Skip to main content

สัปเหร่อ : คนตายคือ ครู และ คนอยู่คือ นักเรียน

 

          “ความตาย...มันฆ่าเฮาได้แค่ครั้งเดียว แต่ความฮัก มันฆ่าเฉาไปเรื่อยๆๆ จนกว่าเฮาสิตายพุ่นเด้”

บักมืด

 

                เจิด ลูกชายของสัปเหร่อประจำหมู่บ้านอย่าง สัปเหร่อศักดิ์ ที่พึ่งเรียนจบกฎหมายมาหมาด ๆ ได้เดินทางกลับมายังหมู่บ้านเพื่อจะสอบเป็นทนายในความใฝ่ฝันของเขาต่อไป ระหว่างนั้นเองพ่อของเขาเกิดป่วยหนักจนไม่สามารถทำงานสัปเหร่อได้ทำให้เจิดต้องเข้ามารับหน้าที่นี้แทนพ่อ พร้อม ๆ กับ เซี่ยง ที่ยังไม่อาจจะมูฟออฟจากรักครั้งเก่าอย่าง ใบข้าวได้ และ ปรารถนาอยากจะเจอกับเธอเหลือเกิน ท่ามกลางข่าวว่า ผีใบข้าวได้ปรกฏตัวไปหลอกคนนั้นคนนี้ทั้งหมู่บ้าน นั่นทำให้สองคนต้องร่วมกันเป็นสัปเหร่อมือใหม่เพื่อส่งดวงวิญญาณและคนตายไปสู่สุคติ โดยไม่รู้ว่า นี่คือ เรื่องราวที่ทั้งคู่ไม่อาจจะลืมไปตลอดชีวิตแน่นอน

.

                คงไม่ต้องสาธยายความสำเร็จมหาศาลใด ๆ กับหนังภาคนี้ของแฟรนไชส์ไทบ้าน เดอะซีรีย์ที่กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของประเทศในปี 2023 นี้ไปแล้วแบบที่ทุกคนต้องตกใจด้วยรายได้กว่า 700 ล้านบาท พร้อมคำวิจารณ์ชั้นดีที่หลายคนต้องแปลกใจด้วยเหตุผลว่า นี่คือครั้งแรกที่ไทบ้าน เดอะซีรีย์ขึ้นมาอยู่ในความสนใจของกระแสหลักได้ แม้ว่า ก่อนหน้านี้ไทบ้าน เดอะซีรีย์คือ หนึ่งในแฟรนไชส์หนังที่ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด (ก็แทบจะเป็นแฟรนไชส์ที่แข็งแรงและทำรายได้ถล่มทลายมาตลอด (กับคำวิจารณ์ที่ดีแทบทุกภาค) แต่สำหรับภาคนี้เหมือนเป็นบอกเราว่า เรื่องราวของพวกเขาได้มาถึงจุดใหญ่ที่ให้เราได้มองเห็นการเติบโตที่ชัดแจ้งของพวกเขามาก  เพราะครั้งนี้สิ่งที่พวกเขาโดดเด่นมากคือ การหยิบจับเรื่องราวของความตายมาเล่า ไม่ใช่แค่เรื่องผีเท่านั้น แต่พูดถึงงานศพ สัปเหร่อ และ การลาจากออกมาได้อย่างน่าสนใจอย่างยิ่ง ต้องบอกว่า เราแทบไม่เห็นหนังไทยพูดถึงเรื่องนี้มากสักเท่าไหร่นัก สัปเหร่อก็กล้ามากที่นำเรื่องราวนี้มาพูดถึงในแบบที่ทำให้เราสนใจว่า ภายใต้ภาพของงานศพ และ เรื่องราวในเรื่องนี้เป็นเช่นไร

.

งานศพ ความตาย ผี คนเป็น คือ สิ่งที่ธรรมดาและถูกถ่ายทอดให้เราเห็นในหนังเรื่องนี้แบบที่เราแทบจะไม่ได้เห็นในหนังไทยสักเท่าไหร่นัก มันคือประสบการณ์ร่วมที่ทำให้คนที่ดูหนังเรื่องนี้เข้าใจและรู้ดีถึงประสบการณ์นี้ที่จะต้องมาถึงเราในสักวันหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องเจอประสบการณ์แบบนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ ปรารถนาหรือไม่ก็ตาม ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่า สิ่งที่หนังให้เราเห็นคือ การที่เราเห็นภาพความรัก อาลัย และ การทำเพื่อคนตายเป็นครั้งสุดท้ายของคนเป็นและใช้มันเป็นบทเรียนชีวิตของคนเป็นต่อไปนั้นเอง ซึ่งเราได้เห็นว่า เจิดค่อย ๆ ซึมซับถึงความหมายของชีวิต และ การอยู่ของผู้คนไปพร้อมกับการทำศพให้กับคนอย่างชัดเจน

เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยระหว่างเขากับพ่อเองที่ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นจนในที่สุดตัวของสัปเหร่อศักดิ์ได้มอบบทเรียนสุดท้ายให้กับลูกชายองเขาด้วยชีวิตของเขาเอง

.

สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจคือ การอยู่ร่วมกันของบรรดาคนต่างศาสนา ต่างเชื้อชาติ ต่างเพศ ต่างความคิดในหมู่บ้านแห่งนี้ และ เราได้เห็นผ่านงานศพ ไม่ว่าจะเป็น งานศพของคนนับถือคริสต์ อิสลาม หรือ กระทั่งงานศพของ LGBTQ+ หรือ งานศพของเด็กแว๊นซ์ ที่ต่างมีพิธีกรรมต่าง ๆ ที่ต่างกันไป นี่ยังไม่รวมถึงงานศพของสุนัขในเรื่องที่จัดใหญ่กว่าคนเสียอีก กระนั้นเองภายใต้ภาพงานและพิธีกรรมพวกนี้ สารเดียวที่หนังบอกเราคือ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เพศไหน ศาสนาใด หรือ สิ่งมีชีวิตใด ตอนจบของคุณคือ ความตายไม่มีทางพ้นแน่นอน ขณะเดียวกันตัวหนังย้ำเตือนว่า งานศพนั้นคือ งานที่มีเอาไว้เพื่อให้คนเป็นได้จัดงานให้คนตาย คนที่รักอย่างเต็มกำลัง แม้ว่า มันจะไร้ค่าในสายค่าของใครหลายคนที่รู้สึกว่า คนตายไม่ได้รู้อะไรหรอก แต่นั้นคือ การที่หนังบอกเราว่า เฮ้ย นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่คนเป็นทำให้ได้เพื่อที่จะบอกลาคนที่ตัวเองรักให้เดินทางไปสู่ภพภูมิอื่นอย่างเต็มที่ ดั่งคำว่า คนตายเป็นครู คนอยู่เป็นนักเรียน เพราะนี่คือ บทเรียนสอนแด่คนมีชีวิตให้ได้รับรู้ถึงความสำคัญของคนที่ยังอยู่ว่า จงรักกันให้มาก ๆ ใช้ชีวิตกันให้เต็มที่ จะไม่ต้องมาเสียใจเมื่อต้องมาตาย เพราะ คนตายไปแล้วมันไม่รู้อะไรแล้ว

.

มีแต่คนเป็นเท่านั้นที่อยู่กันต่อไป

.

เราจึงเห็นเจิดพยายามพร่ำบอกว่า ทำไมงานศพต้องจัดหลายวัน หรือ งานศพอิสลามทำไมต้องจัดวันเดียวเสมอ เขาเองคิดว่าเรื่องนี้คงไกลตัวสำหรับเขามาก แต่เอาจริงพอความตายของคนที่ตัวเองรักอย่าง พ่อมาแบบไม่ทันตั้งตัวยิ่งทำให้เขาแทบยืนไม่อยู่และไม่เข้าใจถึงความตายว่า ทำไมมันเกิดขึ้นได้รวดเร็วเช่นนี้แบบที่ในเพลง ยื้อ นั้น ตัวเขาได้ถอดจิตไปเจอกับพ่อแล้วถามว่า

.

“เจ้าคือไปบ่บอกบ่กล่าวกันเลย”

“บ่เป็นหยัง บ่จากมื้อนี้…มื้อหน่ากะจากกันคือเก่า”

ยื้อ (ปรีชา ปัดภัย) ost. สัปเหร่อ วันนี้ในโรงภาพยนตร์ | Instagram

.

นั่นคือ คำตอบของสัปเหร่อศักด์ที่มีให้ลูกชายที่ตัวเขาเองภาคภูมิใจในที่สุด เพราะ หากเราย้อนดูความสัมพันธ์ของทั้งก็ไม่ค่อยจะลงรอยนัก และ ตัวของเจิดเองก็ไม่มีอะไรให้น่าภูมิใจนัก สอบทนายก็ยังไม่ได้ รับปริญญาก็ยังไม่ทำ แต่สิ่งที่ทำให้พ่อของเขาภูมิใจและรู้สึกว่า ปล่อยวางและเดินทางไปยังภพหน้าได้คงเป็นการที่เห็นว่า เจิด ผู้กลัวผี และ ไม่อยากทำหน้าที่สัปเหร่อได้ค่อย ๆ เรียนรู้ถึงการช่วยเหลือผู้คน ความยุติธรรม และ ความเที่ยงตรงของตัวเองในงานนี้ ซึ่งมันจะทำให้เขาสามารถเป็นทนายได้อย่างเต็มภาคภูมิ (ซึ่งหากย้อนไปจะมีฉากที่เจิดสะใจที่เห็นศพของคนร้ายถูกคนรุมประชาทัณฑ์ จนพ่อของเขาบอกว่า มึงเป็นทนายไม่ควรเห็นด้วยการทำแบบนี้) ซึ่งตรงนี้ทำให้เราเห็นว่า การทำงานสัปเหร่อได้ทำให้เจิดกลายเป็นคนที่เข้าเอาอกเข้าใจชาวบ้าน และ มีใจอยากจะช่วยเหลือผู้อื่น แม้จะไม่มีเงิน หรืออะไรก็ตามได้ชัดเจน แบบที่พ่อของเขาทำมาตลอดนั้นเอง

.

แน่นอนว่า ความน่าสนใจของพวกพิธีกรรมและเรื่องราวของงานศพทำให้เรานึกถึงหนังอย่าง นางตะเคียน ผลงานของ สายยนต์ ศรีสวัสดิ์ ผู้กำกับบ้านผีปอป ที่หยิบเอาเรื่องราวของการทำศพมาเล่าเช่นกัน ซึ่งนี่คือ หนังที่ทำให้เราเห็นการทำศพแบบจริง ๆ จังแทบจะครั้งแรกด้วยซ้ำ และ ตัวหนังเองแม้ไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่ก็มีแง่มุมที่น่าสนใจในเรื่องและขณะเดียวกันมันได้บอกเราว่า ไอ้การทำศพในหนังเรื่อง นางตะเคียนนั้นมันผิดพิธีกรรมอยู่ด้วย และ การผิดนี้เองกลายเป็นความจงใจที่นำไปสู่ความสยองขวัญของเรื่องในเวลาต่อมาอีก เช่นเดียวกับ บอก เล่า เก้าศพ ที่เป็นเรื่องราวหนังสั้น 9 เรื่องที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการเสียชีวิตของเจ้าสาวในเรื่อง และ นำไปสู่ความสยองขวัญแน่นอนว่า หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจคือ ฉากแต่งงานกับศพของเพื่อนเจ้าบ่าวที่เคยแอบรักเจ้าสาวแต่ไม่สมหวัง กระนั้นเองเขาก็ยอมที่จะแต่งงานกับเธอเพื่อให้เธอสู่สุคติ ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่บอกเล่าเรื่องนี้ออกมาได้น่าสนใจในเรื่องการทำพิธีกรรมให้กับคนตายโดยคนเป็น

นางตะเคียน

 

วิจารณ์หนังผี 9-9-81 บอก-เล่า-9-ศพ

.

ขณะที่ Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ก็มีฉากงานศพของตัวละครหนึ่งในเรื่องที่จัดในภาคเหนือ และ ขณะเดียวก็นำเสนอโลกแห่งความตายได้ออกมาน่าสนใจมาก ๆ ชนิดว่า หลุดจากแนวคิดเดิมของพวกผีหรือโลกแห่งความตายของเหม เวชกร เช่นเดียวกับสัปเหร่อ

ต้องบอกว่า โลกแห่งความตายของสัปเหร่อ และ Home นั้นมีสภาพเฉพาะตัวและทำให้เห็นเส้นแบ่งของความสวย และ โลกที่ไม่จริงอย่างชัดเจน อย่าง Home เราเห็นทุ่งหญ้ากว้างที่ที่ตัวละครหนึ่งตัวกำลังเดินไปมาในทุ่งหญ้านั้น ๆ ก่อนมองเห็นดอกไม้ปลิดปลิวบินตัดไปจากอีกโลก และ สัปเหร่อ เราเห็นโลกที่เต็มไปด้วยทะเลทรายและน้ำที่เหมือนเป็นโลกของเส้นแบ่งคนเป็นและตาย ก่อนที่จะได้เห็นโลกที่เก้าอี้ลอยอยู่บนอากาศ และ มีบรรดาผู้คนใส่ชุดขาวเดินไปมา ก่อนจะจบที่โลกที่มีแสงสวยงาม บ้านที่สีประหลาด รวมทั้งน้ำตกที่ไหลย้อนกลับ อันเป็นภาพของโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

.

แนวคิดนี้เป็นสิ่งที่ต่างจากงานเก่า ๆ ของเหม เวชกรที่โลกแห่งความตายนั้นไม่มีความน่าอภิรมย์ใด มันมีแต่ความมืด ความเจ็บปวด โศกเศร้า แต่กลับกันงานของสัปเหร่อเห็นโลกวิญญาณที่ต่างออกไป มันดูสวยงาม สงบ และ อีกอย่างเป็นโลกที่เหนือจริงจนราวกับหลุดไปเลย

.

แน่นอนว่า ยกเว้นตอนท้ายที่เซี่ยงเจอใบข้าวที่น่าบ้านตัวเอง บรรยากาศของโลกนี้กลับดูมืดมน น่ากลัว และ เต็มไปด้วยมนเศร้าอย่างชัดแจ้ง ยิ่งทำให้เราแน่ใจว่า โลกแห่งความจริงมันโหดร้ายแค่ไหนและมันก็ทำให้ทั้งคู่อยู่ในสภาวะชะงักงันไปไม่เข้าไม่ออก และ นำไปสู่บทสรุปที่ใบข้าวต้องบอกให้เซียงรีบปล่อยให้เธอสักที เพราะ เวลาของทั้งคู่มันจบไปนานแล้ว มีแค่เซียงที่ต้องยอมรับความจริงให้ได้เท่านั้น

.

บักเซี่ยงกลายเป็นตัวละครที่ไม่อาจจะผู้มูฟออนไปได้จากความล้มเหลวจากความรักของตัวเอง เขาผู้ซึ่งไม่ได้มีอะไรนอกจากจมอยู่กับความเศร้าที่ทำให้เขาไม่เห็นคนเป็นในสายตาจนกลายเป็นตัวละครที่งี่เง่าไม่รู้จักโตและทำให้เรารู้สึกรำคาญขึ้นมาเพราะ สุดท้ายสิ่งเซี่ยงอยากได้คือ การมูฟออนจากความรู้สึกผิดของตัวเอง มูฟไปจากคำถามว่า ทำไมตัวเองถึงไม่สามารถยื้อเวลาตัวเองไปให้ได้มากกว่านี้ ทำไมตัวเองถึงไม่ได้รักกับผู้หญิงที่ตัวเองเช่นนี้ ซึ่งคนเขียนเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเหมือนกัน และ หากเป็นไปได้ก็อยากจะได้การบอกลาอย่างทางการเท่านั้น เหมือน ใบข้าวกลายเป็นผีร้ายหลอกหลอนคนก็เพื่อเร่งการเผาศพของตัวเองเกิดขึ้นโดยไวเพื่อจะหลุดพ้นไปสักที

.

ขณะที่ในมิวสิควีดีโอ ยื้อ นั้นเราได้เห็นว่า เจิดได้มาเจอกับสัปเหร่อศักดิ์ในโลกวิญญาณเหมือนกัน แน่นอนว่า ตัวของสัปเหร่อศักดิ์ได้พูดคุยกับลูกด้วยสีหน้าอารมณ์ดี ท่ามกลางนาเขียวขจีสวยงาม และ ตัวของเขาสวมชุดที่ลูกทำให้ด้วย

.

“มีความสุขกับปัจจุบัน มีความสุขกับสิ่งที่เจ้าเลือก มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่เด้อ มา”

.

การได้บอกลากันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปในโลกของตัวเองทั้งสัปเหร่อศักดิ์ และ เจิดเองก็ทำในสิ่งที่ตัวเองทำต่อไป

.

ฉากที่เจิดบอกลารูปถ่ายของพ่อตัวเองจึงเป็นบทสรุปที่ชัดเจนมาถึงการก้าวเดินต่อไปของเจิด ขณะที่เซี่ยงเองก็เริ่มต้นใหม่ด้วยการมูฟออนจากใบข้าวไปให้ความสำคัญกับยาย และ ปริมที่เข้ามาดูแลตัวเองต่อไป เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในจักรวาลไทบ้านอย่าง จาลอด ครูแก้ว ป่อง หมอแจ็ค หมอปลาวาฬ บักมืด น้องแก้ม และคนอื่น ๆ รวมทั้งหมู่บ้านนี้ที่เดินหน้าต่อไปหลังการหลอกหลอนของผีใบข้าวจบลง

.

ชีวิตยังคงเดินต่อไป

.

หนังสัปเหร่อมันไม่ใช่หนังผีหลอกสุดหลอนอะไร แต่มันคือ หนังว่าด้วยชีวิต หนังที่พูดถึงความตายได้อย่างสวยงาม และ น่าค้นหาอย่างยิ่ง หลายคนเปรียบมันคือ Departure ของญี่ปุ่นด้วยซ้ำ แต่เอาจริงทั้งสองเรื่องมีสัจธรรมเดียวกันว่า ด้วยชีวิต ความตาย และ เรื่องราวของคนเป็นที่ใช้ชีวิตด้วยความรัก ความห่วงใยครอบครัว เผชิญหน้าโลกอย่างเต็มที่ก่อนจะลาลับกันต่อไป

นี่ละ ความเป็นมนุษย์

 

บล็อกของ Mister American

Mister American
ปี 2515 ณ หมู่บ้านห่างไกลผู้คนในจังหวัดกาญจนบุรี แย้ม เด็กสาวผู้เคยป่วยหนักจนเกือบตายได้มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เธอเริ่มพูดจาด้วยคำหยาบคายกับคนในครอบครัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เริ่มโกหกและยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกัน รวมทั้งลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อนกินของสดทำให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ หยาด เกิดความสงสัยขึ
Mister American
สัปเหร่อ : คนตายคือ ครู และ คนอยู่คือ นักเรียน           “ความตาย...มันฆ่าเฮาได้แค่ครั้งเดียว แต่ความฮัก มันฆ่าเฉาไปเรื่อยๆๆ จนกว่าเฮาสิตายพุ่นเด้”บักมืด 
Mister American
                ระหว่างที่เขียนต้นฉบับบทความนี้อยู่นั้น การโหวตประธานรัฐสภาและรองประธานสองคนการประชุมสภาวันแรกได้จบลงแล้ว และ ผลคือ คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาคนใหม่ ร่วมกับ รองประธานสภาสองท่านจากพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อ
Mister American
            คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดในซีซั่นนี้ที่เรียกว่า สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบรรดาคนดูอนิเมชั่น และ คนดูหนังหลายคนได้เท่ากับ อนิเมชั่นซีรีย์เรื่อง Oshi no Ko หรือ ชื่อไทยว่า เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ผลงานดัดแปลงจากมังงะขายดีของ อากะ อาคาซากะ ที่ได้ฤกษ์ออกฉายไปเมื่อ
Mister American
                "พรมนิ้วลงไป หวังให้อัสนีกึกก้องด้วยละอองแสง                   กระหน่ำตีเข้าไปให้ถึงปลายทางของความเจ็บปวด
Mister American
                พอ Hellraiser ภาคใหม่จะลงฉายใน Hulu กันในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ (ซึ่งไทยจะได้ดูกันใน Disney Plus) นับว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของพินเฮดและเหล่าซีโนไบร์ต หนึ่งในไอค่อนของโลกสยองขวัญที่โด่งดังไม่แพ้ เฟรดดี้ ครูเกอร์ แห่ง Nightmare of elm street , เ
Mister American
พึ่งจบกันไปหมาด ๆ สำหรับอนิเมชั่นเรื่องดังประจำซีซั่นนี้อย่าง Lycoris  Recoli จากค่าย A-1 Picture ที่นอกจากจะเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายจนแซงหน้าบรรดาอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ไปแบบไม่มีกังขา โดผลโหวตจากสำนักอนิเมชั่นต่าง ๆ โหวตให้เรื่องนี้อยู่
Mister American
“ทำไมถึงไม่มีหนังสัตว์ประหลาดไทยดี ๆ ออกมาสักทีวะ ?”
Mister American
คงไม่ต้องบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ หลาย ๆ คนคงให้ความสนใจกับการชุมนุมของบรรดาหนุ่มสาววัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขับไล่เผด็จการ และ เปลี่ยนแปลงประเทศใหม่ กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปรากฏการณ์ของการชุมนุมที่เกิ
Mister American
               “จูออน คือ คำสาปของผู้ที่ตายด้วยความเคียดแค้น ณ สถานที่ที่ตาย ผู้ที่เผชิญหน้ากับมันจะต้องตาย และ คำสาปแช่งใหม่จะถือกำเนิด”
Mister American
“เสียงปืนที่ดังขึ้นภายในงานเลี้ยงของกำนันผู้มีอิทธิพลในจังหวัดเชียงรายดังขึ้น ร่างของกำนันคนดังล้มลงกองกับพื้น หลังจากพึ่งรับตำแหน่งได้ไม่นาน เสียงหวีดร้องของผู้คนในงาน เสียงร่ำไห้ และ ความตื่นตะลึงเกิดขึ้น มือปืนยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของศพที่แน่นิ่งจมกองเลือดอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ ข