Skip to main content

          ตอนเป็นเด็กเคยสงสัยกันไหมครับว่า ทำไมโลกใบนี้ถึงไม่มีอุลตร้าแมน ?

          เด็ก ๆ หลายคนต่างก็เคยสงสัยหลังจากดูทีวีทำไม โลกนี้ถึงได้วุ่นวายนัก ทำไมถึงมีสงคราม ทำไมถึงมีภัยธรรมชาติ ทำไมถึงมีวิกกฤตต่าง ๆ ถ้วนหน้า แต่ไม่มียอดมนุษย์คนไหนมาช่วยเลย หลายคนถึงกับเอียงคอสงสัยว่า ถ้าโลกใบนี้เกิดมีสัตว์ประหลาดยักษ์ขึ้นมาจริง ๆ ใครกันหน่อจะช่วยเราได้

          เมื่ออสูรขึ้นมาจากท้องทะเล เราจึงสร้างปีศาจของเราขึ้นมา

          นั่นคือสิ่งที่เป็นคำตอบจากภาพยนตร์เรื่อง Pacific Rim ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดจากผู้กำกับชาวเม็กซิโกอย่าง กิเยอร์โม เดอเตลโร่ที่สรรสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาเป็นเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ประหลาดยักษ์ที่เรียกว่า ไคจู ตามภาษาญี่ปุ่นอันแปลว่า สัตว์ประหลาดยักษ์ แน่นอนว่ามนุษย์ไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ส่งผลให้ต้องสร้างหุ่นยนต์ยักษ์ที่มีชื่อว่า เยเกอร์ ตามภาษาเยอรมันไปสู้กับพวกมัน แรกเริ่มพวกมนุษย์ก็กำลังจะได้รับชัยชนะอยู่แล้ว แต่ทว่าพวกสัตว์ประหลาดก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนหุ่นจำนวนมากเริ่มพังและพ่ายแพ้ส่งผลให้เหลือเยเกอร์ที่ใช้ได้ไม่กี่ตัว และมนุษย์ก็เหลือความหวังสุดท้ายเพียงแค่การระเบิดประตูมิติใต้มหาสมุทรของเราเท่านั้นกับหุ่นอีกสี่ตัวสุดท้าย

          แน่นอนว่า โครงเรื่องหนังอาจจะดูง่ายดายไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก แต่สิ่งที่เราเห็นก็คือ การนำสิ่งที่หนังประเภทก๊อตซิลล่า อุลตร้าแมน หรือ ขบวนการฮีโร่ห้าสีมาตีความใหม่ได้อย่างน่าสนใจและใส่ความจริงจังลงไปด้วยนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ทำให้หนังเรื่องสะท้อนภาพของมนุษย์ในยุควิกกฤตได้น่าสนใจยิ่ง

1.     ไคจู ภาพสะท้อนความกลัวต่อธรรมชาติของมนุษย์

          ไคจูคือสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลกแต่ทว่ามันผ่านประตูมิติเข้ามาจากใต้สมุทรโดยเกิดจากการสร้างของพวกต่างดาวที่ต้องการโลกเป็นที่อยู่อาศัยของมัน การมาของไคจูนั่นทำให้เรามองเห็นภาพของโลกในยุคอนาคตที่เกิดขึ้นว่าเป็นโลกที่ทรัพยากรธรรมชาติของมนุษย์กำลังเสื่อมถอยอย่างขีดสุด บรรยากาศของโลกแย่มากกว่าในปัจจุบันเสียอีก อันเป็นผลต่อเนื่องจากมนุษย์ที่ทำลายธรรมชาติและล้างผลาญทุกสิ่งเอง ซึ่งทำให้พวกไคจูชอบโลกในตรงนี้มาก หลังจากเคยมาที่โลกเราตั้งแต่สมัยของไดโนเสาร์แล้ว แต่พวกมันไม่สามารถอยู่ได้เพราะ อากาศบริสุทธิ์ไม่เหมาะกับพวกมันส่งผลให้พวกมันรอเวลากระทั่งโลกถูกทำลายโดยมนุษย์พวกมันจึงกลับมา (ซึ่งตรงนี้จะกลับกันกับหนังเรื่อง War of the world ของสปีลเบิร์กที่บอกว่า สิ่งแวดล้อมแบบนี้พวกต่างดาวไม่สามารถอยู่ได้ แต่มนุษย์อยู่ได้)

          แน่นอนว่าตรงนี้เรามองเห็นว่า ไคจูเปรียบเสมือนตัวแทนของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น ๆ หลายครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมานี้ทั้ง คลื่นยักษ์สึนามิ พายุเฮอร์ริเคน อุทกภัย แผ่นดินไหวและอื่น ๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ พวกนี้มีผลมาจากปรากฏการณ์เรือนกระจก เอลนิโย่ และอื่น ๆ ที่มนุษย์นั่นเป็นคนเริ่มวิกกฤตนั่นขึ้นมาเอง นั่นทำให้โลกมันผิดเพี้ยนจนเกิดภัยพิบัติพวกนั้น แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นย่อมไม่ได้ต่างไปจากการโดนไคจูประเภทต่าง ๆ ถล่มเท่าไหร่นัก (ยิ่งหลังภัยพิบัติผ่านไป สภาพความเสียหายยิ่งทำให้เราสามารถใส่พวกไคจูลงไปได้อย่างไม่ขัดเขิน) ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลังจากการโจมตีของไคจูนั่นจะมีพวกลัทธิบ้าบอคลั่งศาสนาเกิดขึ้นเพราะ คิดว่า ไคจูเป็นสิ่งสวรรค์สร้างมาเพื่อลงโทษพวกเขา ดังนั้นไคจูจึงมีความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เกินกว่าใครจะต้านได้ อันเป็นสัญลักษณ์แทนธรรมชาติที่ดูแล้วไม่น่าจะมีวันเอาชนะได้

2.     กำแพง ภาพของมนุษย์ผู้ยอมจำนน ?

          แน่นอนว่า เยเกอร์ถูกสร้างมาเพื่อแทนภาพของมนุษย์ที่ต้องการต่อสู้เอาชนะธรรมชาติแล้วกำแพงที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากเยเกอร์พ่ายแพ้ล่ะ มันพูดเรื่องอะไรได้บ้างคำตอบก็คือ มันคือภาพของมนุษย์ผู้ยอมพ่ายแพ้ต่อธรรมชาตินั่นเอง

           เดิม กำแพงนั่นคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้บางอย่างเข้ามาในเขตหรือ เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบอกอาณาเขตว่า ที่นี่คือที่ของใคร ซึ่งนี่คือหน้าที่ที่เป็นหลักของกำแพง แต่ว่า Pacific Rim กำแพงคือ สัญลักษณ์ที่บอกว่า มนุษย์กำลังกลัวต่อธรรมชาติ และโดยเฉพาะพวกคนมีเงินหรือนักการเมืองนี่ล่ะที่เลือกสร้างมันขึ้นมา

           เพราะพวกเขากลัวนั่นเอง

           แน่นอนว่าการสร้างกำแพงเพื่อป้องกันบางอย่างมีขึ้นมานานแล้วในโลกภาพยนตร์ เห็นชัดที่สุดคือเรื่อง Land of the dead ของจอร์จ เอ โรเมโร่ ที่บอกเล่ามนุษย์ที่สร้างกำแพงขึ้นป้องกันไม่ให้ซอมบี้เข้าไปภายใน แน่นอนว่า ด้านในของกำแพงนั่นถูกสร้างขึ้นโดยยังคงแบ่งชนชั้นวรรณะกันเช่นเดิม คนจนต้องอยู่ใกล้กับกำแพง ใกล้กับอันตราย ขณะที่นักการเมืองและคนรวยทั้งหลายอาศัยกันอยู่ในตึกสูงสุดหรูและใช้ชีวิตกันอย่างฟุ่มเฟือยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่คนจนต้องนั่งหวาดระแวงว่า กำแพงที่ว่าจะถูกทำลายเมื่อไหร่

           กระทั่งวันหนึ่งกำแพงถูกทำลาย

            ทุกอย่างจึงพินาศไปตาม ๆ กัน

            แน่นอนว่า Pacific Rim ได้รับอิทธิพลมาจากหนังเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยอย่างน้อยก็ไอเดียการสร้างกำแพงนี้ที่เรานั่งชมก็ต้องส่ายหัวว่า มันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีแน่ หนำซ้ำยังอาจจะแย่ด้วย และก็เป็นอย่างที่เห็นจริง ๆ เพราะไม่กี่นาทีต่อมา กำแพงกั่นที่ออสเตรเลียก็พังทลายลงอย่างง่ายดาย ก่อนที่เยเกอร์ของออสเตรเลียที่อยู่ที่นั่นพอดีจะจัดการเล่นงานไคจูนั่นได้พร้อมกับการที่ประชาชนทั่วโลกหันมาถามรัฐบาลของพวกเขาว่า

            กำแพงที่สร้างนั่นมันได้ผลจริง ๆ หรือ

           คำตอบของรัฐบาลก็คือ ไม่ยอมตอบอะไรนอกจากยังยืนยันว่า กำแพงใช้ได้ผล (กะผีดิ)  และจากไปพร้อมกับไม่ยอมตอบอะไรเลย นี่สะท้อนให้เห็นว่า กำแพงที่พวกเขาคิดว่า จะป้องกันได้ก็ไม่อาจจะปกป้องพวกเขาได้เลยอันเป็นผลมาจากธรรมชาติหรือไคจูแข็งแกร่งเกินไป ?

          หรือเพราะมนุษย์มีผู้นำที่สนใจแค่ความปลอดภัยของพวกตัวเอง (คนรวย) มากกว่าประชาชนกันแน่

3.     เยเกอร์ เมื่อมนุษย์คิดต่อต้านธรรมชาติ

          เมื่อไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยกำแพงทำให้ความหวังสุดท้ายย้อนกลับมาที่หุ่นเยเกอร์สี่ตัวสุดท้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากหุ่นทั้งหมดนี้พ่ายแพ้มนุษย์ก็จบสิ้นเหมือนกัน เยเกอร์จึงเป็นการท้าทายธรรมชาติแบบเดียวกับที่ครั้งหนึ่งมนุษย์เคยสร้างเรือออกแล่นรอบโลกและพิสูจน์ว่า โลกใบนี้แบนอย่างที่คนเคยคิดมาก่อน หรือกระทั่งการสร้างเครื่องบินจนลอยบนฟ้าลบคำสบประมาทว่า คนบินไม่ได้

          เมื่อมีอุปสรรค นิสัยของมนุษย์นั้นไม่ใช่การซ่อนตัวอยู่ในกำแพงแต่เป็นการเดินฝ่ามันออกไปต่างหาก

          ดังนั้นเยเกอร์จึงมีภาพสะท้อนการให้กำลังใจคนว่า

          ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้

           ก่อนหน้าจะมีเยเกอร์ เราเคยฟังเทพนิยายปรัมปราต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตำนานของวีรบุรุษคนหนึ่งที่ขี่ม้าบินออกไปต่อสู้กับอสูรเมดูซ่าที่เพียงแค่มองตาก็กลายเป็นหินอย่างเพอร์ซีอุสและเดินทางมาเผชิญหน้ากับอสูรยักษ์ที่ไม่มีใครเอาชนะได้อย่าง คราเคน มาแล้ว เทพนิยายปรัมปราเรื่องนี้ได้สอนให้เรารู้ว่า มนุษย์สามารถทำได้ทุกอย่างกระทั่งเอาชนะธรรมชาติได้

           แน่นอนว่า มนุษย์ในเรื่องนี้โดยเฉพาะที่เยเกอร์นั่นถูกสร้างให้เห็นว่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกกัน หรือมีปัญหากัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถรวมตัวกันได้เพื่อจะเอาชนะธรรมชาติ ซึ่งตรงนี้เองที่เรานึกย้อนไปยังหนังสัตว์ประหลาดญี่ปุ่น หนังอุลตร้าแมน หรือ หนังขบวนการห้าสีทั้งหลาย ซึ่งมี Theme แบบเดียวกันที่พูดถึงสังคมที่มนุษย์ทุกฝ่ายไม่ว่าจะชาติใดต่างหันมาร่วมมือร่วมใจโดยไม่มีเชื้อชาติ เพศ หรือ สีผิว

           เราจึงได้เห็นชาติอย่าง จีน เยอรมัน ออสเตรเลีย อเมริกา ญี่ปุ่น มาร่วมมือกันต่อสู้กับพวกไคจูกันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่มีอคติใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งนั่นย่อมบอกเราว่า ในโลกที่แสนเลวร้ายนี้ก็มีความน่ายินดีอยู่บ้างเหมือนกัน

4.     ทำไมมนุษย์ถึงไม่ต้องการอุลตร้าแมน

          แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังจะสามารถทำให้หลายคนมานั่งคิดว่า จะต้องมีใครมาช่วยแน่ หลายคนอาจจะภาวนาให้มนุษย์ต่างดาวจากดาวเคราะห์ M78 โผล่มาด้วยซ้ำไป แต่ทว่าหนังเรื่องนี้กลับบอกเราว่า สิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่การหวังพึ่งใครก็ไม่รู้เข้ามาช่วยเรา

          แต่เราต้องช่วยตัวเองต่างหาก

          จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างของหนังก็คือ การที่เดล เตลโร่ เล่าเรื่องนี้ด้วยสายตาของคนเป็นเด็กที่กำลังลิงโลดกับของเล่นใหม่ ด้วยเหตุนี้ความลึกตื้นของตัวละครในเรื่่องจึงไม่มีความสำคัญใด ๆ เพราะ ในโลกของเขานี้คือ ภาพเดียวกับที่เราสมัยเด็ก ๆ เคยคิดว่า โลกใบนี้มีเพียงสีขาวและดำก็เท่านั้น

         จึงไม่แปลกที่ตัวละครในหนังของเขาต้องมีเด็กไปเกี่ยวข้องเสมอ 

          ดังนั้น Pacific Rim จึงเป็นภาพสะท้อนของผู้กำกับและคนดูจำนวนมากที่อยากจะเห็นโลกใบนี้สงบสุข ผู้คนรักใคร่กัน จับมือร่วมมือกันฝ่าฝันวิกกฤตไปด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นในหนังแนวสัตว์ประหลาดหรือฮีโร่ญี่ปุ่นพวกนี้อยู่แล้ว

         ฉะนั้นโลกในหนังเรื่องจึงเป็นโลกในฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

 

 

ติดตามบทความวิจารณ์ รีวิว ภาพยนตร์ใหม่ ๆ เก่า ๆ และแนวสยองขวัญได้ที่  แฟนเพจ จิบชารับลมกับมิสเตอร์ อเมริกัน ครับ

https://www.facebook.com/amarica2029

บล็อกของ Mister American

Mister American
ปี 2515 ณ หมู่บ้านห่างไกลผู้คนในจังหวัดกาญจนบุรี แย้ม เด็กสาวผู้เคยป่วยหนักจนเกือบตายได้มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เธอเริ่มพูดจาด้วยคำหยาบคายกับคนในครอบครัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เริ่มโกหกและยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกัน รวมทั้งลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อนกินของสดทำให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ หยาด เกิดความสงสัยขึ
Mister American
สัปเหร่อ : คนตายคือ ครู และ คนอยู่คือ นักเรียน           “ความตาย...มันฆ่าเฮาได้แค่ครั้งเดียว แต่ความฮัก มันฆ่าเฉาไปเรื่อยๆๆ จนกว่าเฮาสิตายพุ่นเด้”บักมืด 
Mister American
                ระหว่างที่เขียนต้นฉบับบทความนี้อยู่นั้น การโหวตประธานรัฐสภาและรองประธานสองคนการประชุมสภาวันแรกได้จบลงแล้ว และ ผลคือ คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาคนใหม่ ร่วมกับ รองประธานสภาสองท่านจากพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อ
Mister American
            คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดในซีซั่นนี้ที่เรียกว่า สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบรรดาคนดูอนิเมชั่น และ คนดูหนังหลายคนได้เท่ากับ อนิเมชั่นซีรีย์เรื่อง Oshi no Ko หรือ ชื่อไทยว่า เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ผลงานดัดแปลงจากมังงะขายดีของ อากะ อาคาซากะ ที่ได้ฤกษ์ออกฉายไปเมื่อ
Mister American
                "พรมนิ้วลงไป หวังให้อัสนีกึกก้องด้วยละอองแสง                   กระหน่ำตีเข้าไปให้ถึงปลายทางของความเจ็บปวด
Mister American
                พอ Hellraiser ภาคใหม่จะลงฉายใน Hulu กันในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ (ซึ่งไทยจะได้ดูกันใน Disney Plus) นับว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของพินเฮดและเหล่าซีโนไบร์ต หนึ่งในไอค่อนของโลกสยองขวัญที่โด่งดังไม่แพ้ เฟรดดี้ ครูเกอร์ แห่ง Nightmare of elm street , เ
Mister American
พึ่งจบกันไปหมาด ๆ สำหรับอนิเมชั่นเรื่องดังประจำซีซั่นนี้อย่าง Lycoris  Recoli จากค่าย A-1 Picture ที่นอกจากจะเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายจนแซงหน้าบรรดาอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ไปแบบไม่มีกังขา โดผลโหวตจากสำนักอนิเมชั่นต่าง ๆ โหวตให้เรื่องนี้อยู่
Mister American
“ทำไมถึงไม่มีหนังสัตว์ประหลาดไทยดี ๆ ออกมาสักทีวะ ?”
Mister American
คงไม่ต้องบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ หลาย ๆ คนคงให้ความสนใจกับการชุมนุมของบรรดาหนุ่มสาววัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขับไล่เผด็จการ และ เปลี่ยนแปลงประเทศใหม่ กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปรากฏการณ์ของการชุมนุมที่เกิ