Skip to main content

  กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งออกเดินทางไปเที่ยวกันในป่าลึก ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ พวกเขาหวังว่านี่จะเป็นการไปเที่ยวที่สนุกสุดเหวี่ยงจนกระทั่งพวกเขาได้พบว่า ในป่าลึกแห่งนี้ไม่ได้มีแต่พวกเขาเพียงกลุ่มเดียว แต่มีบางอย่างอยู่ที่นั้น 

จากเรื่องย่อนี้หลายคนต่างพอจะเดากันออกได้ในบัดดล หากยิ่งเป็นแฟนหนังสยองขวัญแล้ว มันยิ่งทำให้เราคาดเดาได้ว่า เรื่องย่อเมื่อสักครู่จะต้องเป็นเรื่องย่อของหนังสยองขวัญเกรดบีเรื่องใดเรื่องหนึ่งแน่ ๆ และเป็นดั่งที่คาดเพราะไม่นานนักก็ปรากฏฝูงซอมบี้ปรากฏตัวขึ้นมา ณ บริเวณกระท่อมแห่งนี้ โดยที่พวกมันตื่นขึ้นเพื่อฆ่าพวกเขาทุกคนให้ตายไปพร้อม ๆ กัน 

ถามว่านี่มันบ้าอะไร

คำตอบก็คือ นี่คือภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาหนังตระกูลหนึ่งที่มีอายุยาวนานกว่าช่วงอายุของมนุษย์เราหลาย ๆ ท่านเสียอีก

ครับ ผมกำลังจะพูดถึงหนังสยองขวัญ

          นับตั้งแต่หนังสยองขวัญเรื่องแรกของโลกอย่าง เรื่อง The Devil Castle ของจอร์จ ลูมิแอร์ หนังสยองขวัญได้อยู่คู่กับโลกภาพยนตร์เรามานานมาก และมีภาพยนตร์นับหมื่น ๆ เรื่องในช่วงเวลาผ่านมา มีทั้งภาพยนตร์สยองขวัญระดับขยะไปจนถึงภาพยนตร์สยองขวัญระดับรางวัล ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพยนตร์แนวนี้ไม่มีวันตาย เมื่อใดที่พวกมันเหมือนจะสิ้นชีวิตก็พลันต้องมีภาพยนตร์เรื่องใหม่โผล่ขึ้นมาอีกเสมือนการปลุกชีวิตผีตนนี้ให้ลุกจากหลุมขึ้นมาอีกครา

         อมตะ อาจจะเป็นนิยามของหนังตระกูลนี้ ตระกูลหนังที่หลายคนชื่นชอบและบูชา คำว่าอมตะผูกโยงเข้ากับหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่งที่ในหนังเรื่อง The Cabin in the wood นี้ได้สร้างขึ้นเพื่อบูชาและคารวะมันอย่างไม่ขัดเขินใด ๆ หากจะบอกว่า ผู้กำกับและคนเขียนบทชอบหนังเรื่องนี้มาก และชื่ออมตะก็เป็นชื่อไทยของหนังเรื่องนี้ได้แก่ ผีอมตะ หรือ The Evil dead ของแซมไรมี่นั้นเอง

         ซึ่งตามสถานะภาพนั้นหนังสยองขวัญเรื่องนี้มีสภาพเป็นหนังเกรด Z หรือหนังที่ทุนต่ำที่ดูไร้รสนิยมในสายตาของนักวิจารณ์ภาพยนตร์หลายท่าน รวมทั้งอาจารย์ภาพยนตร์ ต่างส่ายหน้าให้กับความยอดเยี่ยมของมัน ต่างจากนักดูหนังสยองขวัญหลายคนที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับในปัจจุบัน ต่างมีหนังเรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจกันถ้วนหน้าตั้งแต่ Drew Goddard ผู้กำกับหนังกระท่อมในป่านี้หรือกระทั่งผู้กำกับอย่าง Peter Jackson ที่ครั้งหนึ่งเขาทำหนังสยองขวัญทุนต่ำด้วยตัวเองมาแล้วด้วยซ้ำไป 

       ความบ้าสุดขีดของสิ่งที่เรียกว่าหนังสยองขวัญนั้นก่อเกิดผู้กำกับหนังหลายคนที่หลายคนเริ่มต้นช่วงชีวิตใน   วงการทำหนังด้วยการทำหนังสยองขวัญเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าเป็น สปีลเบิร์กกับหนังระทึกขวัญอย่าง Duel ก่อนดังพลุแตกกับ Jaws เจมส์ คาเมร่อนกับ หนัง Piranha 2 ที่เขาไม่อยากจะรับเป็นเครดิตของตัวเองเท่าใดนัก ส่วน Terminator ก็เป็นหนังที่ส่วนผสมของหนังสยองขวัญเหมือนกัน หรือ แซมไรมี่เองที่เริ่มต้นชีวิตผู้กำกับกับ Evil dead นี้นั้นเอง

The Cabin in the wood จึงเป็นเสมือนการคารวะครั้งสำคัญของผู้กำกับคนหนึ่งที่มีต่อหนังอันเป็นที่รักของเขา และ Genre ที่อายุยืนยาวที่สุดของโลกภาพยนตร์

          เพียงแค่เริ่มต้นจากบทหนังเรื่องย่อ เราพอรู้แล้วว่า นี่คือสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับหนังสยองขวัญ ซึ่งมักจะมีโครงเรื่อง ประเภทวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งไปเที่ยวกันในสถานที่ที่มีตำนานหรือเรื่องเล่าสยองขวัญมาก่อน ซึ่งตัวหนังจะแนะนำให้เราได้รู้จักกับตัวละครที่มีบุคลิกแตกต่างกันอาทิ นักกีฬาหนุ่มที่ชอบวางกล้ามใส่ชาวบ้าน , สาวร่าน , ตัวตลกที่ชอบสร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อน , เด็กเรียน และ สาวพรหมจรรย์ที่มักจะรอดชีวิตในหนังสยองขวัญเสมอ ๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกฎตายตัวที่ไม่มีการเปลี่ยนเท่าใดนักในหนังพวกนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วคาแรกเตอร์พวกนี้เป็นเทรนด์ของหนังสยองขวัญในยุคปี 80 อันเป็นยุคที่สงครามเวียดนามกำลังปะทุขึ้นและนักสร้างหนังหลายคนเลือกจะทำหนังสยองขวัญเพื่อสื่อให้เห็นถึงความล่มสลายของมายาคติอเมริกันดรีมนั้นเอง และหนังสยองขวัญในยุคนี้ที่โดดเด่นก็ได้แก่ พวก Texas Chainsaw , Halloween, The Hill Have Eyes อาจจะรวมไปถึงพวกหนังซอมบี้อย่าง Night of living dead  

   พวกเขาออกเดินทางไปจนได้พบกับชายไม่น่าไว้ใจที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดีและไม่ชอบหน้าเขาเท่าไหร่นัก ซึ่งชายคนนี้ได้ออกมาพูดถึงตำนานการบูชายัญที่บ้านหลังนั้น ซึ่งแน่นอนว่าพวกวัยรุ่นไม่เชื่อแล้วเดินทางกันต่อ ซึ่งจุดนี้มักจะเป็นสิ่งที่หนังสยองขวัญมักจะใช้ก็คือ คำเตือน แต่แน่นอนล่ะ ใครจะเชื่อ ถ้าเชื่อหนังก็จบกันพอดีสิ

      จากนั้นหนังพาเราไปยังที่กระท่อมหลังหนึ่งกลางป่าที่ที่แฟนหนัง Evil dead พากันร้องด้วยความดีใจทันทีที่เห็นเพราะ มันเป็นกระท่อมหลังเดียวกันนั้นเอง ถึงข้างในกระท่อมจะไม่เหมือนกัน แต่แค่บรรยากาศด้านนอกก็ทำให้หลายคนวี้ดว้ายแต๋วแตกกันไปหมดแล้ว หลังการพักผ่อนเที่ยวเล่นกันสนุกสนานแล้ว พวกเขาก็ได้พบกับห้องใต้ดินที่จู่ ๆ ประตูมันเด้งขึ้นมาได้เอง (แค่นี้ก็นึกถึง Evil dead อีกรอบ) เมื่อพวกเขาลงไปด้านล่างก็พบข้าวของจำนวนมากอยู่ที่นั้นก่อนที่นางเอกของเรื่องจะหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง (ที่หน้าตาคล้ายกับหนังสือแห่งความตายในหนัง Evil dead) พวกเธอได้อ่านบทปลุกผีขึ้นมาและทำให้พวกมันลุกขึ้นมาไล่ฆ่าพวกเขา

      แต่กระนั้นสิ่งที่หนังเรื่องนี้ได้ทำให้เหนือกว่าการเป็นหนังสยองขวัญเกรดบีทั่วไป นั้นก็เพราะ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ถูกกำหนดขึ้นโดย กลุ่มองค์กรหรือบริษัทลึกลับกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่ในการหาเหยื่อมาใช้บูชายัญเทพเจ้าที่นอนหลับใหลอยู่ใต้พื้นพิภพ พวกเขานี่เองที่กำหนดสิ่งที่จะเกิดขึ้นในกระท่อมหลังนี้อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมพฤติกรรมของคนในกลุ่มนี้ การสร้างสัตว์ประหลาดและผีร้าย การปิดปากเปิดทางออก และอีกหลายอย่างที่ทำให้เราได้รู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการกำหนดไว้แล้วแทบทั้งสิ้น

นอกจากนี้พวกเขายังเป็นคนคอยจัดรายการเรียลลิตี้โชว์อีกต่างหาก เรียกได้ว่าครบวงจรกันเลยทีเดียว

        สิ่งที่หนึ่งที่มักจะอยู่คู่กับหนังสยองขวัญเสมอนั้นก็คือ กฎของหนังสยองขวัญ ซึ่งในเรื่อง Scream หวีดสุดขีดของเวส คราเว่น ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญที่ยั่วล้อและปลุกชีวิตหนังเชือดหรือ Slather Film ให้กลับมาคืนจอได้อีกครั้งนั้นได้พูดถึงเสมอเรื่องกฎที่มักจะเกิดขึ้นในหนังสยองขวัญ ซึ่งในเรื่องนี้กฎหนังสยองขวัญก็ได้กลับมาหลอกหลอนอีกครั้งได้แก่

1. อย่ามีเซ็กซ์กันในสถานที่ที่ไม่น่ามีเซ็กซ์กัน อย่างในป่า เพราะ เวลาที่มีเซ็กซ์กันนั้นอาจจะช่วงเวลาสุดท้ายชีวิตของคุณก็ได้

2. ตัวละครผู้หญิงที่ออกร่าน ๆ แรด ๆ มักจะตายก่อน จากนั้นก็มักจะเป็นตัวตลกที่ชอบเล่นมุขไร้กาลเทศะ

3. อย่าริอ่านทำตัวเป็นฮีโร่ในหนังสยองขวัญ

4. ขึ้นรถมองเบาะหลังทุกครั้งว่า ไม่มีอะไรอยู่ที่นั้น

5. สาวพรหมจรรย์มักจะรอดในหนังสยองขวัญเสมอ

     นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกฎนับร้อย ๆ ข้อที่เกิดขึ้นการสร้างขึ้นอย่างซ้ำซากของหนังสยองขวัญพวกนี้ที่พื้นฐานของพวกมันไม่เคยไปไกลจากกฎพวกนี้เลย (ลองคิดว่า มีหนังสยองขวัญเรื่องไหนบ้างที่พยายามแหกกฎพวกนี้ หรือไม่มีกฏพวกนี้แทรกอยู่ในหนัง) ซึ่งหนังพวกนี้อาจจะมองว่าเป็นการสนองตัณหา แต่เอาจริงแล้วก็เป็นเสมือนคำสอนของผู้ใหญ่ที่บอกให้เหล่าวัยรุ่นให้ระวังภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากความคึกคะนองของตัวเอง

         อย่างการไปเที่ยวในป่าที่ไม่มีผู้คน ซึ่งอาจจะมีพวกฆาตกรหรืออะไรก็ได้ซ่อนอยู่ที่นั้น หรือการมีเซ็กซ์ก่อนวัยอันควรมักนำมาสู่ความยุ่งยากในชีวิต หากมองในอีกมุมหนังสยองขวัญยุค 80 นั้นถูกสร้างในยุคบุบผาชนสงครามเวียดนามที่วัยรุ่นหลายคนกลายเป็นพวกฮิบปี้ติดยา มีเซ็กซ์กัน ในสายตาของผู้ใหญ่จึงมองเป็นกระทำที่ไม่ดี หนังสยองขวัญจึงเป็นตัวใช้สอนพวกเขาว่าอะไรควรไม่ควรนั้นเอง

          ไคลแม็กซ์ที่น่าสนใจยิ่งในหนังเรื่องนี้ย่อมไม่พ้น เหล่าตัวละครในหนังสยองขวัญต่าง ๆ ออกมาโผล่หน้าให้เราเห็นในแบบที่เป็นตัวตนของมันจริง ๆ และมาโดยการคารวะ (อันเนื่องจากลิขสิทธิ์) ไม่ว่าจะ เป็นซอมบี้จาก Night Of living dead , ตัวตลกจาก IT , มือผีจาก Evil dead , งูยักษ์ จากหนังงูกินคนหลาย ๆ เรื่อง , มนุษย์หมาป่า จากหนังมนุษย์หมาป่า , พวกโรคจิตสวมหน้ากากจาก The Stanger , หมอโรคจิตจาก The Dentist (คลินิกสยองของด๊อกเตอร์ไฟส์สโตน) , พินเฮด จาก Hellraiser , ค้างคาวผี จาก Bats , กล่องกักผีจาก 13th Ghost , ปลาหมึกยักษ์ จาก Octopus , ซาดาโกะ จาก The Ring แถมพี่ซอมบี้ตัวหนึ่งอย่างหน้าตาคล้าย ไมเคิ่ล เมเยอร์อีกต่างหาก แถมยังมีเงือกสุดสยอง ยูนิคอร์น ซอมบี้ครอบครัว สาวบัลเลต์ และอีกหลายเรื่องครับที่เรียกว่า ขนกันมาเต็มทีมเลย (ภาษาบ้านต้องเรียกว่า มากันเต็มวง) จนนึกคิดว่า จะมีหนังสยองขวัญเรื่องไหนที่จะพาเหล่า ไอค่อนหนังสยองขวัญตัวเอ้ในตำนานอย่าง เฟรดดี้ เจสัน ไมเคิ่ลเมเยอร์ พินเฮด ชัคกี้ และอื่น ๆ อีกมากมาย มารวมกันในเรื่องเดียวกันได้บ้าง (ซึ่งหากมารวมกันจะยิ่งกว่า The Avenger เสียอีก)

       มีคนเคยถามผมว่า อะไรในหนังสยองขวัญที่น่ากลัวที่สุด ผมตอบได้เลยว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในหนังสยองขวัญนั้นไม่ใช่ฉากเลือดสาด หัวหลุด การทรมานอะไรพวกนั้นหรอกครับ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั้นก็คือ การที่เราได้เห็นภาพคนดูที่กำลังดูภาพโหดสยอง ๆ นั้นกำลังหัวเราะร่าไปกับความตายนั้นต่างหาก

           อย่างที่เราเห็นในเรื่องที่เราได้เห็นตัวละครที่เป็นคนคอยคุมเกมนั้นต่างจดจ้องมองการมีเซ็กซ์ของตัวละครในเรื่องกันอย่างเมามัน จากนั้นก็นั่งลุ้นให้ผีไล่ฆ่าพวกเขาด้วยสายตาเลือดเย็น จากนั้นก็เป็นการฉลองกันอย่างสนุกสนานโดยที่ภาพบนจอนั้นเป็นตอนที่นางเอกของเรื่องกำลังโดนซอมบี้เล่นงานจนปางตาย

       นั้นทำให้รู้สึกได้ว่า ความน่ากลัวที่สุดของหนังสยองขวัญย่อมไม่พ้นการลากไส้ความมืดมิดในจิตใจคนออกมานั้นเอง อย่างในเรื่องนี้เราเห็นว่า คนในหนังสยองขวัญเรื่องนี้ฉลองกับความตายและหัวเราะร่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ จะว่าไปมันคล้ายกับเหตุการณ์เมื่อสามสิบปีก่อนที่มีการสังหารหมู่นักศึกษาในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ในภาพการใช้เก้าอี้ฟาดใส่ร่างนักศึกษาที่เสียชีวิตอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางฝูงชนที่ยืนดูการตายครั้งนี้ด้วยสีหน้าหัวเราะร่า

ยินดีกับความตายตรงหน้า

      นั้นไม่ต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่อง Funny Game ที่ตอนแรกเรามีความรู้สึกว่า อยากจะให้ครอบครัวอันแสนสุขนี้จะเจอกับเรื่องเลวร้ายด้วยการเผชิญหน้ากับสองฆาตกรนี้เพื่อความบันเทิงของเรา ทว่า เจ้าฆาตกรก็รู้ว่าเราต้องการแบบนั้นเลยตัดสินใจทรมานครอบครัวนี้และเราไปจนจบ

เหมือนถามว่า สนุกไหมล่ะ พรรคพวก

นั้นแหละครับ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในหนังสยองขวัญ

 

บล็อกของ Mister American

Mister American
ปี 2515 ณ หมู่บ้านห่างไกลผู้คนในจังหวัดกาญจนบุรี แย้ม เด็กสาวผู้เคยป่วยหนักจนเกือบตายได้มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เธอเริ่มพูดจาด้วยคำหยาบคายกับคนในครอบครัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เริ่มโกหกและยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกัน รวมทั้งลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อนกินของสดทำให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ หยาด เกิดความสงสัยขึ
Mister American
สัปเหร่อ : คนตายคือ ครู และ คนอยู่คือ นักเรียน           “ความตาย...มันฆ่าเฮาได้แค่ครั้งเดียว แต่ความฮัก มันฆ่าเฉาไปเรื่อยๆๆ จนกว่าเฮาสิตายพุ่นเด้”บักมืด 
Mister American
                ระหว่างที่เขียนต้นฉบับบทความนี้อยู่นั้น การโหวตประธานรัฐสภาและรองประธานสองคนการประชุมสภาวันแรกได้จบลงแล้ว และ ผลคือ คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาคนใหม่ ร่วมกับ รองประธานสภาสองท่านจากพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อ
Mister American
            คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดในซีซั่นนี้ที่เรียกว่า สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบรรดาคนดูอนิเมชั่น และ คนดูหนังหลายคนได้เท่ากับ อนิเมชั่นซีรีย์เรื่อง Oshi no Ko หรือ ชื่อไทยว่า เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ผลงานดัดแปลงจากมังงะขายดีของ อากะ อาคาซากะ ที่ได้ฤกษ์ออกฉายไปเมื่อ
Mister American
                "พรมนิ้วลงไป หวังให้อัสนีกึกก้องด้วยละอองแสง                   กระหน่ำตีเข้าไปให้ถึงปลายทางของความเจ็บปวด
Mister American
                พอ Hellraiser ภาคใหม่จะลงฉายใน Hulu กันในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ (ซึ่งไทยจะได้ดูกันใน Disney Plus) นับว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของพินเฮดและเหล่าซีโนไบร์ต หนึ่งในไอค่อนของโลกสยองขวัญที่โด่งดังไม่แพ้ เฟรดดี้ ครูเกอร์ แห่ง Nightmare of elm street , เ
Mister American
พึ่งจบกันไปหมาด ๆ สำหรับอนิเมชั่นเรื่องดังประจำซีซั่นนี้อย่าง Lycoris  Recoli จากค่าย A-1 Picture ที่นอกจากจะเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายจนแซงหน้าบรรดาอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ไปแบบไม่มีกังขา โดผลโหวตจากสำนักอนิเมชั่นต่าง ๆ โหวตให้เรื่องนี้อยู่
Mister American
“ทำไมถึงไม่มีหนังสัตว์ประหลาดไทยดี ๆ ออกมาสักทีวะ ?”
Mister American
คงไม่ต้องบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ หลาย ๆ คนคงให้ความสนใจกับการชุมนุมของบรรดาหนุ่มสาววัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขับไล่เผด็จการ และ เปลี่ยนแปลงประเทศใหม่ กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปรากฏการณ์ของการชุมนุมที่เกิ