Skip to main content

12 กันยายน 2550

และแล้วก็มาถึงวันที่ทุกคนรอคอย เมื่อวันที่ย้ายต้องเลื่อนออกมาจากกำหนดเดิมอีกสองวัน แสงแดดดูเหมือนจะเป็นใจสาดส่องให้ถนนเส้นทางสายห้วยเดื่อ- ห้วยปูแกงที่เคยชื้นแฉะและเป็นหลุมบ่อจากน้ำฝนแห้งสนิท

รถบรรทุกขนาดสิบล้อสองคันจอดรอท่าอยู่ข้างทางเข้าหมู่บ้าน ชาวบ้านและ อส. กว่าสิบนายต่างร่วมแรงแบกยกบ้านที่พังพาบเป็นกองไม้รอท่า ขึ้นรถบรรทุกรอบแล้วรอบเล่า ผู้หญิงและเด็กๆ หอบหิ้วของใช้ครัวเรือนตามกำลังแรงของตัวเอง มุ่งสู่ท้ายรถบรรทุก

picture1
บ้านที่ต้องย้าย

เมื่อคืนก่อนการย้ายฉันตัดสินใจเรียกประชุมชาวบ้านเป็นครั้งสุดท้าย ณ หมู่บ้านเดิม ทุกคนพกสีหน้าแล้วความกังวลใจไว้เต็มเปี่ยม ฉันค่อยๆชี้แจงในสิ่งที่รู้จากการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานราชการซึ่งแม้จะไม่เป็นทางการแต่ชาวบ้านก็ควรจะรับรู้ไว้

“ก่อนอื่นฉันอยากถามความสมัครใจของทุกคนก่อนว่า ยังมีความตั้งใจเดิมที่จะย้ายไปหมู่บ้านใหม่ไหม”

เสียงอื้ออึงจากการแสดงความคิดเห็นเป็นภาษากระยัน สอบถามกันและกันเพื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวที่จะตัดสินใจเลือกทางอย่างใดอย่างหนึ่ง ฉันจึงตัดบท

“เอาอย่างนี้แล้วกัน เราอยากให้ทุกคนสามัคคีกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสามัคคีจะนำพาพวกเราให้อยู่รอดในหมู่บ้านใหม่ที่จะไม่มีใครคอยมาดูแลพวกเราเหมือนเช่นเคย ถ้าทุกคนทำได้ การย้ายไปอยู่ที่ใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร”

มะหล่อ หญิงกะยันผู้สามารถพูดได้ถึงสี่ภาษา ทั้งภาษาไทย, อังกฤษ, พม่า และภาษาของตัวเอง เริ่มทำการแปลคำพูดฉัน เสียงของทุกคนเริ่มเงียบลงและต่างก็พยักหน้ารับว่าจะย้ายกันทั้งหมดที่เคยตัดสินใจตั้งแต่แรก

“เอาล่ะที้นี้ถ้าหากตัดสินใจได้แล้ว ฉันก็อยากจะย้ำคำพูดของทางปลัดฯ ซึ่งมีความเป็นห่วงพวกเรา จึงไม่อยากให้ย้ายกันไปหมด เพราะหมู่บ้านใหม่ในช่วงเริ่มต้นอาจจะต้องลำบาก พวกเราที่เคยมี่เงินเดือน มีข้าวสารแจกทุกเดือน อาจจะต้องใช้ทุนรอนเดิมของตัวเองที่สะสมมาก่อนที่หน่วยงานราชการ หรือเอ็นจีโอจะเข้ามาช่วย เพราะหากจะหวังให้นักท่องเที่ยวเข้ามาทันทีเหมือนที่เดิมก็คงไม่ได้ พวกเราคิดกันอย่างไร”

“ผมรู้ว่าต้องลำบากแน่ๆ แต่ผมขอแค่เรื่องเดียวคือทุกคนในที่นี้ต้องสัญญาว่าจะสามัคคีกันนะ มีอะไรก็ต้องแบ่งกัน ไม่อยากให้เป็นเหมือนตอนที่อยู่หมู่บ้านเดิมที่เอาแต่อิจฉากัน”
หล่าโบ๊ พี่ชายของสามีซึ่งตัดสินใจหอบลูกสาวสี่คนย้ายไปหมู่บ้านใหม่ ออกความเห็นคนแรก

“แล้วเรื่องถนนล่ะว่าอย่างไร หากไม่ตัดถนนให้พวกเรา นักท่องเที่ยวจะเข้ามาถึงพวกเราได้อย่างไร เพราะถนนเดิมต้องอ้อมไกลและ เส้นทางยังขรุขระเป็นหลุมบ่อ อีกอย่างพวกเราก็ไม่มีเรือกันสักคน เวลาข้ามฟากก็ต้องคอยเป็นครึ่งค่อนวัน”

“อันนี้ฉันสอบถามจากปลัดแล้ว เรื่องถนนเขาก็จะเขียนงบประมาณขึ้นไปมันต้องใช้เวลาในการตัดสินใจว่าจะจัดสรรงบประมาณส่วนใหนให้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าภายในปีนี้หรือปีหน้าหรืออาจจะหลายปี เขาก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้”

เสียงเซ็งแซ่จากที่ประชุมดังขึ้นเมื่อสิ้นสุดเสียงบอกเล่าคำพูดฉันจากล่าม ฉันจึงรีบตัดบทอีกครั้ง
“นี่แหละที่ปลัดฯเขาเป็นห่วง คำว่าลำบาก ก็คืออาจจะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะปรับปรุงหมู่บ้านเส้นทาง หรือสะพาน ก่อนที่จะสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวได้ แต่ในระหว่างนั้น ก็จะมีหน่วยงานต่างๆเข้ามาดูแลพวกเรา ในเรื่องข้าวสารอาหารแห้ง มาสอนพวกเราในเรื่องการเลี้ยงปลาเลี้ยงไก่ หรืออาชีพเสริมต่างๆ ตามเป้าหมายโครงการคืออยากให้เราอยู่กันตามวิถีชีวิตดั้งเดิม พึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด ซึ่งต่างจากที่เราเคยอยู่หมู่บ้านเดิม ที่เราต้องพึ่งพาแต่นายทุนเราจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่า รอรับนักท่องเที่ยวอยู่หน้าร้านขายของๆตัวเอง”

ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันอธิบายพวกเขานั้นพวกเขาจะเข้าใจลึกซึ้งหรือไม่ว่า การเปลี่ยนตัวเองจากHuman Zoos อันถูกกระทำโดยน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน ไปสู่การมีวิถีชีวิตเช่นคนชนเผ่าอื่นๆ มีศักดิ์ศรีและอิสระภาพที่จะดำเนินชีวิตตามแบบแผนวัฒนธรรมของตัวเอง มันต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยยากเพราะเขาต้องต่อสู้กับความเคยชินที่มีมานานกว่า 12 ปี

หลังจากประชุมแล้วก่อนจะหลับไป ฉันนอนคุยกับสามีว่า เมื่อยามเช้ามาถึง ชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไป หากพวกเขามีความสามัคคีกันมากพอ อุปสรรคร้ายๆทุกอย่างก็จะสามารถร่วมกันฟันฝ่าไปได้ ดังล้อเกวียนที่ติดหล่มหากร่วมแรงกันเข็นขึ้นมาอย่างสุดความสามารถ ล้อนั้นก็จะหลุดขึ้นมาจากหลุมได้

หลายคนในคืนนี้อาจจะนอนไม่หลับ เพราะกังวลใจในสิ่งที่เขาเลือกแต่อีกหลายคนมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเลือกนั้นมันถูกต้องและได้รอคอยมาทั้งชีวิต เพราะความเข้าใจเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของชาวบ้านแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน

picture2
ข้าราชการมาช่วยย้าย

แต่เช้านี้ล้อรถบรรทุกสิบล้อได้หมุนแล้ว และพวกเขาก็หลุดพ้นจากจุดเดิมเคลื่อนไปสู่จุดใหม่ที่ได้เลือกด้วยตัวของพวกเขาเอง แม้เส้นทางข้างหน้าของรถบรรทุกจะขรุขระเป็นหลุมบ่อและมีสิ่งกีดขวางทางไว้มากมายสักเพียงใด

การเลือกและการตัดสินใจ
เปลี่ยนแปลงชีวิต
ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในวันนี้.

บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก เมื่อคืนเรานั่งดูรูปถ่ายเก่าๆ ที่เราไปเที่ยวกันมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่พาลูกเดินทางไกล จากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุได้เจ็ดเดือนเศษ  มีรูปตอนไปเที่ยวสวนสัตว์และเที่ยวงานพืชสวนโลก 2008 ที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ สวยราวกับภาพถ่ายต่างเมืองที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่เมืองไทย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   เมื่อคืนลูกมีไข้ขึ้นสูง แม้เช้านี้อาการไข้ของลูกจะลดลงแล้วแต่ตัวลูกก็ยังอุ่นๆ เหมือนเครื่องอบที่เพิ่งทำงานเสร็จใหม่ๆ แม่จึงตัดสินใจให้ลูกขาดโรงเรียนอีกหนึ่งวัน
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก หากมีคำถามจากใครสักคนถามแม่ว่า เดือนไหนของปีที่รู้สึกว่ายาวนานกว่าเดือนอื่นๆ คำตอบของแม่อาจจะแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ เพราะแม่คิดว่าเดือนที่มีจำนวนวันน้อยที่สุดเป็นเดือนที่แม่รู้สึกว่ายาวนานกว่าทุกๆเดือน
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก  นานแล้วที่แม่ไม่ได้หอมกลิ่นดอกเหงื่อ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เราได้ลงทุนครั้งใหญ่เพื่อติดตั้งน้ำประปาหลวง ทำให้บ้านของเราที่เคยแห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ดอกเหงื่อที่เกิดจากการจับจอบเสียมเพื่อขึ้นแปลงผักและปลูกต้นไม้เล็กๆน้อยๆ ทำให้แม่มีความสุข เจริญอาหาร และอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   สิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ในชีวิตอีกบทหนึ่งก็คือ เมื่อมีพบก็ต้องมีการลาจาก และบางครั้งลูกก็อาจจะต้องเจอกับการพลัดพลาดจากบางสิ่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก สิ่งที่แม่เป็นกังวลใจมาตลอดในความเข้าใจถึง “ตัวตน” ของลูกเริ่มก่อแววให้เห็นขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ลูกอายุได้เกือบสามขวบแล้ว ซึ่งทุกวันแม่จะได้รับคำถามจากลูกมากมาย เช่น ทำไมแม่ไม่ใส่ห่วงที่คอ ทำไมกระเม (หมายถึงแขกที่มาเที่ยว) มาบ้านเราล่ะแม่ ฯลฯ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก  ในยามเช้าที่สายหมอกยังไม่ทันจาง เราตื่นขึ้นด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่งของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ที่เข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง พวกเขาเดินมาพลางร้องเรียกไปพลาง เพื่อจะดูชาวกะเหรี่ยงคอยาวที่เขาหมายมั่นมาดู
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่แม่อยากจะเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องความรักระหว่างพ่อกับแม่ ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างไปจากคนอื่นๆในสังคม
เจนจิรา สุ
เชียงใหม่ยามเช้าที่อาเขต พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาและกำลังจะจากเมืองใหญ่ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางความเจริญในภาคเหนือของประเทศ