ถือเป็นความคืบหน้าทางการเมืองอีกขั้น ที่ประชาชนแห่งกองทัพแดงสามารถ "ลาก" เอาประธานองคมนตรีออกมาชันสูตรกันในที่แจ้ง จับแก้ผ้าล่อนจ้อนต่อหน้าสาธารณชน เปลื้องเปลือยรอยตำหนิและแผลเป็นน่าเกลียด
ไม่เคยมียุคสมัยใดของการเมืองไทยที่ประธานองคมนตรี และองคมนตรีจะโดนเล่นงานขนาดนี้ แต่ปรากฏการณ์การณ์นี้มีที่มาที่ไป ประชาชนตระหนักชัดแล้วว่าทางเดินของระบอบประชาธิปไตยถูกขวางด้วยอำนาจนอกรัฐธรรมนูญมาตลอด โดยที่ครั้งนี้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ โดดเข้ามาเล่นชัดเจน แม้จะเคยบอกว่า "ผมพอแล้ว" แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ดังนั้น "หากองคมนตรีมายุ่งการเมือง ก็ต้องพร้อมรับให้การเมืองเข้าไปยุ่งด้วย"
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ องคมนตรี จึงเป็นเป้าและเป้านิ่งให้กองทัพแดงรุมถล่มหนักหน่วง ในฐานะที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารโดยกฎหมาย และเกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหารโดยทหารเมื่อ 19 กันยา 49 ซึ่งเป็นการหมุนเข็มนาฬิกาถอยหลังกลับไปหลายสิบปี
นักแสดงตลกบนเวที นำบุคลิกของประธานองคมนตรีมาล้อเลียนอย่างเปิดเผย เรื่องเล่าเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศถูกแปลงให้เป็นเรื่องขำขัน ชาวบ้านต่างจังหวัดกล้ากล่าวคำบริภาษเต็มปากเต็มคำ แกนนำกองทัพแดง- จตุพร พรหมพันธุ์ หาญกล้าที่จะเรียกประธานองคมนตรีเสียงดังฟังชัดว่า "ไพร่"
"องคมนตรีต้องพิจารณาตัวเองมากกว่าคนอื่น เมื่อไม่ยอมปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ก็ควรแสดงความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น ความพยายามกล่าวอ้างว่า องคมนตรีคือสถาบัน มันไม่ใช่ องคมนตรีไม่ใช่เจ้า แต่เป็นไพร่เหมือนคนทั่วไป" http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pol01300352§ionid=0133&day=2009-03-30 (มติชนรายวัน, 30 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉ. 11342)
มายาภาพลวง ๆ ที่เคยปกป้ององคมนตรีได้อันตรธานไปเสียแล้วจริง ๆ แสงสว่างสาดส่องเข้าไปถึงในที่ซ่อนและทำให้ความจริงปรากฏ การวิพากษ์วิจารณ์อันเข้มข้นและการพูดความจริงโยกคลอนความศรัทธาที่ประชาชนเคยมีต่อองคมนตรีทั้งสองรายอย่างถึงรากถึงโคน
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อีกหนึ่งแกนนำกองทัพแดง กล่าวโจมตีหัวขบวนของระบอบอมาตยาธิปไตยว่า
"อยากเตือน อยากเตือน พล.อ.สุรยุทธ์ ว่าอย่าเชื่อมั่นตนเองมากนัก เพราะต้นทุนความน่าเชื่อถือไม่เหลือแล้ว อยากให้สังคมไทยใช้สติพิจารณาความน่าเชื่อถือของตัวบุคคลจากอดีตที่ผ่านมา การกระทำของ พล.อ.สุรยุทธ์ชี้ชัดว่าพูดอย่าง ทำอย่าง ยกตัวอย่างเมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่เขาใหญ่ แต่ในขณะที่เป็นประธานฯกลับบุกรุกและครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง โดยไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ ทั้งที่เป็นพื้นที่ป่าสงวน" http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=130376 (ไทยรัฐ,วันจันทร์ ที่ 30 มีนาคม 2552)
อันที่จริงการเข้าไปบงการวางแผน หรือมีส่วนร่วมในการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยขององคมนตรีทั้งสองรายนั้น ไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าประชาชนจะทราบกันโดยทั่วไป บางเสี้ยวของการเคลื่อนไหวทางการเมืองขององคมนตรีปรากฎเป็นข่าวเป็นระยะ ๆ
แต่การ "ให้รายละเอียด" เพื่อต่อจิ๊กซอว์ให้สมบูรณ์ขึ้นโดยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และการซ้ำเข้าไปแบบเนื้อๆ อีกหลายดอกจากพลเอก พัลลภ ปิ่นมณี และการออกมาแก้ข่าวของบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงซึ่งเป็นเหมือนการให้ข้อมูลเพิ่ม ล้วนเน้นย้ำให้สิ่งที่เป็นจริงอยู่แล้วเป็นจริงมากยิ่งขึ้นอีก พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี อัดองคมนตรีตรงๆ ว่า
"ผิดหวังที่ พล.อ.สุรยุทธ์เสียสัจจะที่ว่าจะไม่รับตำแหน่งหลังการปฏิวัติ แต่ก็มาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เรื่องตำแหน่งต่างๆ นั้น พล.อ.สุรยุทธ์เป็นคนยกขึ้นมาเองว่า การดำเนินการโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ จะไม่ได้ทำเพื่อหวังตำแหน่งหรือลาภยศอะไร" http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0101290352§ionid=0101&selday=2009-03-29 (มติชนรายวัน 29 มี.ค. พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉ. 11341)
เป็นไปตามสูตรที่องคมนตรี จะออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหาร แต่อย่างที่พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี พูด "เป็นเรื่องปกติธรรมดา เรื่องแบบนี้ถ้าเขาออกมารับว่าจริง เขาคงต้องไปโรงพยาบาลประสาท" ทิ่มไปอีกดอก
แม้ว่าพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ จะตีนิ่ง ทำทีเป็นเฉย ๆ ต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่โดยวิสัยของศักดินาที่มีความอดทนต่ำ โดยวิสัยของนักการเมืองที่ทำได้ทุกอย่าง โดยบุคลิกที่ต้องเป็นฝ่ายชนะตลอด เชื่อว่าการตอบโต้ที่รุนแรงคงเกิดขึ้นไม่ช้าและนั่นจะเป็นการล้างกลุ่มศักดินากลุ่มใหญ่ออกไป
ไม่เคยมียุคสมัยใดของการเมืองไทยที่ประธานองคมนตรี และองคมนตรีจะโดนเล่นงานขนาดนี้ แต่ปรากฏการณ์การณ์นี้มีที่มาที่ไป ประชาชนตระหนักชัดแล้วว่าทางเดินของระบอบประชาธิปไตยถูกขวางด้วยอำนาจนอกรัฐธรรมนูญมาตลอด โดยที่ครั้งนี้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ โดดเข้ามาเล่นชัดเจน แม้จะเคยบอกว่า "ผมพอแล้ว" แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ดังนั้น "หากองคมนตรีมายุ่งการเมือง ก็ต้องพร้อมรับให้การเมืองเข้าไปยุ่งด้วย"
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ องคมนตรี จึงเป็นเป้าและเป้านิ่งให้กองทัพแดงรุมถล่มหนักหน่วง ในฐานะที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารโดยกฎหมาย และเกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหารโดยทหารเมื่อ 19 กันยา 49 ซึ่งเป็นการหมุนเข็มนาฬิกาถอยหลังกลับไปหลายสิบปี
นักแสดงตลกบนเวที นำบุคลิกของประธานองคมนตรีมาล้อเลียนอย่างเปิดเผย เรื่องเล่าเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศถูกแปลงให้เป็นเรื่องขำขัน ชาวบ้านต่างจังหวัดกล้ากล่าวคำบริภาษเต็มปากเต็มคำ แกนนำกองทัพแดง- จตุพร พรหมพันธุ์ หาญกล้าที่จะเรียกประธานองคมนตรีเสียงดังฟังชัดว่า "ไพร่"
"องคมนตรีต้องพิจารณาตัวเองมากกว่าคนอื่น เมื่อไม่ยอมปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ก็ควรแสดงความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น ความพยายามกล่าวอ้างว่า องคมนตรีคือสถาบัน มันไม่ใช่ องคมนตรีไม่ใช่เจ้า แต่เป็นไพร่เหมือนคนทั่วไป" http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pol01300352§ionid=0133&day=2009-03-30 (มติชนรายวัน, 30 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉ. 11342)
มายาภาพลวง ๆ ที่เคยปกป้ององคมนตรีได้อันตรธานไปเสียแล้วจริง ๆ แสงสว่างสาดส่องเข้าไปถึงในที่ซ่อนและทำให้ความจริงปรากฏ การวิพากษ์วิจารณ์อันเข้มข้นและการพูดความจริงโยกคลอนความศรัทธาที่ประชาชนเคยมีต่อองคมนตรีทั้งสองรายอย่างถึงรากถึงโคน
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อีกหนึ่งแกนนำกองทัพแดง กล่าวโจมตีหัวขบวนของระบอบอมาตยาธิปไตยว่า
"อยากเตือน อยากเตือน พล.อ.สุรยุทธ์ ว่าอย่าเชื่อมั่นตนเองมากนัก เพราะต้นทุนความน่าเชื่อถือไม่เหลือแล้ว อยากให้สังคมไทยใช้สติพิจารณาความน่าเชื่อถือของตัวบุคคลจากอดีตที่ผ่านมา การกระทำของ พล.อ.สุรยุทธ์ชี้ชัดว่าพูดอย่าง ทำอย่าง ยกตัวอย่างเมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่เขาใหญ่ แต่ในขณะที่เป็นประธานฯกลับบุกรุกและครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง โดยไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ ทั้งที่เป็นพื้นที่ป่าสงวน" http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=130376 (ไทยรัฐ,วันจันทร์ ที่ 30 มีนาคม 2552)
อันที่จริงการเข้าไปบงการวางแผน หรือมีส่วนร่วมในการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยขององคมนตรีทั้งสองรายนั้น ไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าประชาชนจะทราบกันโดยทั่วไป บางเสี้ยวของการเคลื่อนไหวทางการเมืองขององคมนตรีปรากฎเป็นข่าวเป็นระยะ ๆ
แต่การ "ให้รายละเอียด" เพื่อต่อจิ๊กซอว์ให้สมบูรณ์ขึ้นโดยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และการซ้ำเข้าไปแบบเนื้อๆ อีกหลายดอกจากพลเอก พัลลภ ปิ่นมณี และการออกมาแก้ข่าวของบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงซึ่งเป็นเหมือนการให้ข้อมูลเพิ่ม ล้วนเน้นย้ำให้สิ่งที่เป็นจริงอยู่แล้วเป็นจริงมากยิ่งขึ้นอีก พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี อัดองคมนตรีตรงๆ ว่า
"ผิดหวังที่ พล.อ.สุรยุทธ์เสียสัจจะที่ว่าจะไม่รับตำแหน่งหลังการปฏิวัติ แต่ก็มาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เรื่องตำแหน่งต่างๆ นั้น พล.อ.สุรยุทธ์เป็นคนยกขึ้นมาเองว่า การดำเนินการโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ จะไม่ได้ทำเพื่อหวังตำแหน่งหรือลาภยศอะไร" http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0101290352§ionid=0101&selday=2009-03-29 (มติชนรายวัน 29 มี.ค. พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉ. 11341)
เป็นไปตามสูตรที่องคมนตรี จะออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหาร แต่อย่างที่พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี พูด "เป็นเรื่องปกติธรรมดา เรื่องแบบนี้ถ้าเขาออกมารับว่าจริง เขาคงต้องไปโรงพยาบาลประสาท" ทิ่มไปอีกดอก
แม้ว่าพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ จะตีนิ่ง ทำทีเป็นเฉย ๆ ต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่โดยวิสัยของศักดินาที่มีความอดทนต่ำ โดยวิสัยของนักการเมืองที่ทำได้ทุกอย่าง โดยบุคลิกที่ต้องเป็นฝ่ายชนะตลอด เชื่อว่าการตอบโต้ที่รุนแรงคงเกิดขึ้นไม่ช้าและนั่นจะเป็นการล้างกลุ่มศักดินากลุ่มใหญ่ออกไป
ในสถานการณ์ปกติ ไม่มีใครจะไปแตะต้ององคมนตรีได้ แต่การรุกรานจนเกินทนทำให้ประชาชนไม่มีทางเลือกใดนอกจากหันหน้าสู้ ซึ่งผลลัพธ์ก็ปรากฏออกมาเป็นเบื้องต้นแล้วว่าองคมนตรีโดนหนักทีเดียว.
บล็อกของ เมธัส บัวชุม
เมธัส บัวชุม
มหาชนสีแดงยื่นบันไดแห่งการยุบสภาให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีนลงมาอย่างง่าย ๆ ชนิดที่บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น แต่ไม่เป็นผลอะไร ด้วยโมหะจริต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดึงดันจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้ว่าจะต้องทำอะไรที่เสียเกียรติความเป็นผู้นำไปมากก็ตาม
เมธัส บัวชุม
การเคลื่อนพลของคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินน่าตื่นตาตื่นใจและอลังการสมการรอคอย แม้ว่าการมาทางเรือจะผิดจากความคาดหวังอยู่มากก็ตาม ผมยืนรอชมขบวนเรือของคนเสื้อแดงบนสะพานกรุงธนนานกว่า 3 ชั่วโมงพร้อมกับแดงคนอื่น ๆ เต็มสะพาน โบกไม้โบกมือ ไชโยโห่ร้องกับคนเสื้อแดงที่ขับรถผ่านไปมา
เมธัส บัวชุม
แม้ผลการตัดสินคดียึดทรัพย์เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว แต่คนเสื้อแดงหลายคนยังรู้สึกเจ็บปวด บางคนถึงขั้นหลั่งน้ำตาทั้งที่เงินนั้นไม่ใช่เงินของตนเอง พวกอำมาตย์ พรรคประชาธิปัตย์และคนเสื้อเหลืองไม่มีทางเข้าใจได้เลยว่าที่คนเสื้อแดงหลั่งน้ำตานั้นไม่ใช่เพราะเสียดายเงินของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกยึดไปอย่างไม่เป็นธรรม แต่เป็นเพราะรู้สึกเจ็บปวดที่ตนเองทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นความอยุติธรรมบังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาครั้งแล้วครั้งเล่า
เมธัส บัวชุม
ไม่ว่าผลการตัดสินคดียึดทรัพย์ (ปล้นทรัพย์อย่างถูกกฎหมาย) ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร จะออกมาเป็นอย่างไร การลุกฮือของคนเสื้อแดงก็ยังคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เสื้อแดงจำนวนไม่น้อยอาจไม่ได้ยี่หระเลยกับทรัพย์สินของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตรเพราะนั่นเป็นราคาที่อดีตนายก ฯ ต้องจ่ายสำหรับการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย หลายคนจะได้เรียนรู้ว่าประชาธิปไตยนั้นถ้าไม่จ่ายด้วยเลือดและชีวิตก็ต้องจ่ายด้วยทรัพย์สินแสนแพง
เมธัส บัวชุม
เมื่อความขัดแย้งระหว่างฝักฝ่ายต่าง ๆ เขม็งเกลียวแน่นใกล้ถึงจุดวิกฤติ ข่าวเกี่ยวกับการทำรัฐประหารก็ลอยมาจากทางโน้นทางนี้เป็นระยะ น่าเชื่อบ้าง ไม่น่าเชื่อบ้าง ราวกับว่ารัฐประหารเป็นทางออกเดียวในการจัดการปัญหา
เมธัส บัวชุม
การเข้าครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยงอย่างผิดกฏหมายขององคมนตรีคุณธรรมสูงอย่างสุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแม้แต่น้อย ไม่ใช่ข้อค้นพบที่น่าตื่นเต้น ไม่ใช่ความลับที่น้อยคนรู้ ชาวบ้านร้านตลาดในบริเวณนั้นต่างก็รู้กันเป็นอย่างดีว่าวิลล่าสวยงามบนเขายายเที่ยงนั้นเป็นของใคร
เมธัส บัวชุม
ผมค่อนข้างแปลกใจที่สังคมไทยยังไม่เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ว่าที่จริงสงกรานต์เลือดเมื่อปีกลายที่ผ่านมา เป็นโอกาสเหมาะไม่น้อยสำหรับการเกิดสงครามกลางเมืองซึ่งอาจจะจบลงด้วยการทำลายพลังประชาชนรากหญ้าและคนชั้นกลางฝ่ายก้าวหน้าลงอย่างย่อยยับ จนยากที่จะฟื้นกลับคืนมาใหม่ หรืออาจเป็นไปในทางกลับกันก็ได้หากประชาชนได้รับชัยชนะคือระบอบประชาธิปไตยจะขยับไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด อำนาจของอำมาตย์จะถูกจำกัดวง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด?
เมธัส บัวชุม
-1- ฉันมีวิธีเผชิญหน้ากับอาการนอนไม่หลับด้วยการนอนลืมตาอยู่ในความมืด พยายามไม่คิดอะไร แต่ดวงความคิดของฉันก็ไหลลอยไปสู่เรื่องนั้นเรื่องนี้ หวนรำลึกไปถึงสถานที่และผู้คนที่ฉันเคยพานพบประหนึ่งว่าฉันเพิ่งจากผู้คนและสถานที่เหล่านั้นมา
เมธัส บัวชุม
เรื่องราวในชีวิตของคนเราสามารถนำมาเขียนแต่งเป็นนิยายได้ทั้งนั้น โดยการใส่พล็อตหรือท้องเรื่องเข้าไป ตีความให้ดูน่าสนใจ แล้วเสาะหา(สร้าง)ข้อมูลเพื่อยัดลงไปในพล็อตที่วางไว้โดยอาจหยิบเพียงบางช่วงบางตอนของชีวิตก็ได้
เมธัส บัวชุม
คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจแต่ประการใดที่เราได้เห็นปัญญาชนสยาม ปัญญาชนสาธารณะอย่างสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ไปออกโทรทัศน์ของทาง ASTV “รายการรู้ทันประเทศไทย” ที่มีเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการผู้หากินกับวาทกรรม “ชาวบ้าน” มายาวนาน งนี้เพราะหลายคนซึ้งแน่แก่ใจแล้วว่าบั้นปลายชีวิตของสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้หลงตนนั้นโน้มเอียงไปทางเผด็จการ หรือไปทางศักดินามากเสียยิ่งกว่าจะยืนข้างชาวบ้านอย่างที่เขาพร่ำพูดถึงเสมอ
เมธัส บัวชุม
หากผมบอกว่าชาตินิยมเป็นแนวคิดที่ใช้ไม่ได้แล้ว บางคนคงโต้แย้ง ผมจึงต้องเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ให้กว้าง ๆ ว่า ชาตินิยมเป็นแนวคิดที่ไม่เพียงพอสำหรับการทำความเข้าใจความเป็นไปของสังคมการเมืองในโลกปัจจุบัน ไม่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าความหมายและรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง
เมธัส บัวชุม
รถไฟไทยเป็นอย่างที่เป็นอยู่มานาน โดยแทบไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเลยตั้งแต่เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งนี้เพราะความเสื่อมโทรมของรถไฟให้ประโยชน์แก่คนหลายกลุ่ม รวมทั้งสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย ดังนั้นแนวคิดใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้รถไฟเปลี่ยนไปจึงถูกต่อต้านแม้จะมีผลการวิเคราะห์วิจัยรองรับอยู่จำนวนมาก