Skip to main content

บทความที่แล้ว ผมเสนอว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “พันธมิตรประชาชนเพื่ออะไรก็ตามแต่” ไม่สามารถเรียกว่าด้วยคำหรูๆ เกินจริงอย่าง “อารยะขัดขืน” ได้ หากแต่ควรเรียกว่า “อารยะข่มขืน” น่าจะเหมาะกว่า


และผมได้แปลคำว่า “อารยะข่มขืน” ว่าหมายถึงการ “ข่มขืนที่เนียนๆ” อันหมายถึงการละเมิดขืนใจทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคมที่ดูเหมือนจะถูกกฎหมายและดูเหมือนจะมีอารยะ แต่ที่แท้แล้ว เลวร้ายไม่น้อยกว่าการใช้กำลังบังคับตรงๆ เพราะเป็นการใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมหรือกลวิธีที่แนบเนียนแยบคายในการเข้าไปมีสิทธิเหนือร่างกายและจิตใจของผู้อื่น


ส่วนในระดับของสังคมการเมืองนั้น ก็หมายถึงการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยด้วยรูปแบบวิธีการที่ดูเหมือนว่าจะมีอำนาจบางประการที่ไม่ผิดกฎหมายรองรับ ไม่ใช่การนำรถถังออกมายึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญอย่างตรงไปตรงมาแบบเก่า


ตัวอย่างเช่น การนำเสนอโมเดลการเมืองใหม่! 30 : 70 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ โดยให้สัดส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีจากการเลือกตั้ง 30 เปอร์เซ็นต์ มาจากการสรรหาหรือลากตั้งพวกเดียวกันเองถึง 70 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในส่วนของสมาชิกวุฒิสภาหรือสว. ที่พันธมิตรฯ สามารถนำพรรคพวกของตัวเองเข้าไปนั่งในสภาได้โดยไม่กระดาก


ข้อเสนอ 30 : 70 แสดงให้เห็นถึงความคิดรวบยอดและธาตุแท้ของคนกลุ่มนี้ว่ามีแนวคิด ความต้องการ และอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไร


น่าเสียดายที่พันธมิตรประชาชนฯ ไม่สามารถใช้วิกฤติการเมืองที่เกิดขึ้นนำเสนอทางเลือกที่น่าสนใจที่ “ใหม่” และ “ก้าวหน้า” เพื่อเป็นทางเลือกแท้จริงให้แก่ประชาชนได้ดีกว่านี้ ทั้งที่ลงทุนปิดถนนประท้วงเป็นแรมเดือน ทุ่มเททุนหมดหน้าตัก แต่กลับเสนออะไรที่ไม่เข้าท่าน่าผิดหวัง ซึ่งเป็นการประจานตนเองมากกว่าอะไรอื่น หลายคนได้วิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วว่าโมเดลการเมืองของพันธมิตรฯ “ล้าหลัง” และ “เก่า” และแย่เพียงใด


ผมเพียงแต่อยากจะย้ำให้เห็นว่านี่เป็นข้อเสนอของพวกฝ่ายขวาจัด ที่ชอบขายสินค้ายี่ห้อ ”คุณธรรม จริยธรรม” และเชื่อว่าการเมืองควรจะเป็นเรื่องของผู้ดีหรือของอภิสิทธิชนเท่านั้น และนี่เป็นการข่มขืนประชาธิปไตยแบบมีอารยะของกลุ่มพันธมิตร


พันธมิตรฯ สามารถยกข้อกฎหมายมารับรองการกระทำของตนเองได้ทั้งสิ้น แม้ว่าการชุมนุมของคนกลุ่มนี้จะสร้างความเดือดร้อนให้สังคมอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศหรือความเดือดร้อนที่เกิดแก่ชีวิตปกติของคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย อย่างเช่น เด็กนักเรียนหรือคนทำงานที่ต้องอาศัยถนนในการเดินทาง


กลุ่มพันธมิตรฯ มองเห็นความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นเรื่องเล็กในขณะที่ความต้องการของตนเองเป็นเรื่องใหญ่ และถูกต้องอยู่เสมอ อีกทั้งทำให้คนที่ “คิดต่าง” กลายเป็นคนผิดหรือปีศาจไป อย่างไรก็ตาม ต้องขอชมเชยนักเรียนและครูอาจารย์จากโรงเรียนราชวินิตที่ไม่ยอมให้พันธมิตรฯ ใช้วาทกรรมในนาม “อารยะ” ทำการ “ข่มขืน”


นักเรียนราชวินิตคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการปิดถนนหน้าทำเนียบของกลุ่มพันธมิตร ฯ ได้ระบายความรู้สึกนึกคิดได้อย่างกินใจดุเดือดได้อารมณ์ไว้ในเว็บไซต์แห่งหนึ่งว่า


ในฐานะรุ่นพี่คนหนึ่งและเป็นคณะกรรมการนักเรียน หนูขอพูดจากใจนักเรียนเลยนะคะ และเพื่อนๆ ในห้องเกือบ 50 คนว่าทำไมถึงไม่อยากให้มีการชุมนุม คุณจะชุมนุมหรือไม่ชุมนุมก็เป็นสิทธิ์ของคุณ หนูไม่มีสิทธิ์ห้าม แต่การที่ทำให้คนอื่นเดือนร้อน ส่งเสียง กลิ่นเหม็น และคำหยาบคายที่กรอกหูทุกๆ วัน ทั้งเวลาเรียนและเวลาพัก หรือเวลาหนูหรือเพื่อนหนูเดินมาผ่านตรงนั้น พวกคุณแซวพวกหนูเสียๆ หายๆ แล้วคุณไปอ้างกับศาลว่ากลัวความไม่ปลอดภัยของผู้ชุมนุม พวกผู้ใหญ่บ้าหรือเปล่าคะ แล้วความปลอดภัยของหนูและเพื่อนๆ หนูล่ะ ใครจะรับผิดชอบ


อันนี้ถนนหลวงมีไว้ใช้จราจร ไม่มีป้ายไหนเลยบอกว่าใช้เพื่อการชุมนุม แหกตาอ่านดูหรือเปล่าคะ ใครคนไหนบอกว่าโรงเรียนไม่เห็นด้วย กล้าออกมาดีเบตกับคุณสรยุทธ์ไหม ดิฉันจะนำเพื่อนนักเรียน ม.6 และ ม.5 และรุ่นน้องไป รับรองไม่ต่ำกว่า 500 คน ไม่เกี่ยวกับครูอาจารย์นะ ลองดูว่าเสียงของเด็ก 500 คนนี้จะพอให้พวกคุณเลิกชุมนุมไหม


วันนี้คุณไปยื่นอุทธรณ์ ถามจริงๆ เถอะ อายหมาไหม? ศาลก็ไม่รับแล้ว คุณยังหน้าด้านบอกว่าจะชุมนุมต่อไป มาดูถูกครูนักเรียนโรงเรียนอีกว่ารับเงิน แหกปากอะไรคะ คนแก่ทั้งหลาย วัน ๆ ไม่มีสาระอะไรเลย ด่าแต่คนอื่น ถ้าเราไม่สามัคคีกันน่ะ เทวดาที่ไหนก็แก้ไม่ได้หรอก อีกอย่างนะ วันที่ไปฟ้องตำรวจน่ะ ไม่ได้มีแต่พวกหนู มีคนไปแจ้งความว่าเดือดร้อนเกือบ 2 พันคน คุณยังจะหน้าด้านมาชุมนุมอีกเหรอคะ ทำไมไม่ไปชุมนุมที่ทุ่งนาที่ไม่มีรถ ห่างจากชุมชนโน้นไม่มีใครว่าคุณหรอก แค่นี้แหล่ะ ที่อยากจะระบาย อีกอย่างคนที่บอกว่าเป็นรุ่นพี่ที่ออกมาดูถูกรุ่นน้องของคุณน่ะ อยากจะบอกนะคะว่า เราราชวินิตไม่เคยมีรุ่นพี่นิสัยเหมือนพันธมิตรฯ แบบนี้”

ขอบคุณค่ะ

5/1
ราชวินิต


ดีนะครับ ที่นักเรียนรู้จักปกป้องสิทธิของตนเอง ไม่ยอมให้พันธมิตรฯ ล่วงล้ำลามปามไปมากกว่าที่เป็นอยู่ กระนั้นก็ตาม พันธมิตรฯ ได้ย้ายที่ปิดถนนจากหน้าทำเนียบ มาปิดถนนที่สะพานมัฆวานเหมือนเก่าและยังคงตั้งหน้าตั้งตาดำเนินการ “อารยะข่มขืน” ต่อไป.


บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
มหาชนสีแดงยื่นบันไดแห่งการยุบสภาให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีนลงมาอย่างง่าย ๆ ชนิดที่บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น แต่ไม่เป็นผลอะไร ด้วยโมหะจริต นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ดึงดันจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้ว่าจะต้องทำอะไรที่เสียเกียรติความเป็นผู้นำไปมากก็ตาม
เมธัส บัวชุม
การเคลื่อนพลของคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินน่าตื่นตาตื่นใจและอลังการสมการรอคอย แม้ว่าการมาทางเรือจะผิดจากความคาดหวังอยู่มากก็ตาม ผมยืนรอชมขบวนเรือของคนเสื้อแดงบนสะพานกรุงธนนานกว่า 3 ชั่วโมงพร้อมกับแดงคนอื่น ๆ เต็มสะพาน โบกไม้โบกมือ ไชโยโห่ร้องกับคนเสื้อแดงที่ขับรถผ่านไปมา
เมธัส บัวชุม
แม้ผลการตัดสินคดียึดทรัพย์เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว แต่คนเสื้อแดงหลายคนยังรู้สึกเจ็บปวด บางคนถึงขั้นหลั่งน้ำตาทั้งที่เงินนั้นไม่ใช่เงินของตนเอง พวกอำมาตย์ พรรคประชาธิปัตย์และคนเสื้อเหลืองไม่มีทางเข้าใจได้เลยว่าที่คนเสื้อแดงหลั่งน้ำตานั้นไม่ใช่เพราะเสียดายเงินของอดีตนายก ฯ ทักษิณ  ชินวัตร ที่ถูกยึดไปอย่างไม่เป็นธรรม แต่เป็นเพราะรู้สึกเจ็บปวดที่ตนเองทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นความอยุติธรรมบังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาครั้งแล้วครั้งเล่า
เมธัส บัวชุม
ไม่ว่าผลการตัดสินคดียึดทรัพย์ (ปล้นทรัพย์อย่างถูกกฎหมาย) ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร จะออกมาเป็นอย่างไร การลุกฮือของคนเสื้อแดงก็ยังคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เสื้อแดงจำนวนไม่น้อยอาจไม่ได้ยี่หระเลยกับทรัพย์สินของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตรเพราะนั่นเป็นราคาที่อดีตนายก ฯ ต้องจ่ายสำหรับการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย หลายคนจะได้เรียนรู้ว่าประชาธิปไตยนั้นถ้าไม่จ่ายด้วยเลือดและชีวิตก็ต้องจ่ายด้วยทรัพย์สินแสนแพง
เมธัส บัวชุม
 เมื่อความขัดแย้งระหว่างฝักฝ่ายต่าง ๆ เขม็งเกลียวแน่นใกล้ถึงจุดวิกฤติ ข่าวเกี่ยวกับการทำรัฐประหารก็ลอยมาจากทางโน้นทางนี้เป็นระยะ น่าเชื่อบ้าง ไม่น่าเชื่อบ้าง ราวกับว่ารัฐประหารเป็นทางออกเดียวในการจัดการปัญหา
เมธัส บัวชุม
การเข้าครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยงอย่างผิดกฏหมายขององคมนตรีคุณธรรมสูงอย่างสุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแม้แต่น้อย ไม่ใช่ข้อค้นพบที่น่าตื่นเต้น ไม่ใช่ความลับที่น้อยคนรู้ ชาวบ้านร้านตลาดในบริเวณนั้นต่างก็รู้กันเป็นอย่างดีว่าวิลล่าสวยงามบนเขายายเที่ยงนั้นเป็นของใคร
เมธัส บัวชุม
ผมค่อนข้างแปลกใจที่สังคมไทยยังไม่เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ว่าที่จริงสงกรานต์เลือดเมื่อปีกลายที่ผ่านมา เป็นโอกาสเหมาะไม่น้อยสำหรับการเกิดสงครามกลางเมืองซึ่งอาจจะจบลงด้วยการทำลายพลังประชาชนรากหญ้าและคนชั้นกลางฝ่ายก้าวหน้าลงอย่างย่อยยับ จนยากที่จะฟื้นกลับคืนมาใหม่ หรืออาจเป็นไปในทางกลับกันก็ได้หากประชาชนได้รับชัยชนะคือระบอบประชาธิปไตยจะขยับไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด อำนาจของอำมาตย์จะถูกจำกัดวง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด?
เมธัส บัวชุม
-1- ฉันมีวิธีเผชิญหน้ากับอาการนอนไม่หลับด้วยการนอนลืมตาอยู่ในความมืด พยายามไม่คิดอะไร แต่ดวงความคิดของฉันก็ไหลลอยไปสู่เรื่องนั้นเรื่องนี้ หวนรำลึกไปถึงสถานที่และผู้คนที่ฉันเคยพานพบประหนึ่งว่าฉันเพิ่งจากผู้คนและสถานที่เหล่านั้นมา
เมธัส บัวชุม
เรื่องราวในชีวิตของคนเราสามารถนำมาเขียนแต่งเป็นนิยายได้ทั้งนั้น โดยการใส่พล็อตหรือท้องเรื่องเข้าไป ตีความให้ดูน่าสนใจ แล้วเสาะหา(สร้าง)ข้อมูลเพื่อยัดลงไปในพล็อตที่วางไว้โดยอาจหยิบเพียงบางช่วงบางตอนของชีวิตก็ได้
เมธัส บัวชุม
คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจแต่ประการใดที่เราได้เห็นปัญญาชนสยาม ปัญญาชนสาธารณะอย่างสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ไปออกโทรทัศน์ของทาง ASTV “รายการรู้ทันประเทศไทย” ที่มีเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการผู้หากินกับวาทกรรม “ชาวบ้าน” มายาวนาน งนี้เพราะหลายคนซึ้งแน่แก่ใจแล้วว่าบั้นปลายชีวิตของสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้หลงตนนั้นโน้มเอียงไปทางเผด็จการ หรือไปทางศักดินามากเสียยิ่งกว่าจะยืนข้างชาวบ้านอย่างที่เขาพร่ำพูดถึงเสมอ
เมธัส บัวชุม
หากผมบอกว่าชาตินิยมเป็นแนวคิดที่ใช้ไม่ได้แล้ว บางคนคงโต้แย้ง ผมจึงต้องเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ให้กว้าง ๆ ว่า ชาตินิยมเป็นแนวคิดที่ไม่เพียงพอสำหรับการทำความเข้าใจความเป็นไปของสังคมการเมืองในโลกปัจจุบัน ไม่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าความหมายและรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง
เมธัส บัวชุม
รถไฟไทยเป็นอย่างที่เป็นอยู่มานาน โดยแทบไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเลยตั้งแต่เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งนี้เพราะความเสื่อมโทรมของรถไฟให้ประโยชน์แก่คนหลายกลุ่ม รวมทั้งสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย ดังนั้นแนวคิดใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้รถไฟเปลี่ยนไปจึงถูกต่อต้านแม้จะมีผลการวิเคราะห์วิจัยรองรับอยู่จำนวนมาก