดจำ ดีกว่าเป็นบุคคลโนเนมที่ไม่มีใครรู้จักเช่นเดียวกัน ช่วงนี้ ดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีพูดอะไร ให้สัมภาษณ์ว่าอะไร สื่อมักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ สังเกตได้ว่าเวลาอ่านหรือฟังข่าวในเวลานี้ ผู้สื่อข่าวจะหยิบคำพูดของนายกรัฐมนตรีมาเปิดเผยแบบยาวๆพูดแบบตามตำรา ก็คือ แหล่งข่าวเป็นผู้นำในรัฐบาล พูดอะไรก็ย่อมเป็นข่าวอยู่แล้ว…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง"ไปตายให้หนอนแดกเถอะ..ไป๊"ผมกำลังหาคำพูดที่ถ่ายทอดความคิดของคนบางคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ แม้อำนาจของเขาจะยึดโยงจากการเลือกตั้งด้วยการกากบาทของเรา กระนั้นก็เถอะ..เท่าที่รู้สึกได้ เขาอาจกำลังอยากบอกกับคุณด้วยถ้อยคำแบบนี้ อาจเป็นการบอกกล่าวที่ซ่อนถ้อยความหิวกระหายมาช้านานแล้ว ตั้งแต่อำนาจถูกกระชากไปจากมือ และที่เขาบอกแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขากำลังมองคุณเป็นเพียง ‘มดปลวก' อันอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์โดยเฉพาะถ้าคุณป่วยหรือไม่สบาย มันจะยิ่งสะท้อนความอ่อนแอไร้ประโยชน์เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากไปกว่านั้น หากโชคร้าย…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ เสาร์ที่ผ่านมา มีงานประชุมชื่อ Barcamp Bangkok จัดขึ้นที่ร้าน Indus สุขุมวิท 26 งานนี้ งานนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นงานที่มีผู้จัดมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะผู้ร่วมงานหลายคนมากันแต่เช้าเพื่อช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้ แปะป้าย บางคนทำสมุดทำมือมาแจก หลายคนเตรียมหัวข้อพร้อมสไลด์มาพูดในงาน ------------------------------------- http://www.flickr.com/photos/poakpong http://www.flickr.com/photos/plynoi ทันทีที่งานเริ่ม กระดาษแผ่นแล้วแผ่นแล้ว ถูกทยอยนำไปแปะบนกระจกของร้าน ว่ากันว่า หัวข้อที่พูดกันในงาน มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับเว็บแอพพลิเคชันใหม่ๆ เทคโนโลยีโอเพนซอร์ส…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่งด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ขนาบไปด้วยทะเลยาวเหยียด เหมาะเป็นเส้นทางขนส่งวัตถุดิบสารพัด ประจวบฯ จึงเป็นที่หมายตาของโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าโรงไฟฟ้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไม่เห็นด้วยกับโครงการเหล่านี้ ก็นับเป็นความอาภัพของชีวิต เพราะภูมิศาสตร์แบบนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้คัดค้านกับรัฐหรือทุนขนาดใหญ่กันไม่หยุดหย่อน ไม่โครงการนั้น ก็โครงการนี้ และไม่รู้ว่าด้วยความอาภัพนี้หรือไม่ที่ทำให้ขบวนการประชาชนที่นี่ ‘แข็งแกร่ง' จะว่าที่สุดในประเทศก็คงไม่ผิดนัก ล่าสุด มีการต่อสู้คัดค้านโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ซึ่งเป็นโครงการขนาดมหึมา ที่จะไปลงในพื้นที่แม่รำพึง…
Hit & Run
ตติกานต์ เดชชพงศคงรู้กันหมดแล้วว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีถูกยึด และต่อจากนี้ ทีวีช่องนี้จะไม่มีรายการบันเทิง ‘ไร้แก่นสาร' อีก จะมีก็แต่รายการที่มีประโยชน์ สร้างสรรค์สังคม มีคุณค่า ประเทืองปัญญากว่ารายการทีวีแบบเดิมๆๆๆๆ ฯลฯ แล้วทีวีช่องนั้นก็ถูกเรียกเสียใหม่ว่า ‘ทีวีสาธารณะ' ในฐานะประชาชนคนหนึ่งซึ่งเติบโตมากับสิ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ‘รสนิยมสาธารณ์' ไม่ว่าจะเป็น ละครน้ำเน่า (ผ่านยุคของ พจมาน สว่างวงศ์, ดาวพระศุกร์ หรือ โสรยา ใน ‘จำเลยรัก' มามากกว่าหนึ่งยุค!) รวมถึงเกมโชว์ที่ ‘ได้รับแรงบันดาลใจ' มาจากต่างประเทศ และการ์ตูนญี่ปุ่นที่เอะอะก็ต่อสู้กัน (แม้แต่การ์ตูนแมวหุ่นยนต์ ‘โดราเอมอน'…
Hit & Run
  วิทยากร  บุญเรืองกลุ่ม แบ๊คซ้าย' มิถุนาฯ   23 ธันวาคม 2550...เป็นอีกวาระหนึ่งที่เราจะต้องออกไปช่วยเพื่อนรัก ‘นักการเมือง' (กลุ่มคนที่ถูกประณามมากที่สุดในสังคมไทยปัจจุบัน)สื่อต่างๆ ชอบที่จะกระแซะแซวว่า นักการเมืองมักจะมืออ่อนนอบน้อมกราบไหว้ประชาชนเสมอในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งมันก็ถูก แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน คนอีกบางจำพวกนั้น ‘ไม่มี' ช่วงเวลาพิเศษไหนเลยที่จะลงมาไหว้กราบกรานขอคะแนนจากประชาชน หนำซ้ำพวกเรากลับต้องกราบกรานไหว้เขาอยู่เป็นกิจวัตรใครล่ะน่าเกลียดกว่ากัน? สำหรับวาระสำคัญก่อนการเลือกตั้ง การรณรงค์ไม่ให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทำนองที่ว่า ‘…
Hit & Run
   พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจใครที่ไม่ได้มาเชียงใหม่หลายปี หากมาเยือนปีนี้ คงผิดหูผิดตาเลยทีเดียวไม่ใช่แค่งานพืชสวนโลก ไม่ใช่แค่ ‘ช่วง ช่วง' หรือ ‘หลิน ฮุ่ย' ไม่ใช่แค่ร้าน ‘ไอเบอรี่' ของโน้ต อุดม ที่ทำให้ ‘หน้าตา' เมืองเชียงใหม่เปลี่ยนไปหากแต่ยังมีเจ้าสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ที่ชื่อว่า ‘ทางลอด' ผุดขึ้นทุกมุมเมือง ซึ่งเบื้องหลังของมัน ยังมีเรื่องราวอันยาวนานของการพัฒนา ‘เมือง' อีกด้วย!หลายปีมานี้ ยวดยานใน จ.เชียงใหม่ ต้องประสบกับความทุลักทุเลในการข้ามสี่แยก เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างทางลอดแยก ผุดขึ้นบนถนนสายหลักของเมืองเชียงใหม่ เช่น การก่อสร้างทางลอด 7 แห่ง บนถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี…
Hit & Run
"ต้นตอของปัญหาใหญ่ๆ ในสังคม พบว่าเรื่องหนึ่งคือ คนที่เป็นเจ้าของปัญหาไม่มีช่องทางส่งเสียงของตัวเองในช่องทางสื่อสารมวลชน ยิ่งวิทยุและทีวีนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง พื้นที่ของคนเดือดร้อน ถูกเบียดออกมาบนท้องถนนที่ออกมาประท้วงให้คนเมืองใหญ่รำคาญ" 
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์หลังจากได้อ่านข้อความในหนังสือที่ คมช. ส่งถึงคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ของ กกต. ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบว่า หนังสือ ซึ่งออกโดย คมช. (สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐) นั้น เข้าข่ายความผิดฐาน เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ หรือไม่ เพื่อขอให้ทบทวนบทบาทของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากการออกหนังสือฉบับดังกล่าวของ คมช.เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว ก็เกิดความรู้สึก ‘สบายใจ'…
Hit & Run
   ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นเรื่องปกติในสังคมการเมืองแบบไทยๆ เมื่อมีบางคนใน ‘ตองหนึ่ง' อดีตผู้บริหารไทยรักไทยเรียกร้องในสิทธิความเป็นมนุษย์ที่พึงมีต่อองค์กร ‘ไม่ใช่พ่อ' และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อขอให้เข้ามาดูแลสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยยุ่งเกี่ยวการเมืองทุกรูปแบบกรณี ซึ่งอาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการพูดและแสดงออก แทบฉับพลันทันทีนั้น เสียงแขวะฝอยเลาะตะเข็บก็ดังควากออกมาอย่างหยามหยันมากมายตามหน้าสื่อต่างๆเมื่อตามรอยตะเข็บที่เลาะไป ใช่จะไม่มีมูล…
Hit & Run
"ความพยายามสร้างกติกาอันบิดเบี้ยวตลอดปีกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้ ‘ผี' ยิ่งน่ากลัวสำหรับคนที่กลัว และยิ่งน่าพิสมัยสำหรับผู้ที่ไม่กลัว และผู้ที่ไม่กลัวส่วนใหญ่นั้นแม้จะอยู่ห่างไกล ไร้อำนาจ แต่ก็สามารถแสดงพลังเงียบของตนได้อย่างมีนัยสำคัญ"  ภาพจาก dschild.exteen มุทิตา  เชื้อชั่ง ผมเป็นคนกลัวผีมากจนแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลัวผี และรู้สึกว่าสังคมไทยกำลังกลัว ‘ผี' อย่างหนัก ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือ จากที่เคยมีคำอธิบายมากมายว่าทำไมจึงต้องกลัว ‘ผี' หรือไล่ ‘ผี' แต่นานวันเข้า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ความกลัว ‘ผี'…
Hit & Run
ภาพจาก http://www.kathmandu-bkk.com/คิม ไชยสุขประเสริฐช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหายุ่งยากใจกันอยู่นิดหน่อยในออฟฟิศ เรื่องการทำเสื้อทีมว่าจะเอาแบบไหน-สีอะไร ที่ยังไงก็ไม่ลงตัวสักที เพราะสีแต่ละสีตอนนี้ถูกนำเอาไปทำสัญลักษณ์ของกลุ่มต่างๆ กันไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแม่สีอย่าง สีแดง สีเหลือง หรือสีขั้นสองอย่างสีเขียว สีส้ม หรือสีม่วง