Skip to main content

            “พ่อฉันเป็นตำรวจไล่กวดผู้ร้าย เป็นข้าราชการไทยเงินเดือนน้อย ดูแลความสงบสุขเรียบร้อย ถึงแม้เงินเดือนน้อยก็ส่งลูก ๆ เรียนจบ” เสียงเพลงร็อคแอนด์โรลของเสก โลโซ ชุดใหม่ที่แต่งขึ้นเพื่อส่งกำลังใจให้แก่ตำรวจของไทยดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามค่ำคืนที่คนในบ้านของผมต่างหลับกันไปเรียบร้อยแล้ว จะว่าไปแล้ว ตำรวจนั้นเป็นอาชีพที่แสนจะเหนื่อยและน่าปวดหัวไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากจะต้องทำหน้าที่ไล่จับผู้ร้ายตามที่เพลงกล่าวไว้แล้ว พวกเขายังต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบให้เกิดขึ้นในสังคม แม้ว่าคนส่วนมากจะมองว่า ตำรวจเป็น อาชีพที่เลวร้ายไม่ต่างกับนักการเมืองด้วยเหตุผลว่า มีตำรวจเลวออกข่าวมากเกินไปหรือกระทั่งหลายประสบพบเจอกับการรีดไถ่ของตำรวจบางกลุ่มแล้ว ทำให้ตำรวจในสายตาของใครหลายคนนั้นไม่ต่างกับพิมเสนกับเกลือเลยด้วยซ้ำ หลายคนอาจจะถึงขั้นนิยมชมชอบทหารเสียมากกว่าเพราะ ความที่ทหารนั้นไม่ได้อยู่ใกล้ชิดชีวิตเราเท่าไหร่นัก

                กระนั้นเองในช่วงปีที่ผ่านมา ท่ามกลางวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตำรวจก็ถือว่า มีบทบาทสำคัญในการเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นตามหน้าที่ ทว่า พวกเขาก็ต้องพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ทำให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมากมาย โดยที่สังคมไทยไม่มีใครสนใจใยดีพวกเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังละเลยมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ยิ่งทำให้ตำรวจในช่วงเวลานี้ช่างเป็นอาชีพที่น่าสงสารไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

                จนหลายคนบอกว่า ถ้าประเทศไทยมีโรโบค๊อปมันจะเป็นยังไงกัน สังคมจะดีขึ้นกว่านี้หรือเปล่า

                ครับ ก็ประจวบเหมาะกับการที่ โรโบค๊อป หนังแอ็คชั่นในตำนานได้ถูกนำมารีเมคใหม่อีกครั้ง โดยคราวนี้เป็น ผลงานของโจเซ่ พาดินญ่า จาก บราซิล ผู้สร้างตำรวจเข้ม ๆ อย่าง Elite Squad ที่บอกเล่าเกี่ยว ตำรวจในบราซิลมาแล้ว ครั้งนี้เขาได้โอกาสในการนำตำรวจคนนี้กลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางความกังขาของคนดูหลาย ๆ เรื่องตั้งแต่การเปลี่ยนเรตหนังจากภาคออริจิน่อลที่เป็น R มาเป็น PG-13 และการดีไซน์ชุดของโรโบค๊อปใหม่ให้มีสีดำต่างจากสีของภาคเก่าที่ออกเป็นสีโลหะเงิน ๆ มากกว่า แน่นอนว่า หน้าหนังที่แทบจะเรียกว่า หนังเด็กชัด ๆ จนใครหลายคนแทบจะกุมขมับและคิดว่า มันต้องออกมาเลวร้ายแน่ ๆ หนังต้องถูกสาปแช่งจนไม่มีทียืนแน่ ๆ

                กระทั่งเมื่อหนังออกฉายจริง ๆ โรโบค๊อปฉบับนี้ก็ทำให้ใครหลายคนถึงกับอึ้งไม่อยากจะเชื่อ เพราะไม่คาดคิดว่า หนังที่หลายคนพกอคติเข้าไปนั้นจะทำได้ดีจนเรียกว่า เป็นการปลุกตำรวจเหล็กคนนี้ให้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในช่วงยุคสมัยนี้ แถมยังเป็นการนำหุ่นยนต์ตัวนี้เข้ามาสู่แห่งความเป็นจริง ด้วยโจทย์ยอดนิยมอย่าง จะเป็นยังไงถ้าโลกใบนี้มีตำรวจเหล็กอย่าง โรโบค๊อป ขึ้นมาจริง ๆ

                เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2028 บนโลกที่หุ่นยนต์โดยบริษัทโอไมค๊อปได้เข้ามามีบทบาทในสงครามก่อการร้ายอย่างเต็มตัว หลังจากการถอนทหารออก ประเทศอย่างอิรักหรืออัฟกานิสถานได้มีการนำหุ่นยนต์มาใช้ในการดูแลความเรียบร้อยอย่างเต็มตัว ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจลับ ๆ ของคนในประเทศนั้นที่รู้สึกว่า พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาจากประเทศมหาอำนาจนี้เสียด้วยซ้ำจนมีการต่อต้านเนื่อง ๆ ทว่า พวกเขาก็ไม่อาจจะทำให้อะไรได้ส่งผลให้หุ่นยนต์ถูกใช้งานในประเทศเหล่านี้กันจนมาจนจวบปัจจุบัน

                แน่นอนว่า ความสำเร็จของปฏิบัติการในต่างประเทศของหุ่นยนต์นั้นทำให้บริษัทโอไมค๊อป นำ โดยประธานของบริษัทอย่าง เรย์มอนด์ เซล่า ได้พยายามที่จะผลักดันหุ่นยนต์ให้มาทำหน้าที่ในการรักษาความสงบในประเทศแทนที่ตำรวจ เนื่องจากเขามองว่า หากหุ่นยนต์ของเขาสามารถรักษาความสงบในประเทศพวกนั้นได้ เขาก็น่าจะนำหุ่นยนต์มาดูแลความสงบนี้ได้เหมือนกัน ทว่า แนวคิดถูกปฏิเสธจาก ส.ว. หัวก้าวหน้าคนหนึ่งที่มองว่า พวกหุ่นยนต์นั้นไม่สมควรนำมาใช้ในการรักษาความสงบหรือจับผู้ร้ายในประเทศ เพราะ พวกมันไม่มีความรู้สึก พวกไม่มีความกลัว เสียใจ หรือกระทั่งสำนึกผิดชอบชั่วดีใด ๆ ทั้งสิ้น นั่นเองที่ทำให้ทางสภาไม่อาจจะให้หุ่นยนต์เข้ามาดูแลประชาชนได้ ส่งผลให้เรย์มอนด์ต้องมองหาทางในการสร้างหุ่นยนต์ที่มีความรู้สึกขึ้นมา หุ่นยนต์ที่จะทำให้เขาทำลายกฎหมายนี้ได้

                นั่นเองที่ทำให้เขาได้มอบหมายให้ ด๊อกเตอร์ผู้โอบอ้อมอารีอย่าง ด๊อกเตอร์ แดนเน็ต นอร์ตัน ทำการค้นคว้าในการสร้างหุ่นยนต์ที่มีชีวิตอย่างจริงจังจนมาจบด้วยการนำร่างของคนที่ได้รับบาดเจ็บจนยากจะรักษาได้มาผสมกับหุ่นเทียมเพื่อสร้างหุ่นยนต์ที่มีชีวิตขึ้นมา

                และนั่นเองที่เขาได้พบกับชายหนุ่มที่ชื่อว่า อเล็กซ์ เมอร์ฟี่

                อเล็กซ์ เมอร์ฟี่ เป็นตำรวจหนุ่มตงฉินเลือดร้อนที่รักความยุติธรรมและครอบครัวยิ่งกว่าชีวิต มุ่งมั่นกำจัดอาชญากรรมอย่างจริงจัง นิสัยที่ไม่ยอมใครและไม่สนใจอำนาจเบื้องบนหรือกระทั่งสินบนได้ทำให้เขาและเพื่อนร่วมงานอย่าง แจ็ค เลวิส ได้เข้าไปสืบสวนคดีค้าอาวุธเถื่อน ซึ่งเป็นปืนของกลางที่อยู่ในสถานีตำรวจซึ่งทำให้ทั้งสองคนรู้ว่า มีตำรวจเอี่ยวกับอาชญากรรมนี้ด้วย ทว่าความมุทะลุของเขาได้ทำให้แจ็ค เพื่อนของเขาถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส  จนเมอร์ฟี่ตัดสินใจที่จะตามล่าคดีนี้ให้ถึงที่สุด แต่ไม่ทันได้เริ่มไล่ล่ารถยนต์ของเขาก็ถูกวางระเบิด ส่วนตัวเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเจียนตายต่อหน้าต่อตาของภรรยาและลูกชายของเขา

                อเล็กซ์ ที่รอดมาได้ด้วยเทคโนโลยีของโอไมค๊อปได้ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นมนุษย์กึ่งเครื่องจักรกลในชื่อ โรโบค๊อป ทว่า เมอร์ฟี่ที่รู้ตัวว่า เขาได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ไปแล้วได้เอ่ยปากบอกกับด๊อกเตอร์นอร์ตันว่า

                “ได้โปรดฆ่าผมเถอะ ปล่อยให้ผมตายเถอะ”

                ทำไมเขาถึงเอ่ยปากออกมาเช่นนั้น ? ทั้งที่ใครหลายคนก็ฝันอยากจะเป็นหุ่นยนต์แบบนี้กันทั้งนั้น

                ถ้ามองย้อนกลับไปในเวอร์ชั่นออริจิน่อลของผู้กำกับ พอล เวอร์โฮเว่นนั้น สิ่งที่ทำให้โรโบค๊อปทั้งสองแตกต่างกันนั้นก็คือ เมอร์ฟี่ในเวอร์ชั่นเดิมนั้นถูกลบความทรงจำทิ้งทั้งหมดทำให้ทุกอย่างของเขาว่างเปล่าจนไร้ความทรงจำในอดีตไปหมด (ทำให้ไม่ต่างกับหุ่นยนต์) ขณะที่โรโบค๊อปในฉบับใหม่นั้นเลือกที่จะคงความทรงจำของเมอร์ฟี่เอาไว้ทั้งหมด ทรงผลให้เราได้มองเห็นภาพอันน่าเวทนาของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้ค้นพบว่า ตัวเองได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ไปแล้ว

                เขากลายเป็นคนก็ไม่ใช่เครื่องจักรก็ไม่เชิงไปเสียแล้ว

                เอาจริงแล้ว โรโบค๊อป นั้นคือ ภาพด้านกลับของนิยายไซไฟสยองขวัญชื่อดังของ แมรี่ เชลลีย์ อย่าง  Frankanstein ที่มีด๊อกเตอร์ นอร์ตัน เป็นศาสตราจารย์แฟรงเกนสไตน์ และ ตัวของเมอร์ฟี่คือ สัตว์ประหลาดตนนั้น ภาพของเมอร์ฟี่ที่ถูกแย่งส่วนจนมองเห็น ร่างกายที่มีเหลือ ใบหน้า หัวใจ ปอด และ สมอง นั้นช่างเป็นภาพที่น่าเวทนาเกินกว่าจะเหลือรับจริง ๆ

                จนไม่แปลกใจที่ว่า เมอร์ฟี่ขอให้ฆ่าเขาแบบนั้นยังจะดีกว่าปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ ร่างกายที่ไม่รับรู้ความรู้สึก ไม่รู้จักร้อน ไม่รู้จักหนาวแบบนี้มันยิ่งกว่าตายเสียอีก มันช่างทรมานยิ่งกว่าที่หลายคนคาดไว้เสียอีก กระนั้นด้วยการเกลี้ยกล่อมของด๊อกเตอร์ที่พูดถึงครอบครัวของเขาที่ยังรอคอยเขากลับไปอยู่ แม้ว่าจะอยู่ในสภาพแบบนี้ก็ตาม ได้ทำให้เมอร์ฟี่ที่คิดอยากจะตายนั้นตัดสินใจที่จะอยู่ต่อเพราะ ต้องการจะกลับไปเจอกับครอบครัวอีกครั้ง ทำให้เขาต้องได้พบกับการทดลองต่าง ๆ มากมายตั้งแต่ การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย การทดสอบจิตใจ การตัดสินใจและอื่น ๆ ที่ทำให้เขาได้เผชิญหน้ากับคนอีกมากมายและได้พบกับประธานของโอไมค๊อปที่มองเขาเป็นหุ่นยนต์ไม่ใช่มนุษย์แบบที่ด๊อกเตอร์นอร์ตันเป็น หรือ กระทั่งพนักงานหน่วยรบอย่าง ริค แม๊ทท๊อค ที่เกลียดเขาเข้าไส้อีกคน ทำให้เมอร์ฟี่ได้แต่ทนเพื่อที่จะพบกับลูกและภรรยาของเขาอีกครั้ง ก่อนที่ในที่สุดพวกเขาจะได้พบกันอีกหนหนึ่ง

                และถูกพรากไปอีกรอบหนึ่ง

 

                แน่นอนว่า ถึงแม้ว่า เมอร์ฟี่จะไม่ได้ถูกลบความทรงจำแบบภาคเดิม แต่สิ่งที่เขาถูกลบนั้นก็คือ อารมณ์ความรู้สึกที่ลดลงจนแทบจะเรียกว่า เย็นชาไปเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากสมองของเขาไม่สามารถรองรับปริมาณข้อมูลมากมายมหาศาลที่อัดใส่เข้าไปในหัวได้ทำให้ต้องมีลบบางอย่างออกไป (คล้ายกับเราจะเอาข้อมูลฮาร์ดดิสค์แล้วเนื้อที่ไม่พอนั่นแหละครับ ก็ต้องมีการลบไปบ้าง) และทำให้ทางด๊อกเตอร์ต้องลบความรู้สึกของเมอร์ฟี่ออกไปเกือบหมดเหลือแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่งผลให้เมอร์ฟี่กลายเป็นหุ่นยนต์ไปเต็มตัว เพราะ นอกจากจะมองเห็นเพื่อนหรือกระทั่งครอบครัวแล้ว

                รอยยิ้มของเขายังจางหายไปอีกต่างหาก

                จะเหลือก็เพียงสมองที่ถูกตั้งโปรแกรมให้ไล่ล่าอาชญากรตามที่วางเอาไว้เท่านั้น

                ท่ามกลางความยินดีของคนส่วนใหญ่ทั้งประธานบริษัทและคนอื่น ๆ แต่กับด๊อกเตอร์นอร์ตันและภรรยาของเมอร์ฟี่กลับส่ายหน้ารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจนเธอต้องออกทวงความยุติธรรมที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้

                เพราะการที่สามีของเธอกลายเป็นแบบนี้ไปได้ทำให้ลูกของเธอถึงกับซึมไร้รอยยิ้มไปเลยทีเดียว นั่นเองที่ทำให้เธอต้องพยายามจะทำให้เมอร์ฟี่กลับมาได้สติอีกครั้ง

                และเริ่มออกสืบคดีการตายของตัวเองก่อนจะพบว่า นอกจากแก๊งอาชญากรรมที่ทำให้เขาต้องตายแล้ว ยังมีตำรวจในกองอีกสองคนที่อยู่เบื้องหลังนี้ แต่ที่น่าตกใจก็คือ แม้แต่หัวหน้าของเขาที่เคารพนับถือมาตลอดยังมีเอี่ยวกับการทำอาชญากรรมในการเอาปืนของกลางไปขายเสียด้วย

                และนั่นเองที่ทำให้บริษัทโอไมค๊อปอาศัยจังหวะนี้ประโคมข่าวนี้ว่า ตำรวจพวกนี้อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมทั้งหลายและการโกงกินสินบนอื่น ๆ และเหมาะสมแล้วที่จะนำหุ่นยนต์มาใช้ในการดูแลสวัสดิภาพและกฎหมายของประเทศแทนคนเหล่านี้ด้วยเหตุผลสามข้อก็คือ

                1. ซื่อสัตย์ไม่คดโกง

                2. แข็งแกร่ง ไม่กลัวตาย

                3. ถึงตายก็แค่ซ่อมใหม่ขึ้นมาเท่านั้น

                แน่นอน โอไมค๊อปไม่ได้ทำแบบนี้เพื่ออยากจะสังคมสงบสุขจริง ๆ นักหรอก เขาก็เพียงแค่ต้องการจะให้หุ้นของบริษัทขึ้นพรวด ๆ นั่นหมายถึงเม็ดเงินมหาศาลจะเข้ามานั่นเอง และแน่นอนว่า กฎหมายเดิมที่ห้ามหุ่นยนต์ทำหน้าที่ดูแลกฎหมายในประเทศนี้ย่อมเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ขัดขวางพวกเขา ทำให้มีการใช้เงินในการซื้อตัววุฒิสมาชิกให้มาโหวตกฎหมายของพวกเขาในราคาที่สูงมาก

                และในที่สุดกฎหมายฉบับนี้ก็ถูกล้มเลิกส่งผลให้บริษัทแห่งนี้เตรียมตัวส่งหุ่นยนต์ในการดูแลของพวกเขาไปทำหน้าที่ในสถานีตำรวจต่าง ๆ ทั่วประเทศ

                ด้วยเหตุนี้เมอร์ฟี่ที่ถูกปิดการทำงานอยู่จึงเป็นอุปสรรคใหญ่ของแผนการนี้ เพราะ พวกเขาใช้เรื่องราวของเมอร์ฟี่ในการโน้มน้าวใครหลายคนให้เห็นด้วยกับกฎหมาย เพราะเขาปล่อยเขาว่า เมอร์ฟี่ได้รับบาดเจ็บเพราะ ตำรวจเลว ๆ แบบนี้และไม่พอเขาได้คลุ้มคลั่งฆ่าตำรวจสองนายไปแล้ว ส่งผลให้เขาโน้มน้าวว่า การใช้หุ่นยนต์แบบที่ไม่มีความรู้สึกนั้นดีกว่าอย่างไร และเขาได้ส่งคนไปกำจัดเมอร์ฟี่ทิ้งเพื่อไม่ให้เหลือหลักฐานใด ๆ ที่จะโยงมายังพวกเขา

                ทว่าเขาคิดผิด

                เมื่อเมอร์ฟี่ได้รับการช่วยเหลือจากด๊อกเตอร์นอร์ตันและออกเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของโอไมค๊อปเพื่อคิดบัญชีกับผู้บริหารของบริษัทแห่งนี้

                สิ่งที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้ก็คือ การตั้งคำถามว่า มนุษย์อะไร  ? ออกมาได้อย่างน่าสนใจ เอาจริงประเด็นเรื่องความเป็นมนุษย์นั้นมันถูกใช้มาตั้งแต่หนังฉบับออริจิน่อลแล้วด้วยซ้ำ เพราะ มันได้ตั้งคำถามว่า เมอร์ฟี่นั้นเป็นมนุษย์หรือไม่ ตัวเขาที่มีร่างกายไม่ครบสามสิบสอง แถมยังมีร่างกายส่วนมากเป็นหุ่นยนต์นั้นจะเรียกว่า มนุษย์ได้หรือไม่

                เอาจริงแล้ว เวอร์โฮเว่น ผู้กำกับภาคแรกพาเรากระโจนไปกับการผจญภัยของชายหนุ่มคนนี้ที่ในตอนแรกเขานั้นมีสภาพเป็นศูนย์เสียด้วยซ้ำ ก่อนที่จะค่อย ๆ ได้ความทรงจำกลับมาทีล่ะน้อย ทั้งที่น่าจะโดนลบไปหมดแล้ว

                ซึ่งตรงนี้แหละครับที่หนังมันจะบอกเราว่า บางครั้งสิ่งที่เรียกว่า มนุษย์ ก็ซับซ้อนพอ ๆ กับจักรวาลนั่นล่ะ

                เมอร์ฟี่ในฉบับเก่าได้ความทรงจำกลับคืนมาครบถ้วนแม้ว่า จะถูกลบไปแล้วก็ตาม และเขาก็กลับไปคิดบัญชีกับคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดอย่างสาสม ขณะที่ เมอร์ฟี่ในฉบับใหม่นั้นแม้จะไม่ถูกลบความทรงจำแต่ก็เกือบเสียความรู้สึกไปโดยสมบูรณ์ หากไม่ได้ครอบครัวและรอบข้าง เขาเองก็ไม่ได้ต่างกับหุ่นยนต์พวกนั้นที่ก้มหน้ารับคำสั่งแต่เพียงผู้เดียว และที่น่าสนใจก็คือ เขาถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ให้ไม่สามารถทำร้ายพนักงานหรือคนของโอไมค๊อปได้เลย เพราะ ทันทีที่เขาพยายามจะทำโปรแกรมในตัวของเขาจะทำการยับยั้งและปิดระบบอัตโนมัติ

                ทว่า เมอร์ฟี่กลับสามารถฝืนคำสั่งนั้นได้และจัดการกับประธานของโอไมค๊อปผู้อยู่เบื้องหลังได้สำเร็จ

                แม้ว่าจะถูกถ่มถุยว่า เขาเป็นแค่หุ่นยนต์ไม่ใช่มนุษย์แล้วก็ตาม

                แต่เขากลับเอาชนะโปรแกรมพวกนั้นได้

                เครื่องจักรไม่มีความรู้สึก แต่โรโบค๊อปมีความรู้สึก เขารู้จักความเสียใจ เขารู้จักความเจ็บปวด เขารู้จักกระทั่งความตายว่า มันคืออะไร ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอีกครั้งของเขานั้นทำให้เรารู้ว่า เขาเป็นมนุษย์ เขาไม่ใช่เครื่องจักรอย่างที่ใครต่อใครดูถูก ถึงแม้เขาจะเป็นเครื่องจักร

                แต่เขาก็ยังมีความเป็นมนุษย์มากกว่าคนหลายคนในเรื่องนี้เสียอีก

                จึงไม่น่าแปลกว่า ประเด็น เครื่องจักรหรือมนุษย์ ที่เคยถูกนำเสนอในฉบับเดิมจะถูกขับเน้นในภาคนี้ หนังจึงค่อนข้างมองโลกในแง่ดีกว่าเวอร์โฮเว่นไม่ใช่น้อย อย่างน้อยสังคมในฉบับใหม่นี้ก็ไม่ถึงขั้นเลวร้ายจนแทบไม่อาจจะเยียวยาได้ ฉบับเวอร์โฮเว่นนั้น ดีทรอยต์แทบจะเป็นเมืองคนบาปไปแล้วเนื่องจากการก่ออาชญากรรมในเมืองนั้นสูงมากจนตำรวจในเมืองนั้นไม่อาจจะจัดการอะไรได้ และต้องเอาโรโบค๊อปเพื่อต่อกรกับผู้ร้ายที่แข็งแกร่งเหล่านี้

                ซึ่งโรโบค๊อปก็ไม่อาจจัดการอะไรได้ เพราะ ผู้ร้ายนั้นถูกหนุนโดยบริษัทและนักการเมืองฉ้อฉลน่ะเอง

                ขณะที่ในโลกของโรโบค๊อปฉบับใหม่นั้นอาจจะเป็นจุดอ่อนของเรื่องนี้เพราะ มันไม่ได้แสดงให้เห็นถึงโลกที่สิ้นหวังได้เท่ากับฉบับเดิมนัก แต่มันก็โลกที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายในรูปแบบอื่น เป็นโลกที่ธุรกิจและอาชญากรรมอยู่คู่กันจนแทบแยกไม่ออกเสียด้วยซ้ำไป

                หรือความชั่วนั้นเป็นสามัญสำนักหนึ่งบนโลกใบนี้ไปแล้วเหรอ ?

                แม้จะเป็นแบบนั้น สิ่งที่เราพอจะรู้ก็คือ ไม่ว่าจะเมอร์ฟี่ในฉบับเดิมหรือเมอร์ฟี่ในฉบับปัจจุบันนั้นต่างยังคงยิ้มและก้าวเดินต่อไปบนโลกใบนี้ จะต่างกันเพียงแค่เมอร์ฟี่ฉบับเก่าเลือกที่จะใช้ชีวิตใหม่นี้อย่างมีความสุข ขณะที่ฉบับปัจจุบันนั้นเมอร์ฟี่ได้ใช้ชีวิตในโลกนี้โดยมีภรรยาและลูกของเขาอยู่เคียงข้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่โรโบค๊อปคนก่อนไม่เคยได้ด้วยซ้ำ

                จะมีเพียงแค่ความเป็นมนุษย์เท่านั้นทีพวกเขาต่างได้คืนกลับมา

                แม้ว่าโลกใบนี้จะชั่วร้าย โลกใบนี้จะเต็มไปด้วยความอาชญากรรมมากมาย และอนาคตที่ไม่อาจจะคาดคะเนได้ ก็จริง

                แต่มันก็คุ้มค่าที่จะอยู่มิใช่หรือ

.....

                เอาจริงหนังมีนัยยะเสียดสีวงการสื่อโดยใช้ตัวละครอย่าง แซมมวล แอล แจ็คสัน ที่ออกมาดำเนินรายการข่าวโฆษณาชวนเชื่อที่เข้าข้างโอไมค๊อปอย่างสิ้นเชิง จนมองได้ว่า มันเป็นโลกที่กลุ่มทุนเข้ากลืนกินระบบราชการส่วนต่าง ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว การแสดงของแซมมวล แอล แจ็คสัน อาจจะดูน่าขบขัน แต่ขณะเดียวกันมันก็ยั่วล้อความไร้สาระของรายการพวกนี้ไปพร้อม ๆ กันครับ

 

ถ้าใครสนใจบทความหรือรีวิวภาพยนตร์ อนิเมชั่น ไลท์โนเวล หรือนิยายของผมเชิญคลิกไลท์ได้ที่ แฟนเพจ จิบชารับลมกับมิสเตอร์อเมริกันตามที่อยู่ด้านล่างได้เลบครับ

https://www.facebook.com/amarica2029

บล็อกของ Mister American

Mister American
ปี 2515 ณ หมู่บ้านห่างไกลผู้คนในจังหวัดกาญจนบุรี แย้ม เด็กสาวผู้เคยป่วยหนักจนเกือบตายได้มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เธอเริ่มพูดจาด้วยคำหยาบคายกับคนในครอบครัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เริ่มโกหกและยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกัน รวมทั้งลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อนกินของสดทำให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ หยาด เกิดความสงสัยขึ
Mister American
สัปเหร่อ : คนตายคือ ครู และ คนอยู่คือ นักเรียน           “ความตาย...มันฆ่าเฮาได้แค่ครั้งเดียว แต่ความฮัก มันฆ่าเฉาไปเรื่อยๆๆ จนกว่าเฮาสิตายพุ่นเด้”บักมืด 
Mister American
                ระหว่างที่เขียนต้นฉบับบทความนี้อยู่นั้น การโหวตประธานรัฐสภาและรองประธานสองคนการประชุมสภาวันแรกได้จบลงแล้ว และ ผลคือ คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาคนใหม่ ร่วมกับ รองประธานสภาสองท่านจากพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อ
Mister American
            คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดในซีซั่นนี้ที่เรียกว่า สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบรรดาคนดูอนิเมชั่น และ คนดูหนังหลายคนได้เท่ากับ อนิเมชั่นซีรีย์เรื่อง Oshi no Ko หรือ ชื่อไทยว่า เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ผลงานดัดแปลงจากมังงะขายดีของ อากะ อาคาซากะ ที่ได้ฤกษ์ออกฉายไปเมื่อ
Mister American
                "พรมนิ้วลงไป หวังให้อัสนีกึกก้องด้วยละอองแสง                   กระหน่ำตีเข้าไปให้ถึงปลายทางของความเจ็บปวด
Mister American
                พอ Hellraiser ภาคใหม่จะลงฉายใน Hulu กันในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ (ซึ่งไทยจะได้ดูกันใน Disney Plus) นับว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของพินเฮดและเหล่าซีโนไบร์ต หนึ่งในไอค่อนของโลกสยองขวัญที่โด่งดังไม่แพ้ เฟรดดี้ ครูเกอร์ แห่ง Nightmare of elm street , เ
Mister American
พึ่งจบกันไปหมาด ๆ สำหรับอนิเมชั่นเรื่องดังประจำซีซั่นนี้อย่าง Lycoris  Recoli จากค่าย A-1 Picture ที่นอกจากจะเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายจนแซงหน้าบรรดาอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ไปแบบไม่มีกังขา โดผลโหวตจากสำนักอนิเมชั่นต่าง ๆ โหวตให้เรื่องนี้อยู่
Mister American
“ทำไมถึงไม่มีหนังสัตว์ประหลาดไทยดี ๆ ออกมาสักทีวะ ?”
Mister American
คงไม่ต้องบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ หลาย ๆ คนคงให้ความสนใจกับการชุมนุมของบรรดาหนุ่มสาววัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขับไล่เผด็จการ และ เปลี่ยนแปลงประเทศใหม่ กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปรากฏการณ์ของการชุมนุมที่เกิ
Mister American
               “จูออน คือ คำสาปของผู้ที่ตายด้วยความเคียดแค้น ณ สถานที่ที่ตาย ผู้ที่เผชิญหน้ากับมันจะต้องตาย และ คำสาปแช่งใหม่จะถือกำเนิด”
Mister American
“เสียงปืนที่ดังขึ้นภายในงานเลี้ยงของกำนันผู้มีอิทธิพลในจังหวัดเชียงรายดังขึ้น ร่างของกำนันคนดังล้มลงกองกับพื้น หลังจากพึ่งรับตำแหน่งได้ไม่นาน เสียงหวีดร้องของผู้คนในงาน เสียงร่ำไห้ และ ความตื่นตะลึงเกิดขึ้น มือปืนยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของศพที่แน่นิ่งจมกองเลือดอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ ข