“จูออน คือ คำสาปของผู้ที่ตายด้วยความเคียดแค้น ณ สถานที่ที่ตาย ผู้ที่เผชิญหน้ากับมันจะต้องตาย และ คำสาปแช่งใหม่จะถือกำเนิด”
ปี 20XX ครอบครัวซาเอกิ อันประกอบด้วย ทาเคโอะ สามี ภรรยา คายาโกะ และ ลูกชายวัยประถมโทชิโอะย้ายเข้ามาอาศัยในบ้านหลังหนึ่งชานเมืองโตเกียว ก่อนที่เวลาต่อมา มีคนพบศพของทาเคโอะเสียชีวิตที่ถนนข้างทาง และ ตำรวจได้ไปที่บ้านของเขาก่อนจะพบศพของคายาโกะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม กระดูกหักทั่วทั้งร่าง และ ถูกหักคอจนเสียชีวิตก่อนซ่อนเอาไว้ใต้หลังคา เช่นเดียวกับลูกชายโทชิโอะที่ถูกจับกดกับน้ำจนตายเช่นกัน คดีนี้กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญในชั่วขณะหนึ่งก่อนถูกลืมเลือน บ้านของพวกเขายังคงอยู่และมีผู้ย้ายเข้ามาทั้งซื้อและเช่าต่อมากมาย ทว่า พวกเขาเหล่านั้นกลับต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่า จูออน หรือ คำสาปมรณะ ที่ที่ใครผู้ใดย่างกรายเข้าไปในบ้าน จะตายหรือ หายสาบสูญ แทบทุกราย
เนื้อหาด้านบนนี้คือ เรื่องราวของ Ju-On หรือ the Grudge ภาพยนตร์สยองขวัญจากญี่ปุ่นที่สร้างชื่อให้กับผู้กำกับโนเนมที่ทำแต่หนังส่งลงวีดีโออย่าง ทาคาชิ ชิมิสุ ที่หยิบเรื่องราวของคำสาปแช่งของคนตายอันเป็น Theme หลักของเรื่องที่บอกเล่าเรื่องอันน่าสะพรึงกลัวของวิญญาณอาฆาตของสองแม่ลูกคายาโกะและโทชิโอะที่หลอกหลอนสร้างความหวาดกลัวจนกลายเป็นหนึ่งในหัวหอกสำคัญของ J-Horror หรือ ภาพยนตร์สยองขวัญจากญี่ปุ่นที่รุ่งเรืองจนกลายเป็นหนึ่งใน Genre ของหนังสยองขวัญไปชั่วขณะ โดยเฉพาะ Ju-On ที่โด่งดังเทียบเท่ากับ The Ring ภาพยนตร์สยองขวัญ J-Horror อีกเรื่องที่โด่งดังจนได้รีเมคใหม่เป็นหนังฮอลลีวู้ด และ มีภาคต่อตามมาอีกมากมาย ณ เวลาต่อมา
Ju-on เองก็เช่นกัน หนังผีที่มีต้นกำเนิดมาจากหนังวีดีโอแนวสยองขวัญที่ถูกสร้างขึ้นเป็นล้ำเป็นสันในร้านเช่าวีดีโอของญี่ปุ่นเพื่อให้วัยรุ่นได้เช่าไปชมกันสนุกสนานในช่วงวันหยุด โดยตัวของ Ju-On นั้นมีกำเนิดมาจากหนังวีดีโอที่มีชื่อว่า Katasumi and 4444444444 ที่ตัวชิมิสุเองยอมรับว่า เขาไม่ได้คิดชื่อให้ผีสองตัวในเรื่องนี้เลย เพียงแต่ได้รับแรงบันดาลใจสำคัญมาจากตำนานผีโอคิวะ ซึ่งมีเรื่องว่าด้วยหญิงสาวที่เสียโฉมเนื่องจากสามีได้สังหารเธออย่างโหดเหี้ยมและหนีไปแต่งงานใหม่ วิญญาณของเธออาฆาตแค้นอย่างแสนสาหัส เธออกตามล่าและแก้แค้นสามีของเธอรวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องอย่างโหดเหี้ยม ปัจจุบันหลุมศพของเธอยังคงอยู่ รวมทั้งการแต่งหน้าของละครโนที่มักจะแต่งหน้าตัวละครให้ขาวจนดูน่าขนลุก ขณะเดียวกันท่าทางอันน่าสะพรึงของผีสาวที่คืบคลานมานั้นเป็นการอิมโพรไวส์ตีความของ ทาคาโกะ ฟูจิ นักแสดงสาวโนเนมที่มองว่า การคืบคลานในสภาพงึกงักของคายาโกะนั้นอาจจะดูน่ากลัว แต่ มันแฝงไปด้วยความเจ็บปวดอันแสนสาหัส เธอจึงตีความตัวของผีสาวตนนี้ขึ้นมาและนำมาสู่เรื่องราวที่ขยายใหญ่ขึ้น ณ เวลาต่อมา
จากหนังวีดีโอเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องยาว และ กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขาน เรื่องราวของสองแม่ลูกคายาโกะและโทชิโอะ ถูกนำมาสร้างใหม่ รีบู้ท ตีความใหม่ และ บอกเล่าหลายเรื่องที่ที่ตัวของชิมิสุบอกว่า จูออนไปไกลจากตัวของเขามากแล้ว และ ตัวเขาทำหน้าบอกเล่าเรื่องราวของมันสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นต้นฉบับหรือเวอร์ชั่นรีเมคที่เขากำกับเอง ซึ่งหลังจากนี้คือสิ่งที่คนดูและนักทำหนังรุ่นต่อไปจะตีความมันต่อ
หลังจากภาครีเมคได้พยายามรีบู้ทเรื่องราวของ Ju-On ใหม่ให้ไม่เกี่ยวข้องหรือบอกเล่าเรื่องราวของสองแม่ลูกซาเอกิอีกใน the Grudge (บ้านผีดุ) (2020) แม้ว่าหนังจะทำเงินไปพอสมควร ทว่าเสียงตอบรับเรียกได้ว่า ย่ำแย่จนหลายคนส่ายหัว แม้กระทั่งแฟนพันธุ์แท้ของหนังชุดนี้ยังรู้สึกว่า หนังชุดนี้ไม่มีหนทางไปต่อแล้วเสียด้วยซ้ำ และ ควรปล่อยมันให้จบลงไปดี ๆ ยังดีกว่า
แน่ละว่า เวอร์ชั่นรีเมคของอเมริกาอาจจะน่าผิดหวัง ทว่า จูออนก็กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในฉบับซีรีย์ที่มีชื่อว่า Juon – Origin โดยที่หนังภาคนี้ได้ทุนสร้างมาจาก Netflix และ ออกฉายแบบสตรีมมิ่งไปทั่วโลก รวมประเทศไทยเองก็ได้สัมผัสเรื่องราวใหม่ของจูออนที่เหมือนจะกลับมาดุได้สำเร็จ
สิ่งที่น่าสนใจในซีรีย์ความยาวเพียงหกตอนนี้คือ การบอกเล่าเรื่องราวก่อนหน้าเหตุการณ์ฆาตกรรมสยองขวัญของครอบครัวซาเอกิจะถือกำเนิด ณ บ้านหลังหนึ่งแถวชานเมืองโตเกียวที่นี่เป็นเรื่องเริ่มต้นทั้งหมดที่คนดูพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นน่ากลัวไม่ต่างกับจูออนที่เรารู้จักกันเลย
ซีรีย์พาเรากระโจนไปสู่เรื่องราวของบรรดาผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนซื้อใหม่ นายหน้า ดารา นักข่าว นักเขียนเรื่องลึกลับ ตำรวจ ไปจนถึง เด็กนักเรียน ที่พวกเขาถูกดึงดูดให้มาที่นี่ก่อนจะต้องพบเจอกับสิ่งที่ผิดปกติในบ้านหลังนี้ที่จะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล
สิ่งที่น่าสนใจในซีรีย์รอบนี้นอกจากมันตั้งโจทย์เอาไว้ว่า จูออนคือ คำสาปแช่งที่เกิดจากคนตายและครอบงำสถานที่ที่พวกเขาตาย แล้ว มันยังพาเรากระโจนไปสำรวจเรื่องราวความป่วยจิตของผู้คนในญี่ปุ่นได้อย่างมีชั้นเชิง และ น่ากลัวกว่านั้นคือ มันกำลังพาเราไปสู่การวิพากษ์ระบบสังคมของประเทศแห่งนี้ได้อย่างถึงแก่นจนเรายังรู้สึกว่า ผีในเรื่องอาจจะน่ากลัวน้อยกว่าเสียด้วยซ้ำ
และนี่คือ เรื่องราวที่จูออนบอกเล่าให้ฟัง
- ไม่มีอีกแล้ว ครอบครัวแบบโอซุ
ไม่ต้องแปลกใจนัก หากจูออนและบรรดาหนังสยองขวัญ J-Horror ทั้งหลายจะบอกเล่าเรื่องราวน่าสะพรึงที่เกิดขึ้นกับสถาบันที่คนญี่ปุ่นและคนทั่วโลกเทิดทูนว่า สำคัญที่สุด อย่าง ครอบครัว ว่า เป็นต้นเหตุสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นของคำสาปมรณะที่เล่นงานทุกคนอย่างไม่ไว้หน้า
ซีรีย์พาเราไปพบกับความตายของครอบครัวต่าง ๆ ที่ต่างก่อเหตุฆาตกรรมอันน่าสะพรึงกันไม่เว้นแต่ล่ะวัน ทั้งสามีฆ่าภรรยาเพราะ คิดว่า ภรรยามีชู้ , ลูกสาวฆ่าแม่ที่มองว่าตัวเองเป็นแค่กาฝากที่ทำลายชีวิต , เด็กสาวผู้หลงทางผิดฆ่าสามีตัวเองเพื่อปลดปล่อยโซ่ที่มัดตัวเองเอาไว้ หรือ ชายวิกลจริตที่จับผู้หญิงมาข่มขืนจนท้องเนื่องจากถูกครอบครัวทอดทิ้ง นี่คือ เรื่องราวที่ซีรีย์บอกกับเราและให้เห็นภาพการล่มสลายของครอบครัวที่ที่เรารู้สึกว่า บ้านคือสิ่งที่ปลอดภัย ครอบครัวคือ คนที่ไว้ใจได้กลับกลายเป็นคนที่ฆ่าฉัน และ สร้างบาดแผลให้ทุกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้
หากจำกันได้ ครอบครัวซาเอกิคือ ตัวอย่างของครอบครัวที่ล่มสลาย คายาโกะแต่งงานกับทาเคโอะเพราะ ต้องการหนีจากอดีตอันเจ็บปวดซึ่งมาจากตระกูลคนทรงเจ้าของเธอ แม้ว่า จะมีลูกอยู่คนหนึ่งแล้ว เธอกลับไม่ได้รับการเอาใจใส่จากสามีที่ออกไปทำงานที่อื่น ไม่พอยังขี้หึงร้ายกาจจนทำร้ายเธอไม่เว้นแต่ล่ะวัน ส่งผลให้เธอเกิดความวิปริตขึ้นในใจจนหลงรักครูของโทชิโอะและนำไปสู่โศกนากฏกรรมที่เรารู้กันดี
ภาพการฆาตกรรมของคายาโกะนั้นน่าสะพรึงกลัว เช่นเดียวกับ อีกครอบครัวหนึ่งในภาค White Ghost ที่ลูกชายก่อคดีฆาตกรรมคนทั้งครอบครัวอย่างโหดเหี้ยมก่อนฆ่าตัวตายบนเขาอย่างโดดเดี่ยว เป็นหนึ่งในภาพที่เรารู้ดีว่า ครอบครัวแสนสุขแบบหนังโอซุมันไม่มีอีกแล้ว
มันมีแต่การล่มสลายและความเย็นชาที่มีให้กันและกันเท่านั้น
คิโยชิ คุโรซาว่า ผู้กำกับหนังชื่อดังจาก Tokyo Sonata และ อาจารย์ผู้ดึงให้ทาคาชิ ชิมิสุ มาทำจูออนเคยกล่าวไว้ว่า หนังของโอซุนั้นเป็นแรงบันดาลใจในการทำหนังของเขาเสมอ และ ไม่แปลกที่หากจูออนของชิมิสุ ลูกศิษย์ของเขาจะเป็นหนังที่สะท้อนภาพการล่มสลายของสถาบันครอบครัวญี่ปุ่นได้อย่างน่าสะพรึง
คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับครอบครัวเสมอ พวกเขามุ่งหมายจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น มีบ้าน มีภรรยา มีครอบครัวที่มีความสุข มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง มีชีวิตงานการที่ดี นั้นคือ มายาคติที่สังคมญี่ปุ่นมอบให้กับคนญี่ปุ่นว่า พวกเขาจะต้องตั้งเป้าหมายให้ได้เช่นนี้ โดยไม่รู้ว่า มายาคติที่ว่ากลับกลายเป็นคำสาปที่เล่นงานพวกเขาและชักนำทุกคนให้นำไปสู่ความพินาศที่รออยู่ไม่ไกลเสมอ
“ไปทำงานแล้วน้า”
“ไปดีมาดีนะคะ”
“กลับมาต้มน้ำให้อาบด้วยนะ”
“ค่ะ”
ผู้ชายถือกระเป๋าออกจากบ้าน โดยมีภรรยาโบกมือให้คือ ภาพที่เหมือนจำลองมาจากความคิดแบบอเมริกันดรีมที่ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงช้างเท้าหลัง พวกเธอมีหน้าที่ทำงานบ้าน ดูแลลูก ทำอาหารให้สามี ต้มน้ำ มีเซ็กซ์ในฐานะภรรยาที่ดี วนเวียนซ้ำซากไปมาแบบนี้ แม้แต่ตอนที่ตาย วิญญาณของพวกเธอก็ไม่ได้หลุดพ้นไปจากตรงนี้เช่นกัน
ซีรีย์นี้พาเราไปเห็นภาพของครอบครัวที่ค่อย ๆ พังทลายไปทีละนิด สามีทำงานดึกดื่นด้วยความคาดหวังจะสร้างชีวิตอันราบรื่นกับภรรยา โดยไม่รู้ว่า สิ่งที่เขาทำทำให้ภรรยากับเหินห่างไปทุกทีทุกที ชีวิตอันน่าเบื่อทำให้ภรรยาไปพบกับชายอื่นที่มอบความสุขให้เธอได้มากกว่าสามีที่ไม่เข้าใจความต้องการของเธอ สุดท้ายสามีฆ่าภรรยาและฆ่าตัวตายตาม กลายเป็นอีกหนึ่งคดีในบ้านหลังนี้ก่อนถูกลบเลือนหายไปตามกาลเวลา
และนี่ไม่ใช่คดีเดียว
อีกครอบครัว สามีกับภรรยาท้องแก่ย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้ด้วยความรู้แก่ใจว่า บ้านหลังนี้มีเหตุการณ์ฆาตกรรมเกิดขึ้น แต่สามีไม่สนใจและไม่ได้บอกภรรยาภึงเรื่องนี้ แต่อย่างใด เหตุผลไม่ใช่เพราะ ภรรยาจะหวาดกลัว อันที่จริงแล้วมาจากเขาต้องปกปิดเรื่องราคาของบ้านหลังนี้ที่ถูกแสนถูกอันเนื่องจากมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นหลายคดีทำให้บ้านมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับที่ดินของบ้านอื่น ๆ ในโตเกียว สามีซื้อมันด้วยความคาดหวังว่า มันจะเป็นการแสดงความเป็นช้างเท้าหน้าของเขาได้ดี นั้นทำให้เขาไม่พอใจที่นักเขียนเรื่องสยองขวัญมาเตือนว่า บ้านหลังนี้ไม่ควรอยู่อย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เขาจะต้องชดใช้ความผิดพลาดนี้ด้วยชีวิตของเขาเอง
หรือ แฟนของฮารุกะ ดาราสาวในเรื่องที่วางแผนจะแต่งงานกับเธอ หลังจากอาชีพการงานของเขาเริ่มมั่นคง เขาตัดสินใจไปซื้อบ้านหลังนี้ ก่อนจะต้องพบกับความตายอันน่าเวทนาที่ซ้ำร้อยกับคนอื่น ๆ ที่จบลงด้วยความตาย อาทิ สามีฆ่าภรรยา ภรรยาฆ่าสามี ลูกฆ่าแม่ พ่อฆ่าลูก ทุกอย่างวนเวียนไปมาในบ้านหลังนี้ ไม่มีวันสิ้นสุด
เหมือนนายหน้าซื้อบ้านพูดว่า ราคาบ้านมันถูกใครก็อยากได้
ความล้มเหลวของสถาบันครอบครัวที่มาพร้อมกับความน่าสะพรึงของระบบทุนนิยมทำให้เรานึกถึงหนังไทยอย่าง ลัดดาแลนด์ ที่มีเรื่องราวคล้ายคลึงกันตรงที่มันบอกเล่าเรื่องราวของชายผู้พยายามแสดงให้เห็นว่า เขาสามารถเลี้ยงดูภรรยา และ ลูกทั้งสองคนได้ เพื่อที่แม่ยายของเขาที่รังเกียจและดูถูกมาตลอดจะยอมรับในตัวเขา ไม่แปลกที่ตัวของเขาจะเข้าสู่วังวนของค่านิยมสังคมที่หากจะประสบความสำเร็จ คุณต้องมีบ้าน มีรถ มีของหรู ๆ ใช้ แม้ว่า มันจะต้องทำงานหนักหนาสาหัสก็ตาม สิ่งเหล่านี้คือ ตัวกำหนดคุณค่าของผู้ชายที่สุดท้ายแล้วต้องดิ้นรนหาทางทำให้ตัวเองมีสิ่งนั้นให้ได้ แม้จะต้องพบกับหนี้มหาศาลที่กองอยู่ก็ตาม
ทุกอย่างก็ยังคงดีกระทั่งการปรากฏตัวของผีในเรื่องที่ทำให้ระเบิดเวลามันเดินเร็วขึ้นอย่างไม่คาดคิด และ นำไปสู่โศกนาฏกรรมในช่วงท้ายที่ที่เราได้ยินกันผ่านหน้าข่าวอันแสนคุ้นชิน
ทั้งที่เอาจริงแล้วทุกอย่างมันสรุปผ่านคำพูดของหญิงสาวที่ย้ายมาอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอไม่เห็นความจำเป็นว่า ทำไมต้องซื้อบ้านด้วย เธอมีความสุขที่อพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ มากกว่า ขณะที่บ้านหลังนี้กลับทำให้ความสำคัญของเธอกับสามีเปลี่ยนไปกลายเป็นความเย็นชาที่นำไปสู่จุดจบในที่สุด
ความคาดหวังว่า จะทำให้ชีวิตดีขึ้น ครอบครัวดีขึ้น แม้ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามกลับกลายเป็นคำสาปที่สืบทอดต่อกันมาและไม่เห็นหนทางเลยว่า มันจะหยุดเมื่อใด
เพราะ ศพแล้วศพเล่าก็ยังคงเกิดขึ้น ไม่มีวันจบสิ้นอยู่ดีา
- ผู้หญิง ผี และ คำสาปที่เรียกว่า ความรัก
ทำไมผีที่โด่งดังของเอเชีย ถึง เป็นผู้หญิง ?
มีคนตั้งคำถามถึงเรื่องนี้มากมาย แม้ว่า จะมีพวกผีผู้ชายในตำนานบ้าง อาทิ วิญญาณของซามูไรสามคนที่ฆ่ากันตายแล้ววนเวียนทะเลาะกันไม่มีวันจบสิ้น แถวทะเลที่อิซุ หรือ วิญญาณของตระกูลไทระที่ถูกโยชิสึเนะสังหารและยังคงวนเวียนอยู่ (ซึ่งเรื่องนี้ปรากฏในหนังเรื่อง Kwaidan ของ MASAKI KOBAYASHI ปี 1965 และ หนังสือของเลฟคาดิโอ้ เอริ์น อย่าง ผีญี่ปุ่น) กระนั้นเองก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะ ในวัฒนธรรมเอเชียแล้ว ผีที่โด่งดังมักเป็นสตรี
หลักปีศาจวิทยากล่าวไว้ว่า ผีคือ สิ่งที่ตายไปแล้ว และ เป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติ และ กฎเกณฑ์ทั้งมวล บ่อยครั้งผีคือ ภาพสะท้อนของสังคมและผู้คน ณ ช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับวิญญาณชั่วร้ายของสตรีที่เอาจริงแล้วพวกเธอก็เป็นเพียงเหยื่ออันน่าเศร้าเท่านั้น
ยกตัวอย่าง ตำนานเทพอิซานามิ และ อิซานางิ ที่สามีอุตส่าห์ดั้นด้นไปตามหาภรรยาถึงยมโลก แต่กลับพบว่า ภรรยาได้กลายเป็นเทพแห่งความตายไปเสียแล้ว เขาจึงทิ้งเธอแล้วหนีกลับสู่โลกเหลือเพียงคำสาปแช่งที่มีต่อสามีเอาไว้ในฐานะฤดูกาลในตำนานของญี่ปุ่น
หรือ ตำนานของยูกิอนนะ หรือ เจ้าหญิงหิมะ ที่ถูกเล่าสืบต่อกันมาและใน Kwaidan ของ MASAKI KOBAYASHI ปี 1965 ที่ว่าด้วยเรื่องราวของชายตัดไม้ที่กำลังจะตายเพราะความหนาวเย็น นั้นเองทำให้เขาได้เจอเจ้าหญิงหิมะ วิญญาณหญิงสาวที่งดงาม เธอถูกใจเขาจึงไว้ชีวิตเขาโดยต้องสัญญาว่าห้ามบอกเล่าเรื่องราวคืนนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด หลายปีต่อมา ชายหนุ่มตัดไม้ได้แต่งงานอยู่กินกับสาวพเนจรนามว่า ยูกิ และมีชีวิตอย่างมีความสุขพร้อมกับลูกสามคน ทว่า เขากลับเผลอเล่าเรื่องคืนนั้นให้เธอฟัง นั่นเองทำให้ยุกิคืนร่างกลับไปเป็นสาวหิมะอีกครั้งด้วยความโกรธแค้นที่ละเมิดสัญญา เธอพยายามจะฆ่าเขาแต่เพราะลูก เธอจึงสั่งเสียให้เขาเลี้ยงลุกให้ดีมิฉะนั้นเธอจะกลับมาฆ่าเขาก่อนจะหนีหายไปท่ามกลางหิมะ
เรื่องเล่าทั้งสองนี้สะท้อนภาพของลิทธิบุรุษเป็นใหญ่ ที่ผู้หญิงมีภาพเหมือนกับเป็นเพียงสิ่งของ พวกเธอไม่สามารถคิดอะไรเองได้ นอกจากหลงไปในกฎงมงายอย่าง เป็นภรรยาต้องดูแลสามีไปจนตาย ต้องเป็นแม่ที่ดีของลูก ทว่าตัวเรื่องทั้งสองกลับสะท้อนให้เห็นความทุกข์ระทมของพวกเธอได้อย่างชัดเจน เจ้าหญิงหิมะก็เป็นภาพความรักที่ไม่มีวันสมหวัง หากเปลี่ยนเจ้าหญิงหิมะเป็นใครสักคน เราจะพบว่า พวกเธอนั้นไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากความรักและความซื่อสัตย์ที่สามีมีให้ ลองคิดว่า ถ้าหากสามีกล้าละเมิดความซื่อสัตย์นี้ เธอจะเชื่อใจอะไรพวกเขาได้อีกไหม ?
Ju-ON นั้นได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องเล่าและตำนานเมืองต่าง ๆ ที่ถูกเล่าต่อ ๆ กันมาในยุคสมัยใหม่ ทว่า ภายใต้เรื่องเล่านั้นกลับมีภาพความระทมทุกข์ของเหล่าหญิงสาวที่ค้นพบว่า ตัวเองติดกับดักของความเป็นหญิงที่สังคมนิยามเอาไว้ว่า ผู้หญิงที่ดีคืออะไร ทว่า พวกเธอกลับไม่สามารถทานทนความเป็นผู้หญิงที่ว่านั้นได้ และ แปรเปลี่ยนไปก่อนจะพบจุดจบของชีวิตในที่สุด
นอกจากคายาโกะแล้ว ตัวละครที่เรียกได้ว่า เป็นอีกคนที่เจ็บปวดที่สุดในเรื่องนี้ คือ คิโยมิ
หลังพ่อเสียชีวิต แม่ของคิโยมิทำให้เธอต้องย้ายโรงเรียนมายังโตเกียวด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก เธอเกลียดแม่ตัวเองที่ชอบมีอะไรกับคนไปทั่วไม่เลือกหน้า โดยเฉพาะอาจารย์ในโรงเรียนใหม่ที่ที่แม่ของเธอใช้ร่างกายพลีให้เขาเพื่อให้เธอเข้าเรียน ทว่า สำหรับคิโยมินั้น เธอเกลียดแม่ที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นแบบนี้ และ ตัวเธอโหยหาครอบครัว หรือ ชีวิตที่ดีกว่านี้อยู่ตลอดเวลา กระทั่งตัวเธอไปได้ไปที่บ้านร้างหลังนี้ และ ถูกชายหนุ่มร่วมห้องข่มขืนเธออย่างไม่เต็มใจ กระนั้นเองตัวของคิโยมิก็คิดได้ว่า จะใช้ประโยชน์จากเขา เธอวางแผนฆ่าแม่ โยนความผิดให้อาจารย์ จากนั้นก็หนีออกจากบ้านไปพร้อมกับชายหนุ่มด้วยความคาดหวังว่าจะมีครอบครัวที่ดี และ บ้านที่ดีกว่านี้
แต่มันไม่ได้เกิดขึ้น
คิโยมิมีลูกหนึ่งคนกับชายหนุ่ม ทว่า ชายหนุ่มกลับไม่เอาถ่าน ทำงานไม่เอา เบาไม่สู้ จนติดยา และ การพนันจนถูกพวกยากูซ่าไล่ฆ่า ส่วนคิโยมิที่เลิกเรียนกลางคันก็กลายสาวขายตัว ใช้ร่างกายแลกกับเงินเพื่อจุนเจือครอบครัว ขณะที่เธอมองลูกชายเป็นเพียงส่วนเกินที่ทำให้ชีวิตของเธอพินาศ หลังสามีทำร้ายลูกจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา คิโยมิหนีจากอพาร์ทเม้นท์หลังเล็ก ๆ นี้ไปเพื่อเริ่มต้นใหม่ แต่ สามียังคงตามไปรังควาญเธออยู่ เธอจึงฆ่าเขา และ กลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้ง
ที่ที่ทุกอย่างเริ่มต้น
“ขอให้ฉันได้เลือกใหม่ ขอให้ฉันได้กลับไปตอนม.ปลายอีกรอบเถอะ”
คิโยมิตะโกนลั่นหวังว่าจะได้เลือกทางเดินใหม่ หลังจากครอบครัวที่เธอพยายามตามหามันไม่ได้เกิดขึ้น และ ไม่มีความสุขเลยสักนิดเดียว
คายาโกะเองก็เช่นกัน เธอเกิดในครอบครัวคนทรงที่แม่ใช้เธอในฐานะสิ่งกักเก็บวิญญาณร้ายจนทำให้เธอต้องรับบาดเจ็บทั้งกายและใจ แม่ไม่เคยรักเธอ เธอจึงปรารถนาที่จะได้รับความรักจากใครสักคน เธอได้พบกับทาเคโอะด้วยความหวัง่วาจะได้พบกับความรักแท้จริง แต่ไม่ใช่ ทาเคโอะไม่ได้รักเธอแม้จะลูกชายวัยประถมอย่าง โทชิโอะขึ้นมาก็ตาม เธอไม่เคยได้รับความรักจากเขา แถมยังอิจฉาคนอื่นที่มีความรักอันสวยงามตลอดมาจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
คายาโกะกลายเป็นวิญญาณร้ายที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า ทว่า เหมือนฟ้าหลังฝน เธอได้เกิดใหม่ในร่างลูกสาวของเคียวโกะ นักแสดงสาว และ ฆ่าแม่ตัวเองอย่างโหดเหี้ยม เธอคาดหวังว่า คำสาปใหม่จะเกิดขึ้น แต่ที่น่าตกใจคือ เคียวโกะกลับไม่โกรธแค้นลูกสาวคนนี้ เธอยิ้มและยื่นผ้าพันคอให้กับเด็กหญิง ก่อนที่สิ้นใจ ส่วนเด็กคนนั้นวิ่งหายไปท่ามกลางฝูงชนที่มาดู
นั้นคือ สิ่งที่คายาโกะสัมผัส แต่มิอาจจะเข้าใจมันได้ว่า ความรักและห่วงหาในฐานะแม่ที่เธอปรารถนามาตลอดคือ อะไร ?
ไม่ใช่แค่นี้ ทั้งซาดาโกะแห่ง Rings , หญิงสาวใน Kaidan , ผีสาวใน Dark Water , วิญญาณในอุโมงค์ผีสิง หรือ กระทั่งบุปผา ราตรี กระทั่ง แม่นาก พระโขนง ล้วนแล้วแต่เป็น
เหมือนที่เราเห็นแหละว่า ครอบครัว และ มายาคติที่ครอบงำเอาไว้ของคนญี่ปุ่นทำให้บ้านหลังนี้ยังคงสำแดงคำสาปของมันอยู่ตลอดเวลา และ ไม่เสื่อมคลายแม้จะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
ขนาดเป็นผีไปแล้ว พวกเธอยังมิอาจจะหลุดพ้นไปได้
ความรักจึงเป็นอาวุธและคำสาปอีกอย่างที่พวกผู้หญิงมิอาจจะแก้ไขได้ และ ต้องหลงมัวเมาในความรัก ไม่มีวันสิ้นสุด
- ผีไม่น่ากลัวหรอก คนสิ น่ากลัวกว่า
สำหรับ Ju-On ภาคนี้นั้นต้องบอกว่า มีความพิเศษกว่าภาคหลักตรงที่มันดำเนินเรื่องก่อนจะที่ครอบครัวซาเอกิจะย้ายเข้ามา โดยเริ่มต้นจากปี 1987 และมาจบที่ปี 1995 และ ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย อาทิ คดีฆาตกรรมและกักขัง Junko Furuta, แผ่นดินไหวที่โกเบ, ลัทธิโอมชินริเกียวปล่อยแก๊สซาริน, คดีเด็กมัธยมฆ่าตัดหัวที่โกเบ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคดีและเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นควบคู่ไปกับเหตุการณ์สยองขวัญในบ้านหลังนี้ ขณะเดียวกันก็บ่งบอกถึงความยืนยาวของบ้านที่ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น มันยังคงตั้งตะหง่านอยู่ ณ ตรงนั้น ราวกับรอให้เหยื่อรายต่อไปเข้ามาและเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นอีกครั้ง
อย่างที่ตำรวจพูดกับนายหน้าค้าบ้านว่า มันเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา คนจะสนใจแค่ชั่วขณะที่ถูกลืมไป
เหมือนคำสาปหนึ่งจางหาย คำสาปใหม่จะบังเกิดขึ้น
เช่นเดียวกับบรรดาเรื่องเลวร้ายทั้งหลายนอกบ้าน ที่สะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ผีในเรื่องหรอก แต่เป็นมนุษย์จิตป่วยทั้งหลายที่กระทำสิ่งเลวร้ายพวกนั้นอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ขณะเดียวกันเวรกรรมก็ไม่มีจริง เช่นเดียวกับ กฏหมายที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้ทุกอย่างถูกลืมเลือนไป
จนกว่าผีตัวใหม่จะเกิดขึ้น
ในซีรีย์นี้เราจึงเห็นการกระทำเลวร้ายของคนมากกว่าผีที่ทำได้แค่ยืนอยู่นิ่ง ๆ มองดูมนุษย์ทำลายกันเอง หากมนุษย์ที่ตายเป็นคนเลวทรามต่ำช้าผีที่สิงสู่อยู่ในบ้านหลังนี้ก็คงเป็นผีร้ายจิตป่วยวิปริตที่พร้อมกระทำทุกสิ่งเพื่อความสนุกของตัวเองต่อไปเหมือนกับที่หนังชุดนี้ให้เห็นแล้วว่า ตัวของผีสาวในชุดสีขาวก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย
มีแต่คนที่ฆ่ากันเอง
คนที่ทำร้ายกันเอง
จูออนในภาคนี้จึงมีความคล้ายคลึงกับหนังสยองขวัญอย่าง KAIRO (คิโยชิ คุโรซาว่า) ตรงที่มันให้เห็นว่า ผีในเรื่องคือ ผีจริง ๆ พวกมันแทบไม่ได้ทำอะไร นอกจากทำให้คนเร่งจิตด้านมืดของตัวเองออกมาและทำลายทุกอย่างด้วยตัวเอง
การข่มขืน
การฆาตกรรม
คบชู้สู่ชาย
นอกใจภรรยา
ขโมย
ใส่ร้าย
การกลั่นแกล้งในโรงเรียน
การล่วงละเมิดทางเพศของอาจารย์กับนักเรียน
และอีกมากมายเหล่านี้คือ สิ่งที่มนุษย์กระทำกันเอง โดยที่ผีในบ้านหลังนี้เพียงแค่ยืนอยู่เงียบมองดูความตายเหล่านี้ด้วยอารมณ์หม่นเศร้าราวกับรู้ดีว่า คำสาปมันยังไม่จบสิ้น
อย่างเช่น จุนโกะที่ความตายของเธอเกิดขึ้นจากความไว้ใจต่อมนุษย์ด้วยกันนำไปสู่ความเลวร้ายที่สุดในยิ่งกว่าตาย
ความตายอาจจะทำให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวด แต่ความตายไม่ใช่จุดจบ
มันคือ จุดเริ่มต้นต่างหาก
- โลกวิญญาณไร้ซึ่งกาลเวลา
ก่อนหน้านี้ผมได้ฟังเรื่องเล่าหนึ่งจากรายการ The Ghost Radio ของพี่แจ็ค ที่มีผู้มาเล่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับตัวเองและเพื่อนที่เดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด ก่อนจะพบเจอกับร่างหนึ่งใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ร่างนั้นคือ ตัวเพื่อนที่อยู่ในสภาพผมเผ้ากระเซิงรุงรัง เสื้อผ้าขาดจนเห็นหน้าอกและอวัยวะเพศได้ชัดจน ที่สำคัญมีเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้ายมา ทำเอาทั้งเจ้าตัวและเพื่อนงุนงงก่อนจะไม่คิดอะไร ทว่า หลายปีจากนั้นเพื่อนคนนั้นกลับเสียชีวิตในสภาพเดียวกับที่พวกเขาได้เห็นกันในวันนั้นทำให้ตัวของผู้เล่างุนงงว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
แน่นอนว่า Ju-On นั้นแตกต่างจากงาน J-Horror หลายเรื่องก็ตรงที่มันเล่าเรื่องสลับไปมาไม่ลำดับตามเวลาด้วยวิธีการเล่าแบบราโชมอนที่เล่าในหลากมุมมองกันไป เราจึงเห็นเรื่องราวของเหยื่อแต่ละคนรวมทั้งผีในเรื่องว่า ทำอะไรและมาบรรจบกันเช่นไร ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพของสิ่งที่หนังชุดนี้ทำมาตลอดนั้นก็คือ โลกวิญญาณไม่มีสิ่งที่เรียกว่า กาลเวลา
อย่างที่เขียนไปก่อนหน้านี้ว่า บ้านหลังนี้ตั้งตะหง่านอยู่ในโตเกียว ผ่านครอบครัวจำนวนมากที่เข้ามาซื้อ เช่า และ อาศัยอยู่ที่นี่ตามวาระตามกรรมแตกต่างกันไป เช่นเดียวกับด้านนอกบ้านที่ที่เกิดเรื่องราวมากมาย ขณะที่ผู้คนเติบโตและล้มหายตายใจกันไป บ้านยังคงอยู่และถูกสตาร์ฟเอาไว้ราวกับไม่เปลี่ยนแปลง
ทำให้บ้านหลังนี้อยู่เหนือกาลเวลา เช่นเดียวเหล่าภูตผีที่ต่างใช้ชีวิตกันในบ้านหลังนี้โดยไม่สนใจเวลาใด ๆ ทำให้ไม่แปลกที่เราจะได้เห็นคนจากอดีตเผชิญหน้ากับอนาคต หรือ คนจากอนาคตไปทำให้อดีตเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ Ju-On ทำทุกภาค การเล่าสลับเวลาบวกกับการเชื่อมโยงระหว่างโลกสองโลกเมื่อร่วมกับความเชื่อของคนญี่ปุ่นหรือชินโตที่มองว่า โลกแห่งความตายนั้นไม่มีเวลา ผู้คนจากอดีตและอนาคตตายไปก็จะรวมกันอยู่ ณ ที่นั้น เป็นความเท่าเทียมเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ยิ่งเราดูงานที่เล่าถึงความตายหรือโลกหลังความตาย อย่าง Hell Girl ที่บอกเล่าเรื่องราวของเว็บไซต์จากนรกที่เพียงเขียนชื่อคนที่อยากสาปแช่งลงไป พวกเขาจะได้พบเจอกับสาวน้อยจากนรก ผู้ที่จะมอบตุ๊กตาสาปแช่งให้กับคนที่ต้องการสาปแช่งโดยมีข้อแม้ว่า คนที่สาปแช่งจะต้องตกนรกไปด้วยหลังจากเสียชีวิต และ โลกของเธอเวลาไม่เคยเปลี่ยนจากยามสนธยา เช่นเดียวกับคนที่ใช้บริการเว็บไซส์ของเธอก็มาจากหลากหลายยุคอันหมายถึง เวลาในโลกวิญญาณที่ไม่ได้เคลื่อนไปไหนเลย แม้จะเป็นอนาคตหรืออดีตเองก็ตาม เช่นเดียว อนิเมชั่นเรื่อง Angel Beat ที่บอกเล่าโลกแห่งความตายที่มีสภาพเหมือนโรงเรียนม.ปลายที่ที่ให้คนที่เสียชีวิตทั้งที่ยังมีห่วงได้ใช้ชีวิตสุดท้ายอย่างเต็มที่ก่อนจะไปสู่สุคติและเวียนวายตายเกิดกันต่อไป สิ่งที่แตกต่างคือ บรรดาคนที่อยู่ในโรงเรียนมาจากหลากหลายช่วงเวลา ทั้งอดีตไกลโพ้นหรือ อนาคตเองก็ตาม
(HELL GIRL LIVE ACTION)
(Angel Beat)
One Miss Call (ทาเคชิ มิกิเอะ) ก็บอกเล่าเรื่องราวคำสาปผ่านมือถือที่จะบอกเล่าความตายในอนาคตที่ส่งโดยตัวเองในอีกสามวันข้างหน้า เวลาจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงในโลกของวิญญาณ จึงไม่แปลก หากเราจะได้ล่วงรู้ถึงความตายตัวเองจากอนาคตได้
หรืออุโมงค์ใน Howling Village (ทาคาชิ ชิมิสุปี 2020) ที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านร้างกับโลกปัจจุบัน ที่ที่คนสองยุคได้ข้ามเวลาไปมาพร้อมกับแสดงภาพอันน่าสะพรึงของหมู่บ้านกลางเขาแห่งนี้ที่บ่งบอกว่า เวลาของโลกความตายไม่เคยแปรเปลี่ยน
เช่นเดียวกับ The Grudge 2020 ที่บอกเล่าเรื่องราวของ ฟีโอน่า แรนเดอร์ ผู้ดูแลชาวอเมริกันของครอบครัวโรเบริ์ตในญี่ปุ่นที่ต้องคำสาปของบ้านหลังนี้ ก่อนจะเดินทางกลับสู่บ้านเกิดอีกครั้ง ทว่า เธอกลับกลายเป็นคำสาปใหม่ที่ทำให้คนที่เกี่ยวข้องกับบ้านนี้พบกับความพินาศไม่ต่างกัน ตัวหนังยังเล่นกับการย้อนแย้งทางเวลาเหมือนเดิม และ ทำให้อดีตและอนาคตบรรจบกันอีกครั้ง
จึงไม่แปลกหากภาค Origin เราจะเห็นว่า เวลาคือสิ่งที่หนังใช้เวลาเป็นเหมือนหนึ่งในตัวละครต่าง ๆ มาเจอกัน ณ ต่างกรรมต่างวาระ ที่สุดท้ายแล้วโลกของวิญญาณคือ การแปรเปลี่ยนสสารจากตัวตนหนึ่งไปเป็นอีกสิ่ง คงอยู่ และ เหนือซึ่งกฏฟิสิกส์ แบบที่เราพูดว่า
พระเจ้ายากจะหยั่งรู้
โลกแห่งความตายก็เช่นกัน
- โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต และ ม้วนวีดีโอ การเปลี่ยนและเชื่อมโยงของเหล่าภูตผี
คงไม่ต้องบอกว่า หนังผีอย่าง Ju-On นั้นได้รับอิทธิพลสำคัญมาจากหนังสยองขวัญรุ่นพี่ อาทิ Kairo ของ คิโยชิ คุโรซาว่า หรือ Ringu ของ ฮิเดโอะ นาคาตะ หรือ แม้กระทั่งหนังรุ่นหลังอย่าง 6644 ผีอาฆาต , 99 ต่อติดตาย หรือ One Miss Call ที่บอกเล่าถึงการเชื่อมโยงของวิญญาณและเทคโนโลยีในฐานะสื่อที่เชื่อมโยงเข้ากันประดุจไวรัสที่ต้องการติดต่อหากันและแพร่ระบาดออกไป
คำสาปและแรงอาฆาตเองก็เช่นกัน มันอาศัยสื่อและพาหะเพื่อนำพาความตายไปสู่ผู้คน อย่าง ซาดาโกะอัดพลังจิตของเธอลงในม้วนวีดีโอเกิดเป็นคำสาปมรณะที่ทำให้ใครก็ตามที่ดูต้องตายในเจ็ดวัน หากอยากจะรอดต้องส่งต่อม้วนวีดีโอให้คนอื่นเท่านั้น เช่นเดียวกับผีเด็กหญิงใน One Miss Call ที่ส่งต่อคำสาปผ่านมือถือ หากไม่ส่งต่อจะต้องตาย รวมทั้ง Kairo ที่บอกเล่าเรื่องราวผีที่เชื่อมต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์ที่ทางเดียวจะรอดต้องปิดกั่นทุกสิ่งแล้วหนีไปจากเทคโนโลยีเท่านั้น
แม้ว่า จูออนจะใช้บ้านเป็นเหมือนสื่อกลางในการส่งต่อคำสาปต่อไปเหมือนไวรัส แต่หนังเรื่องนี้ก็ใช้โทรศัพท์ในการเชื่อมต่อกันและกันของเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นภาคแรกที่คายาโกะใช้มือถือในไล่ล่าเหยื่อในครอบครัวหนึ่ง หรือ ในภาค Origin ที่ที่เหยื่อรายหนึ่งถูกฆ่าแล้วยัดโทรศัพท์ไว้ในท้องอย่างน่าสยดสยอง
ไม่พอ โทรศัพท์ยังเป็นอุปกรณ์ในการสังหารทั้งแม่ของคิโยมิ หรือ กระทั่งลูกชายของเธอก็ถูกทำร้ายด้วยโทรศัพท์เหมือนกัน
จุดประสงค์ของโทรศัพท์คือการติดต่อสื่อสารของคนที่อยู่ห่างไกลได้พูดคุยกันและกัน เป็นตัวเชื่อมของสิ่งที่สานสัมพันธ์เอาไว้ผ่านสายโทรศัพท์ ขณะเดียวกันสายโทรศัพท์ที่ยึดโยง ม้วนวีดีโอ และ มือถือ ก็เป็นเหมือนบ่วงกรรมที่ผูกติดผู้คนเอาไว้
เหมือนคิโยมิกับแม่ของเธอที่สุดท้ายแล้วกรรมมันก็ตกทอดต่อกันและกันราวกับสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันเอาไว้
บ้านหลังนี้ก็เช่นกัน
หากมันเป็นเรื่องของเวรกรรม มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผู้คนจะพากันมาตายที่นี่
แม้จะตัดสายไปแล้ว สายสัมพันธ์และเวรกรรมก็ไม่อาจจะหลุดพ้นไปได้
คำสาป เวรกรรม บางครั้งก็คล้ายกัน
- บทสรุปสุดท้าย
บทสรุปของซีรีย์นี้จบลงในปี 1998 หลังการฆาตกรรมครอบครัวสุดท้ายได้จบลง ยาซูโอะ นักเขียนเรื่องสยองขวัญตีพิมพ์เรื่องบ้านหลังนี้ และ ไขข้อข้องใจในเรื่องอดีตของเขาที่หลงลืมเมื่อครั้งอดีต และ คำตอบว่า ทำไมเขาถึงหลงใหลและวนเวียนอยู่กับเรื่องราวพวกนี้ เขาบอกกับตำรวจหนุ่มว่า เขาต้องทำหน้าที่เผยแพร่เรื่องของบ้านหลังนี้ออกไป นี่คือ เหตุผลที่เขายังไม่ตายจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ขณะที่ตำรวจหนุ่มเองก็รู้ดีว่า ตัวเองอาจจะติดกับคำสาปของบ้านหลังนี้และตัดสินใจถอยออกไป เขารู้ดีว่า เขาอาจจะเจอคำสาปแล้ว ซึ่งต่างจากนายหน้าขายบ้านอีกคนที่ยังรอดชีวิต เนื่องจากบ้านมันต้องการให้เขาหาเหยื่อมาให้จนถึงปัจจุบัน
เรารู้ดีกันว่า ทุกอย่างมันยังไม่จบ
วิญญาณไม่ได้หายไป
พวกมันแค่หลบเงียบอยู่ในมุมมืดและรอวันเวลาที่จะมีใครจะเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้อีก
เมื่อสิ่งพร้อม
คำสาปมรณะจะบังเกิดอีกครั้ง
ข้อมูลการเขียน
หนังสือ คิโยชิ คุโรซาวะ หนังผี ไซไฟ และ เมืองใหญ่ชื่อโตเกียว : วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา
หนังสือ ซึเนมารุ เรือโดยสารชื่อภาพยนตร์ : อนุสรณ์ ติปยานนท์
เว็บไซต์ Imdb , Wikipedia และ Asia Wiki