Skip to main content

                นี่คือ การกลับมาที่ทุกคนรอคอย ภายหลังจาก ก็อตซิลล่าฮอลลีวู้ดของ กาเรธ เอ็ดเวริ์ดออกอาละวาดไปในปี 2014 และแน่นอนว่า มันทำให้ชื่อของก็อตซิลล่าลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ทว่า สำหรับแฟน ๆ เดนตายของก็อตซิลล่านั้นคงค่อนข้างที่จะผิดหวังที่ได้เห็นก็อตซิลล่าแบบตัวดีที่เคยมีมาในสมัยโชวะคอยปกป้องโลกแทน แน่ล่ะว่า แม้ว่า ผู้กำกับบอกว่าจะพยายามดึงรากเหง้าของก็อตซิลล่ากลับมา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แฟนรู้เกี่ยวกับราชาสัตว์ประหลาดคนนี้เลย

                ทว่าในภาคนี้นั้นในที่สุดแฟน ๆ ก็อตซิลล่าก็ได้สมหวังเสียที เมื่อผู้กำกับ อันโนะ ฮิเดกิ จากอนิเมชั่น เอวากาเลี่ยน มากำกับพร้อมกับพาคนดูไปเจอกับก็อตซิลล่าที่ควรจะเป็นอีกครั้ง เมื่อมันกลับมาเป็นมหันตภัยร้ายที่คุมคามโลกแทน แถมหนังยังทำเฟี้ยวด้วยการลบประวัติศาสตร์ของก็อตซิลล่าทั้งหมดทิ้ง ให้ก็อตซิลล่าเริ่มต้นตัวตนใหม่อีกครั้ง

                แน่ล่ะว่า เมื่อก็อตซิลล่าขึ้นฝั่ง มันได้ทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ที่กำลังคืบคลานเข้ามาทุกนาที

                การมาของก็อตซิลล่าบอกอะไรเราบ้าง นี่คือ บทความที่จะพาเจอสิ่งเหล่านั้นที่ซ่อนอยู่ในหนังครับ

1. มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่เล็กจ้อยบนโลกนี้

                มนุษย์เชื่อว่า ตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้  พวกเขาต่างเชื่อว่าตัวเองน่ะรู้ทุกสิ่ง รุ้ทุกอย่าง และต้องการคำอธิบายเสมอ ๆ บางครั้งพวกเขามักจะส่ายหัวปฏิเสธเมื่อมีสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ปรากฏขึ้นมา แน่ล่ะว่า การมาของก็อตซิลล่าเป็นเสมือนการบอกว่า ยังมีสิ่งที่พวกเอ็งไม่รู้อีก ก็อตซิลล่าปรากฏตัวขึ้นและทำลายความเชื่อทั้งหมดลงเสียสิ้น และมันได้ทำลายความรู้สึกนึกคิดของผู้คนไปหมดสิ้น จากร่างแรกสู่ร่างสุดยอดที่โหดกว่า และเป็นเสมือนภัยร้ายที่ย่างกรายมา ซากพังทลายของตึก ความตายของภูเขาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเสมือนภาพสะท้อนของความโง่เง่าของมนุษย์ผู้แสนยิ่งใหญ่แบบชัดเจน

                เอาจริง ก็อตซิลล่ามีภาพเป็นเสมือยภัยพิบัติที่เกิดขึ้นมา และมนุษย์เคยคิดว่าจะควบคุมมันได้ เราเปรียบมันได้ดั่งแผ่นดินไหว หรือ สึนามิ ที่แม้มนุษย์จะรู้ มีเครื่องมือต่าง ๆ มากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่อาจจะป้องกันมันได้หมด

                ภาพของเมืองที่พังทลายมันสะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์มันช่างเล็กจ้อยเหลือเกินบนโลกใบนี้

            เมื่อพระเจ้าปรากฏตัว ก็อตซิลล่าคือ ภาพของสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่โตและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งอย่างที่สุด ทั้งระบบร่างกาย ระบบหมุนเวียนของเซล ที่เขาเรียกว่า สิ่งมีชีวิตชั้นสูงและสมบูรณ์แบบ แต่ที่น่าสนใจคือ มันพร้อมจะกลายเป็น สิ่งมีชีวิตที่ครองโลกนี้แทนก็ได้ เมื่อมีร่องรอยว่า มันอาจจะกำลังคิดแพร่พันธุ์เผ่าพันธุ์ของพวกมันอยู่ก็เป็นภาพแสดงว่า มนุษย์ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ยิ่งเห็นภาพที่มนุษย์ต้องมานั่งศึกษามายิ่งบอกว่า มนุษย์ไม่ทันเกมของพระเจ้าองค์นี้เหลือเกิน

                “ก็อตซิลล่าคือ พระเจ้าอวตารจริง ๆ”

            คำกล่าวของพระเอกในเรื่องที่มีต่อก็อตซิลล่า ซึ่งมีความหมายว่า พระเจ้าอวตาร ตามคำตั้งของด็อกเตอร์ที่ศึกษาเรื่องของมัน แน่ล่ะว่า รูปร่างของมันทำให้รู้สึกว่า นี่ล่ะ พระเจ้าจริง ๆ เพราะความแข็งแกร่ง พลังไฟกัมปนาท บ่งบอกถึงพลังอำนาจที่ไม่มีใครสู้ ไม่ต่างกับบรรดาตัวละครในเรื่องที่มองว่า ตัวเองช่างอ่อนด้อยเหลือเกินจะสู้อะไรกับมันได้

2. ประชาธิปไตยในภาวะวิกฤต

                สิ่งที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้นอกจากความโดดเด่นของก็อตซิลล่าในภาคนี้นั้นคือ การพูดการเมืองของญี่ปุ่นในช่วงเวลาวิกฤตมาถึง สิ่งที่น่าสนใจคือ การที่หนังให้เราเห็นภาพของระบอบประชาธิปไตยในประเทศที่พัฒนาแล้ว หนังพาเราไปเห็นช่วงเวลาที่บรรดานักการเมืองในฝ่ายรัฐบาลของญี่ปุ่นต้องประชุมด่วนหลังจากเกิดเหตุการณ์ประหลาดในทะเล พวกเขานั่งประชุมหลายฝ่าย หลายครั้ง และมีบทสรุปที่ต่างกันไป สิ่งที่เรารู้สึกคือ ความวุ่นวาย และน่ารำคาญในระบอบนี้ เพราะ มันต้องผ่านอะไรหลายอย่างมากกว่าจะตัดสินใจได้ ซึ่งหลายคนถึงกับมึนกันไปเลย เพราะ มันเป็นบทสนทนาด้านการเมืองล้วน ๆ แต่ที่น่าสนใจคือ การตั้งคำถามว่า ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นจะทำเช่นไร

                แน่ล่ะว่า สิ่งที่เราได้สังเกตก็คือ ในระบอบประชาธิปไตยนั้นมีข้อเสียคือ การที่จะต้องมานั่งฟังเสียงของประชาชน ต้องมานั่งฟังการตัดสินใจจากฝ่ายต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งการเคลื่อนอำนาจทางทหารยังไม่สามารถใช้ได้ง่าย ๆ อีกด้วย หลายคนมองว่า มันน่ารำคาญไม่ใช่น้อย แม้แต่ตัวละครเองก็ยังพูดเลยว่า น่ารำคาญแท้ ๆ ที่ต้องมานั่งจัดแถลงข่าว จัดการประชุมหลายครั้งแบบนี้

                หลายคนบอกว่า ถ้าเป็นบางประเทศแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วล่ะก็คงประกาศหรือสั่งยิงไปทันที โดยไม่มีใครสนใจทั้งนั้น ยิ่งภาพหนึ่งที่เราเห็นว่า กำลังจะเปิดฉากโจมตีก็อตซิลล่าแล้ว แต่ดันมีประชาชนอยู่ตรงนั้น นายกถึงกับสั่งไม่ให้โจมตีด้วยเหตุผลว่า เดี๋ยวโดนประชาชน ยิ่งสะท้อนให้เห็นภาพของประชาชนที่น่าสนใจว่า แม้ว่า ระบบขั้นตอนต่าง ๆ จะยุ่งยาก และ เต็มไปด้วยความน่ารำคาญจนบางครั้งมันไม่สามารถทำอะไรได้ทันถ่วงทีก็จริง

                แต่สิ่งที่มันยืนยันได้คือ นี่คือระบอบที่ต้องสนใจเสียงของประชาชนและแคร์ประชาชนในทุกวินาที แม้ว่าจะมีประชาชนแค่สองคนสามคนในรัศมีของการโจมตีคุณก็ต้องหยุดการโจมตีอยู่ดี

                หากมาเปรียบเทียบกับประเทศที่ใช้อำนาจเด็ดขาด พวกเขาคงสั่งยิงก็อตซิลล่าไปแล้ว โดยไม่สนใจประชาชนหรือคนที่อยู่ในนั้นหรอก

                ด้วยเหตุผล สละส่วนน้อยเพื่อส่วนใหญ่อยู่ดี

3. การผลัดใบ

                ภัยพิบัติของก็อตซิลล่าทำลายทุกสิ่งจนหมดสิ้น แต่ไม่ได้หมดไปทีเดียว เพราะ มันได้ทำให้ประเทศนี้ได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

                หนังแสดงภาพของประเทศนี้ที่ปกครองโดยบรรดาเหล่าคนแก่ ไม่ว่าจะเป็น นายก หรือ คณะรัฐมนตรีที่ต่างมีอายุที่มากแล้ว และหลายคนเป็นวัยชรากลางคนด้วยซ้ำ หนังพาเราไปเจอการปะทะกันและกันของสองรุ่น ระหว่างนักการเมืองรุ่นเก่าที่ดูไม่มีวิสัยทัศน์ใด ๆ เสมือนเป็นสิ่งตกค้างของสงครามโลก และ นักการเมืองรุ่นใหม่ที่หนังให้พระเอกของเรื่องที่เป็นที่ปรึกษานายกได้ตั้งทีมขึ้นมาโดยรวบรวมบรรดาคนหัวขบถ ยศต่ำ แต่มีความคิดมารวมกัน แน่ล่ะว่า หนังให้เรามองเห็นภาพของการปะทะกันระหว่างสองรุ่นได้ชัดเจน ยิ่งก็อตซิลล่าปรากฏตัวแล้วทำลายทุกอย่างลงรวมทั้งทำลายอำนาจของรัฐบาลเก่าได้  หนังให้เราเห็นว่ารัฐบาลนั้นนำโดยนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนชราอีกคน แน่ล่ะว่า บทสนทนาตรงนี้ เราเห็นว่า เขาไม่ได้มีความสามารถจะเป็นนายกเลย แต่ต้องมานั่งเก้าอี้นี้ด้วยเหตุผลว่า ไม่มีใครแล้ว บทพูดของเขาฟังแล้วบ่งบอกว่า เขาไม่ได้อยากทำหน้าที่ตรงนี้ แต่มันจำเป็นจะต้องมีคนทำเท่านั้น

                ยิ่งหนังสะท้อนภาพของพระเอกให้ดูเด่นขึ้นเช่นเดียวกับที่ปรึกษาอีกคน ภาพของนายกคนใหม่ยิ่งเป็นสิ่งที่ชัดแจ้งว่า ประเทศนี้ต้องการคนรุ่นใหม่มาขับเคลื่อน

                ไม่ใช่คนแก่ใกล้ตายที่ควรไปเลี้ยงหลานได้แล้ว

                หนังจึงให้เห็นภาพของการไต่อำนาจของบรรดาคนรุ่นใหม่ที่ใช้เหตุการณ์นี้ได้ชัดเจน เราจึงมองเห็นว่า หลังจากจบเหตุการณ์นี้ บรรดาตัวละครในเรื่องที่เป็นหนุ่มสาวต่างมีความมุ่งมั่นและความปรารถนาที่จะพาตัวเองไปให้สุดทาง แน่ล่ะว่า มันใช้คำว่า ผลัดใบได้

                เอาจริงมันคือ นัยยะที่พูดถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นเคยพังราบด้วยมหานิวเคลียร์มาแล้ว แต่ก็กลับฟื้นฟูมาได้ไม่นานนัก หรือจะเป็นเหตุการณ์สึนามิที่ทำลายประเทศจนราบ แต่ญี่ปุ่นก็ฟื้นฟูกลับมาได้ ยิ่งสะท้อนภาพของคำว่า

                ประเทศนี้ถูกทำลายและสร้างใหม่มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

                มันคือ ภาพความหวังที่สะท้อนในความสิ้นหวังของคนญี่ปุ่นที่เชื่อมั่นว่า ทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้อย่างที่สุดนั่นเอง

                เอาจริง ก็อตซิลล่าในภาคนี้ก็มีนัยยะของการผลัดใบของยุคสมัยเช่นกัน จากหุ่นชุดยางที่เราเห็นกันจนชิน สู่ ก็อตซิลล่าแบบ CG เต็มรูปแบบที่ทำออกมาได้สยดสยองและน่ากลัวอย่างยิ่งยวด หลายคนมองว่า นี่คือ การเปลี่ยนแปลงของราชาสัตว์ประหลาดตนนี้ด้วย แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง แต่ครั้งนี้คือ การเข้าสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริง ไม่ต่างกับการเมืองของญี่ปุ่นและประเทศที่ต้องเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

            เอาจริงหากนับเรื่องราวของด็อกเตอร์ที่หายไป และเป็นหนึ่งในคนที่เหมือนทำให้เกิดก็อตซิลล่าขึ้นมา ก็เป็นภาพของความหายนะที่เกิดจากคนรุ่นเก่าที่ลงโทษประเทศตัวเอง อันเป็นการพูดถึงเพราะ ความโบราณคร่ำครึและประเทศนี้แหละที่ทำให้ภรรยาของเขาตาย

                มันเป็นภาพที่น่าสนใจหากจะมองว่า สังคมญี่ปุ่นมันเหลวแหลกเพราะ คนแก่ไม่ยอมปล่อยวางก็คงเป็นไปได้นั้นเอง

4. อเมริกา ต่างประเทศ และ ชาตินิยม

                เราจะเห็นได้ว่า หนังวางตัวให้ประเทศต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ญี่ปุ่นมีสภาพเหมือนศัตรูหรือดูไม่เป็นมิตรเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาที่เป็นเสมือนมิตรกลับจ้องหาผลประโยชน์จากก็อตซิลล่า และ การถูกทำลายของญี่ปุ่น รวมทั้ง จีน และ รัสเซียเองก็จ้องมองผลประโยชน์นี้ไม่ต่างกัน นัยยะสำคัญของหนังก็คือ ญี่ปุ่นควรจะทำอย่างไร ระหว่างยืมมืออเมริกาหรือประเทศอื่นช่วย หรือ สู้ด้วยวิธีการของตัวเอง

                คำตอบของหนังนั้นคือ การให้เราเห็นว่า นี่คือ หนังชาตินิยมญี่ปุ่นที่บอกเราว่า ญี่ปุ่นจะต้องสู้ด้วยตัวเอง เพราะหากยืมมือประเทศอื่น อย่าง อเมริกา พวกเขาจะต้องเจอความซวยทุกครั้งไป แน่ล่ะว่า หลังจากพยายามสู้กับก็อตซิลล่าด้วยตัวเองมาตลอด ในที่สุดญี่ปุ่นก็ตัดสินใจให้อเมริกาช่วยเหลือด้วยการทิ้งระเบิดเจาะเกราะใส่ก็อตซิลล่า แน่ล่ะว่า ระเบิดนั้นทำให้มันบาดเจ็บได้ก็จริง แต่กลับไปเร่งโทสะแห่งพระเจ้าขึ้นแทน

                และโทสะที่ว่านั้น ทำให้โตเกียวกลายเป็นกองเพลิงในชั่วพริบตา  

                แถมยังคร่าชีวิตมนุษย์ทุกคนตรงนั้นอย่างไร้ความปราณี

                รวมทั้งรัฐบาลเองก็ล่มสลายพร้อมกับพระเพลิงอันนั้น

                แถมยิ่งมากไปกว่านั้น เมื่อเราพบว่า อเมริกาได้ตัดสินใจพละการจะใช้นิวเคลียร์กับก็อตซิลล่าซะงั้น โดยไม่สนใจใยดีใครทั้งนั้น รวมทั้งประชาชนกว่าสามล้านคนที่อยู่ในเมืองโตเกียวด้วย

                นั่นเองที่ทำให้เรามองเห็นนัยยะการต่อต้านนิวเคลียร์ของหนังที่ถูกลืมเลือนไปในหนังยุคหลัง ๆ ของก็อตซิลล่า ครั้งนี้มันกลับพร้อมกับคำพูดว่า

                “ฉันไม่อยากเห็นนิวเคลียร์ลูกที่สามทิ้งลงที่บ้านเกิดของคุณยายฉัน”

            คำพูดสะท้อนถึงความเจ็บปวดนี้ที่ถูกลืมเลือนไปหมดสิ้นในยุคหลัง แต่หนังพาเราไปสัมผัสมันได้ชัดเจนอีกครั้ง เมื่อมันพาเราไปตั้งคำถามใหม่ว่า ญี่ปุ่นต่างหากที่ควรจะปกป้องญี่ปุ่นเองต่างหาก

                ไม่ใช่ยืมมือชาวบ้าน

                นั่นคือสิ่งที่หนังเรื่องนี้คือ หนังชาตินิยมแบบชัดเจนที่พูดถึงการ Rise ของประชาชนชาวญี่ปุ่นที่ควรจะภูมิใจต่อตัวเอง และ ยึดถือความภูมิใจนี้เพื่อสู้กับก็อตซิลล่าให้จงได้

5. จะเลวร้ายเพียงใดก็ต้องอยู่กับมันให้ได้

                อย่างที่เห็นก็อตซิลล่าไม่ได้ตาย หรือ กำจัดมันได้ มันแค่หยุดไปเท่านั้น ก็ไม่ต่างกับเหตุการณ์ระเบิดฟุคุชิมะที่สุดท้าย เราก็ต้องอยู่ร่วมกับมันให้ได้

                “เราควรจะเรียนรู้ที่จะต้องอยู่กับมัน”

            พระเอกของเรื่องพูดเช่นนั้นในขณะที่มองไปยังร่างก็อตซิลล่าที่แข็งเป็นหินไป เพราะ บอกว่า เราไม่รู้ว่า ก็อตซิลล่าจะกลับมาเมื่อไหร่ มันอาจจะฟื้นขึ้นมาในอีก 1 ปี 10 ปี หรือ 100 ปีก็ได้ไม่มีใครรู้

                แต่เราต้องอยู่กับมันให้ได้

                นี่คือ สารที่บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ผ่านความเลวร้ายทั้งมวลของประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิวเคลียร์สองลูกในสงครามโลก โรคร้ายอันเกิดจากรังสี หรือ ภัยสึนามิ แผ่นดินไหว หรือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด

                ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเลวร้ายแค่ไหน เมื่อผ่านไปแล้ว เราต้องอยู่กับมันให้ได้

                ก็อตซิลล่าก็เช่นกัน

                รวมแล้วนี่คือ หนังก็อตซิลล่าที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังหมดความหวัง และเจอความสิ้นหวังบ่อยครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็มีความหวังเสมอ

                แม้ว่าจะมีก็อตซิลล่าก็ตาม พวกเขาก็เชื่อว่า พวกเขาอยู่กับมันได้และจะหยุดมันได้

                นี่คือ หนังก็อตซิลล่าที่ดีที่สุดในรอบหลายปี น่าจะเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานไปอีกนานแสนนานครับ

++++++++++++++++

บล็อกของ Mister American

Mister American
ปี 2515 ณ หมู่บ้านห่างไกลผู้คนในจังหวัดกาญจนบุรี แย้ม เด็กสาวผู้เคยป่วยหนักจนเกือบตายได้มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เธอเริ่มพูดจาด้วยคำหยาบคายกับคนในครอบครัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เริ่มโกหกและยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกัน รวมทั้งลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อนกินของสดทำให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ หยาด เกิดความสงสัยขึ
Mister American
สัปเหร่อ : คนตายคือ ครู และ คนอยู่คือ นักเรียน           “ความตาย...มันฆ่าเฮาได้แค่ครั้งเดียว แต่ความฮัก มันฆ่าเฉาไปเรื่อยๆๆ จนกว่าเฮาสิตายพุ่นเด้”บักมืด 
Mister American
                ระหว่างที่เขียนต้นฉบับบทความนี้อยู่นั้น การโหวตประธานรัฐสภาและรองประธานสองคนการประชุมสภาวันแรกได้จบลงแล้ว และ ผลคือ คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาคนใหม่ ร่วมกับ รองประธานสภาสองท่านจากพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อ
Mister American
            คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดในซีซั่นนี้ที่เรียกว่า สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบรรดาคนดูอนิเมชั่น และ คนดูหนังหลายคนได้เท่ากับ อนิเมชั่นซีรีย์เรื่อง Oshi no Ko หรือ ชื่อไทยว่า เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ผลงานดัดแปลงจากมังงะขายดีของ อากะ อาคาซากะ ที่ได้ฤกษ์ออกฉายไปเมื่อ
Mister American
                "พรมนิ้วลงไป หวังให้อัสนีกึกก้องด้วยละอองแสง                   กระหน่ำตีเข้าไปให้ถึงปลายทางของความเจ็บปวด
Mister American
                พอ Hellraiser ภาคใหม่จะลงฉายใน Hulu กันในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ (ซึ่งไทยจะได้ดูกันใน Disney Plus) นับว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของพินเฮดและเหล่าซีโนไบร์ต หนึ่งในไอค่อนของโลกสยองขวัญที่โด่งดังไม่แพ้ เฟรดดี้ ครูเกอร์ แห่ง Nightmare of elm street , เ
Mister American
พึ่งจบกันไปหมาด ๆ สำหรับอนิเมชั่นเรื่องดังประจำซีซั่นนี้อย่าง Lycoris  Recoli จากค่าย A-1 Picture ที่นอกจากจะเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายจนแซงหน้าบรรดาอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ไปแบบไม่มีกังขา โดผลโหวตจากสำนักอนิเมชั่นต่าง ๆ โหวตให้เรื่องนี้อยู่
Mister American
“ทำไมถึงไม่มีหนังสัตว์ประหลาดไทยดี ๆ ออกมาสักทีวะ ?”
Mister American
คงไม่ต้องบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ หลาย ๆ คนคงให้ความสนใจกับการชุมนุมของบรรดาหนุ่มสาววัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขับไล่เผด็จการ และ เปลี่ยนแปลงประเทศใหม่ กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปรากฏการณ์ของการชุมนุมที่เกิ