Skip to main content

ขอ 'อภัย' ล่วงหน้า หากว่าเรื่องนี้จะ(ไม่) เกี่ยวข้องกับการ 'อภัย' ใน 'โทษ' ของคนตนหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นร้อน!

เพณิญ

        ตาย ก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน

คิดๆ แล้วแค้นสุดขีด สุดฤทธิ์ สุดเดช ว่าทำไม ทำไมต้องทำร้ายกันอย่างนี้

        บุณคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ

เกริ่นมาแบบนี้ เพราะจะชวนให้ตั้งคำถามว่า

แท้จริงแล้ว...สังคมไทยเป็นสังคมที่พร้อมจะให้ อภัย กันเสมอ จริงหรือ?

และขอ อภัย ล่วงหน้า หากว่าเรื่องนี้จะ (ไม่) เกี่ยวข้องกับการ อภัย ใน โทษ ของคนคนหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นร้อน!

             

การแก้แค้น ซากกบตาย :  ตลกร้ายและความชิบหายวายป่วง

          เป็นความจริงที่ว่า มนุษย์สามารถเกิดอารมณ์โกรธแค้นและมีแนวโน้มโดยธรรมชาติที่จะใช้ความรุนแรงในการตอบโต้หรือแก้แค้น เราสามารถใช้หลักการทางจิตวิทยามาสนับสนุน โดยจากการศึกษาพฤติกรรมการชมละครหรือภาพยนตร์ ในตอนท้ายเรื่องหากตัวเอกสามารถแก้แค้นตัวร้ายได้สำเร็จ ผู้ชมจะเกิดความพึงใจมากกว่าจะนั่งชมความสำเร็จของตัวร้ายที่ไม่ได้รับผลร้ายตอบแทนให้สาสมกับความชั่วของตนเอง

ไม่แปลกที่ละครไทยไทย มักจะจบด้วยภาพการประสบเคราะห์กรรมของตัวร้าย ก่อนจะฉายภาพให้เห็นความสุขสมหวังของตัวเอก ทั้งที่หากพิจารณาดูแล้ว สัดส่วนของเคราะห์กรรมที่ตัวร้ายได้รับมักเกินกว่าเคราะห์กรรมของตัวเอก (แต่ก็อีกนั่นแหละ เราเรียกการได้รับการแก้แค้นหรือการรับความผิดจนจมกองเลือดเหล่านั้นว่าเป็นการสั่งสอนในเรื่องผลของการกระทำความชั่ว ศีลธรรม ฯลฯ)

 

ทีนี้ ลองมาฟังการแก้แค้นในแบบเด็กๆ ที่จะว่าเป็นเพียงมุขตลกขำขำ หรือจะมองให้ลึกซึ้ง ถึงความชิบหายวายป่วงที่เกิดขึ้น ก็ตามแต่วาระแห่งการพิจารณา

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าอันไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ริเริ่ม อย่างไรขอยกมาเล่าอีกครั้ง...

เรื่องมีอยู่ว่า เด็กชายคนหนึ่ง เดินลากซากกบตัวแบนแต๊ดแต๋ ไปที่หอนางโลม แล้วบอกกับมาม่าซังว่า

ผมต้องการนอนกับหญิงสาวที่เป็นโรค ได้ยินมาว่าใครที่มาที่หอนางโลมนี้ จะต้องไปโรงพยาบาลและโดนฉีดยา ผมเลือกหญิงสาวที่เป็นโรคคนนั้นแหละ

แรกๆ มาม่าซังก็อิดออด หากแต่ทนการรบเร้าของเด็กชายไม่ไหว

เอาเถอะ ทำตามความต้องการของผม ผมมีเงินจ่าย เด็กชายควักเงินออกมาจากกระเป๋า แล้วถูกพาไปยังห้องของหญิงสาวที่เป็นโรค

15 นาทีผ่านไป เด็กชายเดินลงบันไดมา มือก็ยังคงลากซากกบตายอยู่อย่างนั้น

ถามหน่อยเถอะ ทำไมถึงเลือกนอนกับหญิงสาวที่เป็นโรค มาม่าซังถาม
"มันเป็นแผนการแก้แค้นของผมน่ะเด็กชายตอบด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความคับแค้น

เย็นนี้พอผมกลับบ้าน พ่อกับแม่จะออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน แล้วทิ้งให้ผมอยู่กับพี่เลี้ยง
ผมก็จะฟันพี่เลี้ยงซะ แล้วพี่เลี้ยงผมก็จะติดโรคที่ผมเพิ่งติดไปเนี่ยแหละ

จากนั้นพ่อก็จะต้องขับรถไปส่งพี่เลี้ยงของผมที่โรงพยาบาล ระหว่างทางพ่อก็จะฟันพี่เลี้ยงของผม แล้วพ่อก็จะติดโรค พอพ่อกลับมาบ้าน พ่อก็มีอะไรกับแม่ แล้วแม่ก็จะติดโรคอีก

มาม่าซัง ตาโตกับแผนการแก้แค้นของเด็กชาย
แล้วพอถึงตอนเช้า พอพ่อไปทำงาน คนส่งนมก็จะมาส่งนม แล้วเขาก็จะฟันแม่ของผม

แล้วเขาก็จะติดโรค
            "ไอ้คนส่งนมเนี่ยแหละ ที่มันขับรถทับกบของผมตาย"

 

            โอ้ละหนอ ช่างเป็นการแก้แค้นที่แสนขำขื่น หากแต่ก็กลายเป็น กระบวนการแก้แค้นที่ ลากคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จำนวนมาก เข้ามาอยู่ในกระบวนการแก้แค้นนั้น

ฟังเรื่องนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า คนไทยกี่คนต่อกี่คนที่ต้องติดโรคร้าย อันเป็นผลจากกระบวนการแก้แค้นให้สาสมกับการกระทำของผู้ชายคนหนึ่ง (ชายส่งนม คนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร)

 

สมการและความชอบธรรมของการแก้แค้น

นาย ก. ดีดหู นาย ข. = นาย ข. ดีดหูนาย ก.

คือสมการการแก้แค้นที่ได้ หากนาย ก. ดีดหู นาย ข. แล้วนาย ข. ดีดหูนาย ก. กลับ

แต่ในความเป็นจริงรูปแบบของการแก้แค้นมักไม่ได้เป็นไปดั่งสมการ เพราะความแค้นมักจะถูกระบายออกโดยการแก้แค้นหรือการล้างแค้นในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ การสาบแช่ง การก่นด่า การลงโทษโดยทางตรงและทางอ้อม

ดังนั้นหากนาย ก. ดีดหูนาย ข. แล้ว นาย ข. อาจแก้แค้นด้วยการชกหน้านาย ก. จนฟันหัก และเอายาเบื่อให้สุนัขของนาย ก.กิน เพราะโดยสัญชาตญาณแล้ว มนุษย์มักจะแก้แค้นด้วยความรุนแรงที่เกินส่วนขึ้นในทุกๆ ครั้งที่เกิดการแก้แค้น

และความรุนแรงที่เกินส่วนนั้นเองที่ทำให้เกิดการแก้แค้นครั้งต่อๆ ไป เราจึงเห็นการแก้แค้นกลับไปกลับมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

ข้อน่าสังเกตอีกอย่างก็คือ การแก้แค้นยังแฝงอยู่ในหลายๆ พฤติกรรมทางสังคมอย่างชอบธรรม เช่น การลงโทษผู้กระทำผิด การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกินความเสียหายที่แท้จริงอย่างมาก แม้ว่าหากจะอธิบายในเรื่องของกฏหมายและความยุติธรรมแล้ว เรื่องดังกล่าวจะเป็นไปเพื่อการป้องกันการกระทำความผิด แต่ในความเข้าใจของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจของคนเรียกร้องให้ดำเนินคดี นั่นคือการแก้แค้นอีกอย่างหนึ่งที่เคลือบแฝงไปด้วยความรู้สึก สะใจและความรู้สึกที่ว่าจะต้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ สาสมแก่ความผิด

แต่สิ่งที่หายไปจากการแก้แค้นในรูปแบบนี้ก็คือ การปิดโอกาสการแก้แค้นกลับ ด้วยการวางระบบยับยั้งสัญชาตญาณของมนุษย์โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น ศีลธรรม จริยธรรมและกระบวนการยุติธรรม อันเป็นการสร้างความชอบธรรมให้แก่การแก้แค้นนั้น

            หากแต่คำถามก็คือ การแก้แค้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ หรือใช้วิธีการใดๆ มีความชอบธรรมจริงหรือ

 

ให้อภัย การตกผลึกทางความแค้นในจิตใจของมนุษย์

            จากเรื่องของการแก้แค้น ลองมาฟังเรื่องของการให้อภัยกันบ้าง

ลอร่า บูลเมนเฟลด์ - นักเขียนสาวประจำหนังสือพิมพ์ วอชิงตันโพสต์ ออกเดินทางจากอเมริกาไปตะวันออกกลาง เพื่อชำระหนี้แค้นให้กับพ่อของเธอ (ชาวอเมริกันเชื้อสายยิวถูกมือปืนชาวปาเลสไตน์ยิงกลางตลาดในเยรูซาเล็ม แต่รอดชีวิตมาได้)

จากการเดินทางเพื่อชำระหนี้แค้น ทำให้เธอพบเรื่องราวเกี่ยวกับความแค้นมากมายในพื้นที่ต่างๆ และสุดท้ายได้พบคนที่ยิงพ่อของเธอ ระหว่างที่ความคับแค้นเต็มอก เธอก็ได้เรียนรู้เรื่องการให้อภัย นั่นทำให้เธอเข้าใจว่า ความแค้นไม่ใช่ความหิว แต่มันคือความอยาก เรามีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยความอยาก แต่มันจะค่อยๆ กัดแทะเรา อาหารบางอย่างเท่านั้นที่สนองตอบความอยากของเราได้ ไม่ใช่สเต็กธรรมดา แต่ต้องเป็นสเต็กที่หั่นบนเขียงไม้เป็นชิ้น ยาวสองนิ้วและเนื้อต้องนุ่มเป็นสีชมพูอ่อนไม่แข็งกระด้าง ความอยากเป็นความเรื่องมากและจู้จี้เอาแต่ใจ

การเรียนรู้จากความแค้น ในใจตนเองทำให้เธอพบกับความหวังที่เธอจะดับความแค้นนั้น ซึ่งเธอได้บันทึกไว้ในหนังสือ ข้ามฝั่งแค้น: การเดินทางแห่งความหวัง

 

ครั้งหนึ่ง พระไพศาล วิสาโล พระนักสันติวิธี เล่าถึงความประทับใจต่อ คิม ฟุค เด็กผู้หญิงเปลือยในภาพถ่ายที่กำลังวิ่งหนีระเบิดสมัยที่อเมริกามาทำสงครามกับเวียดนาม ผู้มีบาดแผลกว่าครึ่งตัวจากแรงระเบิด และยังสูญเสียลูกพี่ลูกน้องไปสองคน บ้านพังพินาศย่อยยับ

ว่าครั้งหนึ่ง เธอได้รับเชิญให้ไปพูดเนื่องในวันทหารผ่านศึกที่อเมริกา เธอพูดถึงโทษของสงครามแล้วก็กล่าวในที่ประชุมว่า

อยากจะขอบอกกับคนที่ทิ้งระเบิดใส่บ้านฉันว่า ฉันเคยโกรธคุณมาก แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนอดีตอันเลวร้ายได้ เราสามารถสร้างอนาคตที่ดีได้

 พอเธอพูดจบ ทหารคนนั้นที่เผอิญนั่งฟังอยู่ รีบเข้ามากล่าวขอโทษเธอด้วยน้ำตา

แต่เธอตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย

 

นั่นเป็นตัวอย่างของการให้ อภัยท่ามกลางความรู้สึก คับแค้นที่กำลังเกิดขึ้นจากทั่วทุกมุมโลก           

        บางที หากเราจะยุติความแค้น เราควรจะต้อง ล้างแค้น

        ล้างแค้น ในความหมายของการ ล้าง ให้สะอาดสะอ้านจากจิตใจ เพราะถึงที่สุด การให้อภัย ก็คือ การตกผลึกทางความแค้นขั้นสูงสุดในจิตใจของมนุษย์

 

 

หมายเหตุ

หนังสือ ข้ามฝั่งแค้น: การเดินทางแห่งความหวัง

ผู้เขียน ลาร่อ เบลเมนฟูลด์ สำนักพิมพ์โกมล คีมทอง

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาในเกมช่วงชิงพื้นที่สื่อ กลยุทธ์หนึ่งก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เป็นข่าว ส่วนฝ่ายตนนั้น ต่อให้เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายแต่ถ้าได้พื้นที่ข่าวก็ถือว่าได้เปรียบใน ระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยก็พอทำให้ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่คุ้นหูอยู่ในความจดจำ ดีกว่าเป็นบุคคลโนเนมที่ไม่มีใครรู้จักเช่นเดียวกัน ช่วงนี้ ดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีพูดอะไร ให้สัมภาษณ์ว่าอะไร สื่อมักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ สังเกตได้ว่าเวลาอ่านหรือฟังข่าวในเวลานี้ ผู้สื่อข่าวจะหยิบคำพูดของนายกรัฐมนตรีมาเปิดเผยแบบยาวๆพูดแบบตามตำรา ก็คือ แหล่งข่าวเป็นผู้นำในรัฐบาล พูดอะไรก็ย่อมเป็นข่าวอยู่แล้ว…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง"ไปตายให้หนอนแดกเถอะ..ไป๊"ผมกำลังหาคำพูดที่ถ่ายทอดความคิดของคนบางคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ แม้อำนาจของเขาจะยึดโยงจากการเลือกตั้งด้วยการกากบาทของเรา กระนั้นก็เถอะ..เท่าที่รู้สึกได้ เขาอาจกำลังอยากบอกกับคุณด้วยถ้อยคำแบบนี้ อาจเป็นการบอกกล่าวที่ซ่อนถ้อยความหิวกระหายมาช้านานแล้ว ตั้งแต่อำนาจถูกกระชากไปจากมือ และที่เขาบอกแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขากำลังมองคุณเป็นเพียง ‘มดปลวก' อันอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์โดยเฉพาะถ้าคุณป่วยหรือไม่สบาย มันจะยิ่งสะท้อนความอ่อนแอไร้ประโยชน์เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากไปกว่านั้น หากโชคร้าย…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ เสาร์ที่ผ่านมา มีงานประชุมชื่อ Barcamp Bangkok จัดขึ้นที่ร้าน Indus สุขุมวิท 26 งานนี้ งานนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นงานที่มีผู้จัดมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะผู้ร่วมงานหลายคนมากันแต่เช้าเพื่อช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้ แปะป้าย บางคนทำสมุดทำมือมาแจก หลายคนเตรียมหัวข้อพร้อมสไลด์มาพูดในงาน ------------------------------------- http://www.flickr.com/photos/poakpong http://www.flickr.com/photos/plynoi ทันทีที่งานเริ่ม กระดาษแผ่นแล้วแผ่นแล้ว ถูกทยอยนำไปแปะบนกระจกของร้าน ว่ากันว่า หัวข้อที่พูดกันในงาน มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับเว็บแอพพลิเคชันใหม่ๆ เทคโนโลยีโอเพนซอร์ส…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่งด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ขนาบไปด้วยทะเลยาวเหยียด เหมาะเป็นเส้นทางขนส่งวัตถุดิบสารพัด ประจวบฯ จึงเป็นที่หมายตาของโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าโรงไฟฟ้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไม่เห็นด้วยกับโครงการเหล่านี้ ก็นับเป็นความอาภัพของชีวิต เพราะภูมิศาสตร์แบบนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้คัดค้านกับรัฐหรือทุนขนาดใหญ่กันไม่หยุดหย่อน ไม่โครงการนั้น ก็โครงการนี้ และไม่รู้ว่าด้วยความอาภัพนี้หรือไม่ที่ทำให้ขบวนการประชาชนที่นี่ ‘แข็งแกร่ง' จะว่าที่สุดในประเทศก็คงไม่ผิดนัก ล่าสุด มีการต่อสู้คัดค้านโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ซึ่งเป็นโครงการขนาดมหึมา ที่จะไปลงในพื้นที่แม่รำพึง…
Hit & Run
ตติกานต์ เดชชพงศคงรู้กันหมดแล้วว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีถูกยึด และต่อจากนี้ ทีวีช่องนี้จะไม่มีรายการบันเทิง ‘ไร้แก่นสาร' อีก จะมีก็แต่รายการที่มีประโยชน์ สร้างสรรค์สังคม มีคุณค่า ประเทืองปัญญากว่ารายการทีวีแบบเดิมๆๆๆๆ ฯลฯ แล้วทีวีช่องนั้นก็ถูกเรียกเสียใหม่ว่า ‘ทีวีสาธารณะ' ในฐานะประชาชนคนหนึ่งซึ่งเติบโตมากับสิ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ‘รสนิยมสาธารณ์' ไม่ว่าจะเป็น ละครน้ำเน่า (ผ่านยุคของ พจมาน สว่างวงศ์, ดาวพระศุกร์ หรือ โสรยา ใน ‘จำเลยรัก' มามากกว่าหนึ่งยุค!) รวมถึงเกมโชว์ที่ ‘ได้รับแรงบันดาลใจ' มาจากต่างประเทศ และการ์ตูนญี่ปุ่นที่เอะอะก็ต่อสู้กัน (แม้แต่การ์ตูนแมวหุ่นยนต์ ‘โดราเอมอน'…
Hit & Run
  วิทยากร  บุญเรืองกลุ่ม แบ๊คซ้าย' มิถุนาฯ   23 ธันวาคม 2550...เป็นอีกวาระหนึ่งที่เราจะต้องออกไปช่วยเพื่อนรัก ‘นักการเมือง' (กลุ่มคนที่ถูกประณามมากที่สุดในสังคมไทยปัจจุบัน)สื่อต่างๆ ชอบที่จะกระแซะแซวว่า นักการเมืองมักจะมืออ่อนนอบน้อมกราบไหว้ประชาชนเสมอในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งมันก็ถูก แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน คนอีกบางจำพวกนั้น ‘ไม่มี' ช่วงเวลาพิเศษไหนเลยที่จะลงมาไหว้กราบกรานขอคะแนนจากประชาชน หนำซ้ำพวกเรากลับต้องกราบกรานไหว้เขาอยู่เป็นกิจวัตรใครล่ะน่าเกลียดกว่ากัน? สำหรับวาระสำคัญก่อนการเลือกตั้ง การรณรงค์ไม่ให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทำนองที่ว่า ‘…
Hit & Run
   พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจใครที่ไม่ได้มาเชียงใหม่หลายปี หากมาเยือนปีนี้ คงผิดหูผิดตาเลยทีเดียวไม่ใช่แค่งานพืชสวนโลก ไม่ใช่แค่ ‘ช่วง ช่วง' หรือ ‘หลิน ฮุ่ย' ไม่ใช่แค่ร้าน ‘ไอเบอรี่' ของโน้ต อุดม ที่ทำให้ ‘หน้าตา' เมืองเชียงใหม่เปลี่ยนไปหากแต่ยังมีเจ้าสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ที่ชื่อว่า ‘ทางลอด' ผุดขึ้นทุกมุมเมือง ซึ่งเบื้องหลังของมัน ยังมีเรื่องราวอันยาวนานของการพัฒนา ‘เมือง' อีกด้วย!หลายปีมานี้ ยวดยานใน จ.เชียงใหม่ ต้องประสบกับความทุลักทุเลในการข้ามสี่แยก เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างทางลอดแยก ผุดขึ้นบนถนนสายหลักของเมืองเชียงใหม่ เช่น การก่อสร้างทางลอด 7 แห่ง บนถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี…
Hit & Run
"ต้นตอของปัญหาใหญ่ๆ ในสังคม พบว่าเรื่องหนึ่งคือ คนที่เป็นเจ้าของปัญหาไม่มีช่องทางส่งเสียงของตัวเองในช่องทางสื่อสารมวลชน ยิ่งวิทยุและทีวีนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง พื้นที่ของคนเดือดร้อน ถูกเบียดออกมาบนท้องถนนที่ออกมาประท้วงให้คนเมืองใหญ่รำคาญ" 
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์หลังจากได้อ่านข้อความในหนังสือที่ คมช. ส่งถึงคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ของ กกต. ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบว่า หนังสือ ซึ่งออกโดย คมช. (สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐) นั้น เข้าข่ายความผิดฐาน เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ หรือไม่ เพื่อขอให้ทบทวนบทบาทของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากการออกหนังสือฉบับดังกล่าวของ คมช.เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว ก็เกิดความรู้สึก ‘สบายใจ'…
Hit & Run
   ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นเรื่องปกติในสังคมการเมืองแบบไทยๆ เมื่อมีบางคนใน ‘ตองหนึ่ง' อดีตผู้บริหารไทยรักไทยเรียกร้องในสิทธิความเป็นมนุษย์ที่พึงมีต่อองค์กร ‘ไม่ใช่พ่อ' และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อขอให้เข้ามาดูแลสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยยุ่งเกี่ยวการเมืองทุกรูปแบบกรณี ซึ่งอาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการพูดและแสดงออก แทบฉับพลันทันทีนั้น เสียงแขวะฝอยเลาะตะเข็บก็ดังควากออกมาอย่างหยามหยันมากมายตามหน้าสื่อต่างๆเมื่อตามรอยตะเข็บที่เลาะไป ใช่จะไม่มีมูล…
Hit & Run
"ความพยายามสร้างกติกาอันบิดเบี้ยวตลอดปีกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้ ‘ผี' ยิ่งน่ากลัวสำหรับคนที่กลัว และยิ่งน่าพิสมัยสำหรับผู้ที่ไม่กลัว และผู้ที่ไม่กลัวส่วนใหญ่นั้นแม้จะอยู่ห่างไกล ไร้อำนาจ แต่ก็สามารถแสดงพลังเงียบของตนได้อย่างมีนัยสำคัญ"  ภาพจาก dschild.exteen มุทิตา  เชื้อชั่ง ผมเป็นคนกลัวผีมากจนแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลัวผี และรู้สึกว่าสังคมไทยกำลังกลัว ‘ผี' อย่างหนัก ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือ จากที่เคยมีคำอธิบายมากมายว่าทำไมจึงต้องกลัว ‘ผี' หรือไล่ ‘ผี' แต่นานวันเข้า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ความกลัว ‘ผี'…
Hit & Run
ภาพจาก http://www.kathmandu-bkk.com/คิม ไชยสุขประเสริฐช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหายุ่งยากใจกันอยู่นิดหน่อยในออฟฟิศ เรื่องการทำเสื้อทีมว่าจะเอาแบบไหน-สีอะไร ที่ยังไงก็ไม่ลงตัวสักที เพราะสีแต่ละสีตอนนี้ถูกนำเอาไปทำสัญลักษณ์ของกลุ่มต่างๆ กันไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแม่สีอย่าง สีแดง สีเหลือง หรือสีขั้นสองอย่างสีเขียว สีส้ม หรือสีม่วง