Skip to main content

 

          มีข้อสอบข้อหนึ่งในวิชาหนึ่งได้เขียนโจทย์ไว้ว่า ท่านเชื่อในเรื่องเล่าใดมากกว่ากัน 
 
         ระหว่าง
 
          1. เรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่รอนแรมอยู่กลางทะเลหลังจากเรือที่โดยสารมากับครอบครัวล่มเพราะ พายุ โดยที่เรือชูชีพของเขานั้นมีตัวเขา ลิงอุรังอุตัง ไฮยีน่า และ ม้าลายขาเจ็บ และเสือตนหนึ่งที่ต้องล่องเรือไปกว่าสองร้อยวันจนกระทั่งมาถึงฝั่ง
 
          2. เรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่รอนแรมอยู่เพียงลำพังกลางทะเลหลังจากเรือโดยสารมากับครอบครัวล่มเพราะ พายุ โดยที่เรือชูชีพของเขานั้นมีตัวเขา แม่ ชายชาวเอเชีย พ่อครัวอยู่บนนั้น แต่ทุกคนตายหมดจนเหลือเพียงเขารอดมาคนเดียว
 
          คุณจะเชื่อเรื่องราวใดกัน
 
 
          สิ่งที่ผมเขียนมานั่นคือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเด็กชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า พาย พาเทล เด็กชายชาวอินเดียที่รอดชีวิตจากเรือล่มระหว่างที่เขากำลังเดินทางมายังแคนาดาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เรื่องราวของเขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักหนังสือพิมพ์หนุ่มเดินทางมาพบเขาเพื่อนำเรื่องราวของเขาไปเขียนหนังสือและได้พบว่า นี่เป็นเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเรื่องเล่าใด ๆ ที่เขาเคยฟังมาเสียอีก
 
 
           นี่คือ เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Life of Pi ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับชาวไตหวันนามว่า อัง ลี ที่สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ขึ้นบนโลกหน้าจอด้วยเรื่องราวที่แสนน่าค้นหาและลึกลับบวกกับงานด้านภาพที่งดงามราวกับอวตารเรื่องที่สองได้ทำให้ภาพยนตร์ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ทว่าแม้ว่าจะไม่ชนะรางวัลนี้ แต่อังลีก็ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมตัวที่สองของเขาไปอีกครั้งหลังจากที่เขาเคยได้รับมันจากภาพยนตร์เรื่อง Brokeback Mountains เมื่อหลายปีก่อนมาแล้ว การได้ครั้งนี้ได้ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังพอ ๆ กับต้นฉบับของหนังอย่าง นิยายของ ยาน มาร์เทลล กลับมาเป็นที่สนใจของใครหลายคนอีกครั้งโดยเฉพาะในเมืองไทยที่นิยายเรื่องนี้ขายติดอันดับหนังสือตามร้านหนังสือต่าง ๆ ไปแล้ว
 
           สำหรับผมแล้ว ถ้าผมเป็นกรรมการออสการ์ผมคงมอบรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมให้หนังเรื่องนี้ไปแล้ว
 
            เหตุผลล่ะ คงเพราะ ผมคิดว่า นี่เป็นหนังที่ให้เราได้คิดทิ้งเชื้อบางอย่างเอาไว้ทำให้เราได้ฉุกใจว่า นี่ไม่ใช่หนังที่ให้เราดูเพื่อความบันเทิงอย่างเดียวเท่านั้น
นี่เองที่ทำให้หลายคนที่เข้าไปดูต่างบอกว่า งง และไม่เข้าใจสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อเท่าไหร่นัก ซึ่งนี่คือสิ่งที่หนังต้องการจะให้เราคิดว่า เขาอยากจะบอกอะไรเรากันแน่
 
            และนั้นคือ การตั้งคำถาม
 
 
           หนังพูดถึงการตั้งคำถามต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ดั่งเช่นที่ พายได้ทำ ในเรื่องนั้นเราได้รู้ว่า พายนั้นสงสัยมาโดยตลอดว่า คนเราจะสามารถนับถือศาสนาสามศาสนาพร้อมกันได้หรือไม่ เมื่อมีคนถามว่า เขาทำแบบนั้นทำไม พายก็บอกว่า เขาแค่อยากนับถือพระเจ้าของเขาเท่านั้น แม้ว่าครอบครัวจะบอกว่า เขาทำแบบนั้นไม่ได้ พายก็จะตอบกลับไปว่า
 
            ทำไม
 
            หรือคำว่า Why ในภาษาอังกฤษนั้นคือ คำที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลกใบนี้ เพราะถ้าไม่มีคำนี้ก็คงไม่มีวิทยาศาสตร์ขึ้นบนโลกเช่นกัน จุดเริ่มต้นของการค้นพบนั้นมักจะเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์นั้นสงสัย อย่างเช่นที่ นิวตันสงสัยว่า ทำไมแอ๊ปเปิ้ลถึงตกลงมาบนพื้นแทนที่จะลอยไปในอากาศ นั้นเองที่เขาได้ค้นพบสิ่งที่เรียกว่า แรงโน้มถ่วง หรือ นักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ที่ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ อาทิ ทำไมเราถึงเดินเรือไปรอบโลกได้โดยไม่ตกทะเล คนเราสามารถบินบนฟ้าได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้ได้จากคำว่า why นั้นเอง
 
           และนี่เองที่พายได้เป็นหนึ่งในการค้นหาว่า ทำไมคนเราไม่สามารถนับถือศาสนาสามศาสนาในพร้อมกันได้ เช่นเดียวกับการตั้งคำถามว่า
 
            พระเจ้ามีจริงหรือไม่
 
 
            เรื่องเล่าทั้งสองเรื่องนั้นมีเรื่องราวที่คล้ายคลึงกัน แต่มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป ดั่งเช่นที่พายถามคนที่ฟังเรื่องของเขาเสมอว่า คุณเชื่อเรื่องที่มีเสือหรือไม่มี
ถ้าคุณเชื่อเรื่องมีเสือ มันจะเป็นเรื่องราวการผจญภัยของเด็กชายคนหนึ่งที่ต้องรวมทางไปกับสัตว์ร้ายที่อยู่บนเรือของเขาและต้องรวมทางกันมันไปตลอดทาง ในขณะที่จิตใจของเขาก็พัฒนาขึ้น ๆ พร้อม ๆ กับที่ศรัทธาในพระเจ้าของเขาก็เริ่มเพิ่มพูนมากขึ้นจนกระทั่งมาถึงปลายทาง
 
            แต่ถ้าคุณเชื่อเรื่องที่ไม่มีเสือ มันจะเป็นเรื่องราวของการสูญสิ้นศรัทธาของเด็กชายคนหนึ่งที่ต้องพบเรื่องราวเลวร้ายสุดจะบรรยาย ทั้งการที่เขาต้องเห็นครอบครัวตายไปต่อหน้าต่อตา เห็นการฆ่าคนต่อหน้าโดยที่ทำอะไรไม่ได้ และที่สำคัญตัวเองได้เห็นแม่ถูกฆ่าแบบที่ตัวเองไม่อาจจะทำอะไรได้ และนั้นเองที่เขาได้ฆ่าพ่อครัวคนที่ฆ่าแม่ของเขาและอยู่บนทะเลเพียงลำพัง
 
            ดังนั้นเราจะพูดได้ว่า เรื่องเล่าทั้งสองเรื่องนี้ต่างมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน พายเล่าเรื่องของเสือเพื่อปกปิดบาดแผลในใจของตัวเองที่เกิดขึ้นเพราะ สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวและเขาเองนี่ล่ะคือ ริชาร์ด พาร์คเกอร์ 
 
 
           เขาคือเสือตัวนั้น 
 
           หรือในนัยยะอีกอย่างก็คือ พายเล่าเรื่องหลังก็เพราะถูกคาดคั้นจากคนตรวจสอบของญี่ปุ่นที่ไม่เชื่อเรื่องเล่าของเขาเลยต้องแต่งเรื่องขึ้นมาก็เป็นได้
 
           นั้นทำให้เราไม่สามารถเชื่อเรื่องเล่าใดของเขาได้เลย เพราะ เอาจริงแล้ว มันเป็นเรื่องเล่าที่มีจุดบอดหลายอย่างอยู่เหมือนกันและอีกอย่างไม่มีใครที่รู้ว่า อะไรคือเรื่องจริงนอกจากพายที่เล่าเรื่องพวกนี้แล้วถามย้อนไปว่า
 
           คุณเชื่อในเรื่องไหนกันแน่
 
           ที่นี่มันจะย้อนกลับไปว่า ถ้าคุณเชื่อในพระเจ้า คุณก็เชื่อในเรื่องแรก แต่ถ้าไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า มันก็ย้อนในเรื่องสองแทน
  
            นี่เองคือ อานุภาพของสิ่งที่เรียกว่า เรื่องเล่าที่เพียงแค่ดัดแปลงเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปลี่ยนจุดประสงค์และความหมายของมันได้หมดสิ้น
 
            ที่นี่ผมได้นึกย้อนไปยังสังคมของไทยว่า เรามีเรื่องของเล่าของพาย พาเทล อยู่มากมาย เราได้รับข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นมากมายเหลือเกินจากทั้งโทรทัศน์หรืออินเตอร์เน็ตที่ทำให้เราสามารถเข้าได้ถึงข้อมูลข่าวสารได้เร็วมากขึ้น แต่ขณะเดียวกับเราก็ไม่อาจจะแน่ใจได้ว่า สิ่งที่เราได้รับนั้นเป็นจริงหรือไม่
 
             สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารในตอนนี้คือ การใช้สติให้มากที่สุดก่อนจะเชื่ออะไรสักอย่าง
 
             ดั่งเรื่องราวของพาย พาเทล
 
             เรื่องที่มีเสือและไม่มีเสือ
 
             เรื่องใดโกหก เรื่องใดเรื่องจริง ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว
 
             มันอยู่ที่คุณจะเชื่่อเรื่องไหนมากกว่า 

บล็อกของ Mister American

Mister American
ปี 2515 ณ หมู่บ้านห่างไกลผู้คนในจังหวัดกาญจนบุรี แย้ม เด็กสาวผู้เคยป่วยหนักจนเกือบตายได้มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เธอเริ่มพูดจาด้วยคำหยาบคายกับคนในครอบครัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เริ่มโกหกและยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกัน รวมทั้งลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อนกินของสดทำให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ หยาด เกิดความสงสัยขึ
Mister American
สัปเหร่อ : คนตายคือ ครู และ คนอยู่คือ นักเรียน           “ความตาย...มันฆ่าเฮาได้แค่ครั้งเดียว แต่ความฮัก มันฆ่าเฉาไปเรื่อยๆๆ จนกว่าเฮาสิตายพุ่นเด้”บักมืด 
Mister American
                ระหว่างที่เขียนต้นฉบับบทความนี้อยู่นั้น การโหวตประธานรัฐสภาและรองประธานสองคนการประชุมสภาวันแรกได้จบลงแล้ว และ ผลคือ คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาคนใหม่ ร่วมกับ รองประธานสภาสองท่านจากพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อ
Mister American
            คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดในซีซั่นนี้ที่เรียกว่า สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบรรดาคนดูอนิเมชั่น และ คนดูหนังหลายคนได้เท่ากับ อนิเมชั่นซีรีย์เรื่อง Oshi no Ko หรือ ชื่อไทยว่า เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ผลงานดัดแปลงจากมังงะขายดีของ อากะ อาคาซากะ ที่ได้ฤกษ์ออกฉายไปเมื่อ
Mister American
                "พรมนิ้วลงไป หวังให้อัสนีกึกก้องด้วยละอองแสง                   กระหน่ำตีเข้าไปให้ถึงปลายทางของความเจ็บปวด
Mister American
                พอ Hellraiser ภาคใหม่จะลงฉายใน Hulu กันในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ (ซึ่งไทยจะได้ดูกันใน Disney Plus) นับว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของพินเฮดและเหล่าซีโนไบร์ต หนึ่งในไอค่อนของโลกสยองขวัญที่โด่งดังไม่แพ้ เฟรดดี้ ครูเกอร์ แห่ง Nightmare of elm street , เ
Mister American
พึ่งจบกันไปหมาด ๆ สำหรับอนิเมชั่นเรื่องดังประจำซีซั่นนี้อย่าง Lycoris  Recoli จากค่าย A-1 Picture ที่นอกจากจะเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายจนแซงหน้าบรรดาอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ไปแบบไม่มีกังขา โดผลโหวตจากสำนักอนิเมชั่นต่าง ๆ โหวตให้เรื่องนี้อยู่
Mister American
“ทำไมถึงไม่มีหนังสัตว์ประหลาดไทยดี ๆ ออกมาสักทีวะ ?”
Mister American
คงไม่ต้องบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ หลาย ๆ คนคงให้ความสนใจกับการชุมนุมของบรรดาหนุ่มสาววัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขับไล่เผด็จการ และ เปลี่ยนแปลงประเทศใหม่ กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปรากฏการณ์ของการชุมนุมที่เกิ