Skip to main content
สาละวิน,ลูกรัก

เมื่อคืนเรานั่งดูรูปถ่ายเก่าๆ ที่เราไปเที่ยวกันมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่พาลูกเดินทางไกล จากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุได้เจ็ดเดือนเศษ  มีรูปตอนไปเที่ยวสวนสัตว์และเที่ยวงานพืชสวนโลก 2008 ที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ สวยราวกับภาพถ่ายต่างเมืองที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่เมืองไทย

เราไปเชียงใหม่อีกครั้งเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เก็บรูปไว้เจ็ดร้อยกว่ารูป เป็นจำนวนที่มากพอดูสำหรับการท่องเที่ยวสิบวัน


โลกยุคปัจจุบัน เราสามารถถ่ายรูปไว้ดูเล่นจำนวนมาก โดยไม่จำเป็นต้องเปลืองฟิล์มเพราะเราใช้เพียงแมมเมอรี่การ์ด แล้วค่อยมาฉายดูในจอคอมพิวเตอร์  แม่เลือกเพียงไม่กี่ภาพที่ประทับใจเท่านั้นที่อัดออกมาเป็นรูปภาพ เพราะความประทับใจบางอย่างก็เหมาะที่จะเก็บเป็นภาพแห่งความทรงจำก็เพียงพอแล้ว


แต่ภาพชุดที่เราไปเที่ยวปางอุ๋งเมื่อต้นปี  แม่เลือกที่จะอัดภาพเป็นจำนวนมาก เพราะเรามีเพื่อนร่วมเดินทางกันหลายคน และบางคนในนั้นก็กำลังจะจากเราไปในที่แสนไกลโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร แม่จึงแจกจ่ายรูปภาพไว้ให้เพื่อนร่วมเดินทางครั้งนั้นเป็นที่ระลึก


โฉมหน้าผู้ร่วมทริป


ทริปที่ไปปางอุ๋ง แม้จะเป็นการเดินทางไปเที่ยวที่เป็นระยะทางสั้นๆ และใช้เวลาค้างคืนที่นั่นเพียงคืนเดียว แต่ก็ทำให้ลูกประทับใจไม่น้อย  เราเดินทางด้วยมอเตอร์ใซด์สามคัน ผู้ใหญ่หกคนกับเด็กสองคน ยังไม่มีใครเคยไปถึงที่นั่นแม้ว่าจะอยู่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนออกไปไม่ถึงร้อยกิโลเมตรก็ตาม

เราสามคนเคยขับรถมาเที่ยวเส้นทางนี้ครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้แวะไปที่ปางอุ๋งซึ่งจะอยู่ในหมู่บ้านรวมไทย แต่เลือกที่จะไปกินอาหารจีนยูนนานที่บ้านรักไทยซึ่งต้องเลี้ยวไปอีกทาง 

เมื่อเรากลับมาเล่าให้เพื่อนๆที่บ้า
นห้วยเสือเฒ่าฟัง จึงทำให้หลายคนอยากไปเที่ยวด้วย  เพราะสาเหตุสำคัญคือ คนไม่มีบัตรประจำตัวก็สามารถไปได้ เนื่องจากไม่มีด่านทหารคอยตรวจบัตรคนเข้าออก

ลูกคงแปลกใจว่าทำไม บ้านรักไทยและปางอุ๋งอยู่ใกล้เพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร จากหมู่บ้านห้วยเสือเฒ่า แต่ใครหลายคนที่นั่นกลับถูกปิดหูปิดตาไม่เคยไป


มุมหนึ่ง ณ บ้านรักไทย


มันเป็นความจริงที่น่าเศร้าของชาวบ้านเผ่ากระยัน ที่จะถูกจำกัดสิทธิ์ในการเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ ด้วยพวกเธอจะไม่มีบัตรประจำตัวเช่นแม่ที่สามารถไหนต่อไหนได้อย่างอิสระ  ส่วนพ่อของลูกนั้นยังดีว่ามีบัตรชุมชนบนพื้นที่สูง ซึ่งยังสามารถขออนุญาตออกนอกเขตพื้นที่ได้ ซึ่งแต่ละครั้งจะใช้เวลาเดินทางได้ไม่เกินเจ็ดวันเท่านั้น


มะจ่อ  น้องสาวของพ่อซึ่งก็มีสักเป็นน้าของลูกตื่นเต้นที่จะไปเที่ยวในครั้งนี้เป็นอย่างมากแม้ว่าเธอมีเกณฑ์จะได้เดินทางไกลไปถึงสหรัฐอเมริกาในกลางเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ แต่เธอก็บอกกับแม่ว่าขอสักครั้งในชีวิตที่จะได้ไปเที่ยวกางเต็นท์นอนอย่างนักท่องเที่ยวในเมืองไทยที่ไหนสักแห่ง

แม่และพ่อสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะเป็นผู้นำทางไปโดยที่มีใครหลายคนจะติดตามพวกเราไปด้วย แต่พอถึงวันนัดหมาย กลับกลายเป็นว่า เราต้องใช้ยานพาหนะสองล้อแทน เพราะเพื่อนที่มีรถคันใหญ่ติดธุระไม่สามารถไปด้วยได้


ขบวนมอเตอร์ไซด์ที่ต้องแบกจำนวนผู้โดยสารคันละสองสามคน  และสัมภาระจนล้นค่อยๆทยอยออกจากเมืองมุ่งสู่บ้านรวมไทย แต่ในระหว่างทางเราแวะเที่ยวน้ำตก ที่ไม่ค่อยจะมีน้ำ สวนสัตว์ที่ไม่ค่อยจะมีสัตว์ให้ดูด้วยความสนุกสนาน


มีใครคนหนึ่งเคยพูดไว้ว่
า ความสนุกในการไปเที่ยวไม่ได้อยู่ที่สถานท่องเที่ยวแต่อยู่ที่ว่าเราไปเที่ยวกับใคร หากเราไปเที่ยวกับเพื่อนที่เราสนิทไว้วางใจเราก็จะมีความสุขกับเพื่อนกลุ่มนั้น บรรยากาศต่างๆรอบตัวเป็นเพียงองค์ประกอบเท่านั้น

คงเป็นเหมือนการไปเที่ยวครั้งนี้ที่เราไม่ได้กังวลว่าจุดหมายที่เราไปอยู่ใกล้หรือไกลเพียงไหน จะสวยงามดังที่หลายคนเคยพูดไว้หรือเปล่า เราตั้งใจแต่เพียงว่าจะไปให้ถึงปางอุ๋งและกางเต็นท์นอนที่นั่นสักหนึ่งคืนก่อนที่ใครหลายคนจะต้องแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง

คืนนั้นเรานั่งผิงไฟอยู่หน้าเต็นท์ของแต่ละคน  ลูกดูมีความสุขและไม่แปลกใจเลยที่แม่เห็นลูกไม่ป่วยไข้ใดๆ ทั้งๆที่เราขี่รถตากแดดตากลมกันมาทั้งวัน   ที่เขาว่าจิตใจอยู่เหนือร่างกาย ก็คงเป็นอย่างนี้

ปางอุ๋งยามนี้มีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์อยู่ข้างๆ เราหลายกลุ่ม ทิวทัศน์ข้างหน้าคือภาพของแม่น้ำที่ไหลลึกลงไปข้างใต้หุบเขา คดโค้งไปตามแนวสันเขาและทิวเทือกที่มองเห็นไกลๆคล้ายภาพวาดในกระดาษสีซีดจาง มีแพสำหรับนักท่องเที่ยวลอยลำอยู่ริมฝั่งประปราย ม้าหลายตัวที่ไว้คอยบริการนั่งท่องเที่ยวขี่เล่นกลับเข้าคอกไปแล้ว



กิจกรรมขี่ม้าเรียบลำน้ำ

 

เมื่อลูกผล๊อยหลับไปพร้อมกับเพื่อนวัยใกล้เคียงเจ้าทวยน้องชายวัยหกขวบของส้มโอ  เราหลายคนต่างเปิดใจพูดคุยในบรรยากาศแห่งมวลมิตร

ล่าดะหนุ่มพม่าแสนขยันขันแข็งที่มาค้าขายยาหม่องพม่าในหมู่บ้าน  ยอมรับว่าแอบชอบหญิงสาวผู้ซึ่งไม่เคยปันใจให้เขา การท่องเที่ยวจะช่วยเยียวยาจิตใจบ้าง

มะจ่อน้องสาวของพ่อที่กำลังทำใจกับการเดินทางไปประเทศที่สามตามกำหนดการที่เธอรอคอยมานานกว่าสองปี   สิ่งที่เธอกลัวไม่ใช่การนั่งเครื่องบินไปครึ่งโลก แต่คือการต้องจากแม่ที่อายุมากแล้ว โดยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีกเมื่อไร

ส้มโอหญิงสาวที่ทำผิดพลาดในชีวิตจนต้องโดยข้อหานำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และอาจจะต้องเข้าไปรับใช้กรรมในคุกอีกไม่กี่วันข้างหน้าเป็นระยะเวลาหนึ่งปี 
และมะแกหญิงสาวชาวกระยอเพื่อนของมะจ่อที่อยากใช้เวลาอยู่กับเพื่อนให้นานที่สุดก่อนที่จะจากกันไป

บรรยากาศแห่งการร่ำลาอบอวลไปด้วยฤทธิ์สุรา และการถ่ายภาพร่วมกัน  ก่อนที่แม่ผู้ลาขาดจากการดื่มมานานจะดับกองขี้เถ้าในเตาไฟเพื่อเข้านอนเป็นคนสุดท้าย  จุมพิตลูกอันเป็นที่รักให้นอนหลับฝันดี
.

รักลูก,
แม่

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
12 ตุลาคม 2550 ยามสายของวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่สนามบินแตกตื่นไปกับผู้คนที่เดินทางไปรับผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนใหม่ โดยเฉพาะเมื่อเห็นหญิงกระยันสวมห่วงทองเหลืองที่ขัดจนแวววาว เดินอย่างเป็นระเบียบมาเข้าแถวต้อนรับผู้ว่าฯ คนใหม่อย่างพร้อมเพียงบางคนที่มารอขึ้นเครื่องเข้ามากดชัตเตอร์ขอถ่ายรูปพวกเธอที่แต่งชุดกระยันเต็มยศ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มะลิ เด็กสาวกระยันคนหนึ่งถูกเลือกให้กล่าวคำต้อนรับท่านผู้ว่าฯ ด้วยเหตุผลที่เธอสามารถอ่านหนังสือภาษาไทยได้ชัดเจนที่สุด แม้ว่าเธอจะประหม่าบ้างกับกล้องถ่ายรูป ผู้คน และภารกิจที่เธอจะต้องทำ แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี…
เจนจิรา สุ
25 กันยายน 2550 หมู่บ้านใหม่ค่อนข้างจะคึกคักตกเย็นมีเสียงดีดสีตีเป่าร้องรำทำเพลงเป็นเพลงพื้นบ้าน  เสียงซึงประสานเสียงโม่งสอดรับกับท่วงทำนองเนื้อร้องของแม่เฒ่า เอื้อนไต่บันไดเสียงคลอปี่ไม้ไผ่ผิวหวิวไหวขึ้นลง ไล่เลียงไปไม่ทันสุดบันไดเสียงก็โยนกลับไป-มาเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในหมู่บ้านลี้ลับกลางป่าเปลี่ยวดึกดำบรรพ์ที่ไหนสักแห่งที่เคยอยู่อาศัยเมื่อนานมาแล้ว ต่างจากหมู่บ้านเดิมลิบลับ ที่นี่ไม่มีแบตเตอรี่พอเพียงสำหรับเปิดเพลงจากซีดี ไม่มีทีวีให้รุมดู แต่มีกาน้ำชาอุ่นบนกองไฟที่ล้อมวงไปด้วยเด็กๆ หนุ่มสาว จนถึงคนเฒ่าคนแก่ ปรึกษาหารือถึงวิถีชีวิตของวันพรุ่งนี้…
เจนจิรา สุ
20 กันยายน 2550 เจ้าเขียวสะอื้น (มอเตอร์ไซค์คู่ชีพ) ส่งเสียงครางกระหึ่มอุ่นเครื่องอยู่ใต้ถุนบ้าน ก่อนที่มันจะต้องเดินทางไกลในเส้นทางที่ฟ้าสวยแต่พื้นดินแสนขรุขระตรงกันข้าม สามีฉันจึงจัดแจงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เช็คเครื่อง และเพิ่มตะกร้าหลังให้มันเพื่อบรรทุกสัมภาระที่ขนย้ายไปไม่หมด  ชาวบ้านหลายครอบครัวได้ย้ายไปดำเนินชีวิตที่หมู่บ้านใหม่ก่อนหน้าฉันหลายวันแล้ว แต่ฉันติดตรงที่ต้องพาลูกไปฉีดวัคซีนตามที่หมอนัด จึงยังอาศัยอยู่ที่บ้านแม่สามีไปพลางก่อนเช้านี้เราจึงตัดสินใจจะเดินทางไปหมูบ้านใหม่กัน สำหรับฉันค่อนข้างจะตื่นเต้นเพราะยังไม่เคยเห็นบ้านใหม่ของตัวเองสักที …
เจนจิรา สุ
12 กันยายน 2550 และแล้วก็มาถึงวันที่ทุกคนรอคอย เมื่อวันที่ย้ายต้องเลื่อนออกมาจากกำหนดเดิมอีกสองวัน แสงแดดดูเหมือนจะเป็นใจสาดส่องให้ถนนเส้นทางสายห้วยเดื่อ- ห้วยปูแกงที่เคยชื้นแฉะและเป็นหลุมบ่อจากน้ำฝนแห้งสนิท
เจนจิรา สุ
5 กันยายน 2550 ยามเช้า,ตื่นขึ้นด้วยเสียงเลื่อยไม้, เสียงค้อนตอกตะปู,เสียงสังกะสีกระทบพื้นดังโครมคราม ไก่หลายตัวที่เคยขันปลุกทุกเช้า ถูกเชือดเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงคนที่มาช่วยลงแขกรื้อบ้านตั้งแต่เมื่อวานและเช้านี้ บ้านหลายหลังพังพาบเป็นกองไม้ รอวันขนย้ายไปที่แห่งใหม่ เด็กๆ วิ่งตึงตังในห้องกลางเพราะต้องมานอนรวมแออัดกันที่บ้านย่า ก็คือบ้านสามีของฉัน แม่บ้านและเด็กสาววุ่นวายอยู่ในครัว เหตุการณ์ชุลมนเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน ชาวบ้านมาขอคำปรึกษาเรื่องบ้าน ฉันจึงตัดสินใจกดหมายเลขโทรศัพท์ต่อสายพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับปลัดหนุ่มที่ดูแลพื้นที่“ปลัดฯหรือคะ คือฉันมีเรื่องรบกวนจะเรียนถาม…
เจนจิรา สุ
31สิงหาคม2550 22.40 น.ฉันลุกขึ้นเปิดดวงไฟจากแบตเตอรี่อีกครั้ง หลังจากที่ลุกขึ้นมาโทรศัพท์สนทนากับเพื่อนที่เชียงใหม่ ระบายความกลัดกลุ้มด้วยคำพูดแต่ดูเหมือนเมื่อปิดไฟลง ดวงตาก็เบิกโพลงไปกับความคิดฉันจึงปล่อยความคิดโลดแล่นไปกับปลายปากกานับถอยหลังไปอีกสิบวัน หมู่บ้านที่ฉันอาศัยอยู่นี้ก็จะถูกย้ายไปที่แห่งใหม่ ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยให้ไปรวมกับหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปติดชายแดนไทย-พม่าทางฝั่งทิศตะวันตก    เนื่องจากชาวบ้านที่นี่อาศัยอยู่กับนายทุนมานานกว่า 12 ปี ด้วยสัญลักษณ์ที่พิเศษแตกต่างกว่าชนเผ่าอื่น “กะยัน” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ากะเหรี่ยงคอยาว…