Skip to main content
การเมืองไร้หลักการหลังรัฐประหาร ปี 49 นำมาซึ่งเรื่องชวนหัว ขำ ฮา ตลกร้าย ตลกแต่หัวเราะไม่ออก ตลกจนอยากจะร้องไห้ ฯลฯ หลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน ในที่นี้อยากจะหยิบยกมาพูดคุยสัก 4 เรื่อง


เรื่องแรก ไม่เป็นเหลือง การปลดคุณเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการคู่บุญของเครือมติชนด้วยข้อหาไม่เป็นกลางนั้นฮาครับ แต่หัวเราะไม่ออก การไม่เป็นกลางนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะเอียงข้างไปทางเสื้อแดงนี่สิเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ (แต่คนเสื้อแดงหลายคนก็บอกว่าไม่เห็นคุณเสถียรจะเอียงข้างไปทางเสื้อแดงเลย) ในทางกลับกัน รายของ "นงนุช สิงหเดชะ" ซึ่งเขียนด่า (ใช้คำว่าด่า) คนเสื้อแดงและทักษิณมายาวนาน ด่าเอา ด่าเอาด้วยถ้อยคำที่ครูบาอาจารย์ไม่เคยสั่งสอนกลับไม่เป็นไร นงนุช เคยเขียนว่า

\\/--break--\>
"เสื้อแดงชอบอ้างว่า หลังการรัฐประหารประเทศไม่มีประชาธิปไตย ถูกกดขี่โดยอำมาตยาธิปไตยและเผด็จการ แต่เหลือเชื่อที่พวกที่บอกว่าตัวเองไม่มีประชาธิปไตยสามารถนำม็อบไปบุกล้อม บ้านประธานองคมนตรีทั้งคืน ทำลายทรัพย์สินราชการ บุกล้อมรัฐสภาไม่ให้รัฐบาลแถลงนโยบาย สามารถยกพวกไปทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเสรี ถามว่ามีคนไทยที่รักและเข้าใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริงคนใดบ้าง ที่จะอยากอยู่ภายใต้ประชาธิปไตยของพวกเสื้อแดง"

http://www.matichon.co.th/matichon/view%20...%202009-01-08

 

คุณเสถียร จันทิมาธร ถูกบีบให้ออก ไม่ใช่เพราะไม่เป็นกลาง แต่เป็นเพราะไม่เป็นเหลืองต่างหาก


เรื่องที่สอง แมสเสซมรณะ การส่งข้อความไปหาแฟนสาวของพลทหารอภินพ เครือสุข นำมาซึ่งความตายอย่างคาดไม่ถึง


"เมื่อคืนนี้นายกฯ มานอนบ้านแม่ทัพด้วย วันนี้ความคิดถึงกำลังก่อตัวเป็นก้อนเมฆ เพื่อจะลอยไปหาที่รัก LOVE เหมียวที่สุดในโลก ความรักที่ให้ทุกวัน มั่นคงเหมือนดวงจันทร์ส่องแสงตลอดทั้งคืน" (โพสต์ทูเดย์ วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552) http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=44673

 

ข้อความที่ส่งหาแฟนสาวไม่มีอะไรเลยนอกจากคำหวานตามประสาหนุ่มสาวกระทั่งความภาคภูมิใจที่ได้เห็นนายกฯ แต่ฝ่ายรัฐบาลคงจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการส่งข่าวบอกคนเสื้อแดง พลทหารอภินพ เครือสุข จึงพบจุดจบอย่างอนาถ คณะแพทย์ที่ทำการผ่าพิสูจน์ศพบอกว่า


"ส่วนที่บริเวณคอมีรอยช้ำที่ต้นคอ (ด้านหลังของคอ) มีการแตกของกะโหลกศีรษะ โดยเนื้อส่วนฐานของศีรษะด้านซ้ายมีรอยร้าวต่อเนื่องจากด้านซ้ายไปถึงบริเวณกึ่งกลางกะโหลกศีรษะยาว 5-7 เซนติเมตร นอกจากนี้ ยังพบมีเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มไขสันหลังบริเวณต้นคอชัดเจน และยังพบว่าเนื้อสมองส่วนหลัง ด้านซ้ายมีรอยกดบุ๋มลงไปชัดเจน ซึ่งสัมพันธ์กับเลือดที่ออกบริเวณส่วนกะโหลกที่แตก สาเหตุที่รู้ว่ารอยกดเป็นรอยของเลือดที่ออก ก็เพราะว่าเนื้อสมองกลีบซ้ายส่วนหลังมีรอยกดยุบสัมพันธ์กับเลือดที่ออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาที่ยังคงค้างอยู่ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต คือ กะโหลกศีรษะส่วนหลังแตก ทำให้เลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาที่กดเนื้อสมอง ซึ่งมีลักษณะเป็นรอยกดที่เกิดจากเลือดยุบลงไปทับเนื้อสมองความลึกประมาณ 0.5 ซม. เป็นบริเวณกว้าง ซึ่งดูจากเนื้อสมองที่เหลืออยู่จากการผ่าศพครั้งแรก" (มติชนรายวัน 27 เม.ย. 52)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1240839967&grpid=04&catid=01


ร่องรอยขนาดนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังอ้างง่าย ๆ ตามสคริปต์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า "ลื่นล้มในห้องน้ำ" ! "เป็นอุบัติเหตุ" ! ช่างน่าภูมิใจกับภูมิปัญญาในการเอาตัวรอดของรัฐบาลเสียจริง ๆ !


เรื่องที่สาม กระสุนจริงยิงขึ้นฟ้า โฆษกกองทัพบกแสดงภูมิปัญญาในการเอาตัวรอดระดับเดียวกับรัฐบาลในการตอบข้อข้องใจเรื่องการทำร้ายประชาชนด้วยการบอกว่ากระสุนจริงยิงขึ้นฟ้า ส่วนที่ยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมนั้นเป็นกระสุนซ้อม


"ส่วนเรื่องภาพที่นำเสนอทางโทรทัศน์ บางภาพจำเป็นต้องอธิบายความเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน เวลาชมข่าว คือ เรื่องการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ในการเข้าสลายการชุมนุม จะมี 2 ลักษณะด้วยกัน ลักษณะที่ 1 เป็นการใช้อาวุธและกระสุนจริงยิงขึ้นฟ้า เพื่อใช้เสียงข่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาใกล้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และก็ทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ทำงานสะดวกขึ้น ไม่มีการใช้อาวุธโดยตรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม อันนี้ คือวิธีการใช้อาวุธกระสุนวิธีที่ 1

วิธีที่ 2 หากปรากฏว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีอากัปกิริยาที่จะเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ เราจะมีอาวุธปืนประเภทที่ 2 ที่บรรจุกระสุนซ้อมรบซึ่งหัวกระสุนชนิดนี้จะเป็นลูกกระดาษ เมื่อยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีเฉพาะเสียงดังออกมา แต่ลูกกระดาษจะไม่พุ่งไปข้างหน้า ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งภาพที่นำเสนอทางทีวีหลายช่องจะเป็นลักษณะอย่างนี้ เราต้องทำความเข้าใจว่า ในพื้นที่ที่มีการปฏิบัติภารกิจลักษณะของการใช้กระสุนซ้อมรบจะมีผู้สื่อข่าวจำนวนมาก ตรงนั้น เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เจ้าหน้าที่ไม่ใช้กระสุนจริงในการยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม สำหรับการปฏิบัติทางทหารก็มี 3 เรื่องที่สำคัญ ที่จะเรียนให้พี่น้องประชาชนรับทราบ" (โพสต์ทูเดย์ 14 เม.ย.52)

http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=42348


คำอธิบายของโฆษกกองทัพบกถูกหักล้างด้วยบาดแผลของคนเสื้อแดง แต่เวรกรรมที่สื่อมวลชนไม่คิดจะหาความจริงจากคำอธิบายครั้งนี้เลย


เรื่องที่สี่ แก๊สน้ำตาขาขาด แก๊สน้ำตากลายเป็นอาวุธสังหารไปได้เมื่อผ่านการตรวจสอบจากหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ คุณหมอรายนี้กล่าวว่า


"การตรวจสอบ และสาธิตยิงแก๊สน้ำตาพบสารระเบิดอาร์ดีเอ็กซ์จากการยิงแก๊สน้ำตาทั้งชนิดยิง และชนิดขว้างที่ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพบ 3 ชนิด จาก 6 ชนิด ที่ตำรวจใช้ในการสลายการชุมนุม แก๊สน้ำตาที่นำมาตรวจเป็นชนิดที่ตรงกันกับที่ตำรวจและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นำมามอบให้ตรวจ นอกจากนี้ จากการตรวจบาดแผลผู้เสียชีวิตมีลักษณะแผลเฉพาะและขนาดแผลกระแทกเท่าแก๊สน้ำตาทรงกระบอกจากจีน ที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้


จากข้อมูลที่ได้จากตำรวจที่ใช้แก๊สน้ำตา มีข้อมูลว่า แก๊สน้ำตาใช้ในวันที่ 7 ต.ค. 2551 เป็นแก๊สน้ำตาที่มีอยู่ตั้งแต่ปี 2538 และตำรวจผู้ใช้ไม่ได้เป็นผู้ซื้อ จึงไม่รู้ถึงความร้ายแรงว่า ถืออะไรอยู่ในมือในการปฏิบัติการครั้งนี้" http://www.prachatai.com/05web/th/home/14075


คุณหมอรายนี้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเองอีกครั้งด้วยการดอดไปให้ข้อมูลนายกฯ เพื่อตอบกระทู้เรื่องการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข คุณหมอรายนี้เข้าพบนายกฯ ที่ด้านหลังบัลลังก์ห้องประชุมสภา เพื่อตรวจดูข้อมูลพยานหลักฐานเกี่ยวกับการชันสูตรศพพลทหารอภินพ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี คำให้การของญาติผู้เสียชีวิตที่ให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ คำให้การของเพื่อนพลทหาร จากทั้งหมดแล้วก็สรุปว่าน่าจะเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่ฆาตกรรม (น่าภูมิใจที่ชาติไทยมีคุณหมอที่เอาการเอางานขนาดนี้)


ตลกทั้ง 4 เรื่อง อาจเป็นตลกที่หัวเราะไม่ออก แต่ประเทศสารขัณฑ์อย่างไทยเราจะมีอะไรมากไปกว่าเรื่องตลกที่หัวเราะไม่ออกกันเล่า.

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
-1-พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเพื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยชูคำขวัญที่ฟังดูดัดจริตและกินไม่ได้ว่า “ประชาชนต้องมาก่อน”ผมได้ยินหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปล่งคำนี้ออกมาแล้วก็ให้นึกสงสัยว่าจะมีใครซักกี่คนในโลกนี้เชื่อในสิ่งที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ พูดออกมาพรรคประชาธิปัตย์ฉวยโอกาส เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ๆ ตามสไตล์ถนัดด้วยการโฆษณาหาเสียงก่อนใครเพื่อน  ในขณะที่พรรคคู่แข่งอย่างพรรคพลังประชาชนนั้นต้องเจอกับอำนาจชั่วที่คอยการสกัดกั้นทุกรูปแบบ-2-ต้องรอดูกันต่อไปว่า พรรคพลังประชาชนจะฝ่าต้านแรงสกัดจากอำนาจชั่วได้มากน้อยแค่ไหน…
เมธัส บัวชุม
อันที่จริง ผมตั้งใจจะหยุดเขียนบทความการเมืองสักระยะด้วยรู้สึกระอากับความวิปริตทางปัญญาของสังคมไทย ผมยังรู้สึกหลอนไม่หายกับการยึดอำนาจของทหารท่ามกลางความดีอกดีใจของพวก “ทาสที่ปล่อยไม่ไป” และพวกที่กลุ้มรุมทึ้งแย่งผลประโยชน์ “แห่งชาติ” ที่ไม่ได้ “เหลือแต่กระดูก” หลังการจากไปของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรกลุ่มคนเหล่านี้ที่เข้ามายึดกุมอำนาจหลังรัฐประหาร ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการสร้างประชาธิปไตยหรือปฏิรูปการเมือง  รัฐบาลเถื่อนของนายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ กับ คมช. คตส. กกต. ที่ผ่านมาได้ทำอะไรบ้างที่เป็นสร้างเสริมประชาธิปไตย หรือปฏิรูปการเมืองไปสู่ครรลองประชาธิปไตยนอกจากสมคบคิดกันกวาดล้างกลุ่ม…
เมธัส บัวชุม
นิตยสาร “ราหูอมจันทร์” เกิดขึ้นท่ามกลางความซบเซาทั้งทางด้านการเขียน การอ่านและการวิจารณ์ของแวดวงเรื่องสั้นไทย ราหูอมจันทร์ เป็นนิตยสารรายครึ่งปีหรือที่ทางผู้จัดทำเรียกว่ารายฤดูกาล เป็นการคัดสรรเรื่องสั้นที่มีผู้ส่งไปจากทั่วสารทิศเพื่อรวมพิมพ์เป็นเล่มบรรดาคอเรื่องสั้น ต่างวาดหวังว่าการมาถึงของราหูอมจันทร์อาจช่วยให้วงการคึกคักขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย   อย่างไรก็ตาม เมื่อได้อ่านแล้ว ต้องกล่าวตามตรงว่าราหูอมจันทร์ Vol. 3 “วันปลดปล่อยผีเสื้อ” นั้นมีระดับคุณภาพที่น่าผิดหวังไม่น้อย ทางผู้จัดทำนิตยสารนี้คือกองทุน “กนกพงศ์  สงสมพันธุ์” ก็ยอมรับว่า“ราหูอมจันทร์ Vol. 3…