Skip to main content

20 กันยายน 2550

เจ้าเขียวสะอื้น (มอเตอร์ไซค์คู่ชีพ) ส่งเสียงครางกระหึ่มอุ่นเครื่องอยู่ใต้ถุนบ้าน ก่อนที่มันจะต้องเดินทางไกลในเส้นทางที่ฟ้าสวยแต่พื้นดินแสนขรุขระตรงกันข้าม

สามีฉันจึงจัดแจงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เช็คเครื่อง และเพิ่มตะกร้าหลังให้มันเพื่อบรรทุกสัมภาระที่ขนย้ายไปไม่หมด  ชาวบ้านหลายครอบครัวได้ย้ายไปดำเนินชีวิตที่หมู่บ้านใหม่ก่อนหน้าฉันหลายวันแล้ว แต่ฉันติดตรงที่ต้องพาลูกไปฉีดวัคซีนตามที่หมอนัด จึงยังอาศัยอยู่ที่บ้านแม่สามีไปพลางก่อน

เช้านี้เราจึงตัดสินใจจะเดินทางไปหมูบ้านใหม่กัน สำหรับฉันค่อนข้างจะตื่นเต้นเพราะยังไม่เคยเห็นบ้านใหม่ของตัวเองสักที  เพียงแต่ได้ยินได้ฟังมาจากปากของสามีและคนอื่นๆ ที่เดินเท้าลัดผ่านป่าไปมาระหว่างหมู่บ้านเดิมกับหมู่บ้านใหม่อยู่เสมอ  ความจริงระหว่างบ้านเดิมกับบ้านใหม่อยู่ห่างกันเพียงเดินเท้าทางท้ายหมู่บ้าน ขึ้นลงยอดเขายาวๆหนึ่งยอดสักสามสิบกว่านาทีก็ถึง แต่พอเดินทางด้วยถนนที่ตัดจากเมืองเข้าทางหมู่บ้านห้วยเดื่อ ผ่านหมู่บ้านห้วยปูแกงเป้าหมายการเดินทาง ก่อนจะมุ่งสู่ชายแดนทางทิศตะวันตก ต้องใช้เวลาเกือบสอชั่วโมง หากเป็นช่วงหลังฝนตกติดต่อกันทางจะยิ่งลำบากอาจต้องใช้เวลามากกว่าเดิม

เจ้าเขียวสะอื้นที่ต้องแบกบรรทุกสิ่งของสัมภาระ ทั้งตะกร้าหน้าตะกร้าหลังและผู้โดยสารอีกสามคนดูจะน่าเป็นห่วงไม่น้อยไปกว่าสามีที่ต้องคอยควบคุมรถไม่ให้ลื่นไหลลงข้างทาง เพราะทางเป็นหลุมเป็นโคลน บางครั้งต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นนักกายกรรมไต่ล้อไปบนเส้นถนนที่เหลือไว้เพียงหน้ายางรถยนต์

ลูกน้อยยังนอนอยู่ในอ้อมแขน แนบใบหน้ากับอกมีผ้าห่มคลุมพันมิดทั้งหัวทั้งหาง (ขา) ส่วนสายตาของผู้ซ้อนท้ายเช่นฉัน เหม่อไปยังท้องฟ้าสีครามระบายเมฆใสที่ยังดีไม่มีวี่แววของฝน

ป่าข้างทางเขียวชอุ่มตัดสีสันกับสายน้ำที่ข้นคลักดังสีน้ำชาใส่นมไหลบ่ามาอย่างรุนแรง น้ำปายยามนี้เหมือนสาวเจ้าอารมณ์ฉุนเฉียวเชี่ยวกราก ต่างจากเมื่อปลายหนาวสองปีก่อนเมื่อครั้งที่ฉันและเพื่อนๆ มาลอยตัวเล่นจับปูจับปลา น้ำปายสายเดียวกันกลับใสเย็นมองเห็นตัวปลา ทว่าใต้สายน้ำก็ไม่วายไหลรี่แรงดุจจิตใจสตรีที่ยากแท้หยั่งถึง

แล้วอารมณ์กวีที่เพ้อไปไกลก็ต้องหวนกลับคืนสู่ปัจจุบันเมื่อปลายทางใกล้เข้ามาถึง สามีกระซิบบอกว่าพอถึงถนนราดยางที่ขาดห้วงจนเราลืมไปแล้วอีกครั้งก็จะถึงทางแยกเล็กๆ ข้างหน้า ที่เป็นทางเท้าพอให้มอเตอร์ไซค์ลัดเลาะเข้าไปได้ เราจะต้องจอดรถไว้ริมฝั่งตลิ่งด้านนี้เพื่อรอให้เรืออีกฝั่งหนึ่งมารับเราข้ามฟาก แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีวี่แววว่า เรือที่บรรทุกนักท่องเที่ยวลำไหนจะเสียเวลาแวะจอดรับ

ฉันกับสามีจึงตัดสินใจอุ้มลูกเดินลัดเลาะพงหญ้าที่มีรอยทางเดินเท้าเข้าใกล้หมู่บ้านไปอีกนิดเพื่อจะให้คนฝั่งตรงกันข้ามเห็นตัวเราและแล่นเรือมารับ  ทางเดินที่ว่านี้ต้องใช้เวลาอีกสิบกว่านาทีเล่นเอาเหงื่อไหลไคลย้อยไปตามๆกัน
เมื่อลงเรือเป็นที่เรียบร้อย เราก็คิดว่าทุกอย่างคงจะผ่านไปด้วยดี แต่แล้วจู่ๆเรือที่กำลังกลับลำอยู่กลางน้ำเชี่ยวก็เกิดอาการเครื่องดับกระทันหัน แม้ว่าฉันจะทำใจเชื่อมั่นคนขับเรือแต่ดูอาการของคนขับเรือที่พยายามสตาร์ทเครื่องด้วยอาการขวัญเสียไม่น้อยไปกว่าสามี ทำให้รู้ว่าการข้ามเรือแต่ละครั้งก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะในฤดูกาลน้ำหลากเช่นนี้

janejira_20071024_1.jpg

“ไม่ค่อยอยากรับก็แบบนี้แหละครับมันอันตราย น้ำมันเชี่ยว” เมื่อถึงที่หมายคนขับเรือก็ชี้แจงถึงเหตุผลว่าทำไมต้องคอยอยู่ริมฝั่งนานๆ เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยง

เราค่อยๆ ปลอบขวัญกันไปโดยเฉพาะลูกน้อยที่กอดแม่เอาไว้แน่นในยามที่อยู่กลางสายน้ำเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา

เมื่อถึงบ้านห้วยปูแกงแล้วเราต้องเดินไปตามตรอกเล็กอีกประมาณสิบกว่านาที ทางที่แฉะไปด้วยโคลนตมและขี้วัว ทำให้ฉันเกือบเสียหลักลื่นล้มอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งเรามองเห็นควันไฟหลายสายลอยคว้างเหนือหมู่บ้านที่เรียงซ้อนเป็นสองแถว ซึ่งแต่ละหลังรูปทรงและขนาดกระทัดรัดคล้ายๆ กัน

ลานหน้าบ้านของแต่ละคนโล่งเตียนไม่มีใบไม้ใบหญ้ารกรุงรังเว้นเสียแต่บางหลังที่ยังไม่มีใครเข้าอยู่ก็จะเห็นหญ้าสาบเสือขึ้นอยู่รำไร

หมู่บ้านกลางหุบเขาสวยกว่าที่จินจตนาการเอาไว้ สายน้ำห้วยสายเล็กไหลเอื่อยอยู่ริมด้านขวาก่อนจะเลี้ยวตัดขวางเป็นเสมือนด่านแรกเข้าหมู่บ้าน เราเดินบนหินก้อนเล็กเรียงกันเป็นสะพานเข้าหมู้บ้าน เมื่อสบสายตาเข้ากับผู้คนก็พบเห็นแววตาและสีหน้าที่ชื่นมื่นมีความสุขแม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้าจากการทำงานปรับปรุงบ้านช่องห้องหอของตนเอง

janejira_20071024_2.jpg

“เจ้าตัวเล็กกินข้าวอร่อยขึ้นนะ” เป็นคำบอกเล่าของพี่สะใภ้เมื่อฉันถามถึงความเป็นอยู่หลับนอนในที่แปลกใหม่

“เหนื่อยนะทำบ้านทุกวันแต่ก็สนุกดีได้ทำนุ่นทำนี่ ไม่ได้อยู่เฉยเหมือนเมื่อก่อน”

พี่ชายคนที่สองของสามีที่ย้ายมาอยู่คนเดียวในบ้านที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองบอกเล่า ด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่า  คนหนุ่มคนสาวที่นี่ก็มีไม่น้อยที่ยังไม่ได้แต่งงาน

การทำงานร่วมกันด้วยวิถีชีวิตวัฒนธรรมดั้งเดิม ทำให้ฉันสังเกตเห็นสีหน้าที่แช่มชื่นขึ้นกว่าเดิมของเขา เพราะหญิงชายต่างมีหน้าที่ของตนเองซึ่งต้องพึ่งพากัน ผิดกับเมื่อก่อนที่หญิงจะเป็นหลักของครอบครัวเพราะมีรายได้จากการขายของและโชว์ตัวให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเพื่อจะรับเงินเดือนที่นายทุนจ่ายเป็นค่าตอบแทน

เมื่อเท้าเหยียบย่างขึ้นบนเรือนไม้ไผ่บ้านของตัวเอง ฉันก็พบกับความชื่นเย็นจากสายลมที่พัดเอากลิ่นต้นหญ้าแห้งโชยอ่อนแตะจมูก ควันไฟจางๆ ลู่เอนอยู่เกือบทุกมุมที่มองออกไปทางนอกเรือน เสียงกระดึงวัวขานรับเสียงร้องมอๆ อยู่แนวชายเขา

เราสามคนจึงเผลองีบหลับยามบ่ายไปด้วยกายที่เหนื่อยล้าแต่ด้วยใจที่เป็นสุข.

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
  สาละวิน,ลูกรัก เมื่อครั้งที่แม่มาจังหวัดเชียงใหม่ครั้งแรกนั้น แม่อายุได้ 18 ปี เชียงใหม่ในความรู้สึกของแม่มันช่างกว้างใหญ่สวยงาม  แม่เป็นเพียงเด็กบ้านนอกจนๆ ที่มีเพียงเงินค่ารถติดตัวไม่กี่บาท ที่เหลือก็เป็นค่าลงทะเบียนสอบเอ็นทรานซ์ แม่มองเห็นพระธาตุดอยสุเทพจากวิวนอกเมืองยามรถแล่นผ่าน  แม่อธิษฐานในใจว่า หากมีบุญที่จะได้มาอยู่เชียงใหม่  ก็จะขึ้นไปนมัสการพระธาตุฯ ให้ได้
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก แม่ได้เล่าถึงพิธีกรรมในการเรียกขวัญลูกในบทบันทึกที่ผ่านมา แม่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีพิธีกรรมเกี่ยวกับแม่ ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ของแม่เช่นกัน
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก พ่อกับแม่ต่างเกิดขึ้นมาในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างริบลับ แม่นั้นแม้จะเกิดที่ภาคอีสานของประเทศ แต่ก็ซึมซับวัฒนธรรมอีสานได้เพียงน้อยนิด ก็ต้องมาใช้ชีวิตและเติบโตที่ภาคเหนือจนกระทั่งเมื่อเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย ก็ดูเหมือนจะตัดขาดกับฐานวัฒนธรรมของตัวเอง เพราะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่สังคมชั้นกลางเป็นกระแสหลักอยู่รายล้อม
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก เช้าวันที่สองของการไปคลอด ในมือของแม่ยังคงว่างเปล่า ทั้งที่ทุกคนในห้องหลังคลอดต่างมีห่อของขวัญอยู่ในมือกันคนละห่อ พ่อของลูกเทียวไปมาระหว่างห้องหลังคลอด ซึ่งอยู่ชั้นบนของห้องรอคลอด กับห้องพักเด็กอ่อน ที่อยู่ไกลออกไปอีกหนึ่งช่วงตึก ที่นั่นมีห่อของขวัญของแม่นอนอยู่ในตู้อบเล็กๆ ขนาดเท่ากับตัวลูก
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก ในเช้าที่แม่ต้องเดินทางไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลในเมือง เป็นเช้าสุดท้ายที่แม่ได้นอนตื่นสายเช่นที่แม่เคยเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หลังจากมีสาละวินแล้ว แม่ก็ไม่ได้ตื่นสายอีกเลย มันเป็นเช้าปกติที่แม่ตื่นขึ้นมาพบว่าอุ้มท้องลูกได้เก้าเดือนแล้ว และวันนี้หมอนัดให้แม่ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาล
เจนจิรา สุ
 สาละวิน,ลูกรัก  ลูกมักตื่นแต่เช้า เช้าที่เรียกว่าไก่โห่เลยที่เดียว  มีคนเคยพูดไว้ว่า มีเด็กทารก กับคนแก่ที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน คือตื่นเช้ามากๆ  แต่จุดประสงค์ของการตื่นเช้าของคนต่างวัยกลับต่างกัน เด็กทารกนั้น ตื่นเต้นกับโลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย และหลับมานานในท้องแม่จนกระตือรือร้นที่จะตื่นมาเรียนรู้โลกใบกว้าง  ในขณะที่คนแก่ซึ่งอยู่บนโลกมานานรู้ว่าจะเหลือเวลาอยู่ดูโลกนี้ได้อีกไม่นาน  จึงไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการนอน
เจนจิรา สุ
แม่มองย้อนกลับไปในวัยเด็ก อุปนิสัยก้าวร้าวรุนแรง ที่เคยแสดงออกทางกายภาพนั้นมันยังคงซ่อนอยู่ในจิตใจและแสดงออกมาในรูปแบบอื่นเมื่อเราโตขึ้น เช่น เมื่อก่อนที่แม่จะมีลูก แม่เป็นนักดื่มตัวยงคนหนึ่ง เมื่อเมาจนได้ที่ ความก้าวร้าวรุนแรงก็จะปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระยะ จนบางครั้งเพื่อนฝูงต่างก็เอือมระอา 
คนที่ขาดพื้นฐานความรักความอบอุ่นจากครอบครัวเช่นแม่นั้น ย่อมมีผลต่อพฤติกรรมจากเด็กจนถึงผู้ใหญ่และอาจติดตัวไปตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ หากแม่ไม่มองย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นและไล่เรียงสิ่งผิดพลาดในชีวิตที่ผ่านมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เพราะหากแม่มัวแต่โทษว่าสิ่งที่ตัวเองทำผิดต่างๆ…
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก ในวันที่แม่เริ่มจับปากกาเขียนถึงลูก สาละวินอายุได้หนึ่งเดือนกับสิบแปดวัน แม่นั่งอยู่ข้างๆ เบาะเล็กๆสีชมพู ซึ่งลูกอาจจะแปลกใจที่แม่เลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้เป็นสีชมพูนั้น แม่ยอมรับว่าในใจตอนแรกของแม่ก็หวังจะให้ลูกคนแรกเป็นผู้หญิง
เจนจิรา สุ
นักท่องเที่ยวต่างชาติยอมจ่ายค่าตั๋วอย่างต่ำหนึ่งร้อยถึงสองร้อยห้าสิบบาทเป็นค่าเข้าชม วิถีชีวิตที่จำลองขึ้นของชาวกระยันที่ถูกเรียกขานเสียใหม่เพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวว่า "กะเหรี่ยงคอยาว" และนับเป็นความสำเร็จของกลุ่มนายทุนและการโปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ทำให้คนทั่วประเทศหลั่งไหลเข้ามาชมกระเหรี่ยงคอยาว จนเป็นที่รับรู้กันว่าหากจะมาดูชนเผ่าที่มหัศจรรย์ที่สุดต้องมาที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแห่งนี้
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก ลูกลืมตาดูโลกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2550 ในตอนค่ำเวลา 19.21 น. ตรงกับวันขึ้น 12 ค่ำเดือน 4 ปีกุน แม่ให้ชื่อลูกไว้ตั้งแต่ยังไม่เกิดว่า "สาละวิน" ชึ่งหมายถึงชื่อของแม่น้ำพรมแดนกั้นระหว่างไทยกับพม่า สาละวินของแม่ถือกำเนิดมาจากแม่ซึ่งเป็นคนไทยและพ่อที่อพยพมาจากพม่า ชื่อของลูกที่เปรียบเทียบได้กับแม่น้ำพรมแดนเชื่อมสายสัมพันธ์ให้เราสองคนอยู่เคียงข้างกันตลอดไปดังเช่นไทยและพม่า
เจนจิรา สุ
มะโนตัดสินใจอยู่นานกว่าสองวันหลังจากที่หญิงกระยันร่างกายผอมบางอายุ 52 ปี สะดุดล้มในห้องน้ำจนทำให้ให้เกิดอาการบวมที่ท้องด้านขวา เมื่อทนการรบเร้าจากคนรอบข้างไม่ไหวให้ไปหาหมอ เธอจึงเปิดหีบใบใหญ่ที่ใส่ข้าวของเงินทองที่มีอยู่รวมไปถึงเอกสารประจำตัวต่างๆ เพื่อค้นใบเล็กๆ สีเขียว มันเป็นบัตรเข้ารับการบริการที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบ
เจนจิรา สุ
จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นอีกจังหวัดหนึ่งในประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินึกถึงเมื่อเดินทางมาเยือนภาคเหนือของไทยแม้หนทางที่มุ่งสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนจากจังหวัดเชียงใหม่   จะคดโค้งลาดชันน่าหวาดเสียวจนขึ้นชื่อว่า   หากใครเดินทางมาถึงแม่ฮ่องสอนจะเป็นดั่งผู้พิชิตจำนวนโค้งมากที่สุดถึง 1,864 โค้งเลยทีเดียว