ใกล้งานหนังสือฤดูหนาวอีกแล้วนะครับ
เรียกว่าเผลอแปบ ๆ ก็มีงานหนังสือมาให้หนอนหนังสือได้จับจ่ายใช้สอยกันซื้อตุนหนังสือเอาไว้กันอีกแล้ว ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็เป็นช่วงที่สำนักพิมพ์ต่าง ๆ จะทำยอดขายกันให้ทะลุกันในช่วงนี้นี่ล่ะครับ
ทว่าไม่ทันไรนายกสมาคมสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดหน่ายหนังสือในประเทศก็ออกมาพูดว่า ปีนี้ยอดขายหนังสือในปีนี้จะต่ำลงกว่าปีที่แล้ว แน่นอนว่า การพูดเช่นนี้ทำให้ผมสนใจว่า นายกสมาคมคงไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนังสือประเภทหนึ่งที่กำลังมาแรงและเป็นที่สนใจของใครหลายคนรวมทั้งสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ให้กระโจนเข้ามาในธุรกิจนี้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน
จนกลายเป็นประเภทหนังสือที่มียอดขายสูงสวนทางกับหนังสืออื่น ๆ อย่างยิ่ง
และหลายคนก็คาดการณ์กันว่า ในงานหนังสือครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่นิยายประเภท Light Novel จะสร้างความประหลาดใจกับใครหลายคนอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากครั้งก่อนผมได้นำเสนอบทความ (Scoop) Light Novel 2013 : สมรภูมิไลท์โนเวล สังเวียนร้อนที่พึ่งจะเริ่มต้น ไปแล้ว ตอนนั้นเราจะเห็นว่าสถานการณ์ของหนังสือนิยายแปลวัยรุ่นจากญี่ปุ่นนามว่า Light Novel พึ่งจะเป็นที่รู้จักของสังคมไทย ในขณะที่หนังสือพิมพ์และสื่อทีวีต่างประหลาดใจกับปรากฏการณ์คนจำนวนมากต่อแถวเข้าคิวกันซื้อ Light Novel เรื่อง Sword Art Online กันตั้งแต่งานยังไม่เปิดส่งผลให้มี Light Novel จำนวนมากถูกซื้อเข้ามามากมายรวมทั้งสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ก็มากขึ้นกว่าเดิมด้วย
แต่ที่ต้องตกใจอิทธิพลของ Light Novel ได้ทำให้มีสำนักพิมพ์ที่ทำ Light Novel ที่เขียนโดยคนไทยบ้างแล้ว
ดังนั้นบทความพิเศษครั้งนี้จะพาไปสำรวจตลาด Light Novel ฤดูหนาวปี 2013 ว่า ปีนี้ค่ายไหนนำ Light Novel เรื่องไหนมาบ้าง และค่ายไหนจะสร้างความสนใจให้กับสังคมไทยได้ประหลาดใจได้อีกกันแน่
Luckpim
ค่าย Light Novel อันดับหนึ่งในตอนนี้ ถ้าหากพูดถึงค่ายหนังสือที่เป็นผู้นำในวงการหนังสือ Light Novel ตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นค่ายนี้ พวกเขาเริ่มต้นจากค่ายหนังสือเล็ก ๆ มาเป็นค่ายหนังสือใหญ่ที่มีคนหนาแน่นทุกปี ซึ่งในงานหนังสือฤดูร้อนที่ผ่านมา พวกเขาได้นำ Light Novel อย่าง Date A Live กับ HighSchool DXD เข้ามา และกลายเป็นหนึ่งในผลงานขายดีของค่ายนี้ Date A Live ขายดีมากจนหมดสต๊อกไปชั่วเวลาหนึ่งเลยทีเดียว เช่นเดียวกับ High School DXD ที่แม้จะมีเล่มมาก แต่ Luckpim ก็พิมพ์หนังสือเรื่องนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง บวกกับกระแสอนิเมะภาคสองยิ่งทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจมากขึ้น
และงานนี้ Luckpim ก็ได้ประกาศรายชื่อหนังสือใหม่ที่จะออกในงานนี้ออกมา ซึ่งแน่นอนว่า Luckpim ยังคงเน้นซื้อ ไลท์โนเวลที่ยังชื่อไม่ดังมากนัก แต่มีความน่าสนใจและตีตลาดได้สูงเข้ามา โดยส่วนมากมักจะแนวสคูลไลฟ์หรือแฟนตาซีเสียส่วนมาก
จุดเด่นของ Luckpim คือโปรโมชั่นในงาน และ หนังสือที่แม้ไม่ดังมาก แต่สามารถสร้างกระแสได้ตรงจุดและจุดติดได้นาน นับว่า บ.ก. ของค่ายนี้ตาแหลมพอสมควรกับการเลือกโนเวลสักเรื่องมาแปล การแปลของค่ายนี้ก็เรียกว่า ไว้ใจได้อ่านเพลินเลยทีเดียว
Light Novel เด่น ๆ ของค่ายนี้ในงานนี้ก็ได้แก่
แอสเทอริสก์ โรงเรียนสัประยุทธ ผลงานใหม่ของ Okiura นักเขียนผู้วาดภาพประกอบนิยายเรื่อง IS หรือ Infinite Stratos ฉบับเดิม ซึ่งเป็นผลงานที่มีหลายคนจับตามองว่า จะเป็น ผลงานดังเรื่องต่อไปที่อาจจะถูกดัดแปลงอนิเมะในอนาคต ซึ่ง Luckpim ก็จัดหนักด้วยการออกสเปเชี่ยลเซ็ตของเรื่องนี้ให้ในจำนวนจำกัดในอินเตอร์เน็ตและขายดีมากจนยอดสั่งหมดไปแล้ว ยิ่งบอกถึงความนิยมของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
จอมมารสุดซ่าส์กับผู้กล้าร้านสะดวกซื้อ ไลท์โนเวลเรื่องใหม่ที่พึ่งถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะฉายในปีนี้ เรื่องราวของโลกที่ไม่มีจอมมารแล้วทำให้ผู้กล้าและลูกสาวจอมมารต้องมาทำงานด้วยกันที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในไลท์โนเวลที่น่าจะเป็นจุดขายอีกเรื่องของค่ายนี้
Blade Dance ศึกระบำดาบจอมภูต ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่อง เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่บังเอิญไปทำพันธะสัญญากับสาวน้อยพันธุ์ซึนคนหนึ่งเข้าทำให้เขาต้องกลายเป็นภูตของเธอแทน
และที่ฮือฮ่าคือ การมาของไลท์โนเวลเรื่อง So, I Can't Play H? ที่ดีกรีความร้อนแรงของเรื่องเทียบเท่ากับ Highschool DXD เลยด้วยซ้ำ
นอกจากนั้นค่ายนี้ก็มีการสอยเรื่อง เมืองจักรกล เรกิออส ไลท์โนเวลของค่าย Biss เดิมที่ปิดตัวไปแล้วมาพิมพ์ใหม่แล้วออกเล่ม 2 เป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าจะมีไลท์โนเวลเดิมของค่าย Biss เดิมถูกซื้อมาอีกอย่างแน่นอนในอนาคต
แน่นอนว่า นอกจากไลท์โนเวลเล่มต่ออย่าง HighSchool DXD เล่ม 3 , Date A Live เล่ม 2 , องค์ชายจิตป่วนและน้องเมี้ยวยิ้มยาก 2 , บันทึกกิจกรรมสมาคมคนรักเกมของผมกับอิจิโนะ 2 , สงครามจักรกล มนตรา ราตรี 5, ร้อยเรื่องเล่า ลำดับที่101 เล่ม 2 เป็นต้น
และคาดว่าในงานนี้อาจจะมีการประกาศลิขสิทธิ์ไลท์โนเวลใหม่ ๆ ที่น่าสนใจอีก ซึ่งอาจจะทำให้ใครหลายคนจับตามองว่า เราจะได้เห็นอะไรจากค่ายนี้กันอีก
A-Plus
เวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า ค่ายหนังสือเล็ก ๆ อย่าง A-Plus คือหนึ่งในจ้าวยุทธจักรของวงการไลท์โนเวลไทย เพราะนับตั้งแต่เปิดตัวสำนักพิมพ์มา ค่ายนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างยิ่งเพราะ เรียกว่า เปิดตัวไลท์โนเวลแต่ล่ะเรื่องออกมาก็สร้างความฮือฮาได้ตลอดเวลา อย่างล่าสุด to aru majutsu no index ที่แม้จะมีเล่มมากแต่ค่ายนี้ก็ปล่อยไลท์โนเวลเรื่องนี้ในปีนี้ไปถึงเล่ม 7 แล้วเรียกได้ว่า เป็นค่ายที่มีการวางหนังสืออย่างต่อเนื่องจนทำให้โนเวลหลายเรื่องจบลงไปเรียบร้อยแล้ว
และในงานหนังสือนี้ A-Plus ก็สร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการคว้าลิขสิทธิ์ไลท์โนเวลเรื่อง No Game No Life ผลงานไลท์โนเวลชื่อดังอีกเรื่องของ ยู คามิยะ ที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ ที่บอกเล่าเรื่องราวของสองพี่น้องที่เก่งเกมแบบตัวฉกาจแต่ว่า เป็นนีทและขี้เกียจอย่างยิ่ง แต่ทว่าพวกเขากลับถูกดูดไปอีกโลกหนึ่งที่ทุกอย่างตัดสินกันด้วยเกมทำให้สองพี่น้องใช้ทักษะของเกมนี่ล่ะเอาตัวรอดและช่วยเหลือโลกใบนี้ให้ได้ ซึ่งเป็น ไลท์โนเวลที่หลายคนจับตามองอย่างมากในงานนี้ว่า จะทำยอดขายและกระแสได้มากแค่ไหน
นอกจากนั้นค่ายยังสอยโนเวลเรื่องใหม่อย่าง ไอดอลไลซิ่ง! และ แม่มด มังกร มนตรา ลิเวียธาน เข้ามาด้วย
แต่ที่ทำให้แฟน ๆ หนังสือโนเวลอย่างสาว ๆ ต้องกรี้ดก็คงเป็นการคว้าเอาลิขสิทธิ์เรื่อง โชเน็น อนเมียวจิ จอมเวทปราบมาร โนเวลเรื่องเดิมของค่าย Biss ที่ปิดตัวไปแล้วมาพิมพ์ใหม่และออกต่อตั้งแต่เล่มสุดท้ายที่บลิสค้างเอาไว้ ในชื่อค่ายอย่าง G-Plus ที่เป็นโนเวลของผู้หญิงนั่นเอง
นอกจากนี้ก็มีโนเวลเล่มต่ออย่าง เจ้านี่เหรอ ซอมบี้เล่ม 5 , เลี้ยงหนูไม่ง่ายสู้ตายคะ ปะป๋า เล่ม 2 , ผ่าลิขิตโค่นบัลลังก์ เล่ม 5 , อลวานกองพลพลังเวทย์เล่ม 6 และการรีปรินท์งานของชินไค มาโคโตะใหม่ทั้งสามเล่มออกมาขายอีกครั้ง
แต่ที่เป็นไฮไลท์คงไม่พ้น เล่มต่อของอัศวินมือใหม่มังกรป้ายแดง เล่ม 7 ที่มีการขายคู่กับดราม่าซีดีหรือแผ่นซีดีที่มีเสียงพากษ์ของญี่ปุ่นคู่ด้วยกันไปด้วยพร้อมกับบทพากษ์ที่แปลแล้วกลายเป็นจุดสนใจอีกอย่างหนึ่ง
แต่ที่น่าสนใจคือ ในงานนี้ ค่ายนี้มีเซอร์ไพส์ประกาศลิขสิทธิ์ใหม่อีกหรือไม่
Zenshu
สำนักพิมพ์น้องใหม่ล่าสุดในเครือบริษัท Rose Media entertainment Group ผู้ผลิตธุรกิจ Home Video ขนาดใหญ่ของประเทศไทย ที่เป็นสำนักพิมพ์ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการนี้อย่างมากปรากฏการณ์คนจำนวนมากได้หันมาสนใจสิ่งที่เรียกว่า ไลท์โนเวล ด้วยการที่คนจำนวนมากต่อคิวซื้อนิยายเรื่อง Sword Art Online เมื่อฤดูหนาวของปี 2555 ที่ส่งผลให้วงการหนังสือเป็นช่วงตื่นทองและยุคการมาของไลท์โนเวลก็มาถึง
แน่นอนว่า Zenshu เป็นค่ายที่มีโนเวลในสังกัดมากมายและแต่ล่ะเรื่องเรียกว่า บิ๊กเนมแทบจะทั้งนั้น
กระนั้นค่ายนี้ก็เป็นค่ายที่ถูกค่อนขอดว่า เป็นค่ายที่มีการแปลหนังสือแย่ที่สุดจากหลายเสียง หลายเรื่องออกไวจนไม่มีการตรวจสอบคำผิด สำนวนและอื่น ๆ จนกลายเป็นที่ขยาดของใคร ๆ หลายคนที่จะมาซื้อหนังสือค่ายนี้กันว่า ให้ระวังไว้จะเจอการแปลของ Zenshu เข้า
กระนั้นเองค่ายนี้ก็พยายามปรับปรุงคำตินี้อย่างสุดความสามารถซึ่งต้องดูกันไปว่า เสียงติชมนั้นจะถึงหูของค่ายนี้ได้หรือไม่
แน่นอนว่า ในงานหนังสือนี้ค่ายนี้ได้เปิดตัวโนเวลระดับบิ๊กเนมจำนวนมากโดยเฉพาะเรื่อง Infinite Stratos ที่ย้ายจากค่ายเดิมมาอยู่ที่ค่ายนี้พร้อมกับออกทีเดียวรวดสองเล่มเลยทีเดียว
แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ การมาของอาจารย์ผู้เขียนเรื่อง Infinite Stratos ที่จะเดินทางมา Meet And Greet กับแฟน ๆ ในงานหนังสือนี้นั่นเอง ที่ทำให้ใครหลายคนต่างสนใจกันว่า หรือจะมีปรากฏการณ์ IS เกิดขึ้นที่งานหนังสือนี้หรือเปล่า
นอกจาก Infinite Stratos แล้วค่ายนี้ก็มีหนังสือใหม่อย่าง เจ้าหญิงเสี้ยวมังกร และยุทธการอาวุธมหาประลัย ผลงานใหม่ของคนเขียนเรื่อง to aru majutsu no index ก็ถือว่าน่าสนใจ
นอกจากนี้ก็มีเล่มต่อของ วานาดีสกับราชันกระสุนมนตรา เล่ม 2 , จอมมารอหังการ โอดะ โนบุนะ เล่ม 2 , โกลด์เด้น ไทม์ เล่ม 2 , B.A.D เล่ม 3 , Sword Art Online เล่ม 5 , น้องสาวของผมไม่น่ารักเลยสักนิดเล่ม 5 , บาสใสวัยซน 3 เล่ม เป็นต้น
ซึ่งหลายคนก็คิดว่า อาจจะมีการประกาศลิขสิทธิ์ Light Novel เรื่องใหม่อีกแน่ ๆ ในงานนี้
แต่ที่หลายคนยังข้องใจก็คือคุณภาพการแปลของค่ายนี้อยู่ดีว่ามีการปรับปรุงไปบ้างหรือยัง
Dexpress
สำหรับ Dexpress แล้วแม้ว่าจะลงมาเล่นในธุรกิจนี้ แต่การออกหนังสือก็เรียกว่า มาตามใจฉัน บางตามใจบ้างไม่ค่อยต่อเนื่องนัก ทำให้ค่ายนี้ไม่ค่อยออกหนังสือมากนัก แต่สำหรับงานนี้เรียกได้ว่า DEX ก็มีหนังสือใหม่ ๆ ออกมาในตลาดบ้างและสร้างความฮือฮ่าไม่ใช่เล่น
โนเวลในงานนี้ก็พวกเล่มต่ออย่าง หออลวนคนขั้นเทพ เล่ม 3 , พระเอกตัวจุ้นวุ่นโลกแตกเล่ม 4, ห้องเช่าป่วนก๊วนคนแปลก เล่ม 4 เป็นต้น
แต่ที่น่าสนใจคงเป็นนิยายอย่าง Kizumonogatari ปกรณัมของตำหนิ ภาคต้นของนิยายอย่าง Bakemonogatari ที่ออกวางขายในงานนี้
แต่ที่ฮือฮ่าคือ การที่ได้ลิขสิทธิ์นิยายเรื่อง Another นิยายสยองขวัญที่ถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะและมังงะไปแล้วมาในครอบครองและออกวางขายในงานนี้ด้วย
และที่น่าสนใจคือการคว้านิยาย Code Geass OZ the Reflection Side Orpheus มาด้วยทำให้เรียกว่า ค่าย DEX มีอาวุธเด็ดที่น่าสนใจมากทีเดียวในงานนี้
แต่ที่ทำให้หลายคนต้องร้องซี้ดกันคือ การประกาศลิขสิทธิ์นิยายเรื่อง Fate Zero ต้นฉบับของอุโรโบชิ เก็น และ Type Moon ที่ทำให้หลายคนอดใจรอการแปลเรื่องนี้ไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำไป
บ่งบอกว่า สมรภูมิฤดูร้อนในปีหน้าจะร้อนแรงขึ้นกว่านี้แน่นอน
Bongkoch
สำหรับบงกชแล้วเรียกได้ว่า หลังจากที่ได้ทำการแปลไลท์โนเวลเรื่อง Suzumiya haruhi no yuutsu หรือเรียกเธอว่าพระเจ้า สึซึมิยะ ฮารุฮิ Light Novel แนวไซไฟลึกลับชีวิตโรงเรียนชื่อดัง จนครบทันต้นฉบับไปแล้ว ความคึกคักด้านนิยายของค่ายนี้ก็เรียกว่า เงียบเหงาลงทันใด อาจจะเพราะการออกโนเวลที่ยังไม่ต่อเนื่องนักแม้ว่าจะมีโนเวลดัง ๆ ในมืออย่าง aka to test to shoukanjuu , itsuka tenma no kuro usage , Setokai Ichizon มาไว้ในมือก็ตาม แต่กระแสก็เรียกว่าค่อนข้างเงียบไม่ใช่น้อย
แม้กระทั่งการได้ลิขสิทธิ์ใหม่อย่าง FULL METAL PANIC ANOTHER! หรือ GOSICK ก็ไม่ได้สร้างความฮือฮามากนักอยู่ดี
ทำให้งานหนังสือนี้ บงกช น่าจะค่อนข้างเงียบเหงาไม่ใช่น้อย
EnterBook และ Jamsai
เป็นอีกค่ายที่หลายคนจับตามองหลังจากคว้าลิขสิทธิ์นิยายระดับ Big Name อย่างเรื่อง Hyouka ซึ่งเป็น Light Novel ที่ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมชั่นไปแล้วเมื่อปีก่อนและได้รับความนิยมพอสมควร ซึ่งหลายคนก็ฮือฮากันอย่างยิ่งที่ค่ายนี้กระโดดลงมาในสังเวียนนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่อง RDG Red Data Girl ที่เป็น Light Novel ที่ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมชั่นเรียบร้อยแล้วด้วย แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ของค่ายนี้นอกจากการออกเล่มต่อของโนเวลในสังกัดทั้งแจ่มใสกันต่อไป ทำให้นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เงียบเหงาเล็กน้อยของค่ายนี้ที่ยังไม่มีอะไรให้ฮือฮานัก
Siaminter Comics Light
ในที่สุดค่ายหนังสือที่ใหญ่ที่สุดอย่าง สยามก็กระโดดลงมาในธุรกิจนิยายแนว Light Novel อย่างเต็มตัวเสียทีหลังจากที่ผลิตหนังสือในนาม Siam inter Comic มานาน ก็เริ่มต้นด้วยการนำ Light Novel จากการ์ตูนดังของค่ายอย่าง วันพีช หรือ รีบอร์น มาขาย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี แต่สำหรับงานหนังสือนี้ทางค่ายก็เปิดหนังสือนิยายลงมาอีกหลายเรื่อง
บิ๊กเนมที่น่าสนใจก็มีเรื่อง เบลเซบับ ไซด์สตอรี่ ไลท์โนเวลจากการ์ตูนดังชื่อเดียวกัน และ Brother Conflict
ซึ่งน่าสนใจอย่างก็คือ ค่ายนี้อาจจะมีเซอร์ไพส์ใหญ่ในงานนี้ก็ได้
Vibulkij
วิบูลย์กิจยังคงเน้นการขายโนเวลหรือนิยายที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนดังของค่าย ซึ่งแน่นอนว่า กระแสของเรื่อง Attack Of Titan ทำให้ค่ายนี้ออกฉบับนิยายที่มีชื่อว่า Shingeki no Kyojin: Before The Fall ออกมา ซึ่งเป็นนิยายที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในภาคการ์ตูนถึง 15 ปี ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับความสนใจจากแฟนนิยายและการ์ตูนไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนใด ๆ อีก
TKO
ค่ายนี้มีการเปิดจองนิยายเรื่อง เซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบ เล่ม 2 คำอธิษฐาน คำสาป และ ปาฏิหาริย์ กับแฟน ๆ ซึ่งนิยายเล่มนี้จะออกในงานหนังสือหน้า แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนอื่น ๆ นัก
แน่นอนว่า นอกจากไลท์โนเวลญี่ปุ่นจะทำให้งานหนังสือคึกคักแล้วยังทำให้มีหลายสำนักพิมพ์หลายค่ายเริ่มมีการนำนิยายไทยมาเป็นไลท์โนเวลบ้างเหมือนกัน แม้ว่าจะยังไม่แพร่หลายนัก แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญและน่าสนใจสำหรับวงการงานเขียนไทยเลยทีเดียว
World Fantasy
สำนักพิมพ์ไทยเล็ก ๆ ที่ผลิตงานแฟนตาซีของคนไทยบ้าง แปลจากไตหวันหรือจีนบ้างคละเคล้ากันไปได้มีการกระโจนเข้ามาผลิต Light Novel ที่คนไทยเขียนขึ้นมาอย่าง Pandora ฝ่าวิกฤตแดนมรณะ และ สำนักงานนำส่งความซวยมาแล้วครับ เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งต้องดูกันว่า จะมี Light Novel ของคนไทยเกิดขึ้นอีกหรือไม่ หรือจะจางหายไปในกระแสแบบนี้
Meedee
สำนักพิมพ์ไทยในเครือสยามอินเตอร์คอมมิคที่แยกตัวออกมาใหม่ เน้นการพิมพ์ไปที่นิยายวัยรุ่นทั้งแนวแฟนตาซีและแนวรัก ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่น่าจับตามองมากทีเดียว เนื่องจากภาพปกและรูปแบบเล่มที่ดึงดูด แม้ว่าจะไม่ใช่ Light Novel แต่ก็มีอิทธิพลหลายอย่างมาจาก Light Novel ค่อนข้างมาก นิยายเด่น ๆ ที่น่าสนใจได้แก่ Tale of the Falling Angel ตำนานนางฟ้าตกสวรรค์ ที่แค่หน้าปกก็เรียกความสนใจและสายตาจากคนดูได้อย่างตราตรึง และ นิยายแฟนตาซีที่ไม่ธรรมดา อย่าง Realis ดับวิกกฤตโลกปริศนา ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่น่าสนใจครับ ซึ่งคาดว่า น่าจะมีงานนิยายใหม่ ๆ ปรากฏออกมาอีกมากมายในอนาคตนี้แน่นอน
หลังจากพาทัวร์ไปตามสำนักพิมพ์ต่าง ๆ แล้วจะพบว่า งานหนังสือครั้งนี้ค่อนข้างจะเงียบเหงาเล็กน้อยต่างจากช่วงต้นปีที่ค่อนข้างร้อนแรงกว่า ซึ่งคงบอกว่าเป็นช่วงที่สำนักพิมพ์ต่าง ๆ มีโนเวลในมือกันเต็มสต๊อกเกือบหมดแล้วและต้องแปลเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้จบไปก่อน หรือ ต้องให้มีกระแสหนักจึงจะคว้ามา ตรงนี้เองที่ทำให้เราเห็นว่า มีโนเวลดี ๆ หรือชื่อดังอีกหลายเรื่องที่ยังไม่มีใครเอาเข้ามา ซึ่งต้องจับตาว่า ในงานนี้อาจจะมีเซอร์ไพส์มมีประกาศบิ๊กเนมในงานนี้ก็ได้ ซึ่งเพราะความเงียบเหงานี้เองที่ทำให้ต้องการจัดโปรโมชั่นกันแหลกลาญหรือมีการนำนักเขียนชื่อดังมาเซอร์ไพส์เพิ่กระตุ้นยอดขายกันมากขึ้น ขณะที่นิยายแฟนตาซีไทยและLight Novel เองก็ยังอยู่ในช่วงอิ่มตัวและตั้งไข่
แต่กระนั้นก็เชื่อได้ว่า ตลาดของไลท์โนเวลยังคงเป็นตลาดที่กำลังโตมากขึ้นและน่าสนใจอยู่เช่นเดิมว่า
ปีนี้เราจะได้เห็นปรากฏการณ์อะไรกันอีก
เจอกันในงานหนังสือหน้าครับ