Skip to main content
แย้งคุณสมเกียรติ อ่อนวิมล: เส้นแบ่งพรรคการเมืองทางรัฐศาสตร์ที่สำคัญคือเป็นพรรคมวลชน (mass party) หรือพรรคชนชั้นนำ (elite party) ไม่ใช่เกณฑ์หละหลวมว่าเป็นพรรคที่ "เกิดและเติบโตจากประชาชน" หรือไม่
 
 
เส้นแบ่งที่คุณสมเกียรติเสนอว่าเป็นพรรคที่ "เกิดและเติบโตจากประชาชน" หรือไม่? ค่อนข้างหละหลวมนะครับ
 
เพราะมันยุ่งตั้งแต่การนิยามว่า "ประชาชน" หมายถึงใครบ้าง? ครอบคลุมรวมใคร? ตัดใครออก? ไม่นับใคร?
 
ถ้าใช้ในความหมายว่า "ประชาชน" = พลเมืองตามรัฐธรรมนูญ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคณะผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อไทย (พลังประชาชน, ไทยรักไทย) เป็นพลเมืองไทยตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง, นายทุน, นักวิชาการ, เจ้่าพ่อผู้มีอิทธิพล, นักเคลื่อนไหวมวลชน ฯลฯ
 
และพรรคประชาธิปัตย์ โดยประวัติก็เหมือนกัน (หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ อำมาตย์ เจ้านาย ขุนนาง ข้าราชการ ก็เป็นพลเมืองเท่ากับราษฎรสามัญชน)
 
ดูเหมือนการใช้เกณฑ์ "เกิดและเติบโตจากประชาชน" หลวม ๆ เพื่อจะสรุปว่าเป็นพรรค "ของประเทศไทย" หรือไม่? อาจได้ประโยชน์ทางด้านวิพากษ์หรือลดทอนความชอบธรรมเชิงอุดมการณ์ มากกว่าช่วยให้เข้าใจความเป็นจริงทางการเมือง
 
ในทางรัฐศาสตร์ เส้นแบ่งสำคัญกว่าคือพรรคการเมืองหนึ่ง ๆ เป็นพรรคของมวลชนหรือของชนชั้นนำ (mass or elite party) ใครมีบทบาทสำคัญเป็นหลักในการก่อตั้ง, บำรุงเลี้ยง, บริหาร, ชี้นำ, ควบคุม, เลือกผู้ลงสมัคร/รับผิดชอบในตำแหน่งสำคัญ ๆ ไม่ว่า ส.ส., รมว., ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยราชการ
 
หากถือในเกณฑ์หลังนี้ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย (ไทยรักไทย, พลังประชาชน) มีจุดเริ่มต้นเป็นพรรคชนชั้นนำทั้งคู่ คือเป็นพรรคของชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ, การเมือง, ราชการ, วิชาการ ไม่ใช่พรรคมวลชน
 
จะว่าไปพรรคที่มีลักษณะมวลชนค่อนข้างชัดเจนและยืนนานจนล่มสลายไปก็มีอยู่พรรคเดียวคือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเท่านั้น (พ.ศ. ๒๔๘๕ -?)
 
อย่างไรก็ตาม ข้อเด่นของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทยในมุม mass/elite party ก็น่าสนใจอยู่
 
กล่าวคือพรรคประชาธิปัตย์แม้จะกุมโดยชนชั้นนำ แต่ผ่านเวลามาหลายสิบปีในการเมืองเลือกตั้งโดยเฉพาะในท้องถิ่นภาคใต้ ก็ทำให้มีฐานมวลชนอยู่ในระดับพอสมควร และมีโครงสร้างพรรคที่ค่อนข้างเป็นระบบระเบียบ เปิดให้ elites ต่างกลุ่มพอจะประชันขันแข่งเชิงอำนาจเส้นสายและนโยบายกันได้บ้าง แม้ว่าจะถูกครอบงำโดย elite ภาคใต้เป็นหลัก เพียงแต่ยากจะบอกว่าเป็นพรรคที่กุมหรือนำโดยมวลชนจริง ๆ (มวลชนของพรรคที่มีอยู่ออกจะกระจัดกระจายและรวมเป็นกลุ่มก้อนก็โดยเครือข่ายส.ส.และนักการเมืองท้องถิ่นของพรรค มากกว่าจะมีองค์กรมวลชนอิสระของตนเองในเชิง independent /autonomous mass organizations แล้วมาล้อมรอบกำกับพรรคอีกที)
 
ส่วนพรรคเพื่อไทย (ไทยรักไทย, พลังประชาชน) มีข้อน่าสนใจคือเริ่มต้นเป็นพรรคชนชั้นนำที่ครอบงำโดยกลุ่มธุรกิจการเมืองแวดล้อมพ.ต.ท.ทักษิณและเครือข่ายชัดเจน แต่แล้วโดยผ่านการเลือกตั้ง แนวนโยบายประชานิยมและศึกรัฐประหารคปค. มวลชน "ชนชั้นกลางระดับล่างในชนบทที่เปลี่ยนแปลงไป" ได้ก่อตัวเป็นเครือข่ายขบวนการมวลชนที่มีพลังกว้างขวางระดับชาติในนาม นปช. (เสื้อแดง) ที่เป็นอิสระจากแกนนำ/โครงสร้างของพรรคพอสมควร แสดงบทบาทหนุนช่วยพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งและกุมอำนาจ โดยเฉพาะต่อสู้กับพลังรัฐประหารและฝ่ายค้านอย่างทรหดเหนียวแน่นอาบเลือดเสียสละต่อเนื่องยาวนาน
 
กรณีพรรคเพื่อไทยจึงเป็น พรรคเกิดก่อนแบบพรรคชนชั้นนำ --> แล้วขบวนการมวลชนเกิดตามหลัง ปมปริศนาคือ พรรค elite กับขบวนการ mass ที่หลวม ๆ จะผูกสร้างความสัมพันธ์ทางอำนาจและบริหาร, อุดมการณ์และผลประโยชน์กันอย่างไรในระยะยาว? นี่ต่างหากน่าสนใจกว่าการสร้างวาทกรรมบั่นทอนความชอบธรรมใด ๆ

บล็อกของ เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ
"ในฐานะผู้เคยทำการปฏิวัติด้วยความรุนแรง ผมใคร่บอกว่าเราต้องหาทางเจือผสมการปฏิวัติด้วยความไม่รุนแรงให้มากที่สุด เพราะเหตุใดน่ะหรือ? ก็เพราะว่าบรรดาไพร่ทาสราษฎรสามัญชนโดยทั่วไปนั้นหาได้มีอาวุธสงครามในมือเหมือนกลไกรัฐภายใต้การบังคับควบคุมของชนชั้นปกครองไม่.."    
เกษียร เตชะพีระ
กระบวนการเศรษฐกิจทุนนิยมโลกาภิวัตน์ดังที่เป็นอยู่ จึงก่อผลสำคัญด้านความเหลื่อมล้ำทางโภคทรัพย์ที่เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย ไม่ใช่อุดหนุนเกื้อกูล, พลังประชาธิปไตยบนฐานอำนาจเสียงข้างมากของคนที่ขาดด้อยโภคทรัพย์ต้องหาทางคะคานถ่วงดุลอำนาจทุนมหาศาลของคนมั่งมีโภคทรัพย์เสียงข้างน้อยไว้ มิฉะนั้นประชาธิปไตยก็จะหมดความหมายในทางเป็นจริงไปในที่สุด
เกษียร เตชะพีระ
เฉพาะหนึ่งปีที่ผ่านมา รถยนต์ที่ขายในประเทศร่ำรวย อาทิ ญี่ปุ่นและอเมริกา กลับมียอดแซงหน้าในประเทศตลาดเกิดใหม่ จีนไม่ใช่ประเทศที่มีอัตรายอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นสูงสุดอีกต่อไป หากกลับเป็นไทย (ที่ ๖๐%!) และอินโดนีเซีย (ที่ ๓๕%) ในรอบปีที่ผ่านมา
เกษียร เตชะพีระ
ก้องกังวานสะท้านฟ้ามหาสมุทร ด้วยคลั่งแค้นแสนสุดประกาศกล้า เป็นแสนเสียงล้านเสียงมหาประชา สยบขวัญสั่นอุราเผด็จการ...
เกษียร เตชะพีระ
"ประชานิยม" "คนชั้นกลางนิยม" "คนรวยนิยม" "อำมาตย์นิยม" "ประชาธิปัตย์นิยม" "ม.๑๑๒ นิยม" "ราชบัณฑิตนิยม" "ยิ่งลักษณ์นิยม" "ทักษิณนิยม" "พันธมิตรนิยม" "นิติราษฎร์นิยม" "นิด้านิยม"