Skip to main content
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล  นักวิชาการขาประจำผู้ซึ่งเคยเสนอมาตรา 7 เช่น อธิการบดีธรรมศาสตร์ ให้ทัศนะในรายการหนึ่งทางโทรทัศน์ว่าการโฟนอินของทักษิณจะทำให้แนวร่วมเสื้อแดงบางส่วนหายไป จะเหลือก็แต่คนเสื้อแดงแท้ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านต่างจังหวัดเท่านั้น

ผมได้ฟังแล้วงง มันมี
"เสื้อแดงแท้ ๆ" กับ "เสื้อแดงไม่แท้" ด้วยเหรอ ?
แล้วคน "เสื้อแดงแท้ ๆ"  ในความหมายของนักวิชาการรายนี้หมายถึงใคร


หากนายปริญญา เห็นว่า
"คนเสื้อแดงแท้ๆ" คือคนที่สู้เพื่อทักษิณ ถูกทักษิณใช้เป็นเครื่องมือ  ส่วนคนที่สู้เพื่อประชาธิปไตยไม่ใช่คนเสื้อแดงแท้  นายปริญญาก็ควรจะโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยาฆ่าตัวตายหน้ามหาวิทยาลัย เพราะจนถึงป่านนี้นายปริญญาและนักวิชาการอีกหลายคนยังไม่เข้าใจการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนแม้แต่น้อย

นายปริญญา ก็เหมือนกับสื่อกระแสหลักที่ยังคงเห็นว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป็นไปเพื่อช่วยเหลือทักษิณ ทั้งที่การต่อสู้ได้ถูกยกระดับขึ้นไปไกลกว่านั้นมากแล้ว ผมเคยเขียนไปครั้งหนึ่งแล้วว่าแม้แต่คนที่ไม่ชอบอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่างเช่น อ.ใจ  อึ๊งภากรณ์ หรือ จรัล  ดิษฐาอภิชัยก็เป็นส่วนหนึ่งของคนเสื้อแดงหรือแม้กระทั่งกลุ่มชาวนาซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 6 เมษา ที่ผ่านมา และจัดตั้งองค์กรเคลื่อนไหวมานานแล้วก็เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อแดงเช่นเดียวกัน โดยไม่เกี่ยวอะไรกับทักษิณ  

เป้าหมายของคนเสื้อแดงไปไกลกว่าเรื่องทักษิณมากแล้ว แต่นักวิชาการอย่างนายปริญญายังคงยึดแนววิเคราะห์อย่างเดิม แนววิเคราะห์เดิม ๆ ที่สะท้อนนัยของการดูหมิ่น ดูแคลนชาวบ้านต่างจังหวัดที่เป็นพวก
"เสื้อแดงแท้ ๆ" ถูกทักษิณ ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ของทักษิณเอง

การวิเคราะห์ในแนวนี้ มองชาวบ้านอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ เห็นว่าการเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่เป็นพวก
"เสื้อแดงแท้ ๆ" นั้นมีเป้าหมายแคบ ๆ ง่าย ๆ ไม่มีอุดมการณ์ ยอมทำทุกอย่างเพื่อคน ๆ เดียว  

อยากแนะนำนักวิชาการแบบนายปริญญา ว่าอย่ามัวแต่ออกรายการโทรทัศน์มากนัก ลองเดินไปที่ทำเนียบและนั่งคุยกับคนเสื้อแดงดูสัก 5 คน จะได้รู้ข้อเท็จจริงและความปรารถนาของผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นอย่างไร

แน่นอนที่มีคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยรักทักษิณ   แต่ทำไมจะรักทักษิณและรักประชาธิปไตยพร้อมกันไม่ได้
?

นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอีกราย เคยเขียนว่า  
"ไม่ผิดอะไรที่จะรักทักษิณ แต่รักทักษิณและรักประชาธิปไตยพร้อมกันไม่ได้เพราะสองอย่างนี้ขัดแย้งกันเอง"http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act01020352&sectionid=0130&day=2009-03-02 (วันที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2552)

นี่ก็เป็นการเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงของนิธิ สะท้อนให้เห็นว่านิธิไม่ได้เข้าใจชาวบ้านเลยจริงแม้ว่าเขาจะพร่ำบ่นและเขียนคอลัมน์เรื่องชาวบ้านมาเป็นทศวรรษแล้วก็ตาม

หากนิธิ เลิกหมกมุ่นกับสิ่งที่หมกมุ่นอยู่ แล้วลองเดินเข้าไปในที่ชุมนุมของคนเสื้อแดงและถามว่าชาวบ้านสัก 5 คน ว่ารักทักษิณไหม
? รักประชาธิปไตยไหม ?

เชื่อว่าส่วนใหญ่แล้วจะตอบว่ารักทักษิณและรักประชาธิปไตย ในทัศนะของชาวบ้าน การรักทักษิณและรักประชาธิปไตยไปพร้อม ๆ กันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แล้วเราจะกล่าวหาว่าชาวบ้านเหล่านี้โง่มั้ย
?

ผมอยากจะบอกว่าทักษิณนี่แหละเป็นสัญลักษณ์ของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ก็แล้วเราจะหาใครเป็นตัวแทนการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนได้ดีไปกว่าทักษิณเล่า
? อภิสิทธิ์เหรอ? พลเอกเปรม เหรอ ? ฉะนั้นการรักทักษิณและรักประชาธิปไตยจึงเป็นสิ่งที่โคตรจะเข้ากันเลย   

กลับมาที่เรื่องคนเสื้อแดง ผมเคยเขียนไปแล้วว่าคนเสื้อแดงมีหลายเฉด ทั้งแดงอ่อน แดงเข้ม แต่ทุกคนล้วนเป็นคนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตย ในเมื่อประชาธิปไตยในความคาดหวังคือระบอบที่อำนวยความยุติธรรมให้เกิดแก่ทุกคนอย่างเท่าเทียมก็แล้วทำไมจะไม่รักล่ะ
?

การพยายามแยก
"แดงแท้" กับ "แดงไม่แท้" ของนายปริญญา หนึ่งในนักวิชาการที่เห็นด้วยกับมาตรา 7 คือการพยายามบั่นทอนความชอบธรรมของขบวนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง เป็นการลดทอนน้ำหนักความน่าเชื่อถือของคนเสื้อแดงลง และเป็นการแยกเรื่องของทักษิณในฐานะเรื่องส่วนออกจากประชาธิปไตยของส่วนรวม
คำถามบั่นทอนที่คนเสื้อแดงพบเจออยู่เสมอคือคนเสื้อแดงกำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือเพื่อทักษิณ
?

ถ้าถามด้วยความบริสุทธิ์ใจ คำถามประเภทนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจผิดอะไรอยู่มาก และไร้เดียงสาอย่างยิ่ง

ผมอยากจะบอกให้ทราบว่าทักษิณต่างหากที่กำลังต่อสู้เพื่อคนเสื้อแดง ทักษิณต่างหากที่ถูกคนเสื้อแดงใช้เป็นเครื่องมือ เครื่องมือในการทะลุทะลวงฝ่ายอำมาตย์ เครื่องมือในการตอบโต้กับอำนาจนอกระบบอย่างคู่คี่สูสี ถ้าไม่มีทักษิณ การต่อสู้ของคนเสื้อแดงจะก้าวหน้าถึงขนาดซัดองคมตรีอย่างไม่เกรงกลัวได้อย่างไรถ้าไม่มีทักษิณเป็นหอกนำ

นักวิชาการที่ดัดจริตและสื่อมวลชนกระแสหลักที่นิยมชมชอบศักดินา ไม่มีทางประเมินการชุมนุมของคนเสื้อแดงได้อย่างเป็นจริงเลย หากยังหมกมุ่นกับการวิเคราะห์ว่าเสื้อแดงเป็นเครื่องมือของทักษิณ   เพราะว่าถึงที่สุดแล้วไม่มีใครสู้เพื่อคนอื่น ทุกคนต่างสู้เพื่อตัวเองทั้งนั้น  คนเสื้อแดงก็เช่นเดียวกัน.

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
บทความเรื่อง "แรงฤทธิ์ แต่อ่อนผล" ของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ในมติชนรายวันhttp://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act01020352&sectionid=0130&day=2009-03-02 (วันที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11314) มีหลายประโยค หลายวลี หลายคำที่อ่านแล้วต้องส่ายหัวด้วยความอิดหนาระอาใจกับอคติและภูมิปัญญาของเขา แต่มีอยู่ประโยคหนึ่งที่อ่านแล้วทำให้ผมสะดุดหยุดกึกในทันทีคือประโยคที่ว่า "ไม่ผิดอะไรที่จะรักทักษิณ แต่รักทักษิณและรักประชาธิปไตยพร้อมกันไม่ได้เพราะสองอย่างนี้ขัดแย้งกันเอง"
เมธัส บัวชุม
ผมได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง "ผู้หญิง 5 บาป" เพราะเคเบิลทีวีเอามาฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก อันที่จริงหนังเกรดต่ำแบบนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดอยากจะดูเลย แต่ผมก็เหมือนคนอื่น ๆ คือฉากรักร้อน ๆ ดิบ ๆ ที่ปรากฏอยู่มากมายสะกดให้ต้องหยุดดู หนังเรื่องนี้เหมือนหนังโป๊ะที่ดูแล้ว ถึงจุดออกัสซั่มแล้ว ไม่ควรจะมีอะไรให้พูดถึงอีกหรือหากอยากจะพูดถึงก็คงเป็นเรื่องความไม่เอาไหนของคนทำหนังที่อุตส่าห์ขนดาราและนักแสดงรับเชิญมาเพียบ แต่ทำได้เพียงแค่หลอกขายฉาก "เอากัน" เท่านั้น โดยให้ผู้หญิง 5 คนผลัดกันมาเล่าประสบการณ์ทางเพศที่โลดโผนโจนทะยาน (มีอะไรกับลูกศิษย์ตัวเอง โดนยามข่มขืน ได้กับวินมอไซค์)
เมธัส บัวชุม
31 มกราคมที่ผ่านมา ทีมงานความจริงวันนี้ สร้างปรากฏการณ์ "แดงทั้งแผ่นดิน- Red in The Land" ที่ท้องสนามหลวงด้วยประชาชนหลายหมื่น คนรวยคนจน นักวิชาการหัวก้าวหน้า นักปฏิวัติ คนรุ่นใหม่รุ่นเก่ามากันพร้อมหน้า บรรยากาศฮึกเหิมคึกคัก ส่งสัญญาณความไม่พอใจที่ล้นอกไปยังเหล่าศักดินา เขย่าขวัญพวกอมาตยาธิปไตยให้หยุดสำเหนียกให้มากก่อนจะกระทำการใด อันที่จริงการสำแดงพลังที่รัชมังคลาภิเษกเมื่อวันที่ 1 พ.ย.51 ที่ประชาชนเข้าร่วมงานอย่างอุ่นหนาฝาคั่งนั้นน่าพรั่นพรึงและเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่าชาว “แดง” พร้อมชนกับซากเดนของระบอบศักดินาเพียงขอให้มีเงื่อนไขที่เอื้อหรือสถานการณ์สุกงอมพอเท่านั้น…
เมธัส บัวชุม
  ผมชอบดูและเล่นฟุตบอลแม้ว่าจะเล่นไม่ดีเลยก็ตาม  มันเป็นความบันเทิงและกีฬาที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเหมือนเข้าฟิตเนส  แต่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผมไม่เคยชอบดูฟุตบอลไทยเลย อาจจะเปิดโทรทัศน์ไปเจอโดยบังเอิญ หยุดดูสักครึ่งนาที พอได้ยินเสียงพากย์ของนักพากย์กีฬาช่อง 7 ซึ่งไม่พากย์ไปตามเกมกีฬา หากแต่จ้องจะเข้าข้างทีมไทยท่าเดียวทำให้เสียอารมณ์จนต้องรีบเปลี่ยนช่องยิ่งเมื่อได้เห็นภาพข่าวนักฟุตบอลไทย แสดงอาการกักขฬะมีเรื่องวิวาทกับนักเตะต่างชาติอยู่บ่อย ๆ ด้วยแล้ว ผมยิ่งรู้สึกสมน้ำหน้า รู้สึกสมน้ำหน้ามากขึ้นเมื่อนักพากย์กีฬา…
เมธัส บัวชุม
ข่าวการตัดสินจำคุกชาวต่างชาติ “แฮร์รี่ นิโคไลเดส” ชาวออสเตรเลีย ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นนอกจากจะน่าอนาถใจไทยแลนด์แล้ว ยังสร้างแรงสะเทือนต่อสิ่งที่เรียกว่า “เสรีภาพ” อยู่ไม่น้อยผมเคยคิดว่าไทยเป็นประเทศที่มี “เสรีภาพ” มากพอสมควร ถึงตอนนี้ก็ยังคิดเช่นนั้นอยู่ เพียงแต่ว่า “เสรีภาพ” ในไทยนั้นมี “เพดาน” กั้น มี “ขีด” ที่ข้ามไปไม่ได้ เราไม่อาจใช้เสรีภาพไปวิพากษ์วิจารณ์บางคนหรือบางองค์กรหรือเข้าไปตรวจสอบความโปร่งใสได้ เช่น องคมนตรี ศาล กองทัพ เสรีภาพที่เรามีอยู่จึงเป็น “เสรีภาพแบบพอเพียง”
เมธัส บัวชุม
การเมืองหลังการเข้ามาของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร คือการแข่งขันกันนำเสนอด้านนโยบายที่ตอบสนองความต้องการสิ่งอันเป็นปัจจัยพื้นฐานของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนระดับรากหญ้าซึ่งถูกละเลยมาตลอด ผลงานของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ยิ่งยงและพรรคไทยรักไทยที่ได้ทำไว้ในเรื่องการกำหนดนโยบายสำหรับคนยากคนจน และผลักดันสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมนั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงกระทั่งใครต่อใครพรรคประชาธิปัตย์ปากว่าตาขยิบลอกมาหน้าตาเฉย แม้แต่พรรคภูมิใจของเนวิน ชิดชอบที่เพิ่งเปิดตัวไปก็ชูเรื่องประชานิยมเป็นม็อตโตของพรรค
เมธัส บัวชุม
-1-เมื่อกลุ่มก่อการร้ายพันธมิตร ฯ แยกย้ายสลายตัว เดินลงจากเวทีหลังจากสร้างความยับเยินสาธารณะจนสาแก่ใจ แล้วส่งพรรคประชาธิปัตย์วิ่งราวเข้าไปเป็นฝ่ายรัฐบาลโดยผนวกรวมกลุ่มงูเห่าของพวกเนวิน ชิดชอบ เข้าไปด้วยแล้ว การเมืองก็หมดสีสันลงอย่างมากเหมือนกับละครน้ำเน่าที่ตัวอิจฉาหายไปจากจอ ยอมรับนะครับ ว่ากลุ่มก่อการร้ายพันธมิตรที่เป็นม็อบมีเส้นนั้นดึงดูดกระแสความสนใจการเมืองขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด แม้แต่คนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยใส่ใจเรื่องการเมืองเลยนั้นก็หันไปใส่เสื้อเหลือง เสื้อแดงกับเขาด้วย บางคนใส่ได้ทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลืองแล้วแต่ว่ากระแสความนิยมของฝ่ายใดจะมาแรงกว่า
เมธัส บัวชุม
ชัยชนะที่ได้มาด้วยการฉ้อฉลของพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะมีผลลัพธ์ออกมาเป็นรูปธรรมด้วยการจัดตั้งรัฐบาลสมความมุ่งมาดปรารถนาที่รอคอยมาเกือบสิบปี แต่ก็ด่างพร้อยอย่างยิ่ง ไม่มีความสง่างามแม้แต่นิดเดียว ล่อนจ้อนน่าละอาย ผิดกติกามารยาทรวมไปถึงผิดกฏหมาย กระทั่งก่อให้เกิดความระอาเกลียดชัง บทบาทพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกข้างต้น ทำให้หลายคนตั้งฉายา สร้างวาทกรรมในการใช้เรียกขานพรรคประชาธิปัตย์ไปต่าง ๆ  นานาซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นไปในแง่ลบฉายาที่ 1 "รัฐบาลต่างตอบแทน" ตอบแทนกระทรวงกลาโหมให้กองทัพที่ยืนหยัดช่วยเหลือทั้งทางตรงทางอ้อมแก่พรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด…
เมธัส บัวชุม
  เป็นการพังทลายลงของสถาบันตุลาการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความน่าเชื่อถือ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคการเมืองซีกรัฐบาลรวดเดียว 3 พรรค อย่างรวบรัดตัดความ เร่งร้อนลนลานและผิด ๆ ถูก ๆ นักวิชาการผู้เคารพในหลักการ และคอการเมืองทั้งหลายพากันวิพากษ์วิจารณ์กันขรมถึงสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำลงไป เริ่มตั้งแต่ประเด็นเรื่องคุณสมบัติของตุลาการผู้เอาตัวรอดด้วยการท่องคาถาคุณธรรม จริยธรรม เป็นนิจสิน อย่างนายจรัล ภักดีธนากุล ไปจนถึงการย้ายสถานที่พิจารณาตัดสินคดีอย่างปุบปับ รวมไปถึงการนำทหารป่าหวายเข้ามาอารักขาตุลาการ แทนที่จะหยุดยั้งเหล่ามารพันธมิตร บางคนต่อรองไว้ว่าร้อยนึงเอาบาทเดียว…
เมธัส บัวชุม
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเราคงได้เห็นกันแล้วว่าลัทธิพันธมิตรสามารถทำอะไรได้บ้าง ลัทธิพันธมิตรทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นถ้าอยากทำ ตั้งแต่การปิดสี่แยกเพื่อให้การจราจรเป็นอัมพาต ยึดรถเมล์ ล้อมรัฐสภา ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ไปจนถึงการปิดสนามบินเพื่อทำให้ผู้อื่น-ชาวต่างชาติ เดือดร้อนอย่างจงใจบัดนี้ ใครที่ยังเชื่อว่าลัทธิพันธมิตรชุมนุมแบบอหิงสาอันหมายความว่าไม่เบียดเบียนผู้อื่นนั้นคงจะปัญญาอ่อนเต็มที ใครที่ยังเห็นว่าลัทธิพันธมิตรเป็นการเมืองภาคประชาชนในระบอบประชาธิปไตยคงจะเป็นคนโง่ดักดาน และดังนั้นเพื่อชีวิตจะได้กลับสู่ความปกติ จึงควรหยุดให้ท้ายลัทธิพันธมิตรในทุกทาง…
เมธัส บัวชุม
อัสนี วสันต์ ในเพลง "ก็เคยสัญญา" เคยแหกปากตะโกนประโยคที่ว่า "เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน"  อันหมายถึงความรักที่แปรผันตามวันเวลาที่ผ่านพ้น   แม้ว่าจะสัญญากันไว้หนักแน่นก็ตาม ประโยคนี้ถูกตอกย้ำให้ฮือฮาอีกครั้งจากปาก แอ๊ด คาราบาว ผู้ซึ่งสวมบทนักร้อง นักดนตรี "เพื่อชีวิต"  วิพากษ์วิจารณ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่โฆษณามอมเมาให้คนซื้อทั้งที่ไม่มีคุณค่าสารอาหารแต่ประการใด แต่ในเวลาต่อมา แอ๊ด คาราบาว กลับมาทำธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลัง "คาราบาวแดง" อย่างที่รู้กัน เมื่อมีคนถาม แอ๊ด คาราบาว บอกง่าย ๆ ว่า "เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน"
เมธัส บัวชุม
เพราะว่าในนามของความถูกต้อง จะทำผิดอย่างไรก็ได้ ดังนั้นม็อบพันธมิตร ฯ จึงพากันทำผิดร้อยแปดพันเก้าประการ การกระทำทั้งร้อยแปดพันเก้าประการนั้นแม้จะเลวร้ายอย่างไรก็ไม่สำคัญนักเพราะถูกฉาบเคลือบไว้ในนามของความถูกต้อง เช่นนี้เองที่เป็นเหตุนำไปสู่คือปัญหาความขัดแย้งยุ่งเหยิงและความรุนแรงในทุก ๆ ทาง การหลบอยู่หลังวาทกรรมประเภท “กู้ชาติ” “พิทักษ์สถาบัน” ฯลฯ การหลงว่าตนเองหรือกลุ่มตนเองเป็นฝ่ายถูก เป็นฝ่ายจงรักภักดี รักชาติ ทำถูกกฏหมาย ตีตราฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายผิด ขายชาติ ไม่จงรักภักดี ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม เลว ดังนั้นในนามของความถูกต้อง จำเป็นต้องกำจัดให้หายไปไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตาม