Skip to main content

 

               8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 หรือในปี 1942 กองทัพญี่ปุ่นบุกขึ้นฝั่งประเทศไทยทางอ่าวไทยผ่านจังหวัดต่าง ๆ อาทิ ประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงจังหวัดชุมพร ที่ได้เกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพญี่ปุ่น และ กองกำลังตำรวจเมืองชุมพร หน่วยยุวชนทหารที่ 52 โรงเรียนศรียาภัย และทหารกองพันทหารราบที่ 38 ได้เข้าต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นที่ขึ้นฝั่ง และ มีการต่อสู้บาดเจ็บล้มตายกันเป็นอันมาก โดยเฉพาะ ยุวชนทหารทั้ง 30 นายที่เสียชีวิตในวันนั้น และ กลายเป็นเรื่องเล่าของพวกเขาในความกล้าหาญจนมาถึงตอนนี้

               ทว่า ถ้ายุวชนทหารพวกนั้นไม่ได้ตาย แต่กลายเป็นสิ่งอื่น สิ่งที่ไม่ใช่คน สิ่งที่กัดกินมนุษย์ละ มันจะเป็นยังไง ?

               คงไม่ต้องบอกว่า ภาพยนตร์เรื่อง ชพ 1 สมรภูมิคืนชีพคือ หนังสยองขวัญที่หยิบเอาเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ของไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาดัดแปลงเติมแต่งเข้าไปโดยเฉพาะเรื่องราวของยุวชนทหารที่เป็นหนึ่งในเรื่องเล่าระดับตำนานของประเทศไปแล้ว และ เคยมีหนังเรื่อง ยุวชนทหารเปิดเทอมไปรบ มาแล้วในปี 2543 ทว่าก้องเกียรติ โขมศิริ ได้หยิบเอาเรื่องนี้มาสร้างใหม่โดยใส่เรื่องราวของซอมบี้เข้าไปเกิดเป็นหนังซอมบี้ไทยเรื่องใหม่ที่เรียกว่า แหวกแนว และ ทำออกมาได้น่าสนใจและสะพรึงชนิดว่า ถ้าพูดถึงหนังซอมบี้ไทยดี ๆ สักเรื่อง ชพ 1 สมรภูมิคืนชีพคือ หนังซอมบี้ที่พูดได้ว่า ยืนอยู่หัวแถวของซอมบี้ไทยได้อย่างเต็มปาก

               แน่นอนว่า นอกจากการหยิบเอาซอมบี้มาผสมกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะออกมาน่าสนใจแล้ว สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มันมีความแตกต่างจากหนังซอมบี้ไทยเรื่องอื่น ๆ ตรงที่มันคือ หนังที่เหมือนหยิบจับเอามรดกของหนังซอมบี้ในตำนานที่ที่ จอร์จ เอ โรเมโร่ ราชาแห่งหนังซอมบี้ได้ทิ้งเอาไว้ รวมทั้งหนังในตำนานอย่าง จับคนมาทำเชื้อโรค (Man Behind the sun) มาสานต่อได้จนกลายเป็นหนังซอมบี้ที่พาเราไปพบกับความโหดเหี้ยมอำมหิตที่กัดกินผู้คนได้อย่างน่าสะพรึง

               สงครามครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการอวสานความไร้เดียงสาของเด็ก ๆ ไปแบบไม่ทันที่พวกเขาจะรับได้ทัน

หน่วย 731 ต้นกำเนิดแห่งไวรัสมตฤยู

               สิ่งที่เราต้องพูดถึงคือ นี่คือหนังสยองขวัญเรื่องแรกของไทยที่พูดถึงหน่วย 731 หรือ Unit 731 ซึ่งหน่วยนี้นั้นเป็นหน่วยที่มีอยู่จริง และ ตั้งอยู่ในเขตปกครองของญี่ปุ่นทางตอนเหนือของจีนอย่าง เมืองผิงฝาง ฮาร์บิน เฮยหลงเจียง และ แมนจูกัว โดยหน่วยนี้ทำการทดลองตั้งแต่ปี 1936 จนถึงปี  1945 ซึ่งจุดประสงค์คือ เพื่อทดลองการสร้างอาวุธทางชีวภาพ การทดลองมนุษย์กับสิ่งต่าง ๆ อย่างโหดเหี้ยมและไร้มนุษยธรรม หน่วยนี้เชื่อกันว่า ทำการทดลองต่าง ๆ สุดแสนวิปริตมากมาย และ เชื่อกันว่า มีเชลยศึกถูกนำไปทดลองนี้กว่า 400000 คน ยิ่งไปกว่านั้นคือ คนของหน่วยนี้ยังมีการทดลองกระจายไปในหลายประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ ที่มีข่าวลือเรื่องห้องทดลองลับในกรุงโซลมาก่อน แน่นอนว่าเรื่องราวของห้องทดลองนี้ถูกเล่าขานและสืบต่อกันไป แม้ว่าหลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทดลองของที่นี่นั้นจะถูกเก็บไปโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังคงมีการตามหาเรื่องราวของค่ายนี้อยู่เสมอ

               โดยเฉพาะการมาของหนังฮ่องกงที่มีชื่อว่า Man Behind the Sun หรือ จับคนมาทำเชื้อโรค 

               หนังสยองขวัญที่ว่าด้วยเรื่องราวของค่าย 731 ที่ทำการทดลองสุดแสนวิปริตมากมายที่เราจะเห็นทหารญี่ปุ่นและนักวิทยาศาสตร์ทดลองกับคนอย่างไร้ความปราณี อาทิ จับแมวไปให้หนูนับพันที่หิวโซรุมกิน การทดลองแรงอัดมนุษย์จนระเบิดเป็นชิ้น หรือ การทดสอบอุณหภูมิที่ให้ผู้หญิงเอามือไปไว้ในห้องเย็นจัด แล้วเอามาจุ่มน้ำร้อนจนเนื้อหลุดเป็นชิ้น ๆ และ อีกสารพัดจนหลายคนบอกว่า นี่ไม่ใช่การกระทำที่มนุษย์ทำกับมนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว หลังจากนั้นก็จะฆ่าเหยื่อทิ้ง แล้วทดลองใหม่ไปเรื่อย ๆ 

               แน่นอนว่า ตอนที่หนังเรื่องนี้ถูกสร้างนั้น ผู้กำกับได้ออกเดินทางไปตามหาเอกสาร สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือ คนที่เคยอยู่ในค่ายนั้นแล้วรอดมาได้ แม้จะมีหลักฐานไม่มากแต่ความอำมหิตของหนังเรื่องนี้เรียกได้ว่า โหดเข้าขั้นชนิดว่า หลายคนในญี่ปุ่นถึงกับบอกว่า มันไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป

               แม้ว่าปัจจุบันจะมีสารคดีและหนังสือมากมายที่เล่าเรื่องของ Unit 731 นี้ว่า กระทำความชั่วร้ายไว้แค่ไหนก็ตาม แต่นั้นละว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกลายเป็นตำนานและเรื่องเล่าที่ทำให้คนถูกนำมาเติมแต่งเล่าขาน โดยบางครั้งไม่ต้องเอ่ยชื่อที่นี่ คุณก็รู้ทันทีว่า ไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มาจากค่ายนี้แน่นอน

               ซึ่งมันคือ สิ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ใน ชพ 1 นี่ละครับ

               อย่างที่บอกว่า หนังเรื่องนี้ถ้านับไทม์ไลน์ช่วงเวลาจะพบว่า มันเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1942 หรือประมาณ 6 ปีหลังญี่ปุ่นได้บุกยึดแมนจูเรียทางตอนเหนือของจีน และ สร้าง Unit 731 ขึ้นมา และ Unit นี้ก็ได้สร้างไวรัสขึ้นมาเพื่อสร้างมนุษย์กลายพันธุ์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอาวุธโดยเป้าหมายคือ เอามันไปยังพม่าอินเดีย และ ตอนใต้ของจีนเพื่อหวังให้มันแพร่กระจายเชื้อและสร้างมนุษย์กลายพันธุ์ขึ้นมา

               เพียงแค่ว่า มันดันมาหลุดเอาที่ชุมพรนี้ซะก่อน และ ตัวมนุษย์กลายพันธุ์หรือ ซอมบี้ ตัวนี้ก็ได้ออกอาละวาดไล่ฆ่าคนในนั้นอย่างบ้าคลั่ง และ ยังแพร่เชื้อให้กับยุวชนทหารสิบสอง รวมทั้ง หมอก เด็กหนุ่มผู้ไม่ได้อยากเป็นทหารใด ๆ แต่ต้องออกไปรบเพื่อปกป้องครอบครัวเท่านั้น

               ไวรัสได้ทำให้เด็กฟื้นขึ้นมากลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์กระหายเลือด (ขอเรียกซอมบี้นะ) ที่ไล่กินคน อาละวาดคลั่งไปทั่วจนทำให้ทางการญี่ปุ่นกับไทยต้องร่วมมือกันเพื่อกำจัดพวกซอมบี้พวกนี้ไปก่อนจะขยายไปทั่วมากกว่านี้ และ สำคัญคือ ทหารญี่ปุ่นมองว่า ต้องกำจัดออกไปไม่ให้ใครรู้ว่า มันมีสิ่งนี้อยู่ด้วย

               พูดคือ ไม่ให้มีตัวตนแบบเดียวที่ Unit 731 ไม่มีตัวตนนั้นละครับ

               แม้แต่ในหนังก็ไม่เอ่ยชื่อเลยสักครั้ง

               เพียงแค่ว่า คนดูหนังสยองขวัญบ่อย ๆ หรืออาจจะเคยดูซีรีส์อย่าง Gyeongseong Creature มาแล้ว ก็จะเห็นจุดเชื่อมโยงได้ไม่สิ คำบอกใบ้ในวีดีโอทดลองว่า มันเชื่อมโยงกันยังไง และ คงไม่ต้องบอกว่า ดร ชาวญี่ปุ่นคนนี้คือ หนึ่งในคนทดลองของค่าย Unit 731 อย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่นั้นเขายังพาหน่วยสังหารมาด้วย

               ซึ่งหน่วยสังหารนี้มีหน้าที่รับคำสั่ง ไม่มีความเห็นใจ ไม่มีอะไรนอกจากการฆ่าเท่านั้น

               ไม่ได้ต่างกับซอมบี้ในเรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว

               ตรงนี้กำลังนำไปสู่การนองเลือดแตกหักและความตายอันน่าสยดสยองบนแผ่นดินชุมพรแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

ซอมบี้ (มนุษย์กลายพันธุ์)

               หลายคนสงสัยว่า ซอมบี้ในหนังเรื่องนี้มีกฏอย่างไรบ้าง แน่นอนว่า หากเรายึดจากสิ่งที่ จอร์จ เอ โรเมโร่ สร้างเอาไว้ในหนังเรื่อง Night of living dead นั้น ซอมบี้จะเป็นศพที่พึ่งตายใหม่ ๆ เท่านั้น ถ้าเหลือแค่กระดูกแล้วจะฟื้นมาไม่ได้ และ กำจัดมันต้องยิงที่หัว หรือ ตัดคอเท่านั้น เหตุผลที่เป็นแบบนี้เพราะในช่วงที่ จอร์จ ทำหนังเรื่องนี้นั้นตัวหนังมันมีทุนที่น้อยมากทำให้ทำเอฟเฟ็กพวกศพเน่า ๆ ได้ยากมาก นั่นทำให้ต้องออกกฎนี้มาเพื่อให้ตอบโจทย์และคนดูว่า ทำไมศพที่เน่าเปื่อย มีกระดูกถึงไม่ฟื้นมาด้วย ซึ่งต่อมาหนังในยุคหลัง ๆ ได้อธิบายว่า พวกซอมบี้เป็นไวรัสหรือแก๊สที่เข้าไปสู่สมองของเหยื่อ ดังนั้นพวกศพที่เน่าแล้วไม่เหลือสมองแล้วจะไม่ฟื้นอีก 

               คำถามต่อมาคือ ทำไมซอมบี้ในยุคแรกถึงเดินช้า จอร์จ เอ โรเมโร่ อธิบายตรงนี้ว่า เพราะมันเป็นศพ ถ้าวิ่งเร็วเกินไป พวกเนื้อหนังมันจะหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่ซอมบี้ไม่ใช่ศพเน่าที่ขึ้นมาจากหลุมแล้ว แต่เป็นคนติดเชื้อกระหายเลือดที่เนื้อหนังยังดีอยู่ทำให้พวกมันวิ่งเร็ว ไล่ล่าเหยื่อไม่ต่างกับสัตว์ประหลาดแต่อย่างใด

               แล้วซอมบี้ของ ชพ 1 เป็นยังไง

               สิ่งที่เราสนใจคือ ชพ 1 นั้นวางโพสิชั่นของซอมบี้เอาไว้ในฐานะชีวภาพ (นึกถึงพวก B.O.W ในเกม Biohazard) นั่นคือเหตุผลว่า ซอมบี้ตัวแรกที่โผล่มาเป็นทหารญี่ปุ่น เพราะ ญี่ปุ่นเชื่อว่า ถ้าซอมบี้เป็นทหารที่มีอุดมการณ์ชาติรักชาติแบบเต็มเปี่ยมมันจะทำตามคำสั่งและเป็นทหารที่ทำทุกอย่างโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น (ไม่ต้องแปลกว่า ทำไมมันถึงมีอำนาจมากกว่าซอมบี้เด็กยุวชนทหารที่หืออือไม่ได้) ซอมบี้พวกนี้ มีพลังในการฟื้นฟูตัวเองสูง ยิงหัวไม่ได้ หัวเหลือนิดเดียวก็ไม่ตาย สิ่งที่จะกำจัดได้คือ มันแพ้ไฟ และ จะลุกไหม้เมื่อถึงเวลา เนื่องจาก ดร คนสร้างบอกว่า เขาวางระเบิดเวลาเอาไว้ในไวรัสพวกนี้ เมื่อเวลาผ่านไป มันจะเผาตัวเองจนตายและสลายหายไปเป็นผง เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันมีชีวิตนานเกินจนคุมไม่ได้

               กฎรวม ๆ ของซอมบี้ใน ชพ 1 นี้คือ

  1. ซอมบี้จะแพร่เชื้อด้วยการกัด ถ้าเหยื่อไม่ตาย จะกลายเป็นซอมบี้ ส่วนคนที่ไม่เป็นซอมบี้คือ ถูกฆ่าตายไปแล้ว และ ร่างกายยังสมส่วนดี (พูดคือ คนที่ตายก่อนโดนกัดจะไม่ฟื้น ซอมบี้จะฆ่าเหยื่อให้ตาย ถ้าไม่ตายจะฟื้น)
  2. การยิงหัวไม่สามารถฆ่าซอมบี้ในเรื่องนี้ได้ ต้องเผาไฟหรือ ตัดคอเท่านั้น (ถ้าเหลือส่วนนิดนึงก็ยังไม่ตาย)
  3. ซอมบี้มีเวลาในการมีชีวิตอยู่ หากเวลาผ่านไปสักพักพวกมันจะสลายไป
  4. ซอมบี้มีสติปัญญานึกคิด แต่จะยิ่งคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งมีบางอยางที่ใช้กระตุ้นให้คลั่งได้ มันยิ่งบ้ามากขึ้น อย่างพวก อุดมการณ์ชาตินิยม

กฎ 4 ข้อนี้คือ สิ่งที่ซอมบี้ในเรื่องนี้เป็นครับจะว่าไป มันทำให้เราเห็นว่า ซอมบี้ใน ชพ 1 แทบจะเรียกว่า เป็นการสืบทอดหรือต่อยอดซอมบี้ในแบบเดิมทั้งหมดเลย ทำให้ซอมบี้ดูไม่ใช่แค่ศพ แต่มนุษย์กลายพันธุ์ที่ฆ่าด้วยวิธีธรรมดาไม่ตาย และ สำคัญคือ หนังมันทำให้เราเห็นซอมบี้พวกนี้ยังมีความนึกคิด มีสำนึกบางอย่างทิ้งอยู่ภายใต้ความบ้าคลั่งที่ลดลงไปเรื่อย ๆ กลายเป็นว่า ดราม่าของพวกมันดูน่าเห็นอกเห็นใจและเต็มไปด้วยกระอักกระอวนอย่างยิ่งยวด

"ผมไม่เคยเห็นซอมบี้เป็นสัตว์ประหลาด มันมีด้านที่อ่อนโยนและน่าเห็นใจ พวกมันไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเห็นใจมันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตัวที่กินคนก็ตาม"

จอร์จ เอ โรเมโร่ กล่าวถึงซอมบี้ของเขาอย่าง Bud จากหนังเรื่อง Day of the dead (วันนรกกัดไม่เหลือซาก) ที่ที่โรเมโร่พาเรากระโจนเข้าสู่วันแห่งความมืดมน เมื่อคนตายครองโรค มนุษย์ต้องหนีไปอยู่ในชั้นใต้ดินพร้อมกับทหารติดอาวุธที่บ้าขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นปกครองทุกคนอย่างเผด็จการ ขณะที่ด็อกเตอร์ที่กำลังพยายามหายารักษาไวรัสที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้กลับเริ่มเปลี่ยนไปศึกษาการพัฒนาการของซอมบี้แทนเกิดเป็น Bud ซอมบี้ที่ถือปืนยิงได้ มีจิตสำนึกความนึกคิด และ แน่นอนว่า แม้พวกมันจะกินเหมือนเดิม แต่พวกมันก็รู้ดีว่าใครคือมิตรศัตรู

ทำให้ตอนจบ บัดที่หลุดจากการควบคุมก็ออกเดินทางถือปืนไปตามไล่ล่าผู้กองโรดส์ที่ฆ่า ดร ของตัวเองตายต่อหน้า แถมทำท่า วันทยหัตถ์เย้ยใส่ตอนที่โรดส์โดนฉีกเป็นชิ้น ๆ อีก

จากนั้น จอร์จ เอ โรเมโร่พาเราไปรู้จักกับ Big Daddy ซอมบี้ผิวสีใส่ชุดพนักงานเติมน้ำมันใน Land of the dead ที่เหมือนจะมีสติ สามารถสั่งการซอมบี้ตัวอื่นได้ และ ยังไม่หลงกลดอกไม้ไฟบนฟ้าที่มนุษย์ใช้หลอกล่อซอมบี้ด้วย ตัวของ Big Daddy นี่ละที่นำกองทัพซอมบี้นับพันบุกถล่มเมืองของมนุษย์ โดยที่มันเองสามารถใช้ปืน ใช้อาวุธได้ และ ยังเศร้าโศกเสียใจกับการตายของพรรคพวกอีก นับว่า เป็นซอมบี้ที่มีพัฒนาการสูงมาก ๆ ในจักรวาลของโรเมโร่แล้ว และ ยิ่งไปกว่านั้น ใน Survival of the dead โรเมโร่พาเราไปเจอเกาะที่คนเลี้ยงซอมบี้เอาไว้ด้วยความเชื่อพวกเขาสามารถทำให้ซอมบี้กินแต่เนื้อม้าได้โดยไม่กินมนุษย์อีก ซึ่งหนังก็ทำให้เห็นว่า ซอมบี้มันพัฒนาตัวเองได้จริง ๆ และ พวกมันก็สามารถเปลี่ยนมากินเนื้อม้าอย่างที่เชื่อ แต่นั้นละว่า มันสายไปแล้ว เนื่องจากไม่มีใครฟังหรือเชื่อในสิ่งที่พวกคนบนเกาะเชื่อก่อนจะนำไปการล่มสลายไปในที่สุด

ซอมบี้ของจอร์จ เอ โรเมโร่เลยเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนสร้างหนังซอมบี้ที่ตั้งคำถามส่วนนี้ และ ตัว ชพ ก็เช่นกัน เราจึงพบว่า ซอมบี้ในเรื่องมีดราม่าของตัวเอง ซอมบี้พวกนั้นอาจจะเป็นเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ คนรักของใครมาก่อน พวกมันมีตัวตน ไม่ได้ไร้นามหรือไร้ตัวตนใด ๆ จึงไม่แปลกหากหนังจะให้เราเห็นพวกมันยังคงมีสำนึกสติบางอย่างทิ้งไว้ และ นำไปสู่ความเจ็บปวดมหาศาลที่หนังถาโถมใส่ไม่ยั้งมือ

และดราม่าของพวกมันนี่ละที่ทำให้ ชพ 1 โดดเด่นเอามากจนถึงหลายคนเกร็งไม่อยู่เหมือนกัน

อวสานความไร้เดียงสา วัยเยาว์อันสิ้นสูญ

               หากพูดถึงหนึ่งในสองลายเซ็นสำคัญของผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่ไม่ว่าจะเป็นการกำกับหนังสยองขวัญเรื่องใดก็คือ การพูดถึงความล่มสลายของสิ่งที่วัยเด็ก

            หลายคนบอกว่า หนังเรื่องนี้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือที่มีชื่อว่า Lord on the files ผลงานนิยายของ วิลเลี่ยม โกลด์ดิ้ง ที่เล่าเรื่องของเด็กกลุ่มที่รอดจากเหตุการณ์เครื่องบินตก และ ต้องใช้ชีวิตกันเพียงลำพัง และ สถานการณ์บีบให้พวกเขาต้องโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนวัยควร และ นำไปสู่ความล่มสลายของพวกเขาที่สุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนแปลงไปจนหมดสิ้น ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับหนัง อนิเมชั่น ไลท์โนเวล มังงะมากมาย อาทิ โรงเรียนฝ่ามิตินรก ของ อ.คาสึโอะ อูเมซุ ที่เล่าเรื่องของเด็กที่ถูกวาร์ปยังต่างมิติพร้อมโรงเรียน และ ผู้ใหญ่ก็กลายเป็นบ้าไปกันไปหมดจนต้องเอาชีวิตรอดพร้อมกับรับมือสิ่งที่เรียกว่า สันดานมนุษย์ในพวกเขากันเองไปด้วย

               งานของก้องเกียรติ โขมศิริ นั้นมักพาเรากระโจนไปพบกับเรื่องราวการล่มสลายในวัยเด็กอันสวยงามอย่างย่อยยับพินาศคามือ  ซึ่งจะว่าไปแกก็บอกว่า โลกนี้มันไม่ได้สวยงามอะไรหรอก มันเต็มไปด้วยอันตรายทุกอณูและหน่ำซ้ำสิ่งที่ดเรียกว่า มนุษย์ก็ร้ายกาจเกินกว่าที่จะคาด

               ย้อนไปสู่ลองของภาค 1-2 งานแรก ๆ ของก้องเกียรติ โขมศิริ นอกจากเรื่องราวไสยศาสตร์ที่นำนำสู่กิเลศตัณหาที่พาทุกคนไปชิบหายกับมันแล้ว ยังได้เห็นว่าตัวละครในเรื่องนี้คือ เด็กม.ปลายที่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของเซ็กซ์ ความใคร่ ความอยากจนสุดท้ายก็ชิบหายกันไปหมด ซึ่งหนังหลอกล่อเราด้วยความสดใสประหนึ่งเพื่อนมาเที่ยวบ้านก่อนจะเปิดเผยความดำมืดออกมา ไม่ว่าใครในเรื่องก็ไปชิบหายกันหมดเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำคุณไสยแย่งแฟนคนอื่น แย่งคนรักของเพื่อน หรือทำคุณไสยฆ่าคน และ ยิ่งครูพนอไม่ได้ต่างกัน เธอทิ้งวัยเด็กอันเจ็บปวดทำคุณไสยใส่ตัวเองให้คนรักคนหลง เพราะ เชื่อว่าความสวยจะทำให้เธอมีความสุข แต่กลับกลายเป็นว่า นำไปสู่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายที่เหมือนทุกคนตกหลุมแห่งความปรารถนาไม่เหลือซาก

จากนั้นก้องเกียรติ โขมศิริ  พาเราวิ่งไปในเฉือน (ซึ่งเขียนเรื่อง วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง) หนังด้วยการตามล่าฆาตกรต่อเนื่องในพัทยาและกรุงเทพที่ที่ฆ่าโหด ผ่านแทนไท ตำรวจหนุ่มที่ยิ่งสืบยิ่งพบว่า ฆาตกรนั้นเกี่ยวกับตัวเองในอดีต ที่ที่หนังพาเราไปพบกับความดำมืดอันน่าเจ็บปวดของเด็กสองคน การถูกละล่วงเมิดทางเพศจากครอบครัว ครู และเพื่อน หรือ การบูลลี่ทำร้าย การค้ามนุษย์ ตำรวจฉ้อฉลที่ทำอะไรไม่ได้ มีเพียงกันและปกป้องกันได้ ซึ่งหนังได้พาเราไปยังจุดสูงสุดของหนังสืบสวนไทยและปล่อยให้เราถึงกับอ้าปากค้างกับเรื่องราวที่ทำให้คุณมองวัยเด็กแบบแฟนฉันไปอีกทาง

.               อีกเรื่องที่เรียกว่า ก้องเกียรติ โขมศิริ  พามาเจอคือ Take Me Home หนังผีที่โคตรอันเดอร์เรทที่สุดเรื่องหนึ่งของไทย (เทียบได้กับทองสุก 13) เรื่องราวของชายหนุ่มที่ความจำเสื่อมที่ตามหาตัวตนตัวเองแล้วได้รับเบาะแสว่า ตัวเองเป็นลูกชายของเศรษฐีคนหนึ่งแล้วพบว่า มีความลับบางอย่างในบ้าน หนังพาเราไปเจอกับเรื่องราววัยเด็กอีกส่วนทีมีทั้งทุนนิยมอันล่มสลาย ครอบครัวที่พังทลาย และ ความตายที่ชวนขนลุก Take Me Home พาเราไปถามเรื่องเดิมกับเฉือนว่า บ้านคืออะไร และ พาเราไปเจอบทสรุปอันชวนเศร้าที่ที่หลายคนต้องหันถามว่า เด็ก ๆ ในเรื่องนี้มันควรเจออะไรแบบนี้เหรอ ?

               และ ชพ 1 เองไม่ได้ต่างกัน

               หนังเปิดฉากด้วยภาพอันสดใสของเหล่ายุวชนทหารที่พวกเราได้รู้จักเขาแบบเร็ว ๆ หลายคนอายุยังไม่ถึง 20 บางคนมีความฝัน บางคนมีลูกมีเมียแล้ว บางคนมีพ่อแม่ต้องดูแล แต่ทุกคนมาเป็นยุวชนทหารที่ที่พวกเขายังเป็นลิงทโมน ตีหม้อ เล่นหัวกัน สนุกกับครูฝึกกันอย่างสดใส ทว่า สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ สงครามกำลังมาเยือนหน้าบ้านของพวกเขา และ พวกเขาต้องออกไปรบ เพื่อปกป้องไอ้สิ่งที่เรียกว่า ชาติที่พวกเขาไม่เข้าใจว่า ไอ้ชาตินี่มันคืออะไร ?

               ตัวละครสำคัญที่เราจะได้คือ หมอก เด็กหนุ่มที่ชอบการร้องเพลง แต่งเพลง และ มีจิตใจเสรีชน เขาเสียพ่อไปและใช้ชีวิตอยู่กับแม่และพี่ชายที่เป็นทหารอย่าง เมฆ ที่ดูถูกเขาตลอดเวลาว่า เอาแต่หนี หมอกไม่ได้อยากรบ และ ไม่เข้าใจว่า ชาติคืออะไร แต่เขาไปรบเพื่อปกป้องแม่และหลานที่ยังไม่ได้เกิด แต่ก็ต้องพบว่า ตัวเองต้องกลายเป็นเหยื่อของซอมบี้ทหารญี่ปุ่นที่ทำให้เขาและพวกพ้องกลายเป็นซอมบี้ไปอีก ซึ่งสภาพของหมอกคือ เป็นผู้ได้รับผลกระทบของสงครามไปแล้ว และ ตัวเขาพยายามจะไม่ฆ่าใครทั้งนั้น แม้ว่าจะควบคุมสัญชาติและเชื้อในตัวไม่ไหวก็ตาม

               ไม่ใช่แค่หมอก บรรดายุวชนทหารอื่น ๆ ก็มีดราม่าส่วนตัวและพบว่า มันได้ถูกทำลายสิ้นในสงครามครั้งนี้ เราจึงเห็นภาพของพวกเขาที่ต้องเห็นภาพตัวเองกินคนแบบที่ตัวเองยั้งไม่ได้ พยายามตายก็ไม่ตายสักที หน่ำซ้ำยังถูกมองเป็นสัตว์ประหลาด ถูกทำร้าย ทรมานจากทหารญี่ปุ่นอย่างไร้มนุษยธรรมแบบที่ไม่มีใครช่วยได้

               คงไม่ต้องบอกว่า ดราม่าของชพ 1 ทำให้เรานึกถึงหนังสือที่โด่งดังเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่นนั้นคือ สูญสิ้นความเป็นคน

               ใช่ครับ หนังมันบอกเราว่า สงครามได้นำพาให้ทุกคนนั้นไม่เหลือความเป็นคนอีกต่อไป ในเรื่องนี้เรียกพวกเขา ฟูเมทสึ ซึ่งไม่ใช่คนแล้ว และ ถูกจำหน่ายตายเรียบร้อย ค่าของพวกเขาในสายตาของกองทัพและคนญี่ปุ่นก็คือสิ่งที่ต้องจำกัด แม้ว่า จะต้องฆ่าทุกคนที่รู้เรื่องนี้ก็ตาม

               คงไม่ต้องบอกว่า ภาพอันน่าเจ็บปวดคือ ภาพของบรรดาครอบครัวยุวชนทหารถูกกราดยิงฆ่าตายอย่าไร้ความปราณี ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง เด็ก คนแก่ หรือ พระ ถูกคนถูกฆ่าทิ้งโดยฝีมือของทหารญี่ปุ่นที่ต้องการปกปิดและกำจัดความลับของเรื่องนี้ไว้

               ทุกคนต้องตาย (ตายแบบไร้เมตตา)

               ยิ่งนานวัน หนังยิ่งทำให้เรากระอักกระอวนมากขึ้นไปอีกว่า เราควรจะอยู่ข้างไหนดี เพราะ คนเองก็ไม่ใช่คนก็ไม่ใช่แล้ว (อย่างทหารญี่ปุ่นที่ดูเหมือนเป็นพวกเครื่องจักรสังหาร) แม้แต่ซอมบี้เองก็ไว้ใจไม่ได้ เนื่องจากไม่รู้ว่า พวกมันจะฆ่ากันเองด้วยไหม (เพราะ ในหนังก็ให้เห็นว่า ซอมบี้มันฆ่ากันเองด้วย หากทำอะไรขัดใจผู้นำ หรือ หัวหน้ากลุ่ม) เราจึงเห็นว่า ทั้งซอมบี้และคนนั้นต่างไม่เหลืออะไรที่จะเป็นคนอีกต่อไป

               เราเลยไม่ต่างกับหมอกที่มีสภาพไปไม่ถูกเพราะเป็นคนไม่ได้ เป็นผียังไม่ได้เหมือนกัน

               ดั่งคำพูดของก้องเกียรติ โขมศิริ   ในเฟสบุ๊ควันนี้ว่า สงครามมันไม่ได้ให้ความหวังอะไรทั้งนั้นแหละ

               และ สิ่งที่เห็นในสงครามคือ ความย่อยยับของสิ่งที่เรียกว่า มนุษย์ 

               ขณะเดียวกัน ก้องเกียรติ โขมศิริ  มีลายเซ็นที่น่าสนใจอีกอันคือ การตั้งคำถามเรื่องชาติ

               ชาติของก้องเกียรติ โขมศิริ  ถูกพูดถึงในหนังเรื่อง เฉือน ผ่านตัวละครอย่างแทนไท พระเอกของเรื่องที่ต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรในท้ายสุด พวกเขาได้แลกเปลี่ยนบทสนทนาเกี่ยวกับที่อยู่ของตัวเอง และ ชาติว่า ชาติของพวกเขาคืออะไร และ ที่อยู่คืออะไร เช่นเดียวกับหนังชุดขุนพันธ์ 1-3 ที่มีเรื่องราวบทสนทนาเกี่ยวกับชาติ หน้าที่ผ่านตัวละครอย่างขุนพันธ์ และ บรรดาโจร ๆ ทั้งหลายว่า ชาติคืออะไรในมุมของพวกเขา

               จนมาถึงชพ 1 ที่พาเราไปถามเรื่องชาติกับเด็ก ๆ อย่าง หมอก มันตอบว่า กูไม่รู้ ส่วนเมฆจะตอบไปว่า ชาติคือ พ่อแม่ครอบครัว หมู่บ้าน และ ตัวหมอกเอง ซึ่งตัวของเมฆเองก็ไม่ได้เข้าใจคำว่า ชาติเหมือนกัน เหมือนคำว่าชาตินั้นเป็นเพียงนามธรรมเลื่อนลอยและสิ่งที่เรียกว่าชาติจึงเป็นสิ่งที่จับต้องได้อย่างพวกนี้มากกว่า

               ชาติคือ พ่อแม่ครอบครัว หมู่บ้าน เพื่อน แฟน ลูก นั้นคือ เหตุผลที่ทำให้ทุกคนสู้ เช่นเดียวพวกทหารญี่ปุ่นเองที่ไม่ได้ต่างกัน พวกเขามีชาติในแบบของเขา และ ชาตินั้นมีเพียงหนึ่งเดียวไม่เป็นอื่น หากเมื่อใดพวกเขาไม่ศรัทธาหรือเชื่อมันในชาติ

               พวกเขาก็ไม่ควรอยู่อีกต่อไป

               นั้นคือเหตุผลว่า ทำไมซอมบี้ตัวแรกถึงสลายไปเมื่อมันไม่ได้คิดถึงชาติอะไรอีก แต่สิ่งที่คิดถึงคนรักของตัวเอง และ ไร้ซึ่งสิ่งยึดเหนี่ยวพวกมันก็หายไป

               ซอมบี้ในหนังเรื่องนี้จึงมีสิ่งที่เรียกว่า ชาติเป็นอุดมการณ์หลักที่ใช้หล่อเลี้ยงให้พวกมันมีชีวิตต่อไป และ แน่นอนว่า ความเป็นชาตินี่ละที่ทำให้เป็นอาวุธสังหารชั้นดี (นี่คือ เหตุผลว่า ทำไมหนังมันใช้ทหารญี่ปุ่นเป็นซอมบี้ เนื่องจากพวกเขาเชื่อมั่นว่า ซอมบี้พวกนี้จะเชื่อมั่นในชาติและใช้มันเพื่อฆ่าศัตรู แต่กลายเป็นว่า ซอมบี้ตัวนี้ดันไม่ได้คิดเรื่องชาติอีกต่อไปแล้วหายไปซะงั้น ส่วนซอมบี้ตัวอื่นต้องกำจัดทิ้งเพราะไม่ใช่พวกเดียวกันนี่ละ) และ ทุกชาติใช้ชาตินิยมเพื่อให้ผู้คนเชื่อและพลีชีพเพื่อมัน

               แต่นั้นละครับว่า เด็กพวกนี้มันไม่เข้าใจหรอก และ มันก็ไม่ควรจะต้องมาสิ้นชีวิตนี้ด้วย

               นี่ยังไม่รวมที่หนังมันบอกเราว่า การมีชีวิตอมตะไม่ตายเนี่ยมันเจ็บปวดทรมานแค่ไหน เหมือนที่เมฆเปลี่ยนให้แฟนเป็นซอมบี้แบบเดียวกัน แต่สิ่งที่ทำออกมานั้นคือ แฟนของเมฆกลายเป็นซอมบี้แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เดินทรมานในสภาพที่เรียกว่า เวทนา (ทำให้เมฆต้องฆ่าแฟนทิ้ง) และทำให้สิ่งหมอกทำนั้นคือ ไม่กัดแม่ตัวเองถูกต้องนั้นแหละว่า

               ถ้าตัวเองทรมานแบบนี้

               ทำไมต้องลากคนอื่นมาทรมานด้วย

               ใน Return of the living dead นั้นมีฉากที่น่าสนใจมากคือ พวกตัวเอกจับซอมบี้ตัวหนึ่งมาแล้วถามมันว่า ทำไมถึงกินสมองคน มันตอบว่า

               “ความตายมันทรมาน มันเจ็บปวด การกินสมองทำให้รู้สึกดี”

               มันจึงมีคำพูดว่า โชคดีที่ตายก่อนนั้นแหละ เพราะ สิ่งที่น่ากลัวกว่าความตาย คือ การที่คุณไม่ตายและต้องทรมานแบบนี้ตลอดไป

               เหมือนเหล่าผู้คนในเรื่องที่สุดท้ายก็เป็นเหยื่อสงครามนี้ไม่มีใครได้พบกับจุดสวยงามหรืออะไรเลยสักคนเดียว

“ครั้งหนึ่งซอมบี้เป็นตัวแทนคอมมิวนิสต์ เอดส์ พวก LGBTQ+ ผู้ก่อการร้าย ผู้อพยพ ชนชั้นล่างในสังคม ซอมบี้จะเป็นอะไรก็ได้เสมอ"

จอร์จ เอ โรเมโร่กล่าวทิ้งท้าย เช่นเดียวกับโลกใบนี้ที่ยังมีสงครามเกิดขึ้น มีเด็กที่ต้องชิบหายจนไม่เหลืออะไรมากขึ้น หนังเรื่องนี้จึงเป็นเหมือนสารที่บอกว่า

ถ้าจะมีอะไรที่เลวร้ายที่สุดที่มนุษย์สร้างขึ้นมา สิ่งที่เรียกว่า สงครามนี่แหละ เลวร้ายที่สุด

ป.ล. หนังมีเอนเครดิตสองตัวครับ ใช้อธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมอก และ เรื่องราวต่อไปว่า มันจะเป็นไงต่อครับ สปอยนะ

.

.

.

.

.

.

.

มันโยงเข้ากับตำนานทหารผีในสงครามเวียดนามครับ เราจะเห็นว่า หมอกที่ตอนนี้รอดมาได้กำลังเดินทางไปพร้อมกับพวกทหารฝ่ายอเมริกาเดินทางยังเวียดนามครับ ซึ่งถ้าใครเคยได้ยินตำนานทหารผีคงเข้าใจว่า ทำไมถึงเรียกทหารผีนั้นเองครับ

+++++++++++++

บล็อกของ Mister American

Mister American
ปี 2515 ณ หมู่บ้านห่างไกลผู้คนในจังหวัดกาญจนบุรี แย้ม เด็กสาวผู้เคยป่วยหนักจนเกือบตายได้มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เธอเริ่มพูดจาด้วยคำหยาบคายกับคนในครอบครัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เริ่มโกหกและยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกัน รวมทั้งลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อนกินของสดทำให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ หยาด เกิดความสงสัยขึ
Mister American
สัปเหร่อ : คนตายคือ ครู และ คนอยู่คือ นักเรียน           “ความตาย...มันฆ่าเฮาได้แค่ครั้งเดียว แต่ความฮัก มันฆ่าเฉาไปเรื่อยๆๆ จนกว่าเฮาสิตายพุ่นเด้”บักมืด 
Mister American
                ระหว่างที่เขียนต้นฉบับบทความนี้อยู่นั้น การโหวตประธานรัฐสภาและรองประธานสองคนการประชุมสภาวันแรกได้จบลงแล้ว และ ผลคือ คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาคนใหม่ ร่วมกับ รองประธานสภาสองท่านจากพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อ
Mister American
            คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดในซีซั่นนี้ที่เรียกว่า สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบรรดาคนดูอนิเมชั่น และ คนดูหนังหลายคนได้เท่ากับ อนิเมชั่นซีรีย์เรื่อง Oshi no Ko หรือ ชื่อไทยว่า เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ผลงานดัดแปลงจากมังงะขายดีของ อากะ อาคาซากะ ที่ได้ฤกษ์ออกฉายไปเมื่อ
Mister American
                "พรมนิ้วลงไป หวังให้อัสนีกึกก้องด้วยละอองแสง                   กระหน่ำตีเข้าไปให้ถึงปลายทางของความเจ็บปวด
Mister American
                พอ Hellraiser ภาคใหม่จะลงฉายใน Hulu กันในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ (ซึ่งไทยจะได้ดูกันใน Disney Plus) นับว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของพินเฮดและเหล่าซีโนไบร์ต หนึ่งในไอค่อนของโลกสยองขวัญที่โด่งดังไม่แพ้ เฟรดดี้ ครูเกอร์ แห่ง Nightmare of elm street , เ
Mister American
พึ่งจบกันไปหมาด ๆ สำหรับอนิเมชั่นเรื่องดังประจำซีซั่นนี้อย่าง Lycoris  Recoli จากค่าย A-1 Picture ที่นอกจากจะเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายจนแซงหน้าบรรดาอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ไปแบบไม่มีกังขา โดผลโหวตจากสำนักอนิเมชั่นต่าง ๆ โหวตให้เรื่องนี้อยู่
Mister American
“ทำไมถึงไม่มีหนังสัตว์ประหลาดไทยดี ๆ ออกมาสักทีวะ ?”
Mister American
คงไม่ต้องบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ หลาย ๆ คนคงให้ความสนใจกับการชุมนุมของบรรดาหนุ่มสาววัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขับไล่เผด็จการ และ เปลี่ยนแปลงประเทศใหม่ กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปรากฏการณ์ของการชุมนุมที่เกิ