Skip to main content
บางครั้งผมถามตัวเองว่าทำไมรู้สึกแย่ถึงขั้นขยะแขยงทุกครั้งที่เห็นหน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทางจอโทรทัศน์ บางทีฝืนใจดูเพราะอยากรู้ว่านายกรัฐมนตรีคนนี้จะพูดอะไรแต่ก็ต้องเปลี่ยนช่องทันทีที่ได้ฟังประโยคแรก เพราะเพียง "อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่"


ผมได้คำตอบเบื้องต้นว่าเหตุที่ไม่ชอบนายกรัฐมนตรีคนนี้อย่างรุนแรงนั้นมีหลายสาเหตุ เป็นต้นว่าการไม่เป็นสุภาพบุรุษ (แพ้ก็ไม่ยอมรับว่าแพ้) ชอบเล่นนอกกติกา (บอยคอตเลือกตั้ง) ขาดความเป็นผู้นำ (ตัดสินใจอะไรไม่ได้) พูดจ้าอ้อมค้อมวกวน (ตอบไม่ได้เรื่องหนีทหาร) เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น (โทษคนอื่นตลอด) ทำหน้าซึ้งๆ เศร้าๆ (คิดว่าตนเองเป็นนางเอก) ท่าดีทีเหลว (หยิบจับสิ่งใดก็ไม่ประสบผลสำเร็จ) ขาดหิริโอตตัปปะ (ไม่ละอายต่อการทำผิด) ไม่ทำตามที่พูด (บอกจะทวงคืนเขาพระวิหาร) ทำงานไม่เป็น ฯลฯ


ลักษณะอีกหลายอย่างที่ผสมรวมกันจนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ สิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลชัดแล้ว ประเทศดิ่งสู่หายนะในทุกทาง ไปทางไหนก็มีแต่คนบ่นไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับความล้มเหลวของรัฐบาล


มันทำให้ผมย้อนคิดไปถึงการการันตีคุณภาพของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตอนปลายปี 51 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำคณะเข้าอวยพรปีใหม่

"มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองได้ด้วยความร่วมมือของคนทั้งประเทศ ดีใจที่ได้นายกรัฐมนตรีชื่ออภิสิทธิ์ และคิดว่าคนไทยก็ดีใจ แต่คนไทยยังคงไม่หายกลัวเท่าไร คงต้องรอดูว่านายกรัฐมนตรีจะเอาอะไรไปมอบให้ประชาชนได้บ้าง" http://www.prachatai.com/05web/th/home/15036

 

ถึงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าคนไทยจะดีใจไปกับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ด้วยหรือไม่กับการได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านอกจากบุคลิกส่วนตัวที่ขาดความงามสง่าแล้วการทำงานและนโยบายทุกอย่างล้มเหลวทั้งหมด คนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า มีแต่ราคาคุยเท่านั้น ดีแต่พูดจาสุภาพออกโทรทัศน์แต่เนื้อหาการทำงานกลวงเปล่า อเน็จอนาถใจจริง ๆ


บัณฑิตใหม่ไม่มีงานทำ โรงงานปิดตัว โครงการต้นกล้าอาชีพหายเข้าสู่กลีบเมฆ เงิน 2000 บาทแจกไม่ครบทุกกลุ่มตามที่โฆษณาไว้เพราะเงินหมดแล้ว ถ่วงเวลาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ทำคดีพันธมิตร ใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดง แก้ปัญหาภาคใต้ไม่ได้ ฯลฯ


ผมเข้าไปอ่านดูนโยบายของรัฐบาลชุดนี้อีกครั้งว่าเคยแถลงอะไรส่งเดชเอาไว้บ้าง มีอะไรที่ทำได้จริงบ้างหรือเปล่า อะไรทำไม่ได้เลย http://media.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=471&directory=1779&contents=15861

 

รัฐบาลแถลงนโยบายไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็น 2 ระยะคือนโยบายระยะเร่งด่วนที่ต้องเริ่มดำเนินการในปีแรก และระยะการบริหารราชการ 4 ปีของรัฐบาล จะขอหยิบยกมานำเสนอบางนโยบาย


- นโยบาย "เร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดและปราบปรามผู้มีอิทธิพล"


ผมไม่รู้ว่ารัฐบาลเร่งรัดอย่างไรยาเสพติดถึงระบาดหนัก หนักมาก มีคนตั้งข้อสังเกตว่าทุกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ยาเสพติดจะระบาดทั่วประเทศไทย !


ในบริเวณที่ผมอาศัยอยู่ กัญชาและยาบ้าเป็นสินค้ายอดนิยมที่หาได้ง่ายและระบาดหนักในหมู่วัยรุ่น แค่ 14 ปีก็ดูดกัญชาดูดยาบ้ากันแล้ว ทั้งซื้อทั้งขายโจ๋งครึ่ม เด็กไม่เรียนหนังสือและคนตกงาน หันมาเป็นเอเย่นต์ค้ายา


ความล้มเหลวในนโยบายเร่งด่วนเรื่องยาเสพติดทำให้อดไม่ได้ที่จะนำมาเปรียบเทียบกับการเอาจริงเอาจังของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย


- นโยบาย "ดำเนินมาตรการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ โดยดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาท ระดับราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต"


นี่เป็นอีกหนึ่งความล้มเหลวอย่างชัดเจนของรัฐบาลขอทาน(ตามคำเรียกของคุณเฉลิม อยู่บำรุง) นอกจากจะไม่สามารถดูแลเรื่องระดับราคาสินค้าอุปโภค บริโภค และราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับรายได้ของคนส่วนใหญ่แล้ว ยังทำการขูดรีดประชาชนมากยิ่งขึ้นในนามของภาษีบาป (เหล้า เบียร์ บุหรี่) ซ้ำขึ้นราคาน้ำมัน การกระทำแบบนี้ของรัฐบาลเหมือนเป็นการโยนความล้มเหลวของตนเองไปให้ประชาชนช่วยกันแบก


- นโยบาย "ดำเนินการให้บุคคลมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษา 12 ปีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย"


นี่ก็เป็นอีกหนึ่งนโยบายขายฝัน มีเสียงบ่นหนาหูว่าไม่ฟรีจริง การบริหารโครงการย่ำแย่เสียจนป่านนี้เปิดเทอมมาเป็นสัปดาห์ที่สองแล้วเด็กมัธยมยังไม่ได้หนังสือเรียน บางโรงเรียนพ่อแม่ต้องควักเงินค่าประกันหนังสือก่อนหลายร้อยบาท ในกรณีม.ปลาย พอจบ ม.6 หากหนังสือไม่ชำรุดเสียหายจึงจะได้รับเงินประกันคืนซึ่งแทบไม่ต่างอะไรกับการซื้อหนังสือเอง


--------------------------


หากขับไล่รัฐบาลโจรชุดนี้ออกไปไม่ได้ สิ่งที่ประชาชนพอทำได้คือทำใจ กัดฟันอดทนต่อความไม่ชอบ เปลี่ยนจากการดูโทรทัศน์มาอ่านหนังสือพิมพ์แทนเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอหน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เอาใจช่วยแก๊งพันธมิตรตั้งพรรคการเมืองเพื่อให้คนประเภทเดียวกันฟัดกันเอง คืนบัตรประชาชนเหมือนเกษตรกรทางภาคเหนือ หรือถ้าไม่รู้จะใช้วิธีไหนแล้วก็ลองสะกดจิตตนเองด้วยการนึกถึงคำพูดของพลเอกเปรมที่ว่า


"มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองได้ด้วยความร่วมมือของคนทั้งประเทศ ดีใจที่ได้นายกรัฐมนตรีชื่ออภิสิทธิ์ และคิดว่าคนไทยก็ดีใจ แต่คนไทยยังคงไม่หายกลัวเท่าไร คงต้องรอดูว่านายกรัฐมนตรีจะเอาอะไรไปมอบให้ประชาชนได้บ้าง"

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
-1-พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเพื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยชูคำขวัญที่ฟังดูดัดจริตและกินไม่ได้ว่า “ประชาชนต้องมาก่อน”ผมได้ยินหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปล่งคำนี้ออกมาแล้วก็ให้นึกสงสัยว่าจะมีใครซักกี่คนในโลกนี้เชื่อในสิ่งที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ พูดออกมาพรรคประชาธิปัตย์ฉวยโอกาส เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ๆ ตามสไตล์ถนัดด้วยการโฆษณาหาเสียงก่อนใครเพื่อน  ในขณะที่พรรคคู่แข่งอย่างพรรคพลังประชาชนนั้นต้องเจอกับอำนาจชั่วที่คอยการสกัดกั้นทุกรูปแบบ-2-ต้องรอดูกันต่อไปว่า พรรคพลังประชาชนจะฝ่าต้านแรงสกัดจากอำนาจชั่วได้มากน้อยแค่ไหน…
เมธัส บัวชุม
อันที่จริง ผมตั้งใจจะหยุดเขียนบทความการเมืองสักระยะด้วยรู้สึกระอากับความวิปริตทางปัญญาของสังคมไทย ผมยังรู้สึกหลอนไม่หายกับการยึดอำนาจของทหารท่ามกลางความดีอกดีใจของพวก “ทาสที่ปล่อยไม่ไป” และพวกที่กลุ้มรุมทึ้งแย่งผลประโยชน์ “แห่งชาติ” ที่ไม่ได้ “เหลือแต่กระดูก” หลังการจากไปของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรกลุ่มคนเหล่านี้ที่เข้ามายึดกุมอำนาจหลังรัฐประหาร ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการสร้างประชาธิปไตยหรือปฏิรูปการเมือง  รัฐบาลเถื่อนของนายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ กับ คมช. คตส. กกต. ที่ผ่านมาได้ทำอะไรบ้างที่เป็นสร้างเสริมประชาธิปไตย หรือปฏิรูปการเมืองไปสู่ครรลองประชาธิปไตยนอกจากสมคบคิดกันกวาดล้างกลุ่ม…
เมธัส บัวชุม
นิตยสาร “ราหูอมจันทร์” เกิดขึ้นท่ามกลางความซบเซาทั้งทางด้านการเขียน การอ่านและการวิจารณ์ของแวดวงเรื่องสั้นไทย ราหูอมจันทร์ เป็นนิตยสารรายครึ่งปีหรือที่ทางผู้จัดทำเรียกว่ารายฤดูกาล เป็นการคัดสรรเรื่องสั้นที่มีผู้ส่งไปจากทั่วสารทิศเพื่อรวมพิมพ์เป็นเล่มบรรดาคอเรื่องสั้น ต่างวาดหวังว่าการมาถึงของราหูอมจันทร์อาจช่วยให้วงการคึกคักขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย   อย่างไรก็ตาม เมื่อได้อ่านแล้ว ต้องกล่าวตามตรงว่าราหูอมจันทร์ Vol. 3 “วันปลดปล่อยผีเสื้อ” นั้นมีระดับคุณภาพที่น่าผิดหวังไม่น้อย ทางผู้จัดทำนิตยสารนี้คือกองทุน “กนกพงศ์  สงสมพันธุ์” ก็ยอมรับว่า“ราหูอมจันทร์ Vol. 3…