Skip to main content

ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ละเลงเลือด
แผ่นดินเดือด ถ่อยเถื่อน สะเทือนไหม
เหล่าแกนนำ อำมหิต คงสะใจ
ประเทศไทย ใกล้พังยับ นับวันรอ
พันธมิตร ป่วนเมือง ระส่ำสุด
เตรียมอาวุธ รบกับใคร กระไรหนอ
กองทัพธรรม กำมีดพร้า ฆ่าให้พอ
ทำเพื่อ "พ่อ" สนธิลิ้ม และจำลอง

ละอองดาว


(
http://www.prachatai.com/05web/th/home/comment.php?mod=mod_ptcms&ContentID=13977&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai )


พอฝุ่นควันจากเหตุการณ์สลายหายไป ภาพปรากฏก็เริ่มชัดเจนขึ้น ข้อเท็จจริงค่อย ๆ แสดงตัวออกมาทีละส่วน ๆ ก่อนจะกลายเป็นภาพรวมใหญ่ ทำให้การใส่ความและการโฆษณาชวนเชื่อของแกนนำพันธมิตรฯ ที่หวังโค่นรัฐบาลประชาธิปไตย ด้วยการเอาเลือดของประชาชนที่แม้จะอยู่ฝ่ายเดียวกับตนเองมาสาดใส่แล้วใส่ความว่าเป็นฝีมือของรัฐบาล หวังกล่าวหาจนรัฐบาลดิ้นไม่หลุด แต่เชื่อเถอะว่า ไม่ช้าไม่นาน บาปกรรมทั้งหมดที่ทำไว้ก็ย้อนเข้าตัวเอง


ข้อเท็จจริงที่กระจ่างขึ้น ที่ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ถึงและตั้งสมมติฐานได้ เช่น


เรารู้กันแล้วว่ารถจี๊ปเชโรกีที่ระเบิดหน้าพรรคชาติไทยนั้น เป็นของใคร เป็นของน้องเขยนายการุณ ใสงาม แกนนำพันธมิตร ซึ่งตัวน้องเขยที่เสียชีวิตไปเป็นตำรวจเกษียณราชการและเป็นแกนนำพันธมิตรด้วยเช่นกัน ระเบิดที่อยู่ในรถนั้นยากที่จะรู้ว่ามีไว้สำหรับทำอะไร แต่รู้แน่ ๆ ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ


เรารู้กันแล้วว่า กระสุนแก๊สน้ำตาไม่มีทางทำให้ขาขาดหรือแขนขาดได้ ไม่ว่าจะยิงตรงๆ หรือขึ้นฟ้า แต่แก๊สน้ำตาอาจทำให้กระสุนในกระเป๋ากางเกงของผู้ประท้วงที่ตระเตรียมไว้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดระเบิดขึ้น


เรารู้กันแล้วว่า ผู้ประท้วงไม่ได้ชุมนุมอย่างสงบสันติหรือใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญดังที่แกนนำพยายามป่าวร้อง แต่เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ประท้วงบางส่วนพกพาอาวุธปืน กระบอง ไม้แหลม และทำร้ายตำรวจปางตาย


เราเห็นกันชัดเจนว่าผู้ชุมนุมของพันธมิตรฯ คนหนึ่งขับรถชนจนตำรวจซึ่งไร้อาวุธติดตัวจนล้มลง แค่นั้น ยังไม่พอ ยังขับรถเหยียบทับตำรวจที่ล้มลงอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์มนา นี่คือคุณภาพของคนที่ชุมนุมกับพันธมิตร ฯลฯ


ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงง่ายๆ ที่ถ้าหูไม่หนวก ตาไม่บอดก็จะรับรู้กระทั่งเข้าใจ แต่ธรรมดาที่จะมีคนประเภทหูหนวก ตาบอด ไม่รับรู้ข้อเท็จจริงอะไรเลย หรือประเภท “ตาบอดข้างเดียว” “หูหนวกข้างเดียว” จึงได้ยิน ได้ฟังแต่เสียงของพันธมิตรฯ หรือคนประเภท “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่” ข้อเท็จจริง เป็นอย่างไรไม่สำคัญ ใครจะผิด ใครจะถูก ไม่สน คิดอยู่อย่างเดียวว่า “ฝ่ายกูต้องถูกไว้ก่อน” “มึงผิด กูถูก”


นอกจากข้อเท็จจริงข้างต้นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วแม้จะแสร้งทำพิการก็ตาม ยังมีเรื่องเล่าถึงวีรกรรมของแก๊งอันธพาลกู้ชาติอีกมากมาย


เรื่องที่หนึ่ง น้องคนหนึ่งที่ทำงานในร้าน 7-11 บริเวณหน้าสถาบันราชภัฏ เล่าให้ฟังว่ากลุ่มแก๊งอันธพาล บุกเข้าไปในร้าน ขนเอาของที่อยากจะเอาไปและบอกว่า “เป็นพันธมิตรไม่ต้องจ่ายเงิน ถ้าอยากได้เงินก็ไปเอาที่ตำรวจ” จากนั้นแก๊งอันธพาลที่ต้องการมา “กู้ชาติ” และ “ชุมนุมอย่างสันติ” ก็ทุบกระจกร้านจนแตกก่อนจากไป


เรื่องที่สอง แม่ค้าขายข้าวแกงแถวสวนอ้อยหน้าสถาบันราชภัฏสวนดุสิต เล่าให้ฟังว่ามีแก๊งอันธพาลที่ต้องการมากู้ชาติ มานั่งกินข้าวแกงจนอิ่มแปล้ เสร็จแล้วไม่ยอมจ่างตังค์ เมื่อแม่ค้าบอกว่า “ของซื้อ ของขาย กินฟรีได้ยังไง” แก๊งกินฟรีกู้ชาติก็ตอบอย่างมั่นใจ “ทำไม เป็นพันธมิตร ไม่ต้องจ่ายเงิน”


เรื่องที่สาม พ่อค้าขายอาหารรายหนึ่งเล่าว่าเมื่อเขาปิดร้านเพื่อจะหนี “แก๊งกินฟรีกู้ชาติ” แต่ในระหว่างที่เขาเก็บเงินใส่ถุงอยู่นั้น แก๊งค์ “กินฟรีกู้ชาติ” ก็เดินเข้ามาเยือนพอดี เขานึกในใจ ”ซวยแล้วล่ะกู” แล้วก็ซวยจริงๆ “แก๊งกินฟรีกู้ชาติ” บอกแก่พ่อค้าเสียงดังฟังชัดว่า

เงินในถุงน่ะ ขอได้หรือเปล่า!”

แน่นอนพ่อค้าปฏิเสธ เงินจากน้ำพักน้ำแรง เรื่องอะไรจะให้มาไถกันได้ง่าย ๆ แม้ว่าจะอ้างว่า “กู้ชาติ” หรืออ้างคำที่แม้แต่ผู้พูดก็ไม่เข้าใจว่า “อารยะขัดขืน” ก็ตาม แก๊งอันธพาลไม่พอใจจึงทุบกระจกที่ใส่ผัก ใส่หมู จนแตกกระจาย


สิ่งเหล่านี้ไม่ปรากฏในสกู๊ปของโทรทัศน์ช่อง TPBS ซึ่งกลายเป็นกระบอกเสียงของแก๊งค์อันธพาลพันธมิตรฯ ไปแล้วโดยสมบูรณ์แบบ น่าเสียดายเงินภาษีประชาชนที่นำเอาไปให้ TPBS ใช้โฆษณาชวนเชื่อ สนับสนุนเผด็จการศักดินา


จากพฤติการณ์ข้างต้น จึงไม่ใช่เรื่องที่เราต้องอกสั่นขวัญแขวนหรือตกอกตกใจเหมือนหมอบางรายที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ที่แยกไม่ออกระหว่างเรื่องส่วนตัวและจรรยาบรรณแพทย์ หากตำรวจจะใช้แก๊สน้ำตาจัดการกับผู้ชุมนุมที่ต้องการยึดรัฐสภา ว่าที่จริง เบาเกินไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับว่าแก๊งอันธพาลพันธมิตรที่มีอาวุธหนัก อาวุธเบาครบมือเพื่อหมายก่อวินาศกรรมให้ถึงที่สุด


ที่ผ่านมา ผมไม่เคยรู้สึกชอบตำรวจเลย แต่ครั้งนี้ขอยกมือเป็นเสียงหนึ่งสนับสนุนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ภูมิใจเถิดว่าท่านเป็นส่วนหนึ่งของการพิทักษ์รักษาความถูกต้อง ยุติธรรม และระบอบประชาธิปไตยโดยมีประชาชนเป็นใหญ่ไว้ แม้ว่าคนบางกลุ่มจะไม่เข้าใจและต้องการจะป้ายสีท่านก็ตาม.

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
-1-พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเพื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยชูคำขวัญที่ฟังดูดัดจริตและกินไม่ได้ว่า “ประชาชนต้องมาก่อน”ผมได้ยินหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปล่งคำนี้ออกมาแล้วก็ให้นึกสงสัยว่าจะมีใครซักกี่คนในโลกนี้เชื่อในสิ่งที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ พูดออกมาพรรคประชาธิปัตย์ฉวยโอกาส เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ๆ ตามสไตล์ถนัดด้วยการโฆษณาหาเสียงก่อนใครเพื่อน  ในขณะที่พรรคคู่แข่งอย่างพรรคพลังประชาชนนั้นต้องเจอกับอำนาจชั่วที่คอยการสกัดกั้นทุกรูปแบบ-2-ต้องรอดูกันต่อไปว่า พรรคพลังประชาชนจะฝ่าต้านแรงสกัดจากอำนาจชั่วได้มากน้อยแค่ไหน…
เมธัส บัวชุม
อันที่จริง ผมตั้งใจจะหยุดเขียนบทความการเมืองสักระยะด้วยรู้สึกระอากับความวิปริตทางปัญญาของสังคมไทย ผมยังรู้สึกหลอนไม่หายกับการยึดอำนาจของทหารท่ามกลางความดีอกดีใจของพวก “ทาสที่ปล่อยไม่ไป” และพวกที่กลุ้มรุมทึ้งแย่งผลประโยชน์ “แห่งชาติ” ที่ไม่ได้ “เหลือแต่กระดูก” หลังการจากไปของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรกลุ่มคนเหล่านี้ที่เข้ามายึดกุมอำนาจหลังรัฐประหาร ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการสร้างประชาธิปไตยหรือปฏิรูปการเมือง  รัฐบาลเถื่อนของนายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ กับ คมช. คตส. กกต. ที่ผ่านมาได้ทำอะไรบ้างที่เป็นสร้างเสริมประชาธิปไตย หรือปฏิรูปการเมืองไปสู่ครรลองประชาธิปไตยนอกจากสมคบคิดกันกวาดล้างกลุ่ม…
เมธัส บัวชุม
นิตยสาร “ราหูอมจันทร์” เกิดขึ้นท่ามกลางความซบเซาทั้งทางด้านการเขียน การอ่านและการวิจารณ์ของแวดวงเรื่องสั้นไทย ราหูอมจันทร์ เป็นนิตยสารรายครึ่งปีหรือที่ทางผู้จัดทำเรียกว่ารายฤดูกาล เป็นการคัดสรรเรื่องสั้นที่มีผู้ส่งไปจากทั่วสารทิศเพื่อรวมพิมพ์เป็นเล่มบรรดาคอเรื่องสั้น ต่างวาดหวังว่าการมาถึงของราหูอมจันทร์อาจช่วยให้วงการคึกคักขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย   อย่างไรก็ตาม เมื่อได้อ่านแล้ว ต้องกล่าวตามตรงว่าราหูอมจันทร์ Vol. 3 “วันปลดปล่อยผีเสื้อ” นั้นมีระดับคุณภาพที่น่าผิดหวังไม่น้อย ทางผู้จัดทำนิตยสารนี้คือกองทุน “กนกพงศ์  สงสมพันธุ์” ก็ยอมรับว่า“ราหูอมจันทร์ Vol. 3…