Skip to main content

เราทยอยออกจากบ้านร้างด้วยดวงใจที่ปวดร้าว


ตรอกเล็กๆ ยาวเกือบหนึ่งกิโลเมตร เป็นเส้นทางสัญจรของผู้คนจากหมู่บ้านกลางป่าไปสู่บ้านห้วยปูแกงเก่า บัดนี้ถูกย่ำไปด้วยรอยของสัตว์สี่เท้า


เชื่อไหมว่าครั้งหนึ่ง เราเคยช่วยกันขนทรายจากแม่น้ำข้างล่างมาถมตรอกแห่งนี้ กระสอบทรายนับร้อยจากจำนวนคนเพียงหยิบมือเพื่อ....” ฉันหยุดคำพูดเพียงบางแค่นั้น ทิ้งบางส่วนค้างไว้ในความทรงจำ

เพื่ออะไรล่ะ” ใครคนหนึ่งยังคงตั้งคำถามต่อสิ่งที่ค้างคา

เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากหมู่บ้านข้างนอกเขามาเห็นวิถีชีวิตเรา มาเห็นหมู่บ้านที่เป็นหมู่บ้านจริงๆ ไม่ใช่มีแต่ร้านขายของ แต่มันคงไกลเกินไป นักท่องเที่ยวจึงมาถึงแค่บ้านห้วยปูแกงเก่าแล้วก็ขึ้นเรือกลับ ตรอกแห่งนี้จึงไม่มีความหมายกลายเป็นทางเดินของวัวและควาย” ฉันอธิบายต่อ


แล้วเจ้าหลุมยักษ์ที่กว้างเท่าสนามฟุตบอลนี่ล่ะ” ต๋อมชี้มือไปในสิ่งที่น่าสงสัย มันตั้งเด่นอยู่หน้าหมู่บ้าน กินเนื้อที่เท่าสนามฟุตบอล

คิดว่าทางการคงตั้งใจจะทำบ่อปลา แต่ทว่ามันไม่มีน้ำ ก็เลยเหมือนหลุมอะไรสักอย่าง”

แล้วเขาเอารถแทร๊กเตอร์เข้ามาได้อย่างไร” แอคยังคงซักต่อ

ก็แทร๊กแตอร์ที่พ่อแม่ให้มายังไงล่ะ” พี่ชายสามีพูดพลางยกสองมือชูให้ผู้สงสัยดู ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ทว่าแววตาที่ฉายความขมขื่นกลับปกปิดไว้ไม่มิด


ทุกคนนิ่งอึ้ง ไม่มีคำถามใดหลุดออกมาอีก เพราะเปล่าประโยชน์ที่จะถามถึงสิ่งที่เคยลงแรง ดูเหมือนจะมากมายและกินเวลาที่จะพูดถึง


มันไม่มีแค่ถนน หรือบ่อปลาแห่งนั้น มันยังมีรั้วที่ยาวเป็นกิโลนั่น มีเวที มีศาลา มีสะพาน มีฯลฯ ซึ่งกำลังเก่าผุพังไปตามกาลเวลา และถูกลืมเลือนไปในที่สุด


ไม่นานเราก็เจอกับฝูงชีวิต เราได้ยินเสียงเด็กๆ ท่องอาขยานอยู่ในโรงเรียนท้ายหมู่บ้าน ร้านรวงแน่นขนัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่ถนนหลักกลางหมู่บ้าน


ที่นี่ไม่ต่างจากบ้านห้วยเสือเฒ่า หญิงกระยันใส่ห่วงสีทองยังคงนั่งหย่อนใจอยู่หลังร้านขายของ บ้างก็แย่ยันอยู่กับกี่ทอผ้า


บางคนที่ยังจดจำฉันกับสามีได้ ทักทายเชื้อเชิญให้ขึ้นมานั่งบนเรือน โค้กและเบียร์ถูกนำมาเสิร์ฟแขกต่างบ้านด้วยความเกรงใจของผู้รับ


นักท่องเที่ยวทยอยขึ้นมาจากท่าเรือหน้าหมู่บ้านอย่างไม่ขาดสาย ได้ยินเสียงเรือเครื่องยนต์จากเครื่องปั่นไฟ แหวกน้ำมากับนักท่องเที่ยวราว 5-8 คนต่อลำ บางวันมีเรือมาเทียบท่านับสิบๆ เที่ยว


ทุกลำต่างเหมาจ่ายค่าเรือ ค่าตั๋วเข้าชมมาตั้งแต่ท่าเรือบ้านห้วยเดื่อ


ชาวบ้านที่นี่ยังมีรายได้จากการท่องเที่ยวสม่ำเสมอ ถูกแบ่งจากนายทุนใหญ่ผู้กำชะตากรรมทั้งหมดของผู้คนในหมู่บ้าน


พวกเราต่างแยกย้ายกันสำรวจหมู่บ้าน แดน, วาซามิและแอคซื้อขนมห่อใหญ่ มุ่งไปทางโรงเรียนหวังกดเก็บภาพเด็กๆให้เต็มอิ่ม


ต๋อมและตรีนั่งหอบเหนื่อยอยู่ในศาลาหน้าหมู่บ้าน พวกเรารองท้องด้วยก๋วยเตี๋ยว และไข่ปิ้งคนละสองสามฟอง

ถ้าล่องเรือลงไปอีกจะเจอหมู่บ้านอีกไหม” ใครคนหนึ่งตั้งคำถามเมื่อเราพร้อมหน้ากับที่ศาลาอีกครั้ง

ล่องไปสุดที่ด่านบ้านน้ำเพียงดินนู่นล่ะ” มีเสียงตอบจากหญิงแม่ค้า เธอสำทับอีกว่า ถ้าจะไปก็นั่งเรือไปได้ สามีของเธอมีเรือให้เช่า


แล้วเราทั้งเจ็ดคนก็พร้อมที่จะลงเรือลำเดียวกัน ด้วยข้อกังขาเดียวกันว่าด่านหน้าตาเป็นอย่างไร และการได้ล่องเรือไปในแม่น้ำปายก็เป็นประสบการณ์ที่หลายคนยังไม่เคยสัมผัส


เรือลำเล็กดูเหมือนจะแบกน้ำหนักเต็มพิกัด เรือจมลงจนขอบเรืออยู่ปริ่มน้ำ หลายคนนั่งตัวเกร็ง แต่เรือก็ยังทรงตัวได้ดี เพราะล่องไปตามกระแสน้ำ ที่ไหลไปสู่ทิศตะวันตกของเขตชายแดนแม่ฮ่องสอน



ทิวทัศน์ด้านหน้ามองเห็นฟ้ากว้าง ตัดกับภูเขารูปสามเหลี่ยมที่พ้นออกมาตามขอบโค้งน้ำ แม่น้ำปายยามนี้ใสราวกระจก มองผ่านเลนส์เห็นสายน้ำสะท้อนสีฟ้าจากท้องฟ้า


วาซามินั่งอยู่หัวเรือราวแม่ย่านาง ในขณะที่คนอื่นๆ ต้องนั่งสลับไปมาเพื่อถ่วงความสมดุลของเรือ คนขับเรือเงียบหายไปกับเครื่องยนต์ที่กลบเสียงทุกอย่างรอบตัว


เส้นทางสายน้ำที่ครั้งหนึ่ง ชาวบ้านห้วยปูแกงได้ล่องเรือทวนกระแสน้ำขึ้นมาตั้งหลักแหล่งในเขตไทย แม้ยังคงมีผู้คนจากฝั่งโน้นลักลอบทวนกระแสน้ำขึ้นมาเพื่อหนีตาย แต่ปัจจุบันมักถูกฝ่ายไทยส่งกลับเขตพม่า


ราวสิบห้านาทีเรือก็มาถึงจุดมุ่งหมาย เรามองเห็นสะพานเหล็กเป็นอันดับแรก มันเป็นสะพานแขวนที่สร้างเสร็จสดร้อนๆ ราวปี 2548


ฉันกับสามีเดินข้ามสะพานแขวนมาอีกฝั่ง เราเห็นคนงานสองสามคน ทิ้งงานทำถนนพักทานข้าวกลางวัน




ถนนจากเมืองแม่ฮ่องสอนที่สร้างคู่ขนานมากับแม่น้ำปาย มาสุดที่ปลายสะพานแขวน มันถูกใช้นับครั้งได้จากหน่วยราชการที่นานๆ จะเข้ามาในพื้นที่


ฉันกับสามีคิดเหมือนกันว่า สะพานแห่งนี้ช่างอยู่ผิดที่ผิดทาง หากมันเชื่อมถนนเข้ากับหมู่บ้านห้วยปูแกงคงจะมีประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะชาวบ้านที่นั่นคงไม่ต้องเสียค่าเรือข้ามฟาก และเสียเวลาคอยเรือกันเป็นชั่วโมง

ด่านมีหน้าตาคล้ายสถานีตำรวจเล็กๆ แต่มองไม่เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่สักกี่คน อาจจะกำลังไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ไหนสักแห่ง หรืออาจจะไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่เลยก็ได้เมื่อสถานการณ์ยังอยู่ในช่วงสงบ


เราเห็นเพียงตำรวจตะเวนชายแดนหนึ่งนายที่ไม่ได้สวมเครื่องแบบ ชักชวนให้ขึ้นเขาไปดูถ้ำเก่าแก่แนวป่าด้านหลัง และหากขึ้นไปสุดภูเขาก็จะเห็นค่ายทหารของดาวแดงอยู่ไกลๆ


เราล่องเรือลงไปอีกได้ไหมครับ” แดนผู้ต้องการเก็บภาพหายากเอ่ยถามหวังจะได้ดูค่ายทหารใกล้กว่าที่เห็น

แต่ก่อนเคยล่องเรือลงไป อีกสักสิบห้านาทีจะถึงท่าเรือของพม่า แต่ตอนนี้เขาไม่อนุญาต” คนเรือบอกแก่เรา ซึ่งเมื่อเราถามกับนายตำรวจดังกล่าวก็ได้รับคำตอบเดียวกัน แถมขู่สำทับว่าอาจจะเจอการสู้รบและตกเป็นเป้าโดยไม่รู้ตัว


พวกเราไม่ได้ขึ้นไปสุดภูเขา แดนตกลงว่าน่าจะเดินลัดป่าย้อนกลับไปหมู่บ้านน้ำเพียงดิน ที่เราล่องเรือผ่านมา เพื่อจะได้กดภาพหมู่บ้านกลางป่าใหญ่และเด็กๆในโรงเรียน


เส้นทางเล็กๆ ขนานชิดไปกับลำน้ำใช้เวลาเดินนานพอสมควร ต๋อมบ่นว่าแรงก๊อกสุดท้ายกำลังจะหมด และไม่อยากนึกถึงขากลับบ้านห้วยเสือเฒ่า แต่เมื่อเราไปถึงกลับพบหมู่บ้านที่เงียบกริบ


ฉันได้รับคำตอบจากหญิงชาวบ้านว่า ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะอยู่ในไร่หรือไม่ก็ไปหาของป่า ที่โรงเรียนมีครูกำลังทำการเรียนการสอน เราจึงทำได้เพียงชะเง้อดูเด็กๆ อยู่ข้างขอบสนาม หมู่บ้านที่ดูจะไม่ชินกับการรับแขกต่างถิ่นนัก ทำให้พวกเรารีบลากลับด้วยความผิดหวังเล็กๆ


เรือพาเรากลับถึงหมู่บ้านห้วยปูแกงโดยสวัสดิภาพ แม้บางคุ้งน้ำที่มีความคดเคี้ยวเชี่ยวกราก ถึงกับทำให้น้ำกระชอกเข้าในลำเรือ จะทำให้รู้หวาดเสียวอยู่บ้าง แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ


พวกเราลากลับหมู่บ้านห้วยปูแกงด้วยความรู้สึกเสียดาย และยื้อเวลาจนถึงที่สุด ฉัน สามีและตรีจึงกลายเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินกลับมาด้วยกัน ในขณะที่กลุ่มใหญ่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว


เส้นทางกลับบ้านห้วยเสือเฒ่าต้องย้อนกลับมาทางเดิม ผ่านตรอกเล็กๆ เข้าสู่หมู่บ้านร้าง เพื่อลัดเข้าสู่เขตป่าและข้ามภูเขาไปอีกสามลูก


มีคนเคยบอกไว้ว่าบางทีเราต้องหนีไปจากความเจ็บปวด ใครคนนั้นอาจจะลืมไปแล้ว แต่ฉันยังคงจำและใช้มันบ้างเมื่อถึงคราวจำเป็น


ฉันมองภาพสุดท้ายของหมู่บ้านในฝันด้วยดวงใจที่ปวดร้าว บันทึกความทรงจำที่เหลืออยู่ จนกว่าจะได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง ในเส้นทางกลับบ้านแห่งนี้.



บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
  สาละวิน,ลูกรัก เมื่อครั้งที่แม่มาจังหวัดเชียงใหม่ครั้งแรกนั้น แม่อายุได้ 18 ปี เชียงใหม่ในความรู้สึกของแม่มันช่างกว้างใหญ่สวยงาม  แม่เป็นเพียงเด็กบ้านนอกจนๆ ที่มีเพียงเงินค่ารถติดตัวไม่กี่บาท ที่เหลือก็เป็นค่าลงทะเบียนสอบเอ็นทรานซ์ แม่มองเห็นพระธาตุดอยสุเทพจากวิวนอกเมืองยามรถแล่นผ่าน  แม่อธิษฐานในใจว่า หากมีบุญที่จะได้มาอยู่เชียงใหม่  ก็จะขึ้นไปนมัสการพระธาตุฯ ให้ได้
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก แม่ได้เล่าถึงพิธีกรรมในการเรียกขวัญลูกในบทบันทึกที่ผ่านมา แม่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีพิธีกรรมเกี่ยวกับแม่ ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ของแม่เช่นกัน
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก พ่อกับแม่ต่างเกิดขึ้นมาในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างริบลับ แม่นั้นแม้จะเกิดที่ภาคอีสานของประเทศ แต่ก็ซึมซับวัฒนธรรมอีสานได้เพียงน้อยนิด ก็ต้องมาใช้ชีวิตและเติบโตที่ภาคเหนือจนกระทั่งเมื่อเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย ก็ดูเหมือนจะตัดขาดกับฐานวัฒนธรรมของตัวเอง เพราะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่สังคมชั้นกลางเป็นกระแสหลักอยู่รายล้อม
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก เช้าวันที่สองของการไปคลอด ในมือของแม่ยังคงว่างเปล่า ทั้งที่ทุกคนในห้องหลังคลอดต่างมีห่อของขวัญอยู่ในมือกันคนละห่อ พ่อของลูกเทียวไปมาระหว่างห้องหลังคลอด ซึ่งอยู่ชั้นบนของห้องรอคลอด กับห้องพักเด็กอ่อน ที่อยู่ไกลออกไปอีกหนึ่งช่วงตึก ที่นั่นมีห่อของขวัญของแม่นอนอยู่ในตู้อบเล็กๆ ขนาดเท่ากับตัวลูก
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก ในเช้าที่แม่ต้องเดินทางไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลในเมือง เป็นเช้าสุดท้ายที่แม่ได้นอนตื่นสายเช่นที่แม่เคยเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หลังจากมีสาละวินแล้ว แม่ก็ไม่ได้ตื่นสายอีกเลย มันเป็นเช้าปกติที่แม่ตื่นขึ้นมาพบว่าอุ้มท้องลูกได้เก้าเดือนแล้ว และวันนี้หมอนัดให้แม่ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาล
เจนจิรา สุ
 สาละวิน,ลูกรัก  ลูกมักตื่นแต่เช้า เช้าที่เรียกว่าไก่โห่เลยที่เดียว  มีคนเคยพูดไว้ว่า มีเด็กทารก กับคนแก่ที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน คือตื่นเช้ามากๆ  แต่จุดประสงค์ของการตื่นเช้าของคนต่างวัยกลับต่างกัน เด็กทารกนั้น ตื่นเต้นกับโลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย และหลับมานานในท้องแม่จนกระตือรือร้นที่จะตื่นมาเรียนรู้โลกใบกว้าง  ในขณะที่คนแก่ซึ่งอยู่บนโลกมานานรู้ว่าจะเหลือเวลาอยู่ดูโลกนี้ได้อีกไม่นาน  จึงไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการนอน
เจนจิรา สุ
แม่มองย้อนกลับไปในวัยเด็ก อุปนิสัยก้าวร้าวรุนแรง ที่เคยแสดงออกทางกายภาพนั้นมันยังคงซ่อนอยู่ในจิตใจและแสดงออกมาในรูปแบบอื่นเมื่อเราโตขึ้น เช่น เมื่อก่อนที่แม่จะมีลูก แม่เป็นนักดื่มตัวยงคนหนึ่ง เมื่อเมาจนได้ที่ ความก้าวร้าวรุนแรงก็จะปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระยะ จนบางครั้งเพื่อนฝูงต่างก็เอือมระอา 
คนที่ขาดพื้นฐานความรักความอบอุ่นจากครอบครัวเช่นแม่นั้น ย่อมมีผลต่อพฤติกรรมจากเด็กจนถึงผู้ใหญ่และอาจติดตัวไปตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ หากแม่ไม่มองย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นและไล่เรียงสิ่งผิดพลาดในชีวิตที่ผ่านมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เพราะหากแม่มัวแต่โทษว่าสิ่งที่ตัวเองทำผิดต่างๆ…
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก ในวันที่แม่เริ่มจับปากกาเขียนถึงลูก สาละวินอายุได้หนึ่งเดือนกับสิบแปดวัน แม่นั่งอยู่ข้างๆ เบาะเล็กๆสีชมพู ซึ่งลูกอาจจะแปลกใจที่แม่เลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้เป็นสีชมพูนั้น แม่ยอมรับว่าในใจตอนแรกของแม่ก็หวังจะให้ลูกคนแรกเป็นผู้หญิง
เจนจิรา สุ
นักท่องเที่ยวต่างชาติยอมจ่ายค่าตั๋วอย่างต่ำหนึ่งร้อยถึงสองร้อยห้าสิบบาทเป็นค่าเข้าชม วิถีชีวิตที่จำลองขึ้นของชาวกระยันที่ถูกเรียกขานเสียใหม่เพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวว่า "กะเหรี่ยงคอยาว" และนับเป็นความสำเร็จของกลุ่มนายทุนและการโปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ทำให้คนทั่วประเทศหลั่งไหลเข้ามาชมกระเหรี่ยงคอยาว จนเป็นที่รับรู้กันว่าหากจะมาดูชนเผ่าที่มหัศจรรย์ที่สุดต้องมาที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแห่งนี้
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก ลูกลืมตาดูโลกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2550 ในตอนค่ำเวลา 19.21 น. ตรงกับวันขึ้น 12 ค่ำเดือน 4 ปีกุน แม่ให้ชื่อลูกไว้ตั้งแต่ยังไม่เกิดว่า "สาละวิน" ชึ่งหมายถึงชื่อของแม่น้ำพรมแดนกั้นระหว่างไทยกับพม่า สาละวินของแม่ถือกำเนิดมาจากแม่ซึ่งเป็นคนไทยและพ่อที่อพยพมาจากพม่า ชื่อของลูกที่เปรียบเทียบได้กับแม่น้ำพรมแดนเชื่อมสายสัมพันธ์ให้เราสองคนอยู่เคียงข้างกันตลอดไปดังเช่นไทยและพม่า
เจนจิรา สุ
มะโนตัดสินใจอยู่นานกว่าสองวันหลังจากที่หญิงกระยันร่างกายผอมบางอายุ 52 ปี สะดุดล้มในห้องน้ำจนทำให้ให้เกิดอาการบวมที่ท้องด้านขวา เมื่อทนการรบเร้าจากคนรอบข้างไม่ไหวให้ไปหาหมอ เธอจึงเปิดหีบใบใหญ่ที่ใส่ข้าวของเงินทองที่มีอยู่รวมไปถึงเอกสารประจำตัวต่างๆ เพื่อค้นใบเล็กๆ สีเขียว มันเป็นบัตรเข้ารับการบริการที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบ
เจนจิรา สุ
จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นอีกจังหวัดหนึ่งในประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินึกถึงเมื่อเดินทางมาเยือนภาคเหนือของไทยแม้หนทางที่มุ่งสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนจากจังหวัดเชียงใหม่   จะคดโค้งลาดชันน่าหวาดเสียวจนขึ้นชื่อว่า   หากใครเดินทางมาถึงแม่ฮ่องสอนจะเป็นดั่งผู้พิชิตจำนวนโค้งมากที่สุดถึง 1,864 โค้งเลยทีเดียว