Skip to main content

ผมเคยตั้งข้อสังเกตไปแล้วว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีความสามารถในการทำให้การเมืองกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ รายการเชื่อมั่นประเทศไทยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นมีแต่ถ้อยคำลวงโลกว่างเปล่า รัฐมนตรีทำงานแบบขอไปที เอาตัวรอดไปวัน ๆ ทำให้ความเดือดร้อนของประชาชนกลายเป็นความเห็นอกเห็นใจง่าย ๆ และรับปากว่าจะดำเนินการ ทาสีให้พรรคพวกที่ทำผิดกฏหมายกลายเป็นบริสุทธิ์ นโยบายไม่มีอะไรใหญ่และไม่มีอะไรใหม่ ฯลฯ

ขณะเดียวกันคนเสื้อแดงก็ฝ่อลง เหมือนหมดมุกจะเล่น เหมือนหมดทางจะไปต่อ เหมือนยอมรับสภาพ

ผมยังนึกเสียดายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเดือนเมษาที่ผ่านมาที่สามารถปลุกมวลชนให้ตื่นและดึงกระแสขึ้นไปสูงสุด คนที่เข้าร่วมการชุมนุมในตอนนั้นคงได้เห็นแล้วว่าพลังของมวลชนนั้นเป็นอย่างไร สามารถทำอะไรก็ได้

การตัดสินใจสลายการชุมนุมช่วงสงกรานต์ทำให้พลังของเสื้อแดงแตกสลาย บางคนอาจมองว่าเป็นการรักษาชีวิตของมวลชนไว้ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างนั้น แต่ผมขอเพิ่มเติมว่าการยุติการชุมนุมนั้นคือการเอาตัวรอดของแกนนำก่อนเหตุการณ์จะบานปลายซึ่งทำให้การมอบตัวเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แกนนำ (บางคน) ยอมแพ้ก่อนที่จะหมดโอกาสยอมแพ้ ยอมมอบตัวรับโทษเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่ไม่มีโอกาสจะมอบตัว

สิ่งที่ตามมาหลังจากการสลายการชุมนุมช่วงสงกรานต์ คือการแตกกระสานซ่านเซ็นของฝ่ายแดง การถูกทำให้สูญเสียความชอบธรรม การเสียเครดิตของแกนนำที่กู้คืนได้ยาก การรุกไล่ของฝ่ายตรงข้าม

ในบางสถานการณ์ ผมเห็นว่าความรุนแรงเป็นสิ่งที่จำเป็น การเปลี่ยนแปลงใหญ่ล้วนแต่ต้องมีความรุนแรงตามมาทั้งสิ้น นี่เป็นราคาที่ต้องจ่าย ถ้าเสื้อแดงคิดจะเปลี่ยนแปลงใหญ่หรือโค่นล้มศักดินาลง การใช้ความรุนแรงก็เป็นทางเลือกที่จำเป็นควบคู่ไปกับวิธีการอื่น ๆ

การฟังเสียงคนชั้นกลางที่กลัวการตายโหงหรือนักวิชาการผู้สุขสบายมากเกินไปทำให้การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไขว้เขว เพราะดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะนิยมการประนีประนอมและความคิดก็ไม่ได้ก้าวหน้าเท่าที่ควร ดังบทความเรื่อง “สองคำถาม ที่คนเสื้อแดงควรตอบตัวเองให้ได้ก่อนการเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งต่อไป” ของ “ประวิตร โรจนพฤกษ์” เป็นตัวอย่าง http://www.prachatai.com/journal/2009/06/24542

ประวิตร โรจนพฤกษ์ ไม่ต่างอะไรกับสื่อกระแสหลักทั่วๆ ไปคือเสนอเรียกร้องให้เสื้อแดงเคลื่อนไหวด้วยสันติวิธี ไปให้พ้นเรื่องทักษิณ ในขณะเดียวกันก็หลอกด่าคนเสื้อแดงไปด้วย

ประวิตรบอกว่า “หากคนเสื้อแดงต้องการพัฒนาขบวนการของพวกเขาให้เป็นขบวนการเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง พวกเขาจะต้องเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ เลิกมีมุมมองอย่างสุดขั้วและตื้นเขิน”

และ “หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดงครั้งที่ผ่านมาคือ การปราศรัยที่โจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรงตลอดเวลา เวทีคนเสื้อแดงจึงกลายเป็นเพียงเวทีแห่งความเกลียดชังทางการเมืองเท่านั้น”

และ “จะดีหรือไม่ ถ้าหากคนเสื้อแดงได้หลุดจาก "ม็อบเพื่อทักษิณ" ซึ่งทำให้คนเสื้อแดงถูกตราหน้าว่าเป็นการชุมนุมที่ถูกบงการและจ้างโดยทักษิณให้มาก่อความรุนแรง”  

และ “ถ้าหากคนเสื้อแดงยังไม่สามารถที่จะจัดการกับประเด็นทักษิณให้ขาวสะอาดได้แล้ว มันคงยากที่จะคาดหวังให้มีคนมาสนับสนุนคนเสื้อแดงเพิ่มขึ้นอีก การจะทำเช่นนี้ได้ ต้องเริ่มจากการยอมรับก่อนว่า ทักษิณได้เคยทำความผิดไว้ ทั้งในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหลังจากนั้น”

ข้อความ 4 ย่อหน้าของประวิตร โรจนพฤกษ์ สะท้อนให้เห็นความล้าหลังของเขา การไม่เข้าใจคนเสื้อแดง การไม่ระมัดระวังในการใช้ภาษาและการหลอกด่าคนเสื้อแดงกับทักษิณทุกจังหวะที่มีโอกาส ประวิตร โยนบาปให้ทักษิณด้วยการบอกว่าทักษิณจ้างคนเสื้อแดงให้ใช้ความรุนแรง ให้คนเสื้อแดงยอมรับความผิดของทักษิณทั้งที่ยังไม่รู้ว่าทักษิณทำอะไรผิด

ในความเห็นของผม “ถ้าทักษิณผิดก็ไม่มีใครถูก” ถ้ายอมรับความผิดของทักษิณเราต้องยอมรับความผิดของศักดินาที่แทรกแซงการเมืองโดยตลอด ของทหารที่ยึดอำนาจ ของข้าราชการบางคน ของตุลาการ ของเสื้อเหลือง ของตัวเราเองรวมทั้งของประวิตรด้วย เราต้องเริ่มต้นด้วยการบอกว่าทุกคนเลวเหมือนกันทั้งนั้นรวมทั้งทักษิณและตัวกู

เช่นเดียวกับเรื่องความรุนแรง ผมคิดว่าสันติวิธีเป็นสิ่งที่ใช้ได้เพียงบางสถานการณ์เท่านั้น ผมสงสัยว่าพวกศักดินานั้นนิยมชมชอบเรื่องสันติวิธีหรือไม่? ผมว่าไม่ เช่นเดียวกับคนชั้นล่างที่ไม่ค่อยเห็นดีเห็นงามกับสันติวิธี?

ภายใต้รัฐบาลเผด็จการ สันติวิธีเป็นเรื่องเหลวไหล ภายใต้สังคมที่ไม่ยึดหลักการ สันติวิธีเป็นเรื่องโกหก เช่นเดียวกับคำขวัญประเภท “หยุดทำร้ายประเทศไทย” ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเรื่องดัดจริตของคนบางกลุ่ม

กระแสของคนเสื้อแดงคงไม่ขึ้นสูงดังที่เคยเป็นอีกแล้ว แกนนำก็ไม่สง่างามเหมือนเก่าอีกแล้ว เราคงต้องทำใจหากฝ่ายแดงจะค่อยๆ สูญสลายไป รอวันกลับมาใหม่ซึ่งก็คงใช้เวลานานทีเดียว.

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
มหาชนสีแดงยื่นบันไดแห่งการยุบสภาให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีนลงมาอย่างง่าย ๆ ชนิดที่บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น แต่ไม่เป็นผลอะไร ด้วยโมหะจริต นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ดึงดันจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้ว่าจะต้องทำอะไรที่เสียเกียรติความเป็นผู้นำไปมากก็ตาม
เมธัส บัวชุม
การเคลื่อนพลของคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินน่าตื่นตาตื่นใจและอลังการสมการรอคอย แม้ว่าการมาทางเรือจะผิดจากความคาดหวังอยู่มากก็ตาม ผมยืนรอชมขบวนเรือของคนเสื้อแดงบนสะพานกรุงธนนานกว่า 3 ชั่วโมงพร้อมกับแดงคนอื่น ๆ เต็มสะพาน โบกไม้โบกมือ ไชโยโห่ร้องกับคนเสื้อแดงที่ขับรถผ่านไปมา
เมธัส บัวชุม
แม้ผลการตัดสินคดียึดทรัพย์เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว แต่คนเสื้อแดงหลายคนยังรู้สึกเจ็บปวด บางคนถึงขั้นหลั่งน้ำตาทั้งที่เงินนั้นไม่ใช่เงินของตนเอง พวกอำมาตย์ พรรคประชาธิปัตย์และคนเสื้อเหลืองไม่มีทางเข้าใจได้เลยว่าที่คนเสื้อแดงหลั่งน้ำตานั้นไม่ใช่เพราะเสียดายเงินของอดีตนายก ฯ ทักษิณ  ชินวัตร ที่ถูกยึดไปอย่างไม่เป็นธรรม แต่เป็นเพราะรู้สึกเจ็บปวดที่ตนเองทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นความอยุติธรรมบังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาครั้งแล้วครั้งเล่า
เมธัส บัวชุม
ไม่ว่าผลการตัดสินคดียึดทรัพย์ (ปล้นทรัพย์อย่างถูกกฎหมาย) ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร จะออกมาเป็นอย่างไร การลุกฮือของคนเสื้อแดงก็ยังคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เสื้อแดงจำนวนไม่น้อยอาจไม่ได้ยี่หระเลยกับทรัพย์สินของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตรเพราะนั่นเป็นราคาที่อดีตนายก ฯ ต้องจ่ายสำหรับการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย หลายคนจะได้เรียนรู้ว่าประชาธิปไตยนั้นถ้าไม่จ่ายด้วยเลือดและชีวิตก็ต้องจ่ายด้วยทรัพย์สินแสนแพง
เมธัส บัวชุม
 เมื่อความขัดแย้งระหว่างฝักฝ่ายต่าง ๆ เขม็งเกลียวแน่นใกล้ถึงจุดวิกฤติ ข่าวเกี่ยวกับการทำรัฐประหารก็ลอยมาจากทางโน้นทางนี้เป็นระยะ น่าเชื่อบ้าง ไม่น่าเชื่อบ้าง ราวกับว่ารัฐประหารเป็นทางออกเดียวในการจัดการปัญหา
เมธัส บัวชุม
การเข้าครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยงอย่างผิดกฏหมายขององคมนตรีคุณธรรมสูงอย่างสุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแม้แต่น้อย ไม่ใช่ข้อค้นพบที่น่าตื่นเต้น ไม่ใช่ความลับที่น้อยคนรู้ ชาวบ้านร้านตลาดในบริเวณนั้นต่างก็รู้กันเป็นอย่างดีว่าวิลล่าสวยงามบนเขายายเที่ยงนั้นเป็นของใคร
เมธัส บัวชุม
ผมค่อนข้างแปลกใจที่สังคมไทยยังไม่เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ว่าที่จริงสงกรานต์เลือดเมื่อปีกลายที่ผ่านมา เป็นโอกาสเหมาะไม่น้อยสำหรับการเกิดสงครามกลางเมืองซึ่งอาจจะจบลงด้วยการทำลายพลังประชาชนรากหญ้าและคนชั้นกลางฝ่ายก้าวหน้าลงอย่างย่อยยับ จนยากที่จะฟื้นกลับคืนมาใหม่ หรืออาจเป็นไปในทางกลับกันก็ได้หากประชาชนได้รับชัยชนะคือระบอบประชาธิปไตยจะขยับไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด อำนาจของอำมาตย์จะถูกจำกัดวง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด?
เมธัส บัวชุม
-1- ฉันมีวิธีเผชิญหน้ากับอาการนอนไม่หลับด้วยการนอนลืมตาอยู่ในความมืด พยายามไม่คิดอะไร แต่ดวงความคิดของฉันก็ไหลลอยไปสู่เรื่องนั้นเรื่องนี้ หวนรำลึกไปถึงสถานที่และผู้คนที่ฉันเคยพานพบประหนึ่งว่าฉันเพิ่งจากผู้คนและสถานที่เหล่านั้นมา
เมธัส บัวชุม
เรื่องราวในชีวิตของคนเราสามารถนำมาเขียนแต่งเป็นนิยายได้ทั้งนั้น โดยการใส่พล็อตหรือท้องเรื่องเข้าไป ตีความให้ดูน่าสนใจ แล้วเสาะหา(สร้าง)ข้อมูลเพื่อยัดลงไปในพล็อตที่วางไว้โดยอาจหยิบเพียงบางช่วงบางตอนของชีวิตก็ได้
เมธัส บัวชุม
คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจแต่ประการใดที่เราได้เห็นปัญญาชนสยาม ปัญญาชนสาธารณะอย่างสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ไปออกโทรทัศน์ของทาง ASTV “รายการรู้ทันประเทศไทย” ที่มีเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการผู้หากินกับวาทกรรม “ชาวบ้าน” มายาวนาน งนี้เพราะหลายคนซึ้งแน่แก่ใจแล้วว่าบั้นปลายชีวิตของสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้หลงตนนั้นโน้มเอียงไปทางเผด็จการ หรือไปทางศักดินามากเสียยิ่งกว่าจะยืนข้างชาวบ้านอย่างที่เขาพร่ำพูดถึงเสมอ
เมธัส บัวชุม
หากผมบอกว่าชาตินิยมเป็นแนวคิดที่ใช้ไม่ได้แล้ว บางคนคงโต้แย้ง ผมจึงต้องเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ให้กว้าง ๆ ว่า ชาตินิยมเป็นแนวคิดที่ไม่เพียงพอสำหรับการทำความเข้าใจความเป็นไปของสังคมการเมืองในโลกปัจจุบัน ไม่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าความหมายและรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง
เมธัส บัวชุม
รถไฟไทยเป็นอย่างที่เป็นอยู่มานาน โดยแทบไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเลยตั้งแต่เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งนี้เพราะความเสื่อมโทรมของรถไฟให้ประโยชน์แก่คนหลายกลุ่ม รวมทั้งสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย ดังนั้นแนวคิดใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้รถไฟเปลี่ยนไปจึงถูกต่อต้านแม้จะมีผลการวิเคราะห์วิจัยรองรับอยู่จำนวนมาก